Thai Progressive Rock Community

- Camel
- Mirage
- The Snow Goose
- Moonmadness
- Breathless
- Raindances
- I Can See Your House From Here
- Nude
- Stationary Traveller
- Others (โปรดระบุ)
 
จะตอบมากกว่าหนึ่งข้อก็ได้นะครับ, ควรระบุเหตุผลที่คิดว่าเยี่ยมและคำวิจารณ์สั้น ๆ เกี่ยวกับอัลบั้มนั้นด้วยก็จะดีครับ

์Nude  หลากหลายลีลาและอารมณ์ ลื่นไหนต่อเนื่อง ไพเราะประทับใจ ปกเท่ห์มีดีไซน์ ชุดนี้ ผม๙ื้อทั้ง เทปผี เทปลิขสิทธิ์ แผ่นเสียง cd ( พอละดีกว่า ซื้ออย่างอื่นมั่ง .. )   :D

Camel ผมว่าเพราะทุกชุดนะครับ ยังเลือกไม่ถูกๆ

ผมคิดว่างานของวงนี้ดีทุกชุดนะครับ ยกเว้นชุด Single Factor ที่ออกจะหลุดๆไปหน่อย

ผมชอบnude อ่ะ มันฟังแล้วล่องลอยดี

Nude กับ Dust and Dreams ครับ

ไม่มีใครชอบอัลบั้มสุดโด่งดังอย่าง The Snow Goose เลยเหรอครับ ?

อันนี้ของตายครับ สุดยอดอยู่แล้ว ไม่ต้องสาธยายอะไรมาก  ;D

เมื่อคืนได้รื้ออัลบั้มแสดงสดชุด Pressure Points มาฟัง ได้บรรยากาศดีมาก จึงขอถามคุณ panyarak และเพื่อน ๆ ว่าผลงานชุดนี้มีออกมาเป็น DVD บ้างหรือเปล่าครับ?

ออกเป็น DVD โดยเปลี่ยนชื่อและปกใหม่ ชื่อใหม่คือ Total Pressure ภาพชัดกว่าวีดีโอ และเพลงเยอะกว่าครับ

ปก Total pressure ไม่สวยเลยครับ แต่ดีวีดี ถูกใจมาก

ขอบคุณครับ

ดูจากเครดิตนักดนตรีร่วมงานในชุดนี้แล้ว เห็นบางคนเคยมีชื่ออยู่ในผลงานของ The Alan Parsons Project ด้วย อย่างเช่น Chris Rainbow ส่วนมือคีย์บอร์ดนำ Ton Scherpenzeel นี้เคยอยู่วง Kayak ใช่หรือเปล่าครับ (ถ้าผมจำไม่ผิด)?

ยังไม่ได้ดู DVD อยากถามว่า ใช่ Ton Scherpenzeel หรือเปล่าครับ ที่เล่นโซโลคีย์บอร์ดได้เด้ดดวงมาก ในเพลง west berlin และ fingertrips

ใช่ครับ

ใช่ครับ

ผมครับ อัลบั๊มชุดนี้เป็นอัลบั๊มบรรเลงล้วนที่ทำออกมาได้ไพเราะเสนาะหูมาก แต่ผมจำไม่ได้แล้วว่าเค้าได้อิทธิพลมาจากวรรณกรรมของใคร ที่จำได้แม่นเลยคือเสียง Flute ของ Andy Latimer ในเพลง Rhayader Goes To Town "ตื้อ ตืด ตื๊ด ตืดตืด ตืด ตืดๆ ดีด ตืดดืด ตืดดืดๆ" พอจำได้ลางๆมั๊ยครับ (เขินจัง)  :)

วันหยุดนี้ลองกลับไปขุดขึ้นมาฟังแล้วมาวิจัยลงในกระทู้นี้ดีกว่า  ;D

ผมก็ชอบนะครับ เพียงแต่ชอบรองจาก Nude น่ะครับ เพราะมันโดนแบบตลอดทั้งชุด แต่ไม่แรงถึงใจเป็นช่วงๆเหมือน Nude อ่ะครับ

ได้ฟัง live record แผ่นคู่ของ camel แล้วครับ พลัง ความต่อเนื่อง กลมกล่อม สู้ pressure point ไม่ได้อย่างที่พี่ panyarak กล่าวไว้จริงๆครับ ปกก็ดูเป็น electronic music ไปเลย

ยังไม่ได้ฟัง Pressure Points แต่เคยฟัง A Live Record แล้วชอบมากครับ / แล้วไม่ทราบว่า Pressure Points บันทึกเสียงมาดีรึเปล่าครับ? เผื่อจะได้เป็นตัวเลือกในการซื้อ Japanese Mini-LP ที่เพิ่งออกไปเมื่อปลายปี  :)

เท่าที่ได้ฟังจากแหล่งเสียงระดับเดียวกัน ผมว่าดีกว่า a live record นะครับ ชุดนี้น่าจะเป็นอีกชุดในระดับหัวแถวของวงครับ

ผมว่า Pressure Points เสียงดีกว่า แต่ชุดนี้ถูกข้าม ยังไม่ได้ออกเป็น mini lp cd ครับ

ข้อแตกต่างระหว่างชุดแสดงสด A LIVE RECORD และ PRESSURE POINTS

ชุด ไลฟเร็คอร์ด ออกแนว ซิมโฟนิก ร็อค ครับ โดยมีวง ลอนดอน ซิมโฟนี่ ออร์เครสตร้า หนุนหลังให้
ดังนั้นโทนเสียงจะผู้ดี ละเมียดละมัยกว่า การด้น(อิมโพรไวส์) จะไม่นอกลู่นอกทางมากนัก -คือ"สตรัคเจอร์" มากกว่า "ฟิลลิ่ง" ครับ
การอัดเสียง จัดว่าดีมาก (แต่ยังสู้ของโปรโค ฮาลั่ม ไม่ได้)

ส่วน เปรสเชอร์ พ้อยท์ ผมว่าออกไปทางนิวเอจนะคัฟ คือฟังแล้วหลับง่ะ :P
คือคีย์บอร์ด มันลอยๆล่องๆ ไม่ค่อยมี"สาระ"เท่าไหร่
เป็นไปได้ไหมที่ไม่มี ปีเตอร์ บาร์เด้นส์ คีย์บอร์ดรุ่นก่อตั้ง ทำให้เล่นประคองมาก จนซาวด์ไปเด่นที่ ลาติเมอร์ เยอะเกินไป
ลองวิวาทะจารณ์กันดูคัฟ ผมอาจจะผิดก็ได้แหงๆ

สรุป ถ้าจะเก็บ"คาเม็ล" ก็ควรเก็บทุกชุด
แต่ถ้าบังคับให้เอาแผ่นเดียว
ผมเก็บตังค์ไปซัดกับLos Canarios รึ Ivory ที่ท่านปีศาจกับท่านปัญญารักษ์ แนะนำดีก่าคัฟ

เนื่องจาก Pressure Points เป็นอัลบั้มบันทึกการแสดงสดของทีมไลน์อัพใหม่ของ Camel ในช่วงปี 80 ดังนั้นกลิ่นอายดนตรียุค 80 จึงมีให้ได้ยินทั้งอัลบั้ม ยกตัวอย่างง่าย ๆ คือคีย์บอร์ด ซึ่งผมเห็นว่าคีย์บอร์ดที่เล่นในชุด Pressure Points นี้ ไม่ใช่ vintage keyboards เหมือนอย่างที่ Pete Bardens เคยนิยมเล่นเมื่ออยู่กับ Camel ก่อนปี 80 (เช่น organ, minimoog) ถ้าจำไม่ผิด ใน Pressure Points มีมือคีย์บอร์ดถึงสามคน และโดยมากจะใช้ digital และ sampling keyboards เล่นเสียเป็นส่วนใหญ่ อย่างในเพลง West Berlin นี่ เสียงโซโลคีย์บอร์ดของ Ton Scherpenzeel นั้นน่าจะเป็นเสียงของ Fairlight ซึ่งเป็นซินธ์ที่นิยมใช้กันมากสำหรับดนตรีในยุค 80 ครับ ส่วนสไตล์การเล่นคีย์บอร์ดของ Bardens นั้น ของแกสุดคลาสสิกอยู่แล้ว และเป็นเอกลักษณ์ของ Camel ในยุคเซเว่นตี้ส์อีกด้วย เพราะแกนิยมใช้ Hammond และ minimoog เป็นหลักครับ

ครับ a live record ฟังดูเนิบๆอ่ะครับ ไม่กระฉับกระเฉงเท่าไหร่ ตรงข้ามกับรูปบนปก

ส่วนตัวผมชอบ ทั้ง Live Record  และ Pressure Points  แต่ถ้าเป็น Studio Album ชอบหลายชุด เช่น  Mirage / Moonmadness / Snow Goose / Nude

Nude / Moonmadness / The Snow Goose

แกเล่นโซโล ในชุดนี้ได้เยี่ยมมากๆเลย

สำหรับอัลบั้มที่น่าเก็บที่สุด ถ้าเอาแค่อัลบั้มเดียว น่าจะเป็นชุด Snoow Goose

Pressure Points เป็นอัลบั้มแสดงสดอีกชุดหนึ่งที่สมควรจะออกเป็นแผ่นคู่ เพราะเมื่อออกมาเป็นแผ่นเดี่ยวอย่างนี้แล้ว ทุกครั้งที่ฟังจบแผ่นยังไม่ค่อยรู้สึกอิ่มเอมหรือจุใจเท่าที่ควรเลยครับ คิดว่าน่าจะมีต่ออีก แสดงว่าถ้าอยากฟังเพลงเพิ่มในงานชุดนี้ก็ต้องหาซื้อ DVD มาดูแล้วล่ะครับ

ผมว่าอัลบั้มอย่าง Stationary Traveller และ Dust and Dream ก็เพราะดีนะครับ โดยเฉพาะชุดหลังที่ดนตรีให้บรรยากาศดีเหลือเกิน Andy Latimer ลีดกีตาร์ได้บาดใจมากๆครับ

 เพลงในชุด Stationary Traveller ก็คือเพลงที่นำมาเล่นในชุด Pressure Points ที่ท่านทั้งหลายชื่นชอบนั่นเอง
  ส่วนชุด Dust and Dream ก็ดีมากอีกชุด
   ผมชอบ Camel อยู่แล้ว ก็อยากเก็บทุกชุดครับ

น่าเก็บทุกชุดครับ ( ขอย้ำว่าน่าเก็บทุกชุด )

ฟังไปฟังมาผมกลับชอบชุด I Can Your House From Here น้อยกว่า The Single factor อีกแฮะ  :P

รู้สึกเหมือนเคยเอามีคนเอาเสียงธีมของSnow Goose ไปใช้เปิดรายการวิทยุด้วยครับ
เมื่อนานมาแล้ว

โดยส่วนตัว ผมเองก็ฟัง The Single Factor บ่อยกว่า I Can See Your House From Here เสียอีก ผมว่าหลายเพลงใน The Single Factor ก็ไพเราะดีนะครับ

เมื่อเร็วๆนี้ มีโอกาสฟังผลงานชุดหลังๆของ Camel โดยเฉพาะชุด Rajaz และชุด A Nod And A Wink ชอบมากทั้งสองชุดครับ ความรู้สึกเหมือนฟังชุด Division Bell ของวง Pink Floyd ครับ

+ 1 ครับ ทั้ง 2 ชุดทำออกมาได้ดีเหมือนงานเก่าๆเลยครับ

เสียดาย Andy ไม่น่าป่วยเลย เอาใจช่วยให้แกหายเร็วๆ

สองชุดนี้เพราะมากครับ เสียงลีดกีตาร์ของ Andy Latimer เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ หวานกรีดหัวใจมากครับ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงเป็นมือกีตาร์ที่ผมชื่นชอบที่สุดตลอดกาล

เพราะๆ งามๆ เหมือนนั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นดีครับ

ได้ฟังหลายอัลบั้มของ Camel อยู่นะครับ คือวง Progressive สมัยก่อน มันจะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง กล่าวคือ พอฟังปุ๊บ ก็รู้เลยว่าเป็นวงไหน

มันจะออกมาในโทนเดียวกัน แต่ก็เลือก The Snow Goose โดยส่วนตัวแล้ว ถ้าโดนบังคับให้เลือกก็ชอบอัลบั้มนี้ที่สุดครับ  ;D

ฟังตั้งแต่สมัยยังเป็น Tape อยู่เลย ^^!

(http://upload.meemodel.com/UploadedFiles/57/67psz1241345894924658.JPG) (http://upload.meemodel.com/file.php?file=57/67psz1241345894924658.JPG)

เทปสีดำสวยดีครับ

กลายเป็นของคลาสสิคไปแล้ว สมัยก่อนนี่พอมีเทปใสออกมา เทปสีดำเชยไปเลย  :D

ของผมแปลกนิดนึง คือแน่นอนว่า มีชุดห่านหิมะขาว กะชุดเปลือย ละที่แน่นอนของตายสำหรับแฟนวงนี้
แต่อีกชุดที่ผมชอบมากกลับเป็น Breathless นะไม่มีใครโวตให้เลย อื่ม ระบำฝน  ก็เป้นอีกชุดที่โวตให้ ชอบนะ
นอกนั้นชุดที่เหลือจัดว่าดีในขั้นใช่ได้หมดทุกชุดครับ

เพลงที่ทำให้ผมชอบ และ เป็นเพลงแรกที่ฟังคือเพลง Mystic Queen เพลงที่สอง Never Let Go จนทำให้ผมเป็นแฟนวงนี้ไปแล้วสำหรับตอนนี้ แต่ถ้าให้บอกว่าชอบอัลบั๊มไหนที่สุด ขอเลือกอัลบั๊ม Camel เพราะเพลงที่ผมชอบที่สุดอยู่ในชุดนี้ คือสองเพลงแรกที่ผมฟังนั่นแหละครับ ฯ

แต่ถ้าบรรยากาศเศร้าๆก็ต้องอัลบั๊ม Harbour Of Tears...ฯ

Dust and Dreams กับ Stationary Traveller ก็เหงาเศร้าไม่แพ้กันนะครับ องค์ประกอบสำคัญที่ช่วยสรรสร้างซาวนด์อันแสนเศร้าก็น่าจะเป็นลีดกีตาร์ของ Andy Latimer นี่แหละ  :D

สำหรับ Camel แล้ว 
The Snow Goose เป็นชุดที่ผมชอบน้อยกว่าขุดอื่นเลยครับ.. :D

เพลงเปิดอย่าง Irish Air สุดยอดมากๆ

ชุดนี้ชอบเพลง Under the Moon ครับ แอนดี้โซโล่กีตาร์ได้เสียดแทงหัวใจจริงๆ เสียดายที่เพลงมันยาวแค่นาทีเดียวเอง

เจอคนไม่ชอบ ห่านหิมะขาวคนนึงและ เพิ่งเป้นคนแรกที่ผมเจอนะเนี่ย นานาจิตตังครับ ในความรู้สึกผม วงนี้ฟังไปฟังมากลับฟังได้ยาวนานผ่านกาลเวลาได้มากกว่า วงที่ดังๆกว่าอย่างฟิงค์ฟลอยด์ หรือ อีแอลพี่ และอีกหลายๆวงนะ คิงคลิมสั้นด้วยอะ อาจจะเป้นเพราะวัยด้วยมั้ง ฟังตอนเด็ก วงอูฐ จะนุ่มนิ่มไปหน่อย เหมือนๆกันทุกชุด พออายุมากขึ้นกลับกลับถูกหยิบมาฟังบ่อยกว่า วงที่กล่าวๆมาแล้ว

ได้ฟังเสียงนำใน Nude อีกครั้งเป็นเสียงของ Colin Bass นี่เอง ช่วยแนะนำงานของเขาหน่อยครับ  :)

ผมนึกอยู่ในใจว่าทำไมโทนสีและรูปภาพบนปก มันดูเอเชียๆยังไงบอกไม่ถูก พอได้ยินคำเฉลยจากปากสมาชิกวง ก็ให้คลายข้องใจ คือเขาพูดถึงทหารญี่ปุ่น ( คนหนึ่ง ? ) ที่หนีกลับมาจากสงครามในทะเลแปซิฟิคเพราะความเคว้งคว้าง ไม่เข้าใจในแก่นสารของสงครามที่ดำเนินอยู่ ( แปลถูกไหมหว่า  :D  )

เขามีผลงานเดี่ยวออกมาหลายชุดเหมือนกัน แต่เคยฟังแค่ 2 ชุด บางชุดก็มีนักดนตรีพวก World Music มาร่วมงานด้วย ผู้ที่ชอบผลงานของ Camel น่าจะรับงานเดี่ยวของเขาได้ไม่ยากนะครับ

(http://i709.photobucket.com/albums/ww97/tanbeemkarn/cb.jpg) (http://i709.photobucket.com/albums/ww97/tanbeemkarn/cb2.jpg)

ถึงจะไม่ค่อยโดดเด่น แต่เพลงก็นุ่มๆ ฟังสบายดีครับ แนะนำชุด An Outcast of the Islands ครับผม

ได้ฟังแล้ว ไพเราะดีครับ  :D

โดยส่วนตัวแล้วชอบอัลบั้มชุด The Snow Goose (1975) กับ A Live Record (1978) มากที่สุด

ปกติแล้วผมชอบฟังเพลงพวกเวอร์ชั่นแสดงสดอยู่แล้วครับ ก็เลยชอบอัลบั้มคู่ชุดหลังแบบประทับใจเลยทีเดียวแหละครับ.

เพิ่งหยิบ Total Pressure มาดูตั้งแต่ต้นจบจบ Pete Bardens ได้รับเชิญมาเล่นตอนเพลงท้ายๆ ด้วยครับ เสียงคีย์บอร์ดต่างกันราวฟ้ากับดินทีเดียว มีผู้ใดอยากดู Total Pressure กรุณาลงชื่อไว้ด้วยครับ จะได้อัดไปแจกในมีตติ้ง

ผมอยากทราบว่า Total Pressure DVD ยาวกว่าเวอร์ชั่นใน LD หรือเปล่าครับ ? ผมมีอย่างหลังเก็บสะสมไว้

อ้อ...แล้วก็...ผมมี 2 CD-R's ของคณะ Elf สมัย Ronald Pavadona  ;D ร้องนำ ก็อปมาให้คุณ Panyarak ฟังด้วย ในวันงานจะนำไปให้
พวกเค้าเล่นแต่เพลง cover ทั้งนั้น   :)

ขอบคุณครับ Total Pressure DVD ยาวกว่า Pressure Points LD หลายเพลงครับ ภาพชัดกว่า แต่ไม่ชัดแจ๋วเหมือน DVD ปัจจุบัน จะอัดไปให้คุณ Pong ด้วย รวมทั้งแผ่นปริศนา

ผมขอหนึ่งชุด ขอบคุณล่วงหน้าเป็นอย่างสูงครับ

ผมขอด้วยคนครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

แบ่งงานมาให้ผมช่วยมั่งฮิ ;)

เหมือนกันเลย แทบจะไม่ฟังเลยครับ ฯ

Camel ถ้าทำ mini lp ออกมาก็เก็บหมดเพราะอยากได้ Box รวมถึงผลงานของสมาชิกในวงด้วยที่ต้องตามเก็บให้ครบ

Stationary traveller

Snow goose

Nude

Dust and dream


แผ่น DVD concert มีขายที่ไหนเหรอครับ  ผมมีแต่วีดีโอ

amazon, hmv, ebay ...

ผมได้ดูวิดีโอ Total Pressure จากความเอื้อเฟื้อของคุณ panyarak เรียบร้อยแล้ว และมีความเห็นดังนี้ครับ
- เมื่อดูบันทึกการแสดงสดชุดนี้แล้ว ยิ่งตอกย้ำว่าอัลบั้มแสดงสดชุด Pressure Points สมควรทำออกมาเป็นอัลบั้มคู่หรือ triple album เป็นอย่างยิ่ง (น่าเสียดายที่เป็นแผ่นเดี่ยว)
- Andy Latimer เล่นและร้องได้เหมือน David Gilmour มาก
- แม้นักดนตรีจะเหลือ Andy Latimer คนเดียวที่เป็นสมาชิกดั้งเดิม แต่ทุกคนยังฟอร์มสดและเล่นได้ดีมาก ผมชอบฝีมือการเล่นกลองอันรวดเร็วและหนักแน่นของ Paul Burgess (ซึ่งตีกลองเหมือนไม่รู้จักเหนื่อย), คีย์บอร์ดนำโดย Ton Scherpenzeel ก็ไม่เลว (การแสดงสดครั้งนี้มีมือคีย์บอร์ดสามคน), ฝีมือโซโล fretless bass ของ Colin Bass ก็ยอดเยี่ยม
- เพลง Drafted ซึ่งร้องนำโดย Chris Rainbow ผมว่าดีกว่าสติวดิโอเวอร์ชั่นที่ร้องนำโดย Latimer เสียอีก ผมฟังเพลงนี้มาตั้งแต่ Pressure Points ฟังทีไรขนลุกทุกทีเลยครับ

ขอบคุณพี่ panyarak อีกครั้ง

เพิ่งรู้ว่า โซโลท่อนกลางเพลงและตอนท้ายของเพลง West Berlin เป็นการโซโลโดยใช้กีตาร์ ไม่ใชคีย์บอร์ด
เข้าใจว่าผ่าน effect อะไรซักอย่างที่ทำให้เสียงออกมาคล้ายคีย์บอร์ดมากๆ

+1 ครับ ตอนแรกผมก็คิดว่าเป็นเสียงคีย์บอร์ด แต่ที่ไหนได้ กลับเป็นเสียงโซโลกีตาร์ของ Latimer เฉยเลย เสียงเหมือนจะพ่วงผ่านเครื่องอิเล็กทรอนิกส์บางอย่าง (ไม่แน่ในว่าจะเป็น Fairlights หรือเปล่า) ซึ่งให้เสียงออกมาคล้ายช่วงท้ายของเพลง Crises ของ Mike Oldfield มาก

+1 ครับ เคยคิดว่าเป็นเสียงคีย์บอร์ดอยู่นานเหมือนกันครับ เพิ่งมากระจ่างก็ตอนดู Total Pressure นี่เอง

เรียนถามคุณ panyarak หน่อยครับ ที่ว่าเสียงคีย์บอร์ดต่างกันราวฟ้ากับดินนั้นหมายความว่าอย่างไรครับ? คือผมเห็น Pete Bardens ออกมาร่ายนิ้วบนแป้นออร์แกนด้วยความคล่องแคล่วในเพลง Rhayader โดยไม่ต้องดูโน้ตแล้วก็รู้สึกสนุกดีครับ ขาดอยู่นิดเดียวที่กล้องไม่ถ่ายหน้า Pete Bardens ตรง ๆ แต่ถ่ายให้เห็นแค่ด้านข้างค่อนไปทางด้านหลังเท่านั้น ก็เลยไม่เห็นหน้า Bardens ชัดเจนเท่าไร เสียดายจังที่ตอนนี้แกเสียชีวิตไปเสียแล้ว

คือผมชอบเสียง vintage keyboard แบบที่ Pete Bardens ถนัดมากกว่าเสียงจากพวกคีย์บอร์ดสมัยใหม่ครับ ช่วงค่อนการแสดง เสียงคีย์บอร์ดมันฟังดูสมัยใหม่มาก แต่พอ Pete Bardens ขึ้นเวทีเท่านั้น บรรยากาศมันเปลี่ยนไปเลยครับ

+1 ครับ ผมเองก็คิดว่าเสียงคีย์บอร์ดทั้งหมดใน Total Pressure นี่มันโมเดิร์นไปหน่อย (เข้ายุค 80 แล้ว) เอาแค่เพลง Rhayader เพลงเดียวที่ Pete Bardens เล่นในชุด Snow Goose แล้ว ผมชอบเสียงอันอบอุ่นของ vintage keyboard ในชุด Snow Goose มากกว่าครับ

เมื่อคืนผมได้ดู Total Pressure อีกรอบ เพิ่งทราบว่ามีเพลงแถมอีกสามเพลงอยู่ในภาค Added Pressure ด้วย นับไปนับมาแล้ว เพลงทั้งหมดนี้สามารถนำมาออกใน Pressure Points เป็น triple album เหมือน Yessongs ได้สบายเลย น่าเสียดายที่เป็นแค่อัลบั้มเดี่ยวครับ

จริงๆแล้วมีบูทเลกชุด In The Arms Of Waltzing Frauleins ที่มีเพลงเกือบครบเซ็ตลิสต์ แถมคุณภาพเสียงก็ค่อนข้างดีทีเดียว (เข้าใจว่าเป็น Soundboard Recording) โดยรายชื่อเพลงในอัลบั้มมีดังต่อไปนี้

1. In The Arms Of Waltzing Frauleins (Intro)   
2. Pressure Points   
3. Refugee   
4. Vopo's   
5. Stationary Traveller   
6. West Berlin   
7. Fingertips   
8. Sasquatch   
9. Wait   
10. Cloak And Dagger Man
11. Long Goodbyes   
12. A.. Rhayader B. Rhayader Goes To Town   
13. Lady Fantasy   
14. In The Arms Of Waltzing Frauleins   (Outro)
   

เพิ่งเห็นซีดีรีมาสเตอร์ชุด Pressure Points ที่ออกใหม่ เป็นแผ่นคู่ด้วยครับ

Track Listing: CD 1: Pressure Points / Drafted / Captured / Lies / Refugee / Vopos / Stationary Traveller / West Berlin / Fingertips / CD 2: Sasquatch / Wait / Cloak And Dagger Man / Long Goodbyes / Rhayader / Rhayader Goes To Town / Lady Fantasy

The subsequent tour to promote the album was equally memorable and was captured by Decca at Hammersmith Odeon on 11th May 1984 and released as the album “Pressure Points” later that year. The concert saw CAMEL joined by former member PETER BARDENS for certain songs during the set, including a rousing version of “Lady Fantasy”, not featured on the original album. Long unavailable on CD, this newly re-mastered Esoteric Recordings reissue has been expanded to a 2CD set to include songs not featured on the original album.

เมื่อคืนเปิด Total Pressure ที่พี่ตั๊มกรุณาให้มาไปช่วงหนึ่ง พบว่าวีดีโอประกอบตอนหัวคอนเสิร์ต ที่มีภาพหญิงสาวลางๆเหมือนในฝัน และภาพวางเข็มลงบนเครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบโบราณ พร้อมเพลงบรรเลงประกอบ ถูกตัดออกไป น่าเสียดายจังครับ  :)

Camel ถือเป็นวง prog วงหนึ่งที่รักษามาตรฐานและคุณภาพดนตรีไว้ค่อนข้างดี แต่ทำไมแฟน ๆ และนักวิจารณ์หลายคนพากันไม่ชอบผลงานตั้งแต่ชุด I Can See Your House from Here เป็นต้นไปล่ะครับ (ยกเว้น Nude)? ทั้ง ๆ ที่ผมเห็นว่าอาจจะสู้ผลงานก่อนหน้านี้ในยุค 70 ไม่ได้ แต่ก็ยังไม่ถึงกับเลวร้าย คือยังมีความละเมียดละไมและน่าฟังอยู่

หมายถึงภาพที่ปรากฏใน Pressure Points หรือครับ

ใช่ครับพี่  :)

เป็นความตั้งใจของ Andy Latimer ที่ต้องการให้ Total Pressure มีความแตกต่าง โดยโชว์ภาพนักดนตรีล้วนๆ ในขณะที่ Pressure Points จะมีการตัดภาพอื่นเข้ามาแทรก โดยค่าย Camel Productions ยังคงขายดีวีดีทั้ง 2 ชุดอยู่ แล้วแต่ใครจะชอบแบบไหนครับ

แต่คุณภาพของภาพไม่ต่างกัน และไม่ดีขึ้นแต่เดิมมากนักใช่ไหมครับพี่ มีเรื่องของเสียงที่ฟังดูชัดเจน สดใสขึ้นบ้างกว่าสมัย VHS น่ะครับ  :)

หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นความชาญฉลาดทางการค้า ( หัวการค้า ) ของ Andy ให้แฟนๆ ซื้อไปทั้งสองแบบเลยนะครับ  :D

คุณภาพของภาพจาก Total Pressure จะชัดกว่า Pressure Points เล็กน้อยซึ่งสังเกตได้ครับ

ยิ่งนานวัน
ผมขอเทใจให้ชุดนี้ครับ (ถ้าให้เลือก 1 เดียว)

(http://i345.photobucket.com/albums/p371/turn_back/indexphpactiondlattachtopic5317.jpg)
Camel : A Live Record
อัลบั้มคู่แสดงสด ที่อัดเสียงกับวงดุริยางค์ออเครสตร้า
ยิ่งฟัง ยิ่งชอบขึ้นเรื่อยๆครับ
แบบที่โบราณว่า "งามพิศ"

ช่วงนี้ก็กลับมาบ้าแต่ Camel ครับ ถอยกลับมาฟังเกือยทั้งเดือนอยู่วงนี้วงเดียว เป็นวงที่พอนานวันเข้ากลับฟังได้เรื่อยๆมากกว่าทุกวงอีก ทั้งๆที่ตอนเด็กๆก็โอเค แต่ไม่ถึงกะคลั่งไคล้มากนัก ตอนนั้นจะมองว่า งานส่วนมากอ่อนไปนิดนึงน่าจะบิดโวลุ่มให้งานมีอะไรมากกว่านั้นอีกนิด แต่พอนานวันเข้า หรือเรียกว่าแก่ตัวลงนั้นเอง กลับฟังแล้วเออน้อยๆแบบนี้ฟังตอนนี้กำลังพอดีๆ และเป็นวงเพื่อนยากที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงแฟนพันธ์แท้ วงนี้นับเป็นคนที่โชคดี เพราะงานออกมาแต่ละชุดกลิ้นรสมาตราฐานดนตรีเชื่อขนนกินได้ว่าไม่ขี้เหล่แน่นอน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีแล้วก็ตาม
   ล่าสุดหลังจาก A not and a wink ปี 2002 ก็เคยอ่านเจอว่าแอนดี้ เตรียมงานใหม่มาตั้งแต่ 2006 แต่แกป่วยไปซะก่อนงานเลยไม่คืบหน้า ก็หวังว่าจะหายโดยเร็วกลับมาทำเพลงละเมียดละมัย ให้แฟนๆได้เสพกันต่อไป

   Quote เก่าไปนิดนะครับ ขออภัยแต่เพิ่งกลัมาอ่านกระทู้นี้เลยขอเพิ่มเติมหน่อย Nude เป้นคอนเสพอัลบั้มที่มาจากเรื่องจริงที่แสนจะหลุดโลก แต่ก็เกิดขึ้นมาแล้วจริงๆ ใครทราบอยู่แล้วก็ขอบันทึกไว้ตรงนี้อีกนิดแล้วกันนะครับ
    เรื่องของเรื่องคือมีนายทหารร้อยโทญี่ปุ่นชื่อ ฮิโรโอะ โอโนดะ ถูกส่งไปประจำการที่เกาะลูบังอินโดนิเซียในปี 1944 ตอนนั้นเป็นช่วงปลายสงครามโลก พอปี 1945 แกกับลุกน้องอีกสามคนถูกนายแกสั่งให้ไปทำการลาดตระเวณในป่าลึกในเกาะคงไปลาดตระเวนอะไรประมาณนั้น แกก็ออกไปตามคำสั่ง แต่พอดีช่วงที่แกหายไปปฎิบัติงาน ญี่ปุ่นเจอระเบิดนิวเครียสงครามสงบพอดีครับ พอแกปฎิบัติหน้าที่ลาดตระเวณเสร็จกลับมา แกก็ไม่เจอใครที่ฐานแกแล้วสิแล้วสิครับแกก็คิดว่าคงโดนข้าศึกตีถอยล่นไปแน่แกก็เลยนำลุกน้องหลบเข้าไปป่าไป โดยที่ไม่รู้ว่าสงครามโลกสงบลงไปแล้ว แกกะลุกน้องอยู่ไปเรื่อยๆครับ คงมีออกมาดูลาดเลาบ่าง แอบกลับไปอยู่ถ้ำบ่าง ยิงกะชาวบ้านที่เข้าป่าไปเรื่อยเพราะคิดว่าเป็นศัตรู จนกลายเป็นเหมือนตำนานผีในป่าของชาวบ้านแถวนั้นไป
    เวลาผ่านไปเช่นนั้นนานมากขึ้นๆ ที่แกหลบซ่อนกองกำลังของแกสี่คน ซุ่มโจมดี ที่จริงคือโขมยอาหารชาวบ้านมากกว่า เพราะตอนนี้ศัตรูที่แกเข้าใจก็คือชวาบ้านที่กลับมาอยู่กันปรกติแล้ว โดยที่แกคิดว่าสงครามยังดำเนินอยู่ จนทางการเอาเครื่องบินมาโปรยใบปลิวในป่าให้แกอ่านว่าสงครามสงบแล้วนะใครที่หลบๆอยู่นะออกมาเถอะ ที่จริงคนโปรยก็ไม่รู้เหมือนกันว่าโปรยให้ใครแต่คงมีซักคนละนะที่อยู่ในป่านี้แน่นอน แกเห็นใบปลิว แกก็ไม่เชื่อคิดว่าเป็นแผนของศัตรู โปรยใบปลิวแบบนี้อยู่หลายปีตั้งแต่ปี 1952 -1957 ก็ไม่มีผล จนเอาคำประกาศยอมแพ้ขององค์จักรพรรดิ์ ติดไปทั่วป่า แกก็ไม่เชื่ออีกคิดว่าเป็นของปลอม เวลาผ่านไปลุกน้องแกตายไปทีละคนเพราะป่วยบ่าง บาดเจ็บจากการยิงกะชาวบ้านบ่าง จนเหลือตัวแกอยู่คนเดียว แกก็ยังคิดว่าสงครามยังดำเนินต่อไปอยู่อย่างนั้น จนกระทั้งปี 1974 ไม่ผิดครับอ่านปีถูกต้องแล้ว ยี่สิบเก้าปีหลังสงครามโลก มีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นไปเจอแก คุยบอกความจริงกับแก แกก็ยังไม่เชื่อบอกว่าต้องให้นายทหารที่เป็นหัวหน้าแกมายืนยัน จนรัฐบาลต้องตามตัวนายพันที่ สั่งให้แกออกไปลาดตระเวนบินมาเกาะลูบัง สั่งให้แกยอมแพ้สงคราม และวางอาวุธซะ แถถึงยอมออกมา หลังจากคิดว่าสงครามยังดำเนินอยู่ถึง ยี่สิบเก้าปี และหลังจากที่แกถูกจำหน่ายว่าตายไปแล้วสิบห้าปี  ผมคิดว่า O the city light. ในเนื้อเพลงหมายถึง Onoda นี่แหละครับ
    นี่เป้นเรื่องนึงที่เกิดขึ้นจริงประหลาดยิ่งกว่านิยาย ที่จริงโอโนดะเป็นคนที่สองรองสุดท้ายในเคสแบบนี้ เพราะก่อนหน้าแกนึ่งปีก็มีเคสแบบนี้อยู่คนนึงที่เกาะกวม อันนี้เป็นพลทหารครับ หนักกว่าโอโนดะอีกเพราะแกขุดรูอยู่ในป่าอยู่คนเดียวโดดๆเลยนานถึงยี่สิบแปดปี จนมีคนไปเจอในปี1973 อีกเคสนึงเจอหลังโอโนดะสามเดือน ในเกาะที่ไต้หวัน แต่เคสของโอโนดะจะโด่งดังที่สุดและถูกมองในฐานะฮีโร่มากที่สุดเมื่อกลับประเทศ เลยเป้นเคสที่คนจดจำมากที่สุด คงมีแต่เลือดบูชิโดแบบญี่ปุ่นอันสุดโตกเท่านั้นที่จะหล่อหลอมคนจนสุดขั้วได้ขนาดนั้น อ่านเรื่องนี้ไปขำก็ขำไม่ออกครับ

ขอบคุณครับ ถ้ากลับไปฟังอีก คงมีความรู้สึกที่เข้าถึงมากขึ้นแน่นอนเลย  :D

+1  :D

เคยดูสารคดีว่ามีทหารญี่ปุ่นอยู่ติดอยู่ในเกาะหลังสงคราม แล้วฆ่าชาวบ้าน พึ่งได้มารู้แบบละเอียดๆครับ

เมื่อคืนได้หยิบดีวีดีชุด Total Pressure ขึ้นมาดูอีกครั้งด้วยความประทับใจ และสงสัยจังครับว่าไมค์ตัวที่สองซึ่ง Chris Rainbow ใช้ทำเสียงเอฟเฟคท์ประหลาด ๆ ในบางเพลงนั้นมันคืออะไร? ใช่ที่เขาเรียกกันว่า vocoder หรือเปล่าครับ? มีใครพอจะตอบได้บ้าง?

แอนดี้หายป่วยแล้ว  :)

Andrew Latimer of Camel returns w/ David Minasian
    Posted: December 28 2009 at 16:58

Recently there's been much concern over the health of Andy Latimer and the future of Camel. This wonderful man and incredibly talented musician is recovering well and even beginning to get back to work. I'm currently producing two projects with him - one is a DVD of Camel's Farewell Tour we recorded in Santa Cruz, California in 2003 and the other is my own album which Andy has graciously offered to play on, due out this spring.  For more info check out the blog at:

http://davidminasian.blogspot.com

Be sure to read the entry for Oct 26, 2009 which will give you some background. In addition, Andy has just announced that he may possibly be playing at the High Voltage Festival in London in July. Good news all around then for fans of this man whose music has contributed to so many lives.

David Minasian, Camel Video Producer

ดีใจและโล่งใจที่ Latimer หายป่วยครับ (อุตส่าห์แอบลุ้นอยู่ตั้งนานว่าจะเป็นไงบ้าง)

ผมชอบวลีข้างต้นนี้จังเลย "This wonderful man and incredibly talented musician" เพราะดูช่างเหมาะสมกับผู้ชายคนนี้จริง ๆ ครับ

+100 ครับ ผมว่า Andy Latimer เป็นทั้งนักแต่งเพลงและมือกีตาร์ฝีมือดีที่ถูก Underrated มากที่สุดคนนึงเลยทีเดียว

ฟังแล้ว ดีใจจังเลย

ตอนนี้มี  reissues  mini LP  กำลังเปิดให้จองอยู่ครับ ออกจริงเดือนเมษา

น่าสนใจมากๆ

ขอเรียนถามคุณ panyarak หน่อยครับ ในวิดีโอรวมแสดงสด Footage ของ Camel สำหรับคอนเสิร์ตปี 1997 ประมาณนี้ มือคีย์บอร์ดที่ไว้ผมทรงหางม้าที่เล่นอยู่ทางด้านซ้ายของเวทีนั้นคือใครครับ?

ตามประวัติของวง มือคีย์บอร์ดในปี 1997 คือ Foss Patterson ครับ ทราบแต่ว่า เขาเป็นมือคีย์บอร์ดรับจ้าง และมีผลงานส่วนใหญ่เป็นดนตรีประกอบรายการสารคดี และโฆษณา

ขอบคุณครับ คุณ panyarak มือคีย์บอร์ดคนนี้ ผมอยากทราบชื่อมานานแล้วครับ

คุณปีศาจเมาควัน หลงกระทู้เสียแล้ว  :D

เห็นท่าจะจริง เลยตอบผิดกระทู้ 555

ผมกลับไปดูดีวีดีนี้อีกครั้ง ปรากฎว่า มือคีย์บอร์ดที่คุณปีศาจฯ ว่า ไว้ผมทรงหางม้านั้น เป็นการแสดงสดในปี 1992 มือคีย์บอร์ดคือ Mickey Simmonds ซึ่งเป็นขาประจำของ Fish และ Renaissance ตอน Tuscany Tour ครับ ส่วนมื่อคีย์บอร์ดปี 1997 คือ Foss Patterson ดังที่ผมเคยแจ้งแล้วครับ

(http://i709.photobucket.com/albums/ww97/tanbeemkarn/mickey.jpg) Mickey Simmonds
(http://i709.photobucket.com/albums/ww97/tanbeemkarn/foss.jpg) Foss Patterson

สอบถามนิดนึงครับ (ถามใครดี ถามพี่ตั๊มกับพี่อาร์โนลด์ละกัน  ;D )

อยากทราบว่า Mini LP ของ Camel นี่ไม่มีแผ่นไหนเป็นแบบ Gimmick เลยใช่ไหมครับ ผมพยายามหารูปดูและเช็คใน minilps.net ก็ไม่มีรูปโชว์เลย พอดีมันกำลังจะ re-issue ก็เลยอยากจะซื้อชุดที่เป็น gimmick เก็บไว้น่ะครับ

ขอบคุณครับ ไม่ทราบว่า Mickey Simmonds คนนี้เป็นคนเดียวกันกับที่มีเครดิตปรากฏอยู่ในอัลบั้ม Islands ของ Mike Oldfield หรือเปล่าครับ?

ไม่มีเป็น gimmick แต่ชุด Snow Goose กับ Moonmadness ที่จะ reissue จะมีแผ่นแถมมาอีกแผ่น พร้อมปกแยกต่างหาก (แน่นอน เขาคิดราคาเพิ่ม) นอกจากนี้ กระดาษที่ใช้ทำปก Moonmadness เป็นกระดาษแบบ texture ไม่เรียบครับ

http://www.minilps.net/camel/moonmadness-uicy-94134

ใช่ครับ Mickey Simmonds ถนัดเล่นแต่คีย์บอร์ดสมัยใหม่ เห็นได้ชัดตอน Renaissance ออกทัวร์ Tuscany Tour มีมือคีย์บอร์ดอีกคนชื่อ Rave Tesar เล่น vintage keyboard สำหรับเพลงเก่า และใหม่ ในขณะที่ Mickey Simmonds จะนั่งเฉยๆ เวลา Renaissance เล่นเพลงเก่าครับ

ขอบคุณพี่ตั๊มมากครับ

-ขอเพิ่มเติมจากคุณ panyarak นิดนึงครับว่า แผ่นที่แถมมาของทั้ง 2 ชุด เสียงดีเกินคาดครับ

+1 ครับ แบบนี้น้องโอต้องเสียเงินอีกแล้ว

Moonmadness สั่งไม่ทันครับ ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ  :D

สงสัยโดนพวกเก็งกำไรกวาดไปหมดครับ

ลองดูอันนี้ซิครับ ของใหม่ ไม่แพง และไม่ต้องกลัวชาเขียวด้วย  ;)

http://cgi.ebay.com/CAMEL-Moonmadness-JAPAN-SHM-CD-Mini-LP-sleeve-Prog_W0QQitemZ300405715556QQcmdZViewItemQQptZMusic_CDs?hash=item45f1937264

Camel มีวิดีโอคอนเสิร์ตยุค classic line-up ซึ่งออกจำหน่ายก่อนชุด Total Pressure บ้างไหมครับ? (เป็น full concert ที่ไม่ใช่ชุดรวมคอนเสิร์ตอย่างเช่น Footage)

มี Moonmadness (ผมยังไม่ได้ซื้อไว้ เพราะยังหาราคาย่อมเยาว์ไม่ได้) รายละเอียดตามนี้ครับ

(http://www.uppicfree.com/images/243_moon.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-243_moon.jpg)

Camel Live in Concert at the Hammersmith Odeon, 17 April 1976.

Featuring Andrew Latimer, Peter Bardens, Doug Ferguson, Andy Ward.

TRACK LISTING:
White Rider
Lunar Sea
Preparation
Dunkirk
Another Night
Lady Fantasy


Camel Live in Concert at the Hippodrome, 22 September 1977.

Featuring Andrew Latimer, Peter Bardens, Andy Ward, Richard Sinclair, Mel Collins.

TRACK LISTING:
First Light
Metrognome
Unevensong
Rhayader
Rhayader Goes To Town
Skylines
Highways Of The Sun
Lunar Sea
Rain Dances
Never Let Go
One Of These Days I'll Get An Early Night

ขอบคุณครับ แล้วแผ่นคอนเสิร์ตชุด Moonmadness ที่ว่านี้มีแผ่นญี่ปุ่นหรือเปล่าครับ (เผื่อว่าผมอาจจะได้มาด้วยความใจกล้าบ้าบิ่นแล้วจะได้ก็อปส่งไปให้คุณ panyarak ดูบ้างน่ะครับ)

จะมีก็แต่นำแผ่นอเมริกาหรือยุโรปมาใส่โอบิ กับเพิ่ม booklet ภาษาญี่ปุ่นแล้วขายราคาญี่ปุ่นครับ

Andy Latimer ใกล้หายเป็นปกติ 100% แล้ว เลยเริ่มประเดิมด้วยดีวีดีบันทึกการแสดงสดจากปี 2003 ชื่อ Opening Farewell ครับ

(http://www.uppicfree.com/images/147_cameld.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-147_cameld.jpg)

ขอแสดงความยินดีกับ Andy Latimer ด้วยครับ

ข่าวดีเพิ่มเติม Andy Latimer กำลังเริ่มบันทึกเสียงอัลบั้มใหม่ของ Camel อยู่ครับ

เห็นว่าจะออกดีวีดีตัวใหม่ด้วยใช่มั้ยครับ (เป็นไลน์อัพที่มี Tom Brislin เล่นคีย์บอร์ดอยู่ด้วย)

น่าจะเป็นชุด Opening Farewell ที่กล่าวถึงครับ Tom Brislin มักได้รับเชิญมาแบบตัวสำรอง แต่เล่นได้ยอดเยี่ยมทุกงาน

ได้ฟังแค่อัลบั้มเดียว The Snow Goose เป็นอัลบั้มที่ฟังแล้วรู้สึกว่าดนตรีอ่อนหวานมากๆ
แต่ผมสงสัยจริงๆว่าชื่อวงนี่ได้แรงบันดาลใจมาจากอะไรครับ โดยส่วนตัวผมคิดว่ามาจากหน้าของ Andy Latimer รึเปล่า
เพราะหน้าแกตอนหนุ่มๆเหมือนอูฐเหมือนกัน(แค่สันนิษฐานครับ)

มีคนคิดเหมือนผมอีกคนหนึ่งแล้ว :D

เช่าแผ่นดีวีดี Black Swan มา ดูจบเปิดซีดีอัลบั้ม The Snow Goose ฟังต่อ
ได้อารมณ์ดี

ดู DVD อัลบั้ม Footage ของ Camel (โดยความอนุเคราะห์ของคุณ panyarak) ช่วง Bonus Track ซึ่ง Andy Latimer ในยุคส.ว.กำลังบันทึกเสียงในห้องอัดกับเพื่อนเก่าอีกสองคนคือ Doug Ferguson และ Andy Ward แล้ว ไม่มีมือคีย์บอร์ดอย่าง Pete Bardens ผู้ล่วงลับ รู้สึกว่าเพลงที่เล่นเหมือนขาดสีสันบางอย่างไป และรู้สึกอยากให้ Bardens ไปอยู่ในห้องบันทึกเสียงนั้นด้วย ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่นะครับ

Susan Hoover เป็นคู่ชีวิตของ Andrew Latimer ใช่หรือไม่ครับ? (เห็นเครดิตของเธอปรากฏในผลงานของ Camel บ่อย ๆ)

(http://www.rajaz.co.uk/Images/Peter_Thomas/Peter2/photo-andy-susan-dave_Icon.jpg)

ใช่ครับ ช่วยแต่งเพลงด้วย

เห็นว่า Susan Hoover เป็นคนคิด concept อัลบั้มชุด Nude และถ้าจำไม่ผิด อัลบั้มชุดนี้ยังได้ Duncan MacKay มาเล่นคีย์บอร์ดให้ด้วย ใช่หรือเปล่าครับ?

มีใครพอจะทราบข่าวคืบหน้าล่าสุดของ Andrew Latimer บ้างไหมครับ ว่าตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง?

(http://www.illinoiscaves.com/NF1.JPG)

อัลบั้มแสดงสดชุด Camel on the Road 1972 น่าสนใจมั้ยครับ?
มีใครเคยฟังแล้วบ้าง?

(http://www.free-covers.org/covers/14400.jpg)

นานๆ จะเปิดวิทยุ FM ของกาตาร์ฟังเสียที เพราะมักมีแต่เพลงป๊อปแดนซ์ที่ไม่ชอบ บังเอิญเปิดเจอตอนกำลังเล่นเพลง Heroes ของ Camel จากอัลบั้ม The Single Factor พอดี พอจบเพลงนี้ ก็กลับเข้าสู่รายการเพลงป๊อปแดนซ์ต่อครับ

อัลบั้มนับจาก Dust And Dreams จนถึงล่าสุดมีผลิตเป็นแผ่นเสียงบ้างมั้ยครับ

ผมว่าแกชอบ camel toe มากกว่าซะม้าง

Andy Latimer หายดีแล้ว และจะนำวง Camel ออกทัวร์ประมาณฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ โดยจะนำอัลบั้ม The Snow Goose เล่นยกชุดครับ

สอบถามนะครับ ในอัลบั้ม Pressure Points นั้น Chris Rainbow เป็นผู้ร้องนำเพลง Fingertips ใช้มั้ยครับ

ไม่มีแผ่นอยู่ในมือ แต่จำได้ว่า Chris Rainbow ร้องนำเป็นส่วนใหญ่ครับ

ขออนุญาตช่วยตอบแทนคุณ panyarak ว่าใช่ครับ Christ Rainbow ร้องนำในคอนเสิร์ตนี้หลายเพลง แต่เพลงที่ผมชอบเขาร้องโดยส่วนตัวมากที่สุดคือ Drafted ครับ

เพลง Drafted เสียงกีตาร์บาดและสะเทือนใจจริงๆครับ

+1
โดยส่วนตัว ผมเห็นว่า Nude เป็นผลงานที่ดีที่สุดในบรรดาผลงานของ Camel ที่ออกในเวลาใกล้เคียงกัน ทั้งปลายยุค 70's และยุค 80's มันเด่นทั้งในแง่คอนเส็พท์ ฝีมือการเล่น และความหลากหลายของดนตรีที่มีอยู่ในชุดนี้ครับ

(http://www.progarchives.com/progressive_rock_discography_covers/50/cover_4133226112010.jpg)

Andrew Latimer ในคอนเสิร์ตที่ City Hall เมือง Salisbury ประเทศอังกฤษเมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2013 ก็ปีหนึ่งผ่านมาแล้ว ประจวบกับเพิ่งได้ดูบันทึกคอนเสิร์ต Total Pressure ไปอีกรอบ โดยเฉพาะตอนที่ Latimer ทักทายเพื่อนเก่า Pete Bardens (R.I.P.) ที่ขึ้นมาช่วยเล่นออร์แกนแล้ว บอกตรง ๆ ว่าคิดถึงทั้งคู่ แม้ว่าแต่ละคนตอนนี้จะอยู่กันคนละโลกแล้วครับ

(http://www.contactmusic.com/pics/ln/20131022/231013_camel_concert/andy-latimer-camel-perform-live-in-concert_3918906.jpg)

เผลอแป๊บเดียว อัลบั้มคอนเสิร์ตของ Camel ชุด Pressure Points (1984) (ถ้าเป็นวิดีโอก็ชื่อชุด Total Pressure) มีอายุครบ 30 ปีในปีนี้แล้วครับ

(http://www.progarchives.com/progressive_rock_discography_covers/50/cover_5240226112010.jpg)

The Answer (1970) อันนี้เป็นผลงานของ Peter Bardens โดยไม่ได้เกี่ยวกับ Camel ใครที่ฟังแล้ว ขอถามหน่อยครับว่าดีหรือไม่

เครดิตภาพ www.progarchives.com

(http://www.progarchives.com/progressive_rock_discography_covers/3677/cover_5127131752008.jpg)