Thai Progressive Rock Community

ตามไปดูกันเลยครับที่นี่ -- ที่เขาว่ากันว่า เทิร์นเทเบิ้ลที่เซ็กซี่ที่สุดในโลกทั้งเจ็ดเครื่องนั้น มียี่ห้อและรุ่นใดบ้าง

http://www.synthtopia.com/content/2007/10/21/the-sexiest-turntables-in-the-world/

ส่วนใหญ่ผมก็เห็นด้วยนะครับ โดยเฉพาะ Roksan TMS 2, Oracle Delphi Mk V และ SME 30 นั้น -- มันช่างอลังการงานสร้าง และน่าเป็นเจ้าของเสียจริง ๆ (ถ้าบุญและบารมีถึง)

แต่พอเหลือบไปเห็น Rega Planar 78 และ Technics SL 1200 Mk II แล้วก็หมดมู้ดเลย -- ไม่รู้ว่ามันเซ็กซี่ที่ตรงไหน -- จะสวยรึก็ไม่สวย -- โอเค ถ้าว่ากันเฉพาะในเรื่องคุณภาพเมื่อเทียบกับราคา ผมก็คงมิอาจเถียงได้

แต่ก็ยังมีเทิร์นเทเบิ้ลอื่นอีกมากกว่ามากในโลกนี้ที่ดูเซ็กซี่กว่าเจ้าสองตัวนี้ครับ

เห็นด้วยครับว่า sl1200 ติดมาได้ไง
ส่วน rega ผมชอบความเป็น minimalism ของค่ายนี้ จะเรียกว่าเซ็กซี่ในสายตาผมก็ได้

Oracle ออก Mk VI แล้ว สวยงาม น่าเกรงขาม ราคาแพงขึ้นไปอีก น่าจะเสียงดีกว่าเดิมด้วย

คุณ The Black Tulip ไม่สนใจจะอัพเกรดจาก Delphi II ไปเป็น Delphi VI บ้างหรือครับ? ผมว่าอย่างไรเสีย Delphi VI น่าจะยังราคาต่ำกว่า Clearaudio Master Reference อยู่นะครับ

(http://www.coherent-systems.co.uk/images/Oracle/Large/D6b1.jpg)

(ภาพจาก www.pinkfishmedia.net)

สังเกตดูจะพบว่า Oracle Delphi VI (ตามรูปข้างบน) เพิ่มความหนาใต้ platter ทำให้ดูท้องใหญ่และอุ้ยอ้ายไปหน่อย (แต่เสียงอาจจะดีขึ้นก็ได้ ถ้าไม่ดีขึ้นก็คงไม่ปรับปรุงเป็น Mk VI หรอกครับ) แต่ผมยังชื่นชอบรูปลักษณ์ที่สะโอดสะองของ Delphi Mk V (รูปข้างล่าง) อยู่ดี ผมว่ามันสมส่วนและลงตัวในทุกมิตินะครับ (เตรียมหยอดกระปุกไว้ตามล่าหาเครื่องมือสองแล้วครับ)

(http://cybwiz.zenfolio.com/img/v3/p637202400-4.jpg)

Clearaudio Master Reference Turntable

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/clearaudiomasterreference_zpsdb744aac.jpg)

ต่อไปนี้ ผมจะเอารูปเทิร์นเทเบิ้ลที่เซ็กซี่ที่สุดในโลก (ในสายตาของผม) ตัวอื่น ๆ มาให้ชมกันบ้าง ซึ่งล้วนแต่เป็นเครื่อง vintage ที่ไม่มีจำหน่ายในท้องตลาดแล้ว และยังเป็นที่เสาะแสวงหาของนักเล่นและนักสะสมอยู่ เครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นใหม่ทุกวันนี้บางยี่ห้อชิดซ้ายไปเลยครับ เอาให้เห็นกันจะจะไปเลยว่านอกจากในเรื่องคุณภาพเสียงแล้ว ความคิดในแง่สุนทรียศาสตร์และความสวยงามในการออกแบบของคนรุ่นเก่าก่อนนั้นมันช่างล้ำเลิศสักเพียงใด

เครื่องแรกคือ Transcriptors ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่แท่น plinth และ platter พอเห็น plinth ปุ๊บคงต้องนึกถึงแท่น Oracle ทันที แต่อย่าลืมว่า Transcriptors นั้นมาก่อน Oracle หลายปี และ Transcriptors นี่เองที่เป็นต้นแบบให้เทิร์นเทเบิ้ลยี่ห้ออื่นได้ลอกเลียนรูปทรง เช่น Audio Linear, Michell

(http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSSib5-SFeYDPbX1_UxPbiTmUyzVmmLb9WqqKRCwUeeTPa7LiGD-LdtOuzl)

Transrotor Quintessence เทิร์นเทเบิ้ลรุ่นเรือธงของ Transrotor ผู้ผลิตเครื่องเล่นแผ่นเสียงของเยอรมนี เห็นรูปลักษณ์แล้วมันช่างเข้าถึงศาสตร์และศิลป์ในการออกแบบและน่าเป็นเจ้าของจริง ๆ รุ่นนี้ออกมานานมากแล้ว เผลอ ๆ จะไล่เลี่ยกันกับ Thorens Reference เสียด้วยซ้ำ ผมเข้าไปดูข้อมูลในเว็บของ Transrotor (มีแต่ภาษาเยอรมัน) เห็นเครื่องรุ่นใหม่ ๆ ของเขาที่ผลิตออกมาจำหน่ายแล้ว บอกตามตรงเลยว่าสวยและเซ็กซี่สู้ Quintessence ไม่ได้เลยแม้แต่เครื่องเดียว

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/transrotor_quintessence_zpsdab47160.jpg)

La Platine Verdier (อ่านว่า ลา ปลาทีน แวร์ดิเยร์) โดยผู้ผลิตเทิร์นเทเบิ้ลไฮเอนด์ของฝรั่งเศส J.C. Verdier (อ่านว่า ฌี.เซ. แวร์ดิเยร์) รุ่นนี้เป็นรุ่นเก่า ซึ่งถูกแทนที่ด้วยรุ่น La Nouvelle Platine (อ่านว่า ลา นูแวลล์ ปลาทีน ซึ่งแปลว่า the New Turntable)

อ่านหนังสือเครื่องเสียงของไทยมาก็เยอะ แต่ไม่เคยเจอห้องฟังไฮเอนด์ที่ใดเลยที่มีเจ้าตัวนี้ตั้งตระหง่านอยู่ ทั้ง ๆ ที่ความงามของมันไม่เคยเป็นรองใคร อ้อ... รุ่นนี้และรุ่น La Nouvelle Platine สามารถติดอาร์มได้สองตัวนะครับ (อาร์มก้านยาว 12 นิ้วกำลังเหมาะเลย)

(http://www.jcverdier.com/platineverdier/PlatineVerdierLaqueeandMotor.jpg)

ข้อมูลภาพจาก www.jcverdier.com

ผมเสนอบ้าง

  VYGER Indian Signature (33000 Euro)



http://www.enjoythemusic.com/magazine/equipment/0801/vygerindian.htm

http://www.google.co.th/images?q=vyger+indian+signature&hl=th&biw=1024&bih=580&prmd=ivns&um=1&ie=UTF-8&source=univ&ei=65RTTbACxeysB4fB2YEI&sa=X&oi=image_result_group&ct=title&resnum=3&ved=0CDcQsAQwAg

ที่น่าสนใจมากคือ TW Acustics Raven AC (US$18000) (14000 Euro)

http://www.avguide.com/review/tw-acustic-raven-ac-3-turntable

http://www.soundstage.com/vinyl/vinyl20080501.htm

http://www.avguide.com/forums/raven-ac-3-davincicopperhead

http://www.tw-acustic.de/engl/turntables/raven-ac/index.html

 พูดถึงเทิร์นเทเบิ้ลที่เซ็กซี่แล้ว นึกถึงเครื่องที่นักเล่นทำกันขึ้นมาเอง
 บางตัวใช้ท่อนไม้(ท่อนซุง) ทั้งดุ้นมาทำ แลดูเหมือนงานศิลป์ดีๆนี่เอง
 (เสียดายที่ไม่มีรูปมาให้ดู)

เคยเห็นผ่าน ๆ อยู่เหมือนกันครับ องค์ประกอบส่วนใหญ่ก็มีแต่ไม้ เห็นแล้วไม่ค่อยน่าเชื่อถือว่าเสียงจะดี (เทิร์นฯ DIY ของคนไทย) ดูเหมือนเฟอร์นิเจอร์ที่ทำขึ้นหยาบ ๆ มากกว่า

แต่ Nottingham Analogue รุ่น The Anna Log ซึ่งตัวฐานทำจากไม้ซุงจากโบสถ์ศตวรรษที่ 17 นี่สิครับ -- เจ๋ง -- อยากได้มาเล่นสักตัวจังเลย (ถ้าบุญกุศลถึง) :D

(http://t2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSjCRCb0qURsOXUzTsftl3CQRTB6M3VdAE_PtwDLhvN9_gyFlOM&t=1)

คุณ The Black Tulip จะเล่นตัวนี้หรือครับ? :o

(http://www.inventive-av.com/vyger/pic/indianSig.jpg)

ผมนึกว่าจะเล่นตัวนี้ซะอีก ;D
ราคาค่าตัวเมื่อหลายปีก่อน (ดอลลาร์ละ 40 บาท) 70,000 เหรียญยูเอสครับ

(http://www.audiophilia.com/cesinteractive/rockport.jpg)

ไหน ๆ ก็ไหน ๆ คุณ The Black Tulip ก็จะเปลี่ยนแล้ว
สุด ๆ ไปเลยกับตัวนี้ดีกว่าครับ (เชียร์ส่งเลย) ;D

Continuum Caliburn

(http://blog.stereophile.com/he2006/continuum.jpg)

Audio Linear TD-4001 ของผมที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ก็ไม่เลวนะ -- หุ่นคล้าย ๆ Transcriptors ยังไงยังงั้น -- จะบอกให้ (เชียร์ของตัวเองซะเลย) :D
เซ็กซี่ไม่แพ้ใคร
ติดอาร์มของดีและหายากด้วย (Dynavector DV-505)
ตอนที่ได้มา ราคาเหมือนได้เปล่า (แค่อาร์มก็คุ้มแล้ว) ;D
เพียงแต่...
มันเก่าเป็นอีแก่ไปหน่อยเท่านั้น (อายุเกิน 25 ปี)
แต่โทษที...
เห็นเก่าอย่างนี้ แต่ก็ยังมีไฟอยู่ :D

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/My%20LP%20Collection/My%20Audio%20Gears/TD4001andLighting1.jpg)

เจ๋งครับ 8)
บึกบึนมาก แถมยังติดอาร์มได้สองตัว บางทีสามตัวก็อาจติดได้
ผมขอเชียร์ตัวนี้ด้วยครับ (ยุส่ง) :D

(http://www.tw-acustic.de/engl/images/img0354_540.jpg)

ลองจับ TW Acustics Raven AC มาฟัดกับ Thorens Reference จอมคลาสสิกดูทีซิ :D

(http://www.theanalogdept.com/images/spp6_pics/Thorens_Gallery/Reference/1027109221.jpg)

(http://www.tw-acustic.de/engl/images/img0354_540.jpg)

   แต่ตัวที่ผมเคยเห็น(ในหนังสือ)และชอบมากเป็นของนักเล่นชาวญี่ปุ่น ติดโทนอาร์ม 3 ตัว
   ตัวแป้นหมุนฝังไว้ในต้นไม้ทั้งต้นเลยครับ ไม่ได้เอามากลึงตัดแต่งแต่อย่างใด   :o

เขาว่าพวกพี่ยุ่นนี่เป็นเจ้าแห่งการ DIY และโมดิฟายอยู่แล้ว จึงไม่น่าแปลกที่บางทีเราจะเห็นเครื่องเสียงรวมทั้งเทิร์นเทเบิ้ลของเขาที่มีรูปทรงและใช้วัสดุเฉพาะและออกแบบแปลก ๆ ครับ

ผมว่าTurntables ของพี่ปีศาจแผ่นเสียงเซ็กซี่ที่สุดในโลกเลยครับ
ยี่ห้อAudio Linear TD-4001 เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ควรคู่กับพี่ปีศาจฯแล้วครับ

เคียงคู่กับ Turntable ก็คือ Tonearm นั่นเอง

  Turntable ที่ดี ต้องมี Tonearm ดีๆ จึงจะสมกัน

ส่วนตัวผมสนใจ Tonearm SME เป็นพิเศษ

   หลายปีมานี้ มี Tonearm 12 นิ้ว รุ่นใหม่ออกมาขาย เป็น Arm ตรง แต่ราคาก็แพงเอาเรื่อง

  น่าสนใจมากคือ SME V-12  และ SME 312s

ใช่ครับ ผมโชคดีและภูมิใจที่ได้เครื่องนี้มา และมันก็ได้รับใช้ผมมาเกือบสิบปีแล้วโดยไม่เกิดอาการเกี่ยงงอนเลยสักครั้ง ทั้ง ๆ ที่มันก็เก่ามากแล้ว รอบหมุนยังคงเที่ยงตรงอยู่ รูปลักษณ์ภายนอกของมันเซ็กซี่เหมือนผู้หญิงที่บอบบางภายนอก ดูเท่าไรก็ไม่เบื่อ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร แต่เนื้อใน (คุณภาพเสียง) ไม่เป็นรองเทิร์นเทเบิ้ลยี่ห้ออื่นอีกหลายยี่ห้อ น้ำเสียงโดยเฉพาะเสียงย่านกลางถึงสูงนั้นโปร่ง กระจ่าง และกังวาน ซึ่งเป็นเสียงที่ชื่นชอบของนักฟังทั้งหลายอยู่แล้ว

ถ้าผมได้เทิร์นฯตัวใหม่มา ผมก็จะยังเก็บตัวนี้ไว้ใช้งานเหมือนเดิมครับ :D

โทนอาร์ม ถ้ายิ่งยาว ก็ยิ่งเสียงดี เพราะ tracking errors หรือความผิดพลาดในการเกาะร่องจะน้อยกว่าอาร์มสั้น
อาร์มที่ยาว 12 นิ้วย่อมเสียงดีและแพงกว่าอาร์ม 9 นิ้ว หรือ 10 นิ้วแน่นอน
ถ้าเทิร์นเทเบิ้ลเป็นแบบแท่นกว้างใหญ่หรือมีมวลมาก ผมว่าใช้อาร์ม 12 นิ้วจะเหมาะเป็นอย่างยิ่งครับ

SME V-12

(http://www.sme.ltd.uk/uploads/images/v12photo.jpg)

SME 312s

(http://www.sme.ltd.uk/uploads/images/312Sphoto.jpg)

Dynavector DV-507 Mk II

(http://www.dynavector.com/products/images/507mk2_full.jpg)

Dynavector DV-505

(http://www.the-adam.com/adam/loci-4tn/dv505a.jpg)

SME 3012

(http://www.tnt-audio.com/jpeg/sme_bearing4.jpg)

ใช่ตัวนี้หรือเปล่าครับ?
ฝังเทิร์นฯไว้บนโต๊ะไม้เลย แต่มีอาร์มตัวเดียว

(http://www.romyhome.com/Site_Images/micro%203.jpg)

Continuum Caliburn ราคาขายครบชุดเมื่อออกสู่ตลาดในอังกฤษ 115,000 ปอนด์สเตอร์ลิง (เอื๊อกก...) :o

http://www.techradar.com/reviews/audio-visual/hi-fi-and-audio/turntables/continuum-caliburn-587168/review

 ไม่ใช่ครับ  ที่ผมเคยเห็นในหนังสือเมื่อนานนน..มากแล้ว มันเป็นแบบตอไม้ทั้งต้นเลยครับ ดูดิบๆดี

ว่าแต่เมื่อไรพี่ปีศาจแผ่นเสียงจะไปเอาOracle  ที่จองไว้ล่ะรีบๆหน่อย ได้ข่าวว่าเจ้าของเขาซื้อTurntables ตัวใหม่แล้วนะ
เจ้าOracle Delphi MkII+SME309 เป็นTurntables ในฝันของพี่ปีศาจฯใช่ไหม เมื่อฝันอยู่ใกล้ๆแล้วรีบไปถอยมาเลยฝันจะได้เป็นจริง
หายากนะที่ฝันเป็นจริงแบบนี้
 

เพิ่งสั่งซื้อ SME 312s เพราะดูตาม specification แล้ว แทบเหมือนกับ SME V-12 ทุกประการ wiring ก็เป็นสายเงินเหมือนกัน แต่ราคาต่างกันมาก
 SME 312s  ราคาเพียงครึ่งหนึ่งของ SME V-12  และเปลี่ยน Headshell ได้เหมือน SME 309


http://www.sme.ltd.uk/content/Series-312S-1521.shtml
http://www.sme.ltd.uk/content/Series-V12-1515.shtml


ส่วน Turntable ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด คงจะซื้อ TW Acustics Raven AC เพราะน่าสนใจมากที่สุดในราคาประมาณนี้
น่าจะเรียบร้อยภายในเดือนนี้

ยินดีด้วยก๊าบบบ... :D

(http://www.tw-acustic.de/engl/images/img0354_540.jpg)

(http://www.sme.ltd.uk/uploads/images/312Sphoto.jpg)

เมื่อหลายปีก่อน ผมอยากได้ Roksan Xerxes 10 ผมว่ามันคล้าย Linn LP12 แต่ดูโฉบเฉี่ยว เซ็กซี่ และทันสมัยกว่า Linn ในขณะเดียวกันก็คงสไตล์และรูปลักษณ์ที่คลาสสิคเอาไว้ เฉกเช่นเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่มาจากแดนผู้ดีอังกฤษ

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/roksan_xerxes10.jpg)

ต่อมา Roksan ก็เข็นรุ่น Xerxes 20 Plus ออกมาแทนที่เสียแล้ว ด้วยสนนราคาขายในอังกฤษ หกพันกว่าปอนด์สเตอร์ลิง ซึ่งแพงกว่า Xerxes 10 อยู่โข เพราะ Xerxes 10 ราคาเมื่อปี 1996 เพียง 1300 ปอนด์สเตอร์ลิงเท่านั้น (เศร้า) :-[

(http://t2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcReQJ4z3hmq_rDZlO1fTSBqK0ZTjHF1vp8HZT3AcKeRwfm05mm3R5xZZxVd1w)

ตอนนี้ก็ได้แต่เล่นแอมป์ของ Roksan ไปก่อนก็แล้วกันครับ ;D

ที่น่าสนใจมากคือ Micro Seiki  รุ่นใหญ่ๆ


http://www.audiogon.com/cgi-bin/cls.pl?anlgtabl&1300790813&/Micro-Seiki-RX-5000-220-240v50


http://www.audiogon.com/cgi-bin/cls.pl?anlgtabl&1302339479&/Micro-Seiki-Rx-1500vg-Vacuum-+

น่าสนใจมากครับ ถ้าคุณ The Black Tulip ไม่คิดว่าเป็นเครื่อง vintage ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาจุกจิกตามมา ผมว่า Micro Seiki นี่แหละ -- สุดยอดของการออกแบบและนวัตกรรมงานสร้าง -- ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานกี่ปี เครื่องก็ยังดูไม่เชยหรือล้าสมัย ถ้าได้รับการ maintenance มาอย่างดี ก็ยังน่าเล่นกว่าเครื่องยี่ห้ออื่นในยุคใหม่นี้เสียอีก เพราะมัน built to last ถ้ามีโอกาสหาได้สักเครื่อง ก็น่าจะมีไว้ และอะไหล่พื้นฐานต่าง ๆ ก็ยังพอหาได้ครับ

(http://www.goodsoundclub.com/Site_Images/micro%208000-2.jpg)

ผมคิดว่า เครื่องใหม่หลายยี่ห้อ ก็คือ Micro Seiki ดีๆนี่เอง เช่น TW Acustics Raven AC หรือ Black Knight น่าจะเรื่องเดียวกันเลย

หลักการในเรื่องมวลที่หนักแน่นและเสถียรภาพก็คงคล้ายกับหลักการของ Micro Seiki รุ่นใหญ่ แต่พอผมเห็นรูปของ TW Acustics Raven AC แล้ว ผมนึกถึง Transrotor Quintessence ในแง่การวางตำแหน่งสายพานฉุด platter ครับ

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/transrotor_quintessence_zpsdab47160.jpg)

พี่ปีศาจแผ่นเสียงลองให้เฮียโป่งเอารูปTurntableยี่ห้อMicro Seiki ของเฮียแกที่ใช้อยู่ลงในดูซิ
ของเฮียโป่งก็สวยนะตัวแท่นเป็นไม้  ผมจำไม่ได้แล้วว่ารุ่นอะไรต้องถามเฮียแกดูเอง

ถ้าแท่นเป็นไม้ก็น่าจะเป็น BL-series แต่มีหลายรุ่นครับ

http://www.my-micro.de/micro_bl.htm

ที่น่าสนใจก็มีรุ่น BL-91, BL-101 และ BL-111
ถ้าเอาอาร์ม Dynavector DV-505 ใส่เข้าไป รับรอง สวยครับ (แท่นใหญ่ อาร์มใหญ่)

หรือว่าพี่โป่งจะมีตัวนี้

SX-777

(http://my-micro.de/images/Laufwerke/SX_Serie/sx777fv.jpg)

Alphason Symphony เก่าแล้ว แต่ก็ยังสวย และไม่ค่อยพบเจอคนเล่นยี่ห้อนี้ครับ (สงสัยจะแพงมากในยุคนั้น)

(http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQkiqvsxg-PMljrt5QvrqCZM6GXtp6DbqgjmlQh1_RdDbqyHo3OpwmaJ1eZ)

ชอบจังเลย Townshend Elite Rock กับอาร์มแปลก ๆ ออกแบบมาเฉพาะอย่าง Excalibur เนี่ย เห็นแล้วศักดิ์สิทธิ์ดีจริง ๆ เมื่อก่อน (หลายปีมาแล้ว) ยังเห็นมีคนไทยเล่นอยู่เหมือนกันครับ

(http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTJjxgVFnUhdt2utvCLdwRbftMnEpA_RMRZJqU8owVWHV970qxz&t=1)

ศักดิ์สิทธิ์เลยหรือครับ :o

Excalibur คือดาบศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าอาเธอร์ และ tonearm ของ Townshend ก็มีชื่อตามชื่อดาบ Excalibur ผมก็เลยมั่วตามไปว่ามันเป็นอาร์มศักดิ์สิทธิ์ เพราะชื่อ Excalibur มันเป็นอาร์มที่มีเอกลักษณ์เฉพาะและออกแบบมาอย่างน่าทึ่งครับ

(http://i480.photobucket.com/albums/rr165/gamve/Elite%20Rock%20MK%20I/DSCF2655.jpg)

V.Y.G.E.R Indian Signature ครับผม

(http://www.inventive-av.com/vyger/pic/indianSig.jpg)

Transrotor Quintessence เห็นมีขายเป็นเครื่องมือสองอยู่ในเว็บของเกาหลี ราคา 57,400,000 วอน ตีเป็นเงินดอลล่าร์ก็ราว ๆ 51,500 เหรียญครับ

http://avplaza.co.kr/shop/goodalign/good_detail.php?goodcd=1160896377

(http://avplaza.co.kr/images/userdif/goods/10151619102.jpg)

Thorens TD 550 เทิร์นเทเบิ้ลรุ่นเรือธงยุคใหม่ของ Thorens ราคาค่าตัวแพงเอาเรื่อง คือประมาณ 12,000-13,000 เหรียญยูเอส ก็ไม่ทราบว่าคุณภาพเสียงและประสิทธิภาพจะดีสมราคาหรือเปล่า เพราะไม่เคยเห็นรีวิวของหนังสือเครื่องเสียงสำนักใดเลยและไม่ค่อยมีใครพูดถึง ในความเห็นส่วนตัวของผม เครื่องที่มีระดับราคาขนาดนี้อาจเจอคู่แข่งอีกหลายตัวที่ราคาต่ำกว่าและประสิทธิภาพโดยรวมดีกว่าก็ได้ครับ

(http://www.stereomojo.com/TTWEIGHTS%20REVIEW/images/Thorens-TD-550.jpg)

ในความเห็นของผม ตำนานความเป็น Thorens ได้ปิดฉากลงไปพร้อมกับรุ่น Reference ของเขาแล้วฮะ และสินค้ารุ่นต่อ ๆ มาของ Thorens ก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าดึงดูดอีกต่อไป แพงก็แพงอีกต่างหากฮะ

(http://www.theanalogdept.com/images/spp6_pics/Thorens_Gallery/Reference/1027109221.jpg)

Most Expensive Turntable in the World

Continuum Caliburn – up to $112,000

(http://most-expensive.net/wp-content/uploads/2006/01/expensive-turntable.jpg)

Clearaudio Statement – $125,000

(http://most-expensive.net/wp-content/uploads/2007/09/expensive-stereo-system.jpg)

Basis Work of Art – $150,000

(http://most-expensive.net/wp-content/uploads/2009/01/expensive-turntable-work-of-art.jpg)

Goldmund Reference II – $300,000
(http://most-expensive.net/wp-content/uploads/2009/01/expensive-turntable-goldmund-reference-ii.jpg)

ดูรูปแล้ว ผมว่าซูเปอร์เทิร์นเทเบิ้ลรุ่นใหม่ ๆ นี่ล้วนแต่เน้นคอนเส็พท์ "แพงระยับ บึกบึนและน่าเกรงขาม" กันทั้งนั้น แต่ดูไม่เซ็กซี่เลย บางตัวนี่ออกแบบมาเหมือนหุ่นยนต์หรือหอคอยป้อมปราการมากกว่า ดูไม่ค่อยอ่อนช้อยเหมือนรุ่นเก่า ๆ เลยครับ :D

Thorens 350 ซึ่งมีรูปร่างดูแสนจะธรรมดา ติดอาร์ม SME M2 ราคาขายในอเมริกา ณ ปัจจุบันยังปาเข้าไปตั้ง $5500
ช่างแพงอะไรปานนั้น ไม่รู้ประสิทธิภาพจะแพงสมราคาหรือเปล่า :-\

ภาพจาก www.thorens.com

(http://www.thorens.com/uploads/tx_templavoila/teaser-td350-1.jpg)

VPI TNT + SME V tonearm
เทิร์นเทเบิ้ลรุ่นนี้เก่าแล้ว แต่ยังดูสวยและอลังการงานสร้างอยู่ครับ

(http://usr.audioasylum.com/images/1/14827/tt.jpg)

Thorens TD-520 + โทนอาร์ม SME 12 นิ้ว
เคยไปยืนมองเครื่องนี้ (ไม่มีอาร์ม) วางโชว์อยู่หน้าร้าน KS Sons ที่อัมรินทร์พลาซ่าเมื่อสักก่อนปี 2540 เห็นจะได้ ราคาตอนนั้นก็น่าจะเกินห้าหมื่น แต่ตอนนี้แม้ในตลาดมือสองเองก็หายากเต็มทน ถึงแม้จะมีเงินก็ตาม

(http://www.thorens-info.de/Td520s_sme312.jpg)

เครื่องเล่นแผ่นเสียงยี่ห้อ Thorens หลุดจาก KS แล้วได้ตัวแทนใหม่รู้สึกว่าจะเป็นเอลป้า ชอว์ ถ้าจำไม่ผิดเอาเข้ามาทำตลาดบ้านเราใหม่
www.elpashaw.com

ใช่ครับ เปลี่ยนตัวแทนจำหน่ายแล้ว และเครื่องเล่นแผ่นเสียงของ Thorens ยุคใหม่ก็ไม่สวยเช่นยุคเก่าอีกต่อไปแล้ว แถมรุ่นสูง ๆ ยังมีราคาเกินเอื้อมอีกต่างหาก

พี่ปีศาจฯช่วยหารูปเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นใหม่ๆของยี่ห้อ Thorens ลงให้ดูหน่อยครับ  ว่ามีการเปลี่ยนแปลงการดีไซน์รูปโฉมอย่างไรบ้าง
เห็นรุ่นที่เอลป้า ชอว์ เอาเข้ามาทำตลาดดีไซน์ล้ำสมัยมากตัวแท่นสีแดง

เจ้าตัวนี้ผมว่าพอ ๆ กันกับ Rockport Technology Sirius เลยครับ แถมออกมาในยุคเดียวกันด้วย เดี๋ยวนี้มีทั้งเวอร์ชั่นอัพเดททั้ง Gold Signature และ Black Diamond III

(http://luxzine.com/wp-content/uploads/2011/09/walker_audio_proscenium_black_diamond_iii.jpg)

ใช่รุ่นนี้หรือเปล่าครับ? ผมว่ามันไม่สวยเลยนะครับ เพราะสีออกฉูดฉาด เหมาะกับพวกวัยจ๊าบมากกว่าครับ
TD-309 Tri Balance

(http://www.thorens.com/uploads/tx_templavoila/teaser-td309-2011.jpg)

ส่วนรุ่นนี้ TD-550 ผมว่าค่อยน่าดูหน่อย เพราะผมชอบเครื่องที่มีรูปร่างแบบนี้ แต่เห็นราคาแล้วหนาวจับจิต เพราะราคาในตลาดตอนนี้หมื่นกว่าเหรียญยูเอสครับ

(http://www.stereomojo.com/TTWEIGHTS%20REVIEW/images/Thorens-TD-550.jpg)

เห็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่โฆษณาตามหน้าหนังสือเครื่องเสียงในปัจจุบันแล้ว รู้สึกอ่อนเพลียละเหี่ยใจ เพราะส่วนใหญ่ดีไซน์ไม่ค่อยสวย รูปร่างก็ก้องแก้ง แถมราคายังแพงอีกต่างหาก ส่วนรุ่นที่สวย ๆ หรือพอดูได้หน่อย ราคาก็ถีบไปไกลจนเกินเอื้อม ผมคิดว่าถ้าอยากได้เครื่้องเล่นแผ่นเสียงสวย ๆ ควรจะเก็บเงินไว้ซื้อเครื่องมือสองจากยุคเก่าดีกว่าครับ

ขอถามคุณปีศาจฯ ว่า มีเครื่องเล่นรุ่นไหนที่เหมาะสำหรับเล่นแผ่นสีแล้วเห็นความงามของแผ่นสีได้ดีบ้างครับ ถ้าแผ่นสีที่โปร่งแสงวางบนแป้นหมุนสีขาวหรือแบบใสแล้วมีไฟส่องขึ้นมาจากใต้แป้น กำลังคิดอยู่ว่า มันน่าจะช่วยสร้างความเพลิดเพลินในการฟังแผ่นสีได้มากขึ้นครับ

ใช่แล้วครับ  ความสวยงามต้องแล้วแต่คนชอบการดีไซน์แบบรุ่นนี้อาจจะสวยงามสำหรับคนที่ชอบความทันสมัย  เหมือนการดีไซน์บ้าน
อยู่อาศัยบางคนชอบสไตล์อินเทรนตามยุดสมัยแต่บางคนอาจจะชอบสไตล์วินเทจย้อนยุด


อย่างรุ่นนี้การออกแบบดูโบราณอาจจะเป็นที่ถูกชื่นชอบของคนที่ชอบสไตล์เก่าๆย้อนยุด  แต่อาจจะไม่เป็นที่ถูกใจของคนที่ไม่ชอบของเก่า
พี่ปีศาจฯผมดูจากลักษณะแล้วน่าจะเป็นคนที่ชื่นชอบของเก่า(เมียเก่าชอบหรือเปล่าไม่รู้) อันนี้เป็นเรื่องของรสนิยมส่วนตัวล้วนๆเลย
ผมว่าการเล่นแผ่นเสียงนั้นเป็นเรื่องของรสนิยมเฉพาะตัว คนที่ไม่ได้เล่นก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าไม่ได้ชอบอาจจะชื่นชอบแผ่นเสียงเหมือนกัน
แต่ไม่อยากจะเล่นเองด้วยเหตุผลร้อยแปดพันเก้า  อย่างตัวผมทั้งๆที่ไม่ได้เล่นแผ่นเสียงแต่ก็คุยเรื่องเครื่องเล่นแผ่นเสียงกับพี่ปีศาจฯได้เหมือนกัน
เห็นไหมครับคนที่เล่นกับเทคโนโลยีสมัยใหม่(ไฟล์)ก็ยังรู้เรื่องกับแผ่นเสียงด้วย แปลว่าอะไรแสดงว่าผมก็ยังติดตามเรื่องเครื่องเล่นแผ่นเสียงอยู่บ้าง
อาจจะไม่มากเท่ากับพี่ปีศาจฯหรือคุณหมอนักเพลง

กรณีนี้ต้องออกแบบให้แป้นหมุนหรือ platter มีความโปร่งใสคล้าย ๆ กับแป้นหมุนของ Rega และไม่ต้องมี mat สักกะหลาดทึบวางคั่นระหว่างแผ่นเสียงกับแป้นหมุน ส่วนตัวแท่นหรือ plinth จะต้องออกแบบให้โปร่งใสโดยใช้วัสดุจำพวกอะคริลิกใส แล้วเอาหลอดไฟขนาดเล็กไปติดตั้งไว้ข้างใน พอเปิดเครื่อง แสงไฟจะส่องสว่างขึ้นจากด้านล่างทะลุผ่านแท่นเครื่อง ผ่านแป้นหมุนโปร่งใสจนถึงแผ่นไวนิลใส ผมเคยเห็นเครื่องเล่นแผ่นเสียง Thorens รุ่นเก่าของพี่แจ๊คที่โมดิฟายเป็นแท่นเครื่องโปร่งใสในลักษณะแบบนี้ แต่แป้นหมุนยังทึบแสงอยู่ ต้องให้พี่แจ๊คเอารูปมาลงให้ดูครับ

1. ใช่ครับ ลักษณะผมเป็นคนที่ชอบเครื่องเล่นแผ่นเสียงรูปทรงคลาสสิกหรือวินเทจเอามาก ๆ ดังนั้น จะสังเกตได้ว่าในกระทู้นี้ เครื่องเล่นแผ่นเสียงยี่ห้อใดและรุ่นใดที่ผมชื่นชมเป็นพิเศษก็คือเครื่องที่ผมชื่นชอบและใฝ่ฝันจะได้มาครอบครองครับ

2. ผมไม่เคยมี "เมียเก่า" เพราะมีเมียเดียว ส่วนแฟนเก่านั้นก็พอจะมีหลายคนอยู่ครับ ;D

Basis Debut Gold
รุ่นเก่า แต่ความงามยังตราตรึงอยู่ครับ

(http://www.high-end.ch/p_analog/plattenspieler/basis/gold_debut_mk_v.jpg)

Micro Seiki RX-1500 FVG
สวยครับ โทนอาร์มยี่ห้อเดียวกันตัวที่เห็นด้านขวามือนั้น ราคาขายมือสองแพงมาก

(http://4.bp.blogspot.com/-PTDiIYZIVsQ/T_B8NrRGILI/AAAAAAAAAns/cpECreAbtXs/s1600/MicroSeiki-RX1500FVG.jpg)

2. ผมหมายถึง "เมียเก่า" ของชาวบ้าน...  พี่ปีศาจฯไม่เบามีแฟนเก่าหลายคนแบบนี้พี่ผีของเราสู้พี่ปีศาจฯไม่ได้แล้ว

ท่านผู้อาวุโสกล่าวเกินไปแล้ว ปีศาจฯอย่างข้า ไฉนเลยจะงามเทียบเทียมกับท่านผีฯได้เล่า :D

ที่คุณอั๋น501เคยบอกว่าสมัยก่อนเคยใช้เครื่องเล่นแผ่นเสียง Micro Seiki อัดเทป 501 ขายนั้น เครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ว่าคือรุ่นนี้หรือเปล่าครับ?

Micro Seiki DDX-1000

(http://www.oocities.org/de/bc1a69/DDX-1000.jpg)

ไม่ใช่รุ่นนี้ รู้สึกว่าจะเป็นรุ่น DDX-1500  ตัวแท่นสีดำแยกชุดจ่ายไฟครับ พี่ปีศาจฯลองหารูปให้หน่อย

ตัวนี้รึเปล่าครับ?

(http://www.oocities.org/de/bc1a69/ddx1500.jpg)

ใช่เลยครับจะมีชุดจ่ายไฟเป็นกล่องสีดำเหมือนตัวแท่นด้วย  ไม่รู้รุ่นนี้คุณภาพพอใช้ได้ไหมครับ

รุ่นนี้มีน้ำหนักมาก ใช้แท่น (plinth) เดียวกันกับรุ่น RX-1500 ซึ่งเป็นรุ่นสายพาน (ดูรูปข้างบน) และรุ่นนี้เป็นรุ่นสุดท้ายของ Micro Seiki ที่เป็นระบบ direct drive

ข้อมูลเกี่ยวกับรุ่นนี้ที่คัดลอกมาจาก Direct Drive Museum ครับ

The DDX-1500 was introduced in 1985. It is a very heavy deck with a metal plinth based on the belt-driven RX-1500. The platter of the DDX-1500 is cast aluminium not a machined platter as on the RX-1500. The DDX-1500 was the last Direct-Drive deck from Micro-Seiki and thus marked the end of an era. Nowadays if you get one be prepared to spend at least 1000,- bucks for this machine as these are real rare birds now. Sonically keep in mind that this model was quite an "Entry level RX1500" and hardly any improvement against a DDX/DQX-1000.

รุ่นนี้หนักมากครับ  ตัวที่ผมเคยเล่นเอาเข้ามาจากอเมริกาเป็นไฟ 110v ต้องใช้หม้อแปลงไฟ 220v
อันนี้เป็นประสบการณ์จะเล่าเรื่องเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่เป็นไฟ 110v หากว่าใครที่สนใจอยากจะซื้อนำเข้ามาเองหรือซื้อผ่านร้านที่นำเข้ามาขาย
การมาใช้หม้อแปลงไฟนั้นทำให้เกิดปัญหา  เพราะตัวเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นนี้เป็นระบบ Direct Drive ซึ่งระบบไฟมีผลข้างเคียงมาก
กับรอบการหมุนบางทีสปีดรอบไม่ได้มีปัญหากับรอบหมุนมาก เดี๋ยวรอบช้าไปอะไรแบบนี้  ผมแก้ปัญหาอยู่นานเหมือนกัน
พยายามหาหม้อแปลงไฟ 110v/220v ดีๆมาใช้แต่สมัยก่อนหาซื้อของดีๆยากครับ  แนะนำเลยหาที่เป็นไฟ 220v ดีกว่าครับ

ทราบมาว่าหม้อแปลงไฟสมัยใหม่นี้น่าจะ "เอาอยู่" สำหรับพวกเครื่องไฟ 100 หรือ 110 v ทั้งหลายนะครับ

ข่าวด่วน... โฆษณาคั่นรายการ

Micro Seiki SX-8000 II + SME V ราคา 33,333.33 ยูโร อีเบย์ส่งเวิลด์ไวด์ด้วย
ไม่ทราบมีใครสนใจบ้าง?
คุณ The Black Tulip จะรับอีกสักเครื่องไหมครับ? :D

http://www.ebay.de/itm/MICRO-SEIKI-SX-8000-II-SME-V-/320808030018?pt=Plattenspieler&hash=item4ab1a60f42

โอ้วว... ห้องใครเนี่ย :o
เทิร์นเทเบิ้ลช่างสุดยอดจริง ๆ โดยเฉพาะเจ้าตัวซ้ายมือ

(http://imgs.inkfrog.com/pix/mikel/tt_family_2.jpg)

เล่นแผ่นสีด้วย

น่าจะเป็นห้องของพี่ Mike Lavigne เค้าครับ

http://forum.audiogon.com/cgi-bin/fr.pl?vaslt&1036349020&openflup&1784&4

(http://imgs.inkfrog.com/pix/mikel/the_Beat_joins_the_tt_family_(1_of_1).jpg)

ในเมืองไทยนี่มีโคมไฟอย่างในรูปนี้ขายที่ใดบ้างครับ?

ถ้าตัวขวามือเห็นมีขายอยู่ราคาประมาณ 50,000 บาทอัพไม่มีอาร์ม ไม่มีกล่องไม้(ต้องสั่งทำเอง)
บ้านเราที่ชอบทำแท่นเครื่องเป็นกล่องไม้ลักษณะนี้ฮิตกันมาก  ขอบอกเลยว่าผิดหลักการใช้ไม่ได้ครับ
เพราะข้างในกล่องไม้จะโปร่งทำให้เกิดฟรีดแ็บ็คกับหัวเข็มเวลาเกิดการสั่นสะเทือนจากภายนอกหรือตัวแท่นเองเข้ามารบกวน
ผมเคยคุยกับร้านที่รับทำแท่นกล่องไม้พวกนี้เค้ายังพึ่งรู้จากผมว่ามันจะเป็นปัญหา  เพราะสมัยก่อนผมก็เคยไปจ้างร้านเฟอร์นิเจอร์
แถวบางโพทำแท่นกล่องไม้ให้โดยตอนนั้นติดอาร์ม SME กับอีกยี่ห้อจำไม่ได้แล้วติดตั้ง 2 อาร์มเกิดปัญหาตามมาแก้ไม่หาย
เหมือนระฆังเวลามันสั่นแล้วหยุดยาก  ตอนหลังก็เลยต้องใช้แท่นไม้ของเดิมรู้สึกว่าจะเป็นยี่ห้อ Thorens ไหนๆแล้วเก่าเลยเอาไป
ทำสีใหม่แทน

Avid Acutus สวยมากครับ ราคาตอนนี้ก็ US$ 24,000.00 (เอง) (เห็นราคาแล้วจับไข้เลย)

(http://www.martinloganowners.com/forum/attachment.php?attachmentid=4526&stc=1&d=1175639266)

ทำไมตัวซ้ายต้องตัดพรมออกละครับ

ตามความคิดของผมตัวซ้ายมือนั้นแท่นวางมีน้ำหนักมากต้องการความมั่นคงวางบนพื้นปูนจะดีกว่า
สังเกตุจาก 2 ตัวที่เหลือวางบนชั้นเครื่องเสียงใต้ขารองด้วยถ้วยอีกที

แล้วเทิร์นเทเบิ้ลตัวเก่าที่พี่ปีศาจฯจองของคุณหมอไว้ไม่ไปเอาอีกเหรอ   รีบๆไปเอาเดี๋ยวคุณหมอให้คนอื่นไปไม้รู้นะ

คงแล้วแต่เจ้าของเขาเถอะครับ เพราะปีนี้เรื่องเงินทุนและงบประมาณของผมดูจะไม่ค่อยสดใสนัก :(
สิ่งใดก็ตาม ถ้าจะเป็นของเรา มันก็คงไม่หนีไปไหน แต่ถ้าไม่ใช่ มันก็เป็นเช่นนั้นเองครับ

ไม่ลองคุยกับคุณหมอดูก่อน  ผมอยากให้พี่ปีศาจฯครอบครองมันอย่างที่หวังไว้เป็นเทิร์นเทเบิ้ลที่ฝันอยากได้ไม่ใช่เหรอ

ฝากหารูปมาลงให้ดูหน่อยครับ

เอารูปใกล้เคียงไปก็แล้วกัน เพราะ Oracle Delphi Mk II ของคุณหมอติดอาร์ม SME 309 แต่ในรูปนี้ติดอาร์ม Air Tangent ครับ

(http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRzmK5xTVd7K9mRHE7tKqBtidlOeCH9C4jmM_kInzdwciQ1O_O2ThrTx5Ra)

Oracle Delphi Mk II อีกรูปหนึ่ง
ถ้าจำไม่ผิด เครื่องของคุณ The Black Tulip หัวเสาทั้งสามต้นจะมีลักษณะอย่างที่เห็นในรูปนี้ครับ

(http://www.stereophile.com/images/archivesart/oracled2.jpg)

เห็นรูปอย่างนี้แล้วพี่ปีศาจฯใจแข็งได้อย่างไร  ปรึกษาคุณหมอขอผ่อนแบบช่วยคนบ้านเกือบน้ำท่วม
หรือผ่อนฝากเงินให้คุณหมอไปก่อนพอครบแล้วค่อยไปยกเหมือนกับการเก็บเงินซื้อเครื่องเสียงของพี่ปีศาจฯไง

เงินมันแข็งกว่าใจครับ
และผมก็ผู้น้อย ต้องเกรงใจผู้ใหญ่เค้าครับ

ว่าไปแล้วเทิร์นเทเบิ้ลของ Oracle Delphi MK II  น่าใช้มาก  เป็นรุ่นที่ผมชอบมากเช่นกัน  ถ้าผมยังเล่นแผ่นเสียงอยู่
ก็น่าจะหารุ่นนี้มาใช้เหมือนกันครับ  ได้อาร์มดีๆเยี่ยมไปเลย

รุ่น มาร์ค ทูว์ นี่มันเก่าก็จริง แต่ผมก็อยากได้ไปบูรณะครับ
หาช่างซ่อมทำการปรับปรุงทุกจุดดี ๆ และใส่โทนอาร์มเจ๋ง ๆ เข้าไปใหม่
เอาเทิร์นรุ่นใหม่สมัยนี้มาแลกก็ไม่ยอมครับ

เข้าไปอ่านกระทู้ที่พวกฝรั่งเขาคุยกันที่เว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง คนหนึ่งบอกว่าเพิ่งได้ Oracle Delphi Mk. VI มาในราคา 9k (เก้าพัน) เหรียญยูเอส (มีแต่แท่น ไม่รวมอาร์ม)

ผมมาลองนั่งนึกดูและอยากถามเพื่อน ๆ หรือใครที่เคยไปอยู่อเมริกาว่า สำหรับคนอเมริกันหรือพวกฝรั่งทั่วไปเนี่ย เงิน 9 พันหรือหมื่นเหรียญ มันเยอะมั้ยครับ? (สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ใช่พวกเศรษฐี) อ่านดูจากกระทู้ที่เขาเขียนแล้ว คนที่เขาได้ Oracle ตัวนี้มา ดูเหมือนจะหาเงินได้ง่ายจังเลยครับ

(http://www.coherent-systems.co.uk/images/Oracle/Large/D6b1.jpg)

อันที่จริงแล้วพี่ปีศาจฯน่าจะขายเทิร์นเทเบิ้ลตัวที่ใช้อยู่ออกไปแล้วเอาเงินที่ได้มาเป็นทุนเพื่อซื้อเทิร์นเทเบิ้ล Oracle Delphi MK II
ของคุณหมอผมว่าเพิ่มเงินไม่เท่าไหร่หรอกครับ (ยืมเงินเมียก่อนก็ได้) ขายเฉพาะตัวแท่นอย่างเดียวส่วนอาร์มของเก่าเอามาใช้ใส่ Oracle
ได้ไหม  วันก่อนผมยังคุยกับคุณหมออยู่เลยว่า  หากเทิร์นเทเบิ้ลดีๆใช้แค่เครื่องเดียวก็พอแล้วไม่ต้องมีหลายตัวใช้เสียเงินหรอกครับ
เมื่อเทิร์นเทเบิ้ล Oracle รุ่นนี้เป็นเหมือนกับเครื่องวินเทจที่พี่ปีศาจฯฝันมานานที่จะครอบครอง  วันนี้โอกาสอยู่แค่คืบที่ฝันจะเป็นจริง
ผมว่าลองวิธีที่ผมแนะนำน่าจะได้  ผมเข้าใจเทิร์นเทเบิ้ลตัวเดิมที่ใช้อยู่พี่ปีศาจฯอาจจะฝั่งใจและรักมันเหมือนกับ "รักครั้งแรก" ในชีวิตอะไรแบบนี้
แต่เมื่อวันนี้เจอกับรักแท้ที่รอคอยมานานแสนนานจะปล่อยโอกาสให้หลุดไปเหรอครับ ลองคุยกับพี่หมอดูซิว่าจะพอมีวิธีการอย่างไรได้บ้าง
ขอโทษทีทั้งคุณหมอและพี่ปีศาจฯที่ผมแนะนำแบบนี้  เพราะผมอยากจะให้พี่ปีศาจฯได้สมหวังกับรักแท้ครั้งนี้ บังเอิญผมไปเยี่ยมห้องฟังเพลง
คุณหมอครั้นใด(ซึ่งไปบ่อยมาก)มักจะเห็นสิ่งที่พี่ปีศาจฯรักวางอยู่ใต้โต๊ะเสมอ  เห็นแล้วปวดร้าวแทน ผมไม่ได้รักด้วยแต่เข้าใจกับความรักแท้เช่นนี้

เมื่อวันก่อนภรรยาผมบอกว่า เธอไปดูดวงผมตามวันเกิด ผมเป็นคนที่นารีอุปถัมภ์และมีภรรยาคอยเกื้อหนุน เพราะตัวผมเองเก็บเงินไม่ค่อยอยู่ ต้องให้แฟนหรือภรรยาช่วยเก็บให้ ผมได้โอกาสก็บอกเธอไปว่า "งั้นดีแล้ว ขอยืมเงินหน่อยสิ ปีนี้ท่าทางโบนัสไม่ค่อยดี" เธอก็รีบตอบว่า "น้อย ๆ หน่อย จะเอาไปซื้อเครื่องเสียงอีกล่ะสิ ฉันช่วยคุณไม่ได้ทุกครั้งหรอกนะยะ"

ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีครับ :'( :D :'(

Goldmund Studio เทิร์นเทเบิ้ลระบบ direct drive ที่กล่าวกันว่าเป็น direct drive ที่เงียบที่สุดในยุคหนึ่ง แม้ Linn Sondek LP 12 ซึ่งเป็นระบบสายพานแขวนลอยยังต้องหวั่นเกรง อาร์มลิเนียร์ไฟฟ้าคือจุดบอดของรุ่นนี้ ซึ่ง (ว่ากันว่า) เปราะบางมาก (แต่ผมว่าน่าจะขึ้นอยู่กับความหนักเบาของมือคนเล่นมากกว่า) เคยเห็นอาร์มลิเนียร์ถูกแทนที่ด้วยอาร์ม pivot ยี่ห้อ Wheaton Triplanar แล้วรู้สึกแปลก ๆ ดี แต่เกจิท่านแนะว่า อย่าใช้อาร์มอื่นเลย ของมันเองน่ะดีที่สุดแล้ว

(http://vintage-audio-laser.com/photofo/hornman/oracle/Goldmund_Studio.jpg)

อาร์ม Wheaton Triplanar บน Immedia Turntable ครับ

(http://www.tnt-audio.com/jpg/munich08/h08_3394.jpg)

สรุปแล้วว่า  "รักแท้"  ของพี่ปีศาจฯคงวางทิ้งไว้ใต้โต๊ะอยู่เช่นเดิมใช่ไหมครับ

ไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้นครับ

มาดูรูปเทิร์นเทเบิ้ลเก่า ๆ สวย ๆ กันต่อดีกว่า
เครื่องเหล่านี้ ถ้าเจอมันในสภาพใช้งานดี ๆ และมีเงินในกระเป๋าเราพร้อม ก็ไม่ควรลังเลที่จะพามันกลับบ้านครับ (รวมทั้งเครื่องที่ผมเอ่ยมาก่อนหน้านี้ทั้งหมดด้วย)
เมื่อกี้ Goldmund Studio คราวนี้เป็น Goldmund Studietto ซึ่งดูบอบบางกว่า Studio อย่างเห็นได้ชัด

(http://pic2.picturetrail.com/VOL990/4981985/10231365/146749608.jpg)

V.Y.G.E.R. Indian Signature
ราคา US $36000
เห็นเพื่อนของคุณ The Black Tulip คนหนึ่งก็มีเครื่องนี้ด้วยครับ

(http://www.ayonaudio.com/uploads/pics/Vyger.jpeg.jpg)

Hi-Fi News & Record Review ประจำเดือน March 2012 มีรีวิว Thorens 2035 ด้วย
ราคา (รวมอาร์ม) 2995 ปอนด์สเตอร์ลิง

(http://www.thorens.com/uploads/tx_templavoila/teaser-td2035_01.jpg)

ผมชอบเทิร์นฯของ Thorens รุ่นนี้  งานดีไซน์ดูอินเทรนมากๆเท่ห์ดีสีแดงด้วย(เหมาะกับบ้านเราที่ชอบสีแดง)

รุ่นนี้แท่นทำด้วยอะคริลิกนะครับ ดูเหมือนจะมีให้เลือกห้าสี คือ ใส ดำ น้ำเงิน เหลือง และแดง
ถือว่ายังมีความเป็นกลางอยู่ เพราะมีสีเหลืองเป็นออพชั่นให้ด้วยครับ :D

Walker Proscenium Black Diamond III
US $90,000 (เห็นราคาแล้วจับไข้เลย)

(http://www.extravaganzi.com/wp-content/uploads/2011/08/Walker-Audio-Proscenium-Black-Diamond-III-Turntable-1.jpg)

Kuzma Stabi XL
ไม่เซ็กซี่ แต่น่าเกรงขาม เพราะเอามวล (mass) เข้าข่ม
คงทำตลาดในเมืองไทยได้ค่อนข้างดี เพราะเคยเห็นนักเล่นชาวไทยบางท่านมีเจ้าตัวนี้ประจำการอยู่ในห้อง

(http://www.stereophile.com/images/archivesart/407kuzma.jpg)

เมื่อคราวก่อนพี่แจ็คได้เอารูปของ VPI Classic I มาลง
ราคาในเมืองไทยเมื่อปีก่อนก็หนึ่งแสนเศษ ๆ (รวมอาร์ม)
โดยส่วนตัวเห็นว่าสวยคลาสสิกดี แต่การจัดวางแท่นกับแป้นหมุนดูไม่ค่อยสมดุล
เหตุคงเป็นเพราะทำเผื่อไว้ให้ติดตั้งโทนอาร์มก้านยาวกระมังครับ

(http://jeffsplace.me/wordpress/wp-content/uploads/2011/01/Nirvana-146.jpg)

ตอนนี้ VPI มี Classic III แล้วจ้าา... (ภาพจาก stereophile.com)

(http://www.stereophile.com/images/1011vpi.promo_.jpg)

Thorens TD 124
เก่าก็เก่า เชยก็เชย ดีไซน์ก็ล้าสมัย (ในสายตาของผม) แต่ทำไมสาวก vintage hi-fi ถึงคลั่งไคล้นักหนาและยังตามหากันอยู่ได้ พอ ๆ กันกับ Garrade 301 & 401 เลยเชียว และราคาก็ใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่ ถ้าเจอสภาพสวย ๆ ล่ะก็ เจ็ดหมื่นแปดหมื่นก็ยังมีคนเอา (แต่ผมไม่เอาครับ)

(http://katzassaudio.com/Thorens%20TD%20124.JPG)

Michell Gyrodec เทิร์นเทเบิ้ลยอดนิยมในยุค 90's ประสิทธิภาพดี และสวยงามละม้ายคล้ายคลึงกับ Oracle Delphi ในแง่องค์ประกอบส่วนฐานซึ่งเป็นวัสดุอะคริลิก

(http://farm6.static.flickr.com/5250/5234582714_ac5bf5eeb1_o.jpg)

AR รุ่น ES-1 หรือที่เรียกกันทั่วไปว่ารุ่น The Legend ซึ่งเป็นเครื่องที่สวยคลาสสิกรุ่นหนึ่งและนิยมกันมากในสมัยก่อน ใช้ระบบสปริงแขวนลอยสามจุด (แต่ผมไม่ชอบตรงที่ต้องคอยจูนสปริงเป็นระยะ ๆ เช่นเดียวกับ Linn Sondek LP12 ครับ)

(http://1.bp.blogspot.com/_BfmuVxzYgGQ/TKJEGN3lidI/AAAAAAAAAPY/7ykx4qUHRgk/s1600/ar_stockar9_01.jpg)

Clearaudio รุ่น Concept
เป็นรุ่นเล็กราคาประหยัดของ Clearaudio เยอรมนี ราคาขายในเมืองไทยพร้อมโทนอาร์มไม่ถึงแสน (ราคาตั้งขายในอังกฤษ 1050 ปอนด์สเตอร์ลิง) แต่คุณภาพไม่ประหยัดตามไปด้วย เพราะติดห้าดาวจาก Hi-Fi Choice เรียบร้อยแล้ว เล่นได้ทั้งสปีด 33, 45 และ 78

ผมกำลังอ่านบททดสอบโทนอาร์มรุ่น Unify ซึ่งติดพร้อมมากับเครื่องรุ่น Concept ตัวนี้ ในหนังสือ Hi-Fi News & Record Review ฉบับ March 2012 อยู่ครับ

แหม... มันช่างน่าเล่นซะจริงจริ๊งงง... ;D

(http://www.audiophilia.com/wp/wp-content/uploads/2010/11/full-tabel1.jpg)

แวะมาเยี่ยมกระทู้นี้ของพี่ปีศาจฯชักอดใจไม่ไหวแล้ว     สงสัยต้องหาปัจจัยขั้นพื้นฐานของมนุษย์คือ "เงิน" เก็บออมไว้ซื้อเทิร์นเทเบิ้ล
มาเล่นบ้าง  แต่ต้องใช้เวลาศึกษาหาข้อมูลก่อนว่าจะเริ่มต้นอย่างไรให้เหมาะสมกับตัวเรา  โดยเฉพาะเรื่องสำคัญที่สุดต้องใช้ปัจจัยการลงทุน
ไม่มากเห็นทีต้องขอคำแนะนำจากพี่ปีศาจฯแล้วว่า  ผมควรจะเริ่มต้นกับฟอร์แม็ตเช่นไร

เริ่มต้นกับรุ่นนี้เป็นไงเห็นมีขายอยู่ในสภาพดีพอสมควร ผมไม่ห่วงเรื่องปรับจูนสปริงแขวนลอยอยู่แล้ว  หากว่าราคาไม่แพงเผื่อวันหน้าเบื่อจะได้ขาย
ไม่ขาดทุน ขอความเห็นคำแนะนำด้วยครับ

หรือจะเล่นพวกรุ่นวินเทจอาจจะราคาแพงไปเมื่อเทียบกับสภาพเครื่อง (รับไม่ได้เรื่องราคา) ความเห็นของพี่ปีศาจฯเป็นเช่นไรกับเรื่องเทิร์นฯวินเทจ

หรือจะรอเก็บออมปัจจัยแล้วถอยเทิร์นฯรุ่นประมาณนี้(อาจจะไม่ต้องเป็นรุ่นนี้) แล้วพี่ปีศาจฯว่าไง

อกอีแป้นจะแตก! :o
คุณอั๋น501ผู้เชี่ยวกรำด้านไฟล์เพลงจะหวนกลับมาคืนดีกับอะนาล็อกน้ำพริกถ้วยเก่า... ::)
โอ้... โน โน โน... อิมพอซซิเบิ้ล :o
(ล้อเล่นนะครับ) ;D

ตัวนี้ผมว่าถ้าได้ราคาไม่แพงและไม่มีปัญหาเรื่องปรับจูนสปริงเป็นระยะ ๆ ก็น่าลองครับ
เพียงแต่หาโทนอาร์มดี ๆ ไม่ต้องหนักมากมาใช้กับมันหน่อยก็เป็นอันแฮปปี้... แฮปปี้... ;D
เห็นคุณวิศัลย์แห่งนิตยสาร Audiophile แกใช้รุ่นนี้กับอาร์ม SME 3009 Improved อยู่
คนใกล้ตัว... ลองไปปรึกษาแกดูสิครับ ;D

TD-124 ถูกปั่นราคาในตลาดให้เกินจริงไปแล้ว
ผมว่าอย่าไปสนใจเลยครับ เว้นแต่จะได้มาในราคาสมเหตุสมผล

ตัวเนี้ยะ... น่าสนมาก มากกก... 8)
เล่นได้สามสปีด และเป็นประดิษฐกรรมเยอรมัน ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความทนทานหายห่วง (ซื้อใหม่ก็เล่นได้ยาวอีกหลายสิบปี)
ผมยังอยากได้เลย ถ้าไม่ติดว่า... :-X ;D :-X

เชิญอ่านรีวิวได้ข้างล่างนี้ครับ

http://www.techradar.com/reviews/audio-visual/hi-fi-and-audio/turntables/clearaudio-concept-710131/review

อีแป้นอย่าพึ่งอกแตก!เสียก่อน   อันที่จริงน้ำพริกถ้วยเก่าใช่ว่าจะไม่อร่อย  แต่อย่างว่าน้ำพริกนั้นต้องดูว่าใครเป็นคนปรุง
"สายน้ำไม่มีวันไหลกลับ"  อาจจะไม่ใช่เสมอไปสำหรับคนเล่นเครื่องเสียง  เพราะเท่าที่เห็นบางคนขายเครื่องเก่าไปแล้ว
วันหนึ่งเกิดอยากกลับมาเล่นเครื่องเก่าไปหาซื้อกลับมาเล่นอีกก็มีบ่อยไป  ผมยังไม่ได้อยากจะกลับมาเล่นเทิร์นฯ ณ ตอนนี้
แค่ต้องการหาข้อมูลเพื่อวันข้างหน้าเกิดอยากจะกลับมาเล่นอีกเท่านั้น  เพราะผมไม่ได้ติดตามกับเรื่องเทิร์นฯมานานมากแล้ว

Oh, the river that still returns! :o
ถ้าเคยมีประสบการณ์ช่ำชองมาแล้วอย่างคุณอั๋น501 ถ้ากลับไปเล่นอีก ไฉนเลยจะยาก ใช่มั้ยครับ :D

ผมไม่ได้ช่ำชองเรื่องเทิร์นเทเบิ้ลมากมายอะไรมากนัก     แค่รู้ "ผิวๆ"  คำนี้พี่ผีรับไม่ได้เดี๋ยวพี่แกไปผูกคอตายใต้ต้นผักชีอีก
อันที่จริงแล้วในเว็บเรามีผู้รอบรู้เรื่องเทิร์นเทเบิ้ลมากที่สุดก็คือ คุณหมอ นักเพลง, พี่ปีศาจแผ่นเสียง และพี่ผีคาลิกซ์  อาจจะถามว่าแล้ว
ท่านรองฯหรือคนอื่นๆที่เล่นแผ่นเสียงไม่รอบรู้เรื่องเทิร์นฯหรือไงก็น่าจะเป็นเช่นนั้น รอบรู้เรื่องแผ่นเสียงไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องเทิร์นเทเบิ้ลเสมอไป

ผิวๆ นี่ลึกเข้าไปถึงกระดูก เลยนะ

ไปๆมาๆพี่อั๋นเราจะกลับสู่อนาล๊อกอีกคร้้งเสียแล้ว :D

ไม่กลับไปเล่นอนาล็อกหรอกครับ      แค่หาข้อมูลไว้เป็นความรู้ให้กับตัวเองเท่านั้น    การจะกลับมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่
สำหรับการเล่นแผ่นเสียงนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ  เพราะเวลานี้ผมไม่มีแผ่นเสียงเก็บไว้เลยซักแผ่นจะเริ่มต้นซื้อเก็บคงไม่ไหว
ลำพังเฉพาะเทิร์นเทเบิ้ลน่าจะหามาเล่นไม่ยาก   แต่กับแผ่นเสียงซิต้องแสวงหาแบบพี่ปีศาจฯหรือพี่ผีผมคงไม่มีปัญญา
ต้นทางสัญญาณดิจิตอลซอฟต์ที่ผมเล่นอยู่นั้นมันแบ่งปันกันได้  "เพราะมันเป็นข้อมูลไม่ใช่ทรัพย์สินเหมือนแผ่นเสียงหรือซีดี"
เป็นคำพูดของร้านขายแผ่นเสียง/ซีดีมือสองบอกกับผมไว้   ว่าไงพี่ผีกับคำกล่าวเช่นนี้จริงหรือป่าว

ซื้อแผ่นเสียงที่ชอบฟังสักเดือนละสองสามแผ่น ปีหนึ่งก็ประมาณ 36 แผ่น
แค่นี้ก็พอแล้ว
ผมเองยังค่อย ๆ ทยอยซื้อทยอยเก็บเลยครับ

(ไฟล์หนัง ไฟล์เพลง ให้กันได้) "เพราะมันเป็นข้อมูล ไม่ใช่ทรัพย์สิน เหมือนแผ่นเสียงหรือซีดี"

เรื่องนี้ มองกันได้หลายมุม แล้วแต่คนมอง
ในส่วนตัวแล้ว..
"การให้" ย่อมดีที่สุดแล้วละ
เป็นสิ่งที่ยากที่สุด
ดั่งพระเจ้าสิบชาติ ที่เป็นชาดกเล่าสู่กันมา
พระเวสสันดร คือสุดยอดแห่งการให้
การให้สิ่งของ
หรือ การให้ชีวิตของตัวเอง
เป็นเรื่องชิลเดร็นๆ ไปเลย

สรุปว่า ถ้าไม่มีการให้ โลกนี้คงไม่มีพุทธะ..

อย่างนี้ต้องเรียกไฟล์ว่า "ฟอร์แมทแห่งมิตรภาพ" หรือ "ฟอร์แมท์มหาชน" ;D

เทิร์นเทเบิ้ล Clearaudio รุ่น Statement ราคา 150,000 เหรียญยูเอส
สงสัยคงจะแพงที่ฐาน เพราะหลายชั้นเหลือเกิน :D
ราคาขนาดนี้เห็นเขาว่าสามารถซื้อรถเบนซ์ได้หนึ่งคัน (ในอเมริกา) ครับ

(http://assets.gearlive.com/blogimages/clearaudio_statement.jpg)

ถ้าพี่แจ็คเป็นพระเวสสันดร กระพ้มขอเป็นชูชกก็แล้วกันนะครับ (ฮา) ;D :D ;D

โอเค..
วันอาทิตย์นี้ รอรับพีเอสบีได้เลย..  ;D

พี่ปีศาจฯพร้อมรับลำโพงได้แล้ว  อาทิตย์นี้ต้องการคนช่วยขนบอกมาได้เลย

ว่าง ๆ ก็ขอเชิญพี่แจ็คไปเลือกเอาแผ่นเสียงที่บ้านผมได้ตามสบาย
แล้วจะคัดแผ่นเด็ด ๆ ไว้ให้ครับ :D

Rega RP6
แค่เนี้ยะ... ราคาตั้ง 800 ปอนด์ :P

(http://www.rega.co.uk/product_images/RED-RP6-OFFSIDE-copy.gif)

SME Model 20/3
ราคา 8560 ปอนด์อังกฤษ (ราคานี้น่าจะรวมอาร์ม SME V ด้วยนะ ผมว่า)

(http://www.sme.ltd.uk/uploads/images/Model20-3-b.jpg)

เทริน์เทเบิ้ลของ THORENS  บริษัทเอลป้า ชอว์ เป็นตัวแทนจำหน่ายรายใหม่นำเอาเข้ามาขายในบ้านเราหลายๆรุ่น
อาทิเช่นTD 550, TD 350 (คุณธานี โหมดสง่า ทดสอบในหนังสือ GM2000 ฉบับล่าสุด), TD 2035, TD 309 หรือรุ่นเล็กๆ TD158, TD170
พี่ปีศาจฯลองหารูปมาลงด้วย

ดูเหมือน TD 550, TD 350, TD 2035 และ TD 309 จะมีรูปลงไว้หมดแล้วในหน้าก่อน ๆ
ลองย้อนกลับไปดูได้
ส่วนรุ่นที่เหลือผมจะลงรูปให้ดูต่อไปครับ

(http://image.ohozaa.com/i/503/zAsifA.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/w0LJTrJEEYyEMj3W)

Unison Research  GIRO  เป็นเทิร์นเทเบิ้ลรุ่นเดียวของค่ายนี้  ดีไซน์ตัวเครื่องได้สวยงามมากครับตามสไตล์อิตาลี เจ้านี้ทั้งแอมป์หลอด
หรือทรานซีสเตอร์งานดีไซน์ตัวเครื่องเป็นเอกอุเลยครับ

(http://image.ohozaa.com/i/73b/cQDWlB.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/w0X43F6tWThniFEI)

(http://image.ohozaa.com/i/b57/ciiYK0.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/w0X3WVvwyOrMccJG)

Simon Yorke Designs Series 7 & 9   เป็นเทิร์นเทเบิ้ลที่ไม่อาจจะไปหาซื้อตามร้านได้จะต้องสั่งจองเท่านั้นทั้ง 2 รุ่นซีรี่ส์ 7 และ 9
เก็บเอามาฝากพี่ปีศาจฯ ;)

(http://image.ohozaa.com/i/c6f/8Hj2cF.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/w12UdqBUR1tZCVuo)

เก็บรูปเทิร์นเทเบิ้ลมาฝากพี่ผีวินเทจโดยเฉพาะ  :D ;D :P

(http://image.ohozaa.com/i/e39/AyL88P.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/w12U4dabtSiDmK7m)

เก็บเอามาฝากพี่ปีศาจฯ :D :P

แพง และเสียงคงจะดี...
แต่ผมไม่ชอบดีไซน์ของมันเลยครับ :P

เครื่องกระเป๋าหิ้วแบบนี้ เมื่อประมาณ 30-40 กว่าปีก่อนเฟื่องมากครับ

ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา บังเอิญเจออัลบั้มรูปเก่าที่เคยถ่ายไว้เมื่อครั้งก่อนที่จะมีกล้องดิจิตอล เมื่อราว ๆ 8-9 ปีก่อนโน้น ผมเล่นเทิร์นเทเบิ้ล SOTA รุ่น Comet ซึ่งในยุคนั้นเป็นเทิร์นที่มีโหงวเฮ้งดี บึกบึน เสียงดี และราคาไม่แพง ผมซื้อเป็นมือสองได้มาโดยไม่มีฝาครอบ (ผมซื้อฝาครอบเอาเองต่างหากในภายหลัง) ผมเสียดายมันมาก ตอนนั้นไม่น่าขายมันให้เพื่อนไปเลย รูปที่นำมาโชว์นี้เป็นรูปแทน ส่วนที่เคยเป็นของผมนั้นเป็นรุ่นแรก ๆ เลบ ตัวแท่นเป็นสีดำด้าน แป้นหมุนสวยกว่าที่เห็นในรูป และโทนอาร์มเป็นของ Jelco ไม่ใช่ของ Rega ดังที่เห็นในภาพครับ

(http://www.tonepublications.com/media/sota-comet.jpg)

Transrotor Apollon TMD ติดอาร์มได้ 3 ตัว ราคา 33000 เหรียญยูเอส (เฉพาะแท่น)

ภาพจาก www.audiogon.com

(http://cgim.audiogon.com/i/rv/s/f/1197576420.jpg)

ผมมีความรู้สึกว่าเทิร์นเทเบิ้ลบางยี่ห้อน่าจะไม่ได้ทำตัวเครื่องเองไปจ้างบริษัทยี่ห้อเทิร์นฯบางยี่ห้อที่มีโรงงานผลิตทำให้  ยังสงสัยอยู่เลยว่า
แล้วคุณภาพเสียงจะดีกว่าหรือดีเทียบเท่ากับบริษัทหรือยี่ห้อที่ผลิตเทิร์นฯเอง  อย่างเช่นของยี่ห้อ Unison Research Giro ผมว่าน่าจะจ้าง
ยี่ห้อ Clearaudio ผลิตให้อันนี้เดาเอานะครับยังไม่ได้เช็คข้อมูล รูปร่างคล้ายกับรุ่น Emotion มาก

(http://image.ohozaa.com/t/4cc/L8OdXu.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/w1xSjvJqyhg7OZEY)

ถูกใจใช่เลย
แต่ว่า แพงกว่าบ้านผมอาศัยอยู่ซะอีกนะเนี่ย ฮิๆ

ของเล่นชิลล์ ๆ ของเศรษฐีออดิโอฟายล์น่ะครับ พี่แจ็ค :D
ถ้าซื้ออาร์มสามตัวอย่างที่เห็นในรูปและอุปกรณ์อื่นแต่งใส่เข้าไป สิริรวมราคาแล้วก็คงราว ๆ 50k ขึ้นไปได้มั้งครับ :P

Micro Seiki ชื่อนี้แม้จะกลายเป็นตำนานไปแล้ว แต่เครื่องเล่นแผ่นเสียงหรือเทิร์นเทเบิ้ลระดับวินเทจของเจ้านี้ก็ยังเป็นยอดปรารถนาของเหล่าไวนิลมาเนียคทั้งหลาย (รวมทั้งผมด้วย) -- ขอแต่เพียงให้มีโอกาสได้เจอและมีปัญญาไขว่คว้ามาก็แล้วกัน -- เรียกได้ว่า ยิ่งเก่า ยิ่งขลัง และยิ่งแพง ส่วนรุ่นที่เห็นข้างล่างนี้คือ SX-777 แต่ผมว่าโทนอาร์มที่ติดมากับเครื่องในรูปนี้มันดูเล็กไปหน่อย อย่างนี้มันต้องติดอาร์ม SME รุ่น IV หรือ V หรือรุ่น 12 นิ้ว หรือไม่ก็ Dynavector ตั้งแต่รุ่น DV-505 ขึ้นไปจึงจะสมน้ำสมเนื้อครับ
อยากได้ที่ซู้ดดด... :D

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/MICROSX-777L.jpg)

ปัจจุบัน Marantz ก็ยังคงผลิตเทิร์นเทเบิ้ลจำหน่ายกับเขาด้วย และราคาก็ไม่ใช่ ชิต ชิต ซะด้วย (ชิต มาจากคำในภาษาอังกฤษครับ) คือ 1600 เหรียญยูเอส สำหรับรุ่น TT-15S1 ในอนุกรม Reference อันที่จริงผมไม่ชอบเทิร์นเทเบิ้ลหน้าตาแบบนี้เลย แต่เอามาลงให้ดูไว้เป็นข้อมูลว่าของ Marantz ยังมีนะ ดังนั้น ไวนิลจึงยังครองโลกอยู่ ;D

(http://us.marantz.com/assets/images/products/TT-15S1/L_TT-15S1_D.png)

สวยจริงๆ
แต่ละเครื่องที่เอามาให้ดู  :D

http://www.youtube.com/watch?v=HwjUfac0etk

Micro Seiki SX-8000 & RX-5000 :o :o :o
เทิร์นเทเบิ้ลคู่นี้ขับเคลื่อนด้วยสายพานเส้นเดียวซึ่งฉุดโดยมอเตอร์ของรุ่น SX-8000 (เจ้าของดัดแปลงเอง) ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ เจ้าของเครื่องบอกว่าไม่ค่อยมีเนื้อที่วางเครื่อง จึงใช้สายพานเส้นเดียวและมอเตอร์ตัวเดียวฉุดสองเครื่องไปพร้อมกันเลย แต่เวลาเล่นจริง ผมคิดว่าเขาคงไม่เล่นสองตัวพร้อมกัน คงเพียงแต่ปล่อยให้ตัวหนึ่งหมุนว่างเปล่าไปก่อนครับ

(http://cgim.audiogon.com/i/vs/i/f/1225730551.jpg)

นักเล่นเครื่องเสียงเจ้าของ Micro Seiki คนนี้เป็นชาวเวียดนาม เห็นชุดซิสเต็มทั้งหมดของเขาแล้วถือว่าเล่นหนักมาก เพราะมี Micro Seiki อยู่หลายเครื่อง อีกทั้งยังมีทั้ง Thorens รุ่น Reference และ Prestige อีกต่างหาก แถม Thorens Reference พี่เค้าก็ไม่ได้มีแค่เครื่องเดียว ส่วนอุปกรณ์เครื่องเสียงอย่างอื่นก็มีแต่ไฮเอนด์จัดหนักทั้งสิ้น ลองไปดูซิสเต็มของเขาตามลิ้งค์ข้างล่างนี้ดู

http://cgim.audiogon.com/cgi-bin/vs.pl?vaslt&1225733731&viewitem&12&showall

พี่แจ็คเห็นแล้วเป็นไงบ้าง? รู้จักเครื่องหรืออุปกรณ์ชิ้นไหนที่เข้าตามั่งมั้ยครับ?

เฉยๆครับคุณปีศาจฯ
ต้องเอามือไปสัมผัส ถึงจะสปัสซั่มเอาง่ายๆครับ  :o

Denon DP 60L
เก่าแล้ว แต่สวยและดีครับ

(http://pic6.audiogon.com/i/c/f/1307612376.jpg)

Transrotor รุ่น Artus FMD ราคาขายในเยอรมนีตอนนี้ก็ราว ๆ 130,000 ยูโร (เท่านั้นเอง) เอื๊อกส์... :o

(http://img1.cokupicstatic.pl/c_big5074042.jpg)

ลองเทียบดูกับ Clearaudio รุ่น Statement ซึ่งมีราคาขายในอเมริกา 150000 เหรียญยูเอส
ผมไม่ชอบแป้นหมุนของ Clearaudio เลย เพราะมันดูเหมือนบาตรพระยังไงชอบกล :P

(http://assets.gearlive.com/blogimages/clearaudio_statement.jpg)

แป้นทรงบาตรพระ

ให้เสียงที่อิ่มบุญ และเสียงใสไร้มลทิน จากอาสวะเศร้าหมอง ที่ติดมากับแผ่นเสียงของท่าน

อีกทั้งทำให้การปล่อยวางของการยึดมั่นจากหัวเข็ม ส่งผลต่อสภาวะเสียงที่สมำเสมอ ไร้สิ่งปรุงแต่ง

สรุปคำเดียวว่า "คุ้ม"

สาธุ... ท่านผีฯช่างมีความเข้าใจลึกซึ้งในกลศาสตร์ของเทิร์นเทเบิ้ลยิ่งนัก
ข้าพเจ้าได้ประจักษ์แล้ว
นับถือ... นับถือ
แต่ทว่า 150000 เหรียญนี่ มัน"คุ้ม" ตรงไหน? เอา 31 คูณเข้าไปก็ 4,650,000 (บาท) ซื้อบ้านได้หลังนึงเชียวนะครับท่าน :D

Nottingham Analogue รุ่น Deco
แพลตเตอร์ของเทิร์นเทเบิ้ลรุ่นนี้ก็ออกทรงบาตรพระเช่นกันครับ

(http://decoaudio.com/wpimages/wpe8f20cdc_05.jpg)

สงสัยมานานแล้วครับ ไม่ทราบมีใครตอบหรือให้ความเห็นได้บ้าง?
ระหว่างเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นเล็ก ราคาหมื่นกว่าบาทขึ้นไป กับสุดยอดเครื่องเล่นแผ่นเสียงไฮเอนด์ราคาสี่ล้านกว่าข้างต้นนี้ คุณภาพเสียงต่างกันมากน้อยแค่ไหน? ช่องว่างระหว่างคุณภาพเสียงห่างกันเท่าใด? แล้วคุ้มหรือไม่ที่จะจ่ายเงินเพิ่มอีกสี่ล้านกว่าเพื่อแลกคุณภาพเสียงที่ดีขึ้น (แต่ไม่รู้จะดีขึ้นอีกเท่าไร)?

Nottingham Analogue รุ่น Anna Log
สวยครับ เคยอ่านเจอมาว่าตัวฐานหรือแท่นของเครื่องรุ่นนี้ทำด้วยไม้เก่าจากโบสถ์ยุคศตวรรษที่ 17 เชียวนะครับ

(http://decoaudio.com/wpimages/wp54a488ae_05.jpg)

เหมาะสำหรับคนบาปอย่างผม
ฟังเพลงไป สารภาพบาปไป ได้ขึ้นสวรรค์พลัน

สารภาพบาปเพราะเม้มเงินคนใกล้ตัวมาซื้อเทิร์นฯตัวนี้รึเปล่าฮะ พี่แจ็ค ;D :D ;D

Palmer Audio เทิร์นเทเบิ้ลสัญชาติอังกฤษ โดย John Palmer (ไม่ทราบว่าเกี่ยวดองอะไรกับ Carl Palmer มือกลองของ ELP รึเปล่า)
ตัวนี้ราคาขายในอังกฤษอยู่ราว ๆ 3000 กว่าปอนด์สเตอร์ลิงครับ

(http://1.bp.blogspot.com/_BfmuVxzYgGQ/TDi7c1iPzOI/AAAAAAAAAFU/HB9NW2qFRIQ/s1600/palmer2.bmp)

Rega RP6 ราคา 800 ปอนด์สเตอร์ลิง และกำลังมาแรงในอังกฤษอยู่ในขณะนี้ ตัวแท่นน่าจะมีให้เลือกลายสี คงจะถูกใจสาวกของ Rega แต่ผมขอผ่านครับ

(http://www.ultrahighendreview.com/uploads/images/videoimages/rega_rp6.jpg)

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาเครื่องเล่นแผ่นเสียงยุคใหม่ที่เป็นมาตรฐาน อัดแน่นด้วยประสิทธิภาพ ใช้งานง่าย และราคาประหยัด ผมขอแนะนำ Pro-Ject รุ่น Debut Carbon ซึ่งตัวแท่นมีให้เลือกหลายสี ราคาขายในอังกฤษ 300 ปอนด์ การันตีด้วยรางวัล Best Turntable under GBP 500 โดย What Hi-Fi Awards 2012 ของอังกฤษ แต่สำหรับผมแล้ว ยังไม่เซ็กซี่พอครับ

(http://www.project-audio.com/inhalt/bilder/debutcarbon_2.jpg)

Townshend Rock 7
Hi-Fi Choice Winner Award 2009

ภาพจาก www.townshendaudio.com

(http://www.townshendaudio.com/wp-content/uploads/2011/12/Townshend-Rock-7.jpg)

เครื่องเล่นแผ่นเสียง Well Tempered รุ่น Amadeus ราคาเมื่อประมาณสองสามปีก่อนอยู่ราว ๆ 2850 เหรียญสรอ. เห็นเขาว่าด้วยชื่อเสียงของ Well Tempered กับราคาและคุณภาพขนาดนี้ ถือได้ว่าเป็นเครื่องเล่นระดับเบสท์บายเครื่องหนึ่งเลยทีเดียวล่ะครับ

(http://media.tas.zeitpress.com/articles/images/well%20tempered%20amadeus.jpg)

ก่อนหน้านี้เคยพูดถึง Elite Rock 7 ไปแล้ว คราวนี้มาดูต้นตระกูล Elite Rock (Mk I) + Excalibur กันบ้าง ซึ่งอันนี้เป็นเทิร์นเทเบิ้ลยี่ห้อหนึ่งที่สะดุดตาสะดุดใจผมมานานแล้ว เข้าใจว่าในเมืองไทยน่าจะยังมีคนครอบครองและใช้งานอยู่ เพราะผมเคยเห็นเครื่องรุ่นนี้ในห้องของนักเล่นคนไทยจากนิตยสารเครื่องเสียงในยุค 80's และ 90's ครับ

ภาพจาก www.tapeheads.net

(http://i480.photobucket.com/albums/rr165/gamve/Elite%20Rock%20MK%20I/103-0328_IMG.jpg)

Audiomeca รุ่น Romance + อาร์ม Romeo ออกแบบสร้างโดย Pierre Lurne
เทิร์นเทเบิ้ลและอาร์มชุดนี้เคยทำตลาดและฮือฮาในบ้านเราอยู่พักหนึ่งเมื่อราวสิบกว่าปีก่อน ถ้าพอหาของมือสองในสภาพดีได้ ผมว่าก็น่าเล่นครับ

(http://www.tnt-audio.com/gif/romance.gif)

เชิญชมภาพเทิร์นเทเบิ้ล 10 เครื่องที่มีนัยสำคัญที่สุดตลอดกาลโดยนิตยสาร The Absolute Sound ได้ตามลิงค์ข้างล่างนี้ครับ

http://archdezart.com/2011/11/01/ten-most-significant-turntables-of-all-time-the-absolute-sound/

เยี่ยมยอดไปเลย
แต่ขอจ่ายหนี้เก่าให้หมดก่อนนะ อิๆ

ปล.เจ้าหนี้โปรดอดใจรอซักนี๊ดนึงก้าบ..

เทิร์นฯของยี่ห้อ Audiomeca นี้ไม่เคยเล่นแฮะ  แต่เคยเป็นเจ้าของเครื่องเล่นซีดีสุดสวยซึ่งออกแบบโดย Pierre Lurne เช่นกัน

เครื่องเล่นแผ่นเสียงของ Audiomeca ตัวนี้ทั้งสวยและเสียงดีครับ สมัยก่อนผมเคยลองฟังที่ฟอร์จูนทาวน์ ชั้น 3 มาแล้ว ตัวแท่นเป็นสีดำเปียโนมันวาว (แต่เสี่ยงต่อการเป็นรอยขนแมว) โทนอาร์ม Romeo ที่ติดมากับเครื่องนั้นไม่ธรรมดาเลย เพราะมันมีการเคลื่อนตัวและเคลื่อนที่ในลักษณะยืดหยุ่นและเป็นอิสระมากทั้งในแนวดิ่งและแนวระนาบ และปรับตัวไปตามความโค้งของร่องแผ่นเสียงและการกระเพื่อมขึ้นลงของแผ่นในขณะที่หมุนอยู่บนแป้นครับ

EMT เทิร์นเทเบิ้ลเยอรมันที่สมัยก่อนเคยใช้ในอุตสาหกรรมการกระจายเสียงเป็นหลัก ต่อมา ด้วยคุณภาพเสียงและความแข็งแกร่งทนทานสมบุกสมบันของมัน จึงค่อย ๆ เป็นที่นิยมกันในหมู่ audiophiles และบรรดานักสะสมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นฝรั่ง ญี่ปุ่น หรือแม้แต่พี่ไทยเองก็ยังมีกลุ่มนักเล่นที่คลั่งไคล้ EMT อยู่ ทั้งที่รูปลักษณ์และทรวดทรงของมันก็ดูบึกบึน เรียบ ๆ ทื่อ ๆ มิได้เซ็กซี่ชวนใจแต่อย่างใด

หลังจากที่การกระจายเสียงด้วยแผ่นเสียงได้ล่มสลายลง มีแผ่นเสียงและเครื่องเล่นแผ่นเสียงจำนวนมากทะลักออกจากสถานีวิทยุกระจายเสียงในประเทศยุโรป ในจำนวนนี้ก็มี EMT รวมอยู่ด้วย ซึ่งราคาค่างวดในการประมูลและซื้อขายกันในตลาดมือสองโดยทั่วไปก็โหดมิใช่เล่น รุ่นพิมพ์นิยมของ EMT คือ 927 และ 930 และที่เห็นอยู่ในรูปข้างล่างนี้คือรุ่น 930 ครับ

จาก www.soundden.com

(http://www.soundden.com/used-item/analog-used/image/emt-930st-01.jpg)

J.C. Verdier "La Nouvelle Platine" เทิร์นฯสุดยอดไฮเอนด์จากดินแดนน้ำหอม

(http://www.jcverdier.com/platineNouvelle/littleNewtrnt2.jpg)

Roksan Radius 5.2 พร้อมอาร์มรุ่น Nima และเรตติ้งห้าดาวแดงจาก What Hi-Fi อังกฤษ เขาบอกว่าด้วยรูปร่างหน้าตา สมรรถนะการทำงานและคุณภาพเสียงของมันในราคาประมาณ 1500 ปอนด์สเตอร์ลิง ถือว่าคุ้มค่ามาก แต่บางคนก็บอกว่า Roksan รุ่นเล็กรุ่นนี้อัพเกรดทีไร ราคาเริ่มจะไม่เป็นมิตรเข้าไปทุกที

ภาพจาก www.whathifi.com

(http://images.cdn.whathifi.com/sites/whathifi.com/files/imagecache/Reviews/images/roksan/roksan-radius-5-2.jpg)

Symphonic Line RG-6 เทิร์นเทเบิ้ลไฮเอนด์สัญชาติเยอรมัน แพลตเตอร์หนัก 24 กก. ตอนนี้กำลังทำตลาดอยู่ในบ้านเราครับ

(http://www.symphonic-line.com/products/plattenspieler_rg6_706.jpg)

ตอนนี้ Kuzma กำลังเปิดตัวเทิร์นเทเบิ้ลรุ่นใหม่ซึ่งมีรูปทรงบึกบึนสไตล์ย้อนยุด รุ่น Stabi M เห็นแล้วนึกถึง Goldmund รุ่น Studio ขึ้นมาทันทีเลยครับ

ภาพจาก http://audionut.net/

(http://audionut.net/wp-content/uploads/2011/06/Kuzma_StabiM_Tran.png)

Goldmund Studio กับอาร์มลิเนียร์ไฟฟ้าของเขาเอง -- เก่าแล้ว แต่ก็ยังดูคลาสสิกไม่จืดจางครับ

ภาพจาก www.aca.gr

(http://i290.photobucket.com/albums/ll252/Toptubes/HiEndPic/ANALOG/Turntables/Goldmund-Studio.jpg)

ขอเล่าเกร็ดเกี่ยวกับ Goldmund Studio สักเล็กน้อย จากคำบอกเล่าของนักเล่นบางคนที่ผมเคยเสวนาด้วยในยุคก่อน... Goldmund Studio เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ใช้ระบบขับตรงจากมอเตอร์หรือที่เรียกกันว่า direct drive ซึ่งดูไม่ค่อยจะเป็นที่โปรดปรานหรือสบอารมณ์ของนักเล่นที่ชอบหรือสนับสนุนระบบขับเคลื่อนด้วยสายพานเท่าใดนัก ด้วยเชื่อกันว่าระบบ direct drive ถ้าออกแบบมาไม่ดีจะส่งเสียงรบกวนหรือเสียงฮัมจากมอเตอร์ผ่านไปตามแป้นหมุนเข้าหัวเข็มผ่านโทนอาร์มและออกลำโพงให้เราได้ยินกัน ในอดีตผมเองเคยเล่นเครื่องของ Technics ที่เป็นระบบขับตรงอยู่สองสามรุ่น ก็มิได้รู้สึกว่าได้ยินเสียงรบกวนที่ว่านี้แต่อย่างใด (หรือเป็นเพราะหูของผมไม่ถึงเอง จึงสำเหนียกเสียงรบกวนที่ว่านี้ไม่ได้ -- ฮา ;D) ในยุคนั้น ประเด็นที่โต้เถียงกันบ่อยเรื่องหนึ่งก็คือระหว่างระบบขับเคลื่อนด้วยสายพานกับระบบขับตรง ระบบใดจะเสียงดีกว่ากัน ในที่สุดก็ลงความเห็นด้วยเสียงส่วนใหญ่ของคนในวงการว่า ในแง่ของการแยกการทำงานของแป้นหมุนออกจากการรบกวนของมอเตอร์นั้นไซร้ ระบบขับเคลื่อนด้วยสายพานเหมาะสมที่สุด โดยมี Linn Sondek LP12 เป็นแบบอย่างที่เด่นชัด แต่ต่อมาก็มี Goldmund Studio ที่ออกแบบมาด้วยระบบขับตรงซึ่งดูเหมือนจะท้าทาย Linn อยู่กลาย ๆ ว่าอย่าได้ทรนงตนไปเลย เพราะถึงแม้ว่าข้า (Goldmund) จะเป็น direct drive แต่ก็ออกแบบมาอย่างยอดเยี่ยมและเที่ยงตรง พร้อมที่จะชนเอ็ง (Linn) ได้ทุกเมื่อ อันนี้จริงเท็จประการใด ผมไม่ยืนยัน เพราะได้ฟังคำบอกเล่าของผู้มีประสบการณ์มาอีกต่อหนึ่ง แต่เคยได้ฟัง Goldmund Studio แล้ว เสียงของมันช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ เคยเห็นขายเป็นเครื่องมือสองอยู่ที่ราคาประมาณ 5xxxx บาทเมื่อเกือบสิบปีก่อน แต่ก็ไม่มีปัญญาคว้าเอามันมาเชยชมได้ และมีผู้รู้บางท่านเคยบอกว่าอาร์มลิเนียร์ไฟฟ้าของมันเองนั้นเปราะบางและเสียบ่อย ดังนั้นจึงอาจได้เห็น Goldmund Studio มือสองถูกโมดิฟายโดยใช้อาร์ม pivot อื่นแทน แต่ยังไงก็สู้อาร์มลิเนียร์ของเขาเองไม่ได้ครับ

Kuzma Stabi Reference รุ่นนี้ออกมาหลายปีแล้ว ราคาประมาณ 13000 เหรียญแคนาดา (ไม่ทราบข้อมูลของปีใด)

ภาพจาก www.planetofsoundonline.com

(https://www.planetofsoundonline.com/pImgs/8092685751315001976.jpg)

McIntosh ผู้ระบือนามในเรื่องแอมปลิฟายเออร์ หาใช่แต่เอาดีกับแอมป์อย่างเดียวไม่ -- สินค้าอื่น ๆ ของเขาก็มี -- ไม่เว้นแม้แต่เครื่องเล่นแผ่นเสียง ที่เห็นอยู่นี้คือ McIntosh MT10 ราคา 19999 เหรียญสรอ. เมื่อใดที่เห็นจอวียูมิเตอร์สีฟ้าที่เป็นเอกลักษณ์เช่นนี้ ก็ทายได้ไม่ผิดเลยว่านี่คือ McIntosh ครับ

ภาพจาก www.luxurydaily.com

(http://www.luxurydaily.com/wp-content/uploads/2012/03/mcintosh-turntable1.jpg)

ตามลิงค์ข้างล่างนี้มีเทิร์นเทเบิ้ลหรือเครื่องเล่นแผ่นเสียงอยู่ 10 เครื่องซึ่งได้รับการโหวตจากนิตยสาร The Absolute Sound ของอเมริกาว่าเป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่มีนัยสำคัญที่สุดตลอดกาล ทั้งนี้ หมายความว่าเครื่องเหล่านี้อาจไม่ใช่เครื่องที่เสียงดีที่สุดหรือมีคุณภาพหรือประสิทธิภาพดีที่สุดก็ได้ แต่ก็เป็นเครื่องที่แสดง milestone หรือหลักชัยแห่งวิวัฒนาการของเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ผ่านมาในแต่ละช่วงเวลาตั้งแต่อดีต (ซึ่งก็น่าจะเป็นยุคที่ไฮไฟสเตริโอรุ่งเรืองเป็นต้นมา) ในจำนวน 10 เครื่องนี้ก็มีทั้ง Linn Sondek LP12 และ Goldmund Studio รวมอยู่ด้วย (โดย Goldmund อยู่ในลำดับที่ 4) ทั้งสองเครื่องนี้มีระบบการขับเคลื่อนแตกต่างกัน Linn LP12 ขับเคลื่อนด้วยสายพานหรือที่เรียกกันว่าระบบ belt drive ส่วน Goldmund Studio นั้นใช้ระบบขับตรงจากมอเตอร์หรือ direct drive นั่นเอง Goldmund ออกจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี 1985 ในขณะที่ Linn LP12 ออกจำหน่ายมาตั้งแต่ยุค 70's แล้ว ถ้าจะให้ผมอนุมานจากการจัดอันดับครั้งนี้ ขอสรุปว่า Goldmund คือตัวแทนของเทิร์นเทเบิ้ลระบบ direct drive ซึ่งได้วิวัฒน์ไปถึงขีดสุดแล้วในช่วงยุค 80's ครับ

http://archdezart.com/2011/11/01/ten-most-significant-turntables-of-all-time-the-absolute-sound/

ไปเจอภาพชัด ๆ ของ Micro Seiki DDX-1500 ที่คุณอั๋น501เคยเป็นเจ้าของเมื่อในอดีต เครื่องที่เห็นในรูปติดโทนอาร์มถึง 4 ตัว (เห็นแล้วหายอยากไปเลย) เชิญตามลิงค์ข้างล่างนี้ครับ

http://gallerij.micro-seiki.nl/#26.0

(http://iloapp.micro-seiki.nl/data/_gallery//public/26/1324013698_resized.jpg?width=693&height=464)

Forsell Air Reference Turntable สัญชาติสวีเดน กับอาร์มแบบลิเนียร์ เครื่องนี้เคยมีขายและเคยฮือฮากันในบ้านเราเมื่อหลายปีก่อน ผมเคยไปยืนฟังมันเล่นออกลำโพง Pro-Ac Response 4 คุณภาพเสียงและรายละเอียดยอดเยี่ยมจริง ๆ ครับ

ภาพจาก www.lencoheaven.net

(http://pic17.picturetrail.com/VOL826/116254/201675/1537481.jpg)

EAT Forte turntable

(http://www.moxtone.com/images/EAT_turntable.jpg)

ภาพจาก www.moxtone.com

EAT Forte S turntable

(http://www.inner-magazines.com/uploads/images/News/Audio/Reviews/components3/EAT%20Forte%20S%204.jpg)

ภาพจาก www.inner-magazines.com

ลืมบอกไปว่า EAT ย่อมาจาก Euro Audio Team ซึ่งเป็นผู้ผลิตจากสาธารณรัฐเชค เขามีเว็บไซต์อยู่ตามข้างล่างนี้ครับ

www.euroaudioteam.com

Pro-Ject Xtension เทิร์นเทเบิ้ลรุ่นไฮเอนด์ของ Pro-Ject มีทั้งรุ่นที่ใช้กับอาร์ม 9 นิ้วและ 12 นิ้ว ที่เห็นในภาพคือรุ่นที่ใช้อาร์ม 12 นิ้ว โดยใช้อาร์มของ Ortofon ราคาอยู่ระหว่าง 4000-4500 ปอนด์สเตอร์ลิง มีตัวแทนจำหน่ายในบ้านเราสั่งเข้ามาขายแล้ว เท่าที่จำได้ คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณสองแสนกว่าครับ

ภาพจาก www.project-audio.com

(http://www.project-audio.com/inhalt/bilder/xtensionort.jpg)

VPI TNT HR-X turntable with JMW 12.6 tonearm
ราคาแล้วแต่ options และ cosmetics ที่เสริมใส่เข้าไปครับ

ภาพจาก www.stereophile.com

(http://www.stereophile.com/images/archivesart/506vpi.1.jpg)

DUAL ผู้ผลิตเครื่องเล่นแผ่นเสียงและเครื่องเสียงไฮไฟของเยอรมันที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังในอดีต ในยุคหนึ่งเคยออกเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นท็อปมาเครื่องหนึ่ง คือรุ่น Golden 1 ครับ

(http://img406.imageshack.us/img406/5452/dualgoldenone.jpg)

ท่านจอมยุทธ์ไร้สำนักฝากรูปเทิร์นมาให้พี่ปีศาจชมครับ

(http://sphotos-h.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/v/576102_277178975749216_1537327135_n.jpg?oh=130d5844ce41f711704369f3768afad5&oe=513BC615&__gda__=1362930875_491d399985eb07d420ed851f1c1fcc91)

(http://sphotos-h.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/v/644189_277180032415777_1394542828_n.jpg?oh=61268595d853e10a6e98f84add95f332&oe=513B8216&__gda__=1362928311_66abde18999c2765e4de285f45b3ea32)

น่าสนใจตรงอัดลงซีดีได้ครับ

ใช่แล้วครับ เป็นเครื่องเล่นที่เหมาะกับชาวไทยพร็อกฯเป็นอย่างยิ่ง เล่นได้ทั้งแผ่นเสียง ซีดี เทป แถมบันทึกแผ่นเสียงเป็นซีดีได้อีก :)
มีช่องต่อ USB ให้ด้วย มีแอมป์และลำโพงในตัวด้วยแฮะ มีจำหน่ายในบ้านเราด้วยราคาหมื่นต้นๆเท่านั้นคุ้มมากครับ ใครที่ถามผมเรื่อง
ซื้อชุดเครื่องเสียงในราคาไม่แพงแบบเล่นได้ทุกฟอร์แม็ต TEAC รุ่น LP-R550USB เครื่องนี้ตัวเดียวจบข่าว ;)

ขอบคุณครับ ดูแล้วคล้ายเครื่องเล่นแผ่นเสียงในสไตล์ music center (ซึ่งรวมภาครีซีฟเวอร์ไว้ในตัวด้วย) ที่ฮิตกันในยุค 70's เลย ซึ่งก็เป็นงานถนัดของ TEAC อยู่แล้วในการสร้างเครื่องในสไตล์ย้อนยุคแบบนี้ออกจำหน่าย แต่เรื่อง USB ผมไม่ขอออกความเห็น นักเล่นในยุคนี้หรือคนรุ่นใหม่หลายท่านคงชื่นชอบ เพราะสะดวกในการถ่ายโอนข้อมูล แต่ผมก็ยังพิสมัยเทิร์นเทเบิ้ลแบบเพียว ๆ อยู่ดีนั่นล่ะครับ

มาแล้วครับ สด ๆ ร้อน ๆ TechDAS Air Force One เทิร์นเทเบิ้ลสุดฮอตแห่งปี 2013 โดยผู้ออกแบบชาวญี่ปุ่นซึ่งเคยเป็นวิศวกรออกแบบเครื่องเล่นแผ่นเสียงให้แก่ Micro Seiki มาแล้วในอดีต เมื่อเห็นภาพของ Air Force One แล้ว ลองหลับตานึกถึง Micro Seiki SX-8000 ดู แล้วจะพอเข้าใจว่า Air Force One นั้นมีพื้นฐานการออกแบบมาจาก SX-8000 อันเลื่องชื่อในอดีตนั่นเอง ส่วนราคาก็... เมื่อบวกโทนอาร์ม Graham Phantom Elite เข้าไปก็จะอยู่ระหว่าง 8x,xxx ถึง 9x,xxx เหรียญสหรัฐ ไม่ทราบว่าขณะนี้มีผู้จัดจำหน่ายในเมืองไทยสั่งเครื่องนี้เข้ามายั่วน้ำลายเหล่าออดิโอไฟล์ของบ้านเราแล้วหรือยัง ถ้าอยากอ่านรายละเอียดและรีวิวเต็ม ๆ ก็ต้องอ่านคอลัมน์ของน้าไมค์กี้ Michael Fremer ใน Stereophile ฉบับเดือนเมษายน 2013 นะครับท่าน (บังเอิญผมเดินผ่านร้านหนังสือ เลยซื้อมาอ่านแก้ร้อน และก็ได้เจอเจ้ายักษ์ตนนี้เข้าพอดี) จบข่าว

ภาพจาก www.theaudiobeat.com

(http://www.theaudiobeat.com/ces2013/pics010813/graham_turntable_1.jpg)

พี่ปิศาจฯลองเข้าไปดูในเพจ ตาดู-หูฟัง มีโพสต์ไปเยี่ยมห้องฟังที่ขอนแก่นใช้เทิร์นฯตัวนี้เอามาเปิดเล่นแบบเธคแฮะ     http://www.facebook.com/groups/449410861756297/

ขอบคุณครับ สงสัยที่ขอนแก่นคงจะมีเธคไฮเอนด์นะฮะ แต่ผมไม่ได้ใช้ facebook ต้องขอโทษด้วยฮะ

Micro Seiki SX-8000 ตำนานที่ยังมีผู้เสาะแสวงหา

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/micro_sx8000_zps9b61c82f.jpg)

แรกที่ผมเห็นแป้นหมุนของ TechDAS ผมนึกถึง Micro Seiki ก่อนเพื่อนเลย แล้วมันก็มีพื้นฐานมาจาก Micro Seiki จริง ๆ เสียด้วย

(http://www.theaudiobeat.com/ces2013/pics010813/graham_turntable_1.jpg)

AMG (ย่อมาจาก Analog Manufaktur Germany) เห็นชื่อเต็มก็พอจะทราบว่าเป็นเทิร์นเทเบิ้ลที่มาจากประเทศใด รุ่นที่เห็นในภาพมองจากมุมบนนี้คือรุ่น V12 เล่นแผ่นสปีด 78 ได้ด้วย รูปทรงแปลกตาน่าสนใจ (ดูคล้ายยี่ห้อ Teres) เครื่องนี้ราคาประมาณ 15,000 เหรียญสหรัฐ (เท่านั้น) ครับ

(http://i-cdn.apartmenttherapy.com/uimages/at/032312-AMG-topvw.jpg)

ในอดีต นักเล่นแผ่นดำหลายท่านคงเคยประทับใจเทิร์นเทเบิ้ล Michell Gyrodec มาแล้ว มาปีนี้ Michell Engineering ได้เข็น Michell Gyro 25 Silver ออกมาเพื่อฉลองครบรอบ 25 ปีของรุ่น Gyrodec อันโด่งดังเมื่อกาลก่อน ด้วยรูปลักษณ์ที่ใกล้เคียงกับ Gyrodec ของเดิม แต่เติมความกิ๊บเก๋ด้วยแผ่นเพลทสีเงินตรงมุมซ้ายล่างของแท่นเครื่อง โดยออกแบบมาให้เอื้อต่อการนำโทนอาร์มมาเข้าคู่ได้อย่างหลากหลาย สนนราคาในอังกฤษของเจ้า 25 Silver นี้ก็ประมาณ 2000 ปอนด์อังกฤษ (เท่านั้นเอง เมื่อเทียบกับเทิร์นเทเบิ้ลรูปอัปลักษณ์ของเจ้าอื่นหลายเจ้าซึ่งตั้งราคาขายแพงกว่าเจ้าตัวนี้เสียอีก) และดูเหมือนตัวแทนจำหน่ายในไทยจะสั่งเข้ามาขายแล้วด้วย ดังนั้น ในยามที่ค่าเงินบาทแข็งตัวเช่นนี้ก็... ลุยเลยครับ พี่น้องงง... :D

ภาพจาก www.hifix.co.uk

(http://www.hifix.co.uk/graphics/pics/large/24512.jpg)

รูปข้างล่างคือ Gyrodec ของเดิมครับ

(http://farm6.static.flickr.com/5250/5234582714_ac5bf5eeb1_o.jpg)

AAS Gabriel / DaVinciAudio Reference Turntable Mk II สีแดงฉูดฉาด ในภาพ ติดอาร์มสี่ตัว... สุด ๆ ไปเลยครับ

ข้อมูลจาก www.da-vinci-audio.com

(http://www.da-vinci-audio.com/aas_gabriel03.jpg)

Ayre Acoustics DPS Turntable จากดินแดนแห่งเบียร์ เมืองมิวนิค เยอรมนี ราคาขายในสหรัฐ เก้าพันกว่าเหรียญครับ

ภาพจาก www.ayre.com

(http://www.ayre.com/images/products/dpsmain.jpg)

Dr. Feickert Blackbird Turntable ราคาขายในสหรัฐ (ไม่รวมอาร์ม) ประมาณ 8000 เหรียญครับ

ภาพจาก www.6moons.com

(http://www.6moons.com/audioreviews/feickert3/hero.jpg)

Brinkmann "Balance" Turntable เป็นเทิร์นเทเบิ้ลรุ่นใหญ่และแพงที่สุดของ Brinkmann ราคาขายเริ่มต้นในสหรัฐประมาณ 2x,xxxx เหรียญครับ

ภาพจาก www.hometheater.com

(http://www.hometheater.com/images/912premi.promo_.jpg)

ขออนุญาตอัพเดทเรื่องราวของเทิร์นเทเบิ้ลสวย ๆ และเซ็กซี่กันหน่อยครับ ช่วงนี้กระแสการเล่นเทิร์นเทเบิ้ลน่าจะคึกคัก เพราะสังเกตจากหน้าโฆษณาของนิตยสารเครื่องเสียง เห็นมีผู้นำเข้าเครื่องเสียงบางรายสั่งเทิร์นเทเบิ้ลยี่ห้อที่ไม่เคยมีจำหน่ายในบ้านเราเข้ามาให้ได้เล่นกัน อย่างยี่ห้อ Acoustic Solid ของเยอรมัน ซึ่งทั้งบึกบึนน่าเกรงขาม และแลดูสวยงามอยู่ในที ที่เห็นในภาพนี้คือรุ่น Royal รุ่นใหญ่ของเขาครับ

(http://img505.imageshack.us/img505/5230/royal1ga0.jpg)

Transrotor ซึ่งเป็นเทิร์นเทเบิ้ลอีกยี่ห้อหนึ่งของเยอรมนี บัดนี้มีผู้นำเข้ามาจำหน่ายในบ้านเราแล้วจ้าา...

ภาพจาก www.audiogon.com

(http://cgim.audiogon.com/i/rv/s/f/1197576420.jpg)

ประมาณ 35 ปีผ่านไป Linn Sondek LP12 ก็มีพี่น้องทีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกันคลอดตามมา นั่นคือ Linn Majik LP12 ซึ่งมีราคาย่อมเยากว่า แต่กระนั้นราคาก็ใช่ว่าใครต่อใครจะหาซื้อมาเล่นได้ง่าย ๆ ราคาขายในอังกฤษ 2350 ปอนด์ ส่วนในเมืองไทยก็ราว ๆ 1xx,xxx บาทครับ

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/linnmajik_zps24691561.jpg)

Thorens TD-550 ราคาซื้อใหม่ตอนนี้ 4xx,xxx ราคาขนาดนี้คงเจอคู่แข่งยี่ห้ออื่นอีกหลายยี่ห้อจนหืดขึ้นคอแน่นอนครับ

(http://www.stereomojo.com/TTWEIGHTS%20REVIEW/images/Thorens-TD-550.jpg)

Luxman ตอนนี้ก็มีเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นใหม่ออกมาเช่นกัน คือรุ่น PD-171 เห็นตัวแค่นี้ ใคร ๆ คงคิดว่าไม่น่าจะแพงมาก ลองทายซิครับว่าราคาเท่าไร -- ก็แค่ 6400 เหรียญสหรัฐ (เท่านั้นเอง) ครับ

ภาพจาก www.onahighernote.com

(http://www.onahighernote.com/images/product_categories/PD171_cover_small.jpg)

อันที่จริงเครื่องเล่นแผ่นเสียงของ Luxman ตระกูลที่ขึ้นต้นด้วย PD นั้นมีมานาน ตั้งแต่ยุค 80's แล้ว ซึ่งในสมัยนั้นมีอยู่หลายรุ่นที่ Micro Seiki เป็นผู้ออกแบบและผลิตให้ เช่นรุ่น PD-310 ซึ่งสมาชิก Thai Prog ท่านหนึ่งกำลังมีอยู่ในครอบครองในขณะนี้

(http://i290.photobucket.com/albums/ll252/Toptubes/HiEndPic/ANALOG/Turntables/Luxman-PD310.jpg)

ใหญ่กว่า PD-310 ขึ้นมาอีกนิด คือ Luxman PD-350 ซึ่งออกสู่ตลาดประมาณต้นถึงกลางยุค 80's

(http://i9.photobucket.com/albums/a52/jasnev/Hi%20Fi%20and%20Horology/Cheeky%20and%20Nelly/NellyPD350front.jpg)

Micro Seiki สองเครื่อง ติดอาร์มหกตัว ใช้มอเตอร์ชุดเดียวขับเคลื่อนทั้งสอง decks พร้อมกัน แต่เส้นโต ๆ ข้างหลังนั่นไม่ทราบว่าสายอะไร ใครทราบช่วยตอบหน่อยครับ

จาก www.sashafrerejones.com

(http://www.sashafrerejones.com/2%20turntables%20and%206%20arms.jpg)

รูปที่คุณปีศาจฯ นำมาลง สวยๆ ทั้งนั้นเลยครับ แต่ผมอยากได้แบบใสๆ หรือมีไฟส่องจากด้านใต้สำหรับเล่นแผ่นสีครับ

(http://i236.photobucket.com/albums/ff271/panyarak/zx8_zpsb3d599cd.gif) (http://s236.photobucket.com/user/panyarak/media/zx8_zpsb3d599cd.gif.html) (http://i236.photobucket.com/albums/ff271/panyarak/zx3_zps39154115.jpg) (http://s236.photobucket.com/user/panyarak/media/zx3_zps39154115.jpg.html) (http://i236.photobucket.com/albums/ff271/panyarak/zx6_zps853a8dc7.jpg) (http://s236.photobucket.com/user/panyarak/media/zx6_zps853a8dc7.jpg.html) (http://i236.photobucket.com/albums/ff271/panyarak/zx7_zps93e60aa9.jpg) (http://s236.photobucket.com/user/panyarak/media/zx7_zps93e60aa9.jpg.html) (http://i236.photobucket.com/albums/ff271/panyarak/zx2_zpsf507511d.jpg) (http://s236.photobucket.com/user/panyarak/media/zx2_zpsf507511d.jpg.html)

ถ้าแผ่นสีแบบนี้ มีแสงส่องจากด้านใต้ คงสวยดีครับ (http://i236.photobucket.com/albums/ff271/panyarak/zx10_zps89190ff2.jpg) (http://s236.photobucket.com/user/panyarak/media/zx10_zps89190ff2.jpg.html)

แบบนี้ แฟนซีมากเลยครับ

(http://i236.photobucket.com/albums/ff271/panyarak/zx1_zpsa0cc1651.jpg) (http://s236.photobucket.com/user/panyarak/media/zx1_zpsa0cc1651.jpg.html)

เครื่องนี้ใช้เลเซอร์อ่านข้อมูล ไม่ทราบว่า ใช้ได้ดีแค่ไหน

(http://i236.photobucket.com/albums/ff271/panyarak/zx5_zpsb1147df5.jpg) (http://s236.photobucket.com/user/panyarak/media/zx5_zpsb1147df5.jpg.html)

ไปเจอเครื่องนี้ แต่ไม่ทราบว่า เอาไว้ทำอะไร

(http://i236.photobucket.com/albums/ff271/panyarak/zx4_zpsfd160885.jpg) (http://s236.photobucket.com/user/panyarak/media/zx4_zpsfd160885.jpg.html)

เครื่องนี้คือ ELP Laser Turntable (ชื่อยี่ห้อเหมือนชื่อย่อของวงพร็อกชื่อดังวงหนึ่งเลย) ซึ่งใช้นวัตกรรมอ่านสัญญาณจากร่องแผ่นเสียงด้วยแสงเลเซอร์แทนปลายเข็ม ถ้าจำไม่ผิด เจ้าตัวนี้โด่งดังมากในยุค 90's ว่ากันว่าราคาแพงมาก แต่เสียงดีและได้รับเสียงชื่นชมกันมากในยุคนั้น แต่โดยส่วนตัว ผมไม่ได้สนใจ เพราะชอบเครื่องที่ใช้ปลายเข็มแบบดั้งเดิมมากกว่าครับ เครื่องนี้เคยมีรีวิวโดย Jonathan Valin แห่งสำนัก The Absolute Sound อยู่ มาดูบทสรุปความเห็นและคำเตือนส่งท้ายที่คัดมาโดยย่อดังต่อไปนี้ครับ

The ELP is a fascinating device that offers unique benefits to folks with large collections of rare recordings. It will never scratch your LPs; it is relatively immune to airborne or floorborne feedback; it can, in some instances, let you play records that are unplayable on conventional turntables; and it is pleasant to listen to (unless you defeat ANB). At the same time, it’ll never set your foot tapping or your baton-arm waving the way even an inexpensive turntable/arm/cartridge will.
.......................................................
.......................................................
[2] Caveat emptor: The ELP will only play back “black” vinyl records. Specialty records pressed on clear or colored vinyl will not work.

คำเตือนคือ ใช้เล่นได้กับแผ่นดำเท่านั้น ถ้าเป็นแผ่นใสและแผ่นสี เครื่องจะไม่ทำงานครับ

http://www.theabsolutesound.com/articles/elp-lt-1lrc-laser-turntable/

ขอบคุณครับ แต่คงสู้ราคาไม่ไหว คุณปีศาจฯ ทราบราคามั้่ยครับ

ราคาคงเริ่มต้นที่ US$ 16,000.00 เดี๋ยวนี้มีให้สั่งทำแบบ custom made ด้วย สามารถออร์เดอร์ที่เว็บไซต์ของเขาได้เลย ถ้าเป็นผม ราคาขนาดนี้ ผมสามารถเลือกถอยเทิร์นเทเบิ้ลสวย ๆ ตัวอื่นที่เล็งไว้มานอนกอดได้สบายเลยครับ

http://www.elpj.com/build/order.php

ผมใช้แต่เทิร์นมือสองครับ
ไม่เคยถอยของใหม่เลย
ประหยัดตังค์ ไปซื้อแผ่นดีกว่า
ชอบวงเยอะๆ แต่ไม่ซ้ำ เพราะตังค์เราน้อย

ใช่ครับ เทิร์นเทเบิ้ลดี ๆ หาซื้อเมื่อไรก็ได้ และผมคงไม่คิดจะซื้อของมือหนึ่งเช่นกัน ตราบใดที่ยังมีของขายอยู่ในตลาดมือสอง เพราะเจ้าของเดิมเลิกเล่น ตาย หรือด้วยเหตุอย่างอื่น ตอนนี้ผมจึงมุ่งเก็บแผ่นเสียงเอาไว้ก่อนดีกว่าครับ

ตามลิงค์ข้างล่างนี้คือ 10 เทิร์นเทเบิ้ลหรือเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ (เขาว่า) สุดหรู สุดเริ่ด สุดอลังการที่สุดในโลก ไล่เรียงจากราคาต่ำสุดไปหาแพงสุด จากการจัดรายการสิบอันดับที่กล่าวมานี้ ทำให้ผมทราบว่า เครื่องเล่นแผ่นเสียงราคาหลักหมื่นเหรียญยูเอสนั้นถือเป็นเรื่องธรรมดา (สำหรับคนอื่นเขา) จึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจแต่อย่างใด

http://cratedigs.tumblr.com/deluxe

อย่าง Goldmund Reference II (อันดับที่ 10) นี่ ราคา 300,000 เหรียญ (เท่านั้นเอง) ครับ

(http://media.tumblr.com/tumblr_lpn39cX9zt1qlqdt8.jpg)

ดูเหมือนจะเห็นผ่านตาในหน้าโฆษณาหนังสือเครื่องเสียงว่ามีเทิร์นเทเบิ้ลยี่ห้อ Scheu Analog (น่าจะอ่านออกเสียงว่า "ชอย อะนาล็อก") จากเยอรมนีขายในเมืองไทยแล้วด้วย... บรรยากาศช่างอบอุ่นดีจริง ๆ ครับ

ภาพจาก www.soundscapehifi.com

(http://www.soundscapehifi.com/images/das-laufwerk1-7-1.jpg)

Amazon เทิร์นเทเบิ้ลยี่ห้อนี้ก็เคยมาทำตลาดในบ้านเราเหมือนกัน เมื่อประมาณสิบปีก่อนเห็นจะได้ หรืออาจจะหย่อนกว่านั้นหน่อย รุ่นที่เห็นในภาพนี้คือ Referenz บวกอาร์ม Anisotropic ของ Morch รุ่น DP-8 ครับ

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/amazon_referenz_zps6fd4f4e3.jpg)

รุ่นนี้น่าใช้แฮะ ผมได้มาสภาพดีมากไฟเป็น 220 V ด้วยสภาพเดิมๆเลย ส่วนมากที่พอหาได้จะเป็นไฟ 110 V ต้องเอามาแปลงไฟ ;)

ถ้าซื้อในเมืองไทยหรือซื้อจากยุโรป ระบบไฟมักเป็นแบบ 220-230 โวลต์อยู่แล้ว แต่ถ้านำเข้ามาจากญี่ปุ่นหรือเมริกานี่ ใช้ไฟ 100-110 โวลต์ อันนี้น่าปวดหัว เพราะต้องใช้หม้อแปลง ถือว่าคุณอั๋น501 โชคดีมาก น่าอิจฉาครับ

Sansui SR-929 เทิร์นเทเบิ้ลระบบ direct drive สีดำสวย เพิ่งเห็นนะเนี่ยว่ามีรุ่นนี้อยู่ :D

ภาพจาก www.sansui-vintage.de

(http://www.sansui-vintage.de/images/sr929medium.jpg)

Transrotor รุ่น Artus ราคา 150,000 เหรียญสหรัฐ ลำพังแค่เครื่อง ผมว่าคงไม่เท่าไร แต่ที่ทำให้แพงคงเป็นแท่นเสารองรับนี่ล่ะครับ

ภาพจาก www.bornrich.com

(http://www.bornrich.com/wp-content/uploads/s3/1/2012/03/23/image_title_ksp9c.jpg)

Angelis Labor Gabriel ราคา 64,000 เหรียญสหรัฐ ติดอาร์มได้สี่ตัว

ภาพจาก www.bornrich.com

(http://www.bornrich.com/wp-content/uploads/s3/1/2012/03/23/image_title_ofbfr.jpg)

Da Vinci Audio Unison Mk II อีกรุ่นหนึ่งจากผู้ผลิตสุดยอดอภิไฮเอนด์จากสวิตเซอร์แลนด์ ราคา 27,800 เหรียญ สวยครับ

จาก www.bornrich.com

(http://www.bornrich.com/wp-content/uploads/s3/1/2012/03/23/image_title_fmqq9.jpg)

Transrotor Orfeo ราคา 14500 เหรียญสหรัฐ ตอนนี้มีผู้จัดจำหน่าย Transrotor ในบ้านเราแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่ามีรุ่นนี้หรือไม่ ลองสอบถามตัวแทนจำหน่ายเอาเอง ส่วนผมซื้อของมือหนึ่งพวกนี้ไม่ไหวแน่นอน จะทนรอต่อไปอีกแป๊บเดียวสักประมาณ 11-12 ปี (สิบปีทุกวันนี้สบายมาก เพราะมันไวจะตาย :D) คงจะได้เงินเก็บเงินสะสมสักก้อนมาซื้อเทิร์นเทเบิ้ลเจ๋ง ๆ และหะรูหะราสักเครื่อง ถึงตอนนั้นเจ้าของเดิมที่เคยครอบครองของพวกนี้อยู่คงเลิกเล่นหรือไม่ก็ล้มหายตายจากไปบ้างแล้ว อย่าคิดอะไรมาก -- สมบัติผลัดกันชม -- ตอนนี้ขอสะสมแผ่นดำไปพลาง ๆ ก่อน มีเครื่องดี ๆ แพง ๆ ไว้ใช้ แต่ไม่ค่อยมีแผ่นให้มันเล่น ก็ป่วยการครับ ;D

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/transrotor_orfeo_zps51a81e91.jpg)

เทิร์นเทเบิ้ล Bergmann Sindre ราคา 20000 เหรียญสหรัฐ

ภาพจาก www.stereomojo.com

(http://www.stereomojo.com/Bergmann%20Sindre%20Turntable%20review/images/with-shadow.jpg)

Kodo "The Beat" Turntable ราคา 24000 เหรียญสหรัฐ ยี่ห้อนี้ ไม่ทราบมีใครสั่งเข้ามาขายในบ้านเราแล้วบ้างหรือยัง

ภาพจาก www.stereomojo.com

(http://www.stereomojo.com/Kodo%20The%20Beat%20Turntable%20Review/images/KODOHEADER.jpg)

Hanss Acoustics T-30 Turntable ยังไม่ทราบราคา

ภาพจาก www.stereophile.com

(http://www.stereophile.com/images/archivesart/210hanss.1.jpg)

Loricraft Model 501 หรือ Garrard 501

ภาพจาก www.smartdevicesinc.com

(http://www.smartdevicesinc.com/501-oblique.jpg)

Althea Musica รุ่น Vega Masterpiece ราคาประมาณ 33000 ยูโร

ภาพจาก www.bornrich.com

(http://www.bornrich.com/wp-content/uploads/s3/images/2009/07/03/vega-masterpiece-turntable_eo1fQ_48.jpg)

Simon Yorke Designs Series 7 Precision LP Playback System

ภาพจาก www.stereophile.com

(http://www.stereophile.com/images/archivesart/698yorke1.jpg)

Spotheim La Luce Turntable พร้อมอาร์ม SPJ ออกแบบโดย Judith Spotheim-Koreneeff หญิงชาวอิสราเอลที่มีถิ่นพำนักอยู่ในฮอลแลนด์

ภาพจาก www.stereophile.com

(http://www.stereophile.com/images/archivesart/1098luce.jpg)

ภาพจาก www.acousticimage.com

(http://www.acousticimage.com/laluce.jpg)

ภาพจาก www.spj-laluce.com

(http://www.spj-laluce.com/judy1.jpg)

SPJ La Luce CS Centoventi Turntable รุ่น ท็อป ออฟ เดอะ ไลน์ ผมหลงเข้าใจมานานว่า Spotheim La Luce ตัวข้างต้นนี้เป็นรุ่นท็อป ที่ไหนได้ กลับกลายเป็นรุ่นเล็กไปเสียนี่ ข้างล่างนี้สิครับ รุ่นใหญ่

ภาพจาก www.spj-laluce.com

(http://www.spj-laluce.com/turntable.jpg)

Rockport Technologies รุ่น Capella Mk II

ภาพจาก www.analogplanet.com

(http://www.analogplanet.com/images/2112.hifi98.14.jpg)

Bergmann Magne เทิร์นเทเบิ้ลพร้อมอาร์ม ราคา 12000 เหรียญสหรัฐ

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/bergmannmagne_zps7a9a3320.jpg)

Bauer Audio DPS เทิร์นเทเบิ้ลไฮเอนด์จากเมืองมิวนิค เยอรมนี

ภาพจาก www.stereophile.com

(http://www.stereophile.com/images/archivesart/410bauer.1.jpg)

Merrill-Williams R.E.A.L. 101 ราคาขายในสหรัฐประมาณ 6000 เหรียญครับ

(http://tas.zeitpress.com/resizer/articles/images/merrill-williams_real_101.JPG/?size=648,460)

Acoustic Signature เทิร์นเทเบิ้ลสัญชาติเยอรมัน รุ่น Ascona ราคา 38000 เหรียญยูเอส

(http://tas.zeitpress.com/resizer/articles/images/rsz_1acoustic_signature_turntable.jpg/?size=648,460)

Basis Audio รุ่น Inspiration ราคา 54000 เหรียญยูเอส

(http://www.theaudiobeat.com/ces2010/pics_010710/basis_inspiration.jpg)

JR Transrotor เทิร์นเทเบิ้ลเยอรมันอีกยี่ห้อหนึ่ง ที่เห็นคือรุ่น Dark Star ราคา 6000 เหรียญยูเอส

(http://tas.zeitpress.com/resizer/articles/images/212-ER-Transrotor-Dark-Star-3.jpg/?size=648,460)

เทิร์นฯรุ่นนี้ป๋านาวี เจ้าของหนังสืออออดิโอไฟล์ เล่นอยู่ในบ้านเรามีร้านตัวแทนสั่งเข้าขายด้วยแฮะ

Kronos Turntable จาก Kronos Audio ราคา 28000 เหรียญสหรัฐ ราคานี้คงเฉพาะแค่ตัวแท่นเท่านั้น ถ้ารวมอาร์มของ Graham และหัวเข็มรุ่นท็อป (น่าจะเป็นรุ่น XV1) ของ Dynavector ดังที่เห็นในรูป ราคาคงถีบขึ้นไปอีกประมาณหมื่นเหรียญครับ

http://www.theaudiobeat.com/ces2012/ces2012_kronos.htm

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/kronos_zps89c4e811.jpg)

คราวก่อนได้พูดถึงเทิร์นเทเบิ้ล TechDAS รุ่น Air Force One ไปแล้ว บัดนี้ TechDAS มีรุ่น Air Force Two (รูปบน) ออกมาแล้วจ้า...

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/techdasAF2_zps69306db3.jpg)

(http://www.theaudiobeat.com/ces2013/pics010813/graham_turntable_1.jpg)

คราวก่อน VPI มีรุ่น Classic 1 คราวนี้มี Classic 3 ออกมาแล้ว -- ชอบจังเลย -- ลายไม้ข้างแท่นเนี่ย สวยจริง ๆ แต่ผมเห็นว่าขารองน่าจะเป็นจุดบอดในเรื่องรูปลักษณ์และความสวยงาม ถ้าออกแบบขารองให้ดูสวยกว่านี้หน่อย ภาพรวมของเครื่องจะดูดีกว่านี้อีกเยอะครับ

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/vpiclassic3_zps70de7e08.jpg)

เทิร์นเทเบิ้ลของ Pear Audio "Blue" รุ่น Kid Thomas ซึ่งมีลักษณะรูปร่างคล้ายคลึงกับเทิร์นเทเบิ้ลของ Nottingham Analogue ก็ขออย่าได้แปลกใจไปเลย เพราะ Pear Audio ออกแบบโดย Tom Fletcher ซึ่งเคยเป็นผู้ออกแบบเทิร์นเทเบิ้ลให้ Nottingham Analogue มาแล้วหลายรุ่น ส่วน Pear Audio รุ่น Kid Thomas ที่เห็นอยู่นี้เป็นรุ่นพี่ใหญ่ ราคาขายประมาณหกพันเหรียญสหรัฐ ถ้าเอาอาร์มด้วยก็ต้องจ่ายเพิ่มอีก 2200 เหรียญครับ

ภาพจาก www.analogplanet.com

(http://www.analogplanet.com/images/imagecache/600_wide/Pear.JPG)

เทิร์นเทเบิ้ลของ Montegiro รุ่น Legno ของผู้ผลิตชาวเยอรมัน (อีกแล้วครับท่าน)

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/montegiro_legno_zpsce85c574.jpg)

ย้อนกลับไปดูหน้าเก่า ๆ ของกระทู้นี้ พบว่าภาพเครื่องเล่นแผ่นเสียงหายไปหลายภาพ เข้าใจว่าลิงค์ภาพต้นสังกัดคงจะล่มหรือเจ้าของภาพคงจะหวงไม่ให้นำมาแสดงในเพจอื่น ผมจึงทำการซ่อมแซมโดยใช้วิธีเก็บภาพไว้ในฐานข้อมูลส่วนตัวแล้วอัพขึ้น photobucket ก่อนจะนำมาแปะไว้ที่นี่ครับ

TechDAS นอกจากจะมีเทิร์นเทเบิ้ลรุ่น Air Force One และ Air Force Two แล้ว ยังมีหัวเข็ม reference MC phono cartridge รุ่น TDC01 ด้วย

ภาพจาก www.techdas.jp

(http://www.techdas.jp/image/TDC01_image.jpg)

Avid รุ่น Ingenium ราคาอยู่ระหว่าง 1350 ถึง 2560 เหรียญสหรัฐ ขึ้นอยู่กับอ็อพชั่น

ภาพจาก www.tonepublications.com

(http://www.tonepublications.com/media/Ingenium-full.jpg)

Dr. Feickert Analogue "Woodpecker" ราคา 8000 เหรียญสหรัฐ (ไม่รวมอาร์มและหัวเข็ม)

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/feickert_woodpecker_zpsffea482b.jpg)

Dr. Feickert Analogue "Firebird" ราคา 14000 เหรียญสหรัฐ ถ้าจะเอาอาร์ม Acoustical Systems Axiom (ดังที่เห็นในรูป) ด้วย ต้องจ่ายเพิ่มอีก 22500 เหรียญครับ (ราคาอาร์มแพงกว่าตัวแท่นเสียอีก)

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/feickert_firebird_zpscfaa6fba.jpg)

Jadis แบรนด์ฝรั่งเศสรายนี้เคยสร้างชื่อเสียงในบ้านเราด้วยแอมป์หลอดเสียงดี (และราคาแพง) มาแล้วหลายรุ่น มาบัดนี้ได้เข็น turntable ออกสู่ตลาดกับเขาบ้าง นี่คือรุ่น Thalie ซึ่งมีแท่นทำด้วยหินแกรนิต ราคาจำหน่ายอยู่ราว ๆ 43,500 ยูโรครับ

ภาพจาก www.analogplanet.com

(http://www.analogplanet.com/images/styles/600_wide/public/IMG_2871.JPG?itok=V-7rC14G)

Fons CQ30 เพื่อนร่วมชาติ (สกอตแลนด์) กับ Linn LP12 เมื่อแรกผลิต (ประมาณปี 1975-1976) มีราคาขายไม่ถึง 100 ปอนด์อังกฤษ เล่นแผ่นเสียงได้ 3 สปีด คือ 33 1/3, 45 และ 78 ในขณะที่ Linn ในขณะนั้นเล่นได้เพียงสปีดเดียว คือ 33 1/3 และราคาแพงกว่า นักวิจารณ์และกูรูเครื่องเสียงหลายคนฟังแล้วบอกว่าประสิทธิภาพแลพคุณภาพเสียงของ Fons CQ30 ไม่ได้ย่อหย่อนไปกว่า Linn LP12 สักเท่าใดเลย จะเรียกว่าเป็น Poor Man's Linn ก็ว่าได้ ผมอ่านเจอคอลัมน์เปรียบมวยระหว่างคู่นี้ในนิตยสาร Hi-Fi News ฉบับเดือนล่าสุด ก.ค. 2014 ด้วย เดี๋ยวถ้าเจออะไรเด็ด ๆ จะย่อมาเล่าสู่กันฟัง และถ้าใครเจอเครื่องมือสองสภาพดีก็ลองหามาฟังดูครับ

ภาพจาก www.aca.gr

(http://i290.photobucket.com/albums/ll252/Toptubes/HiEndPic/ANALOG/Turntables/FONS-CQ30.jpg)

Thorens TD226 เก่าแต่ลายคราม ติดอาร์มได้สองตัว

(http://www.audiocostruzioni.com/r_s/giradischi/thorens-226/thorens%20td226.jpg)

(http://www.audiocostruzioni.com/r_s/giradischi/thorens-226/sopra.jpg)

(http://www.audiocostruzioni.com/r_s/giradischi/thorens-226/thorens%20226%20coperchio.jpg)

ห้องฟังห้องนี้มีแต่ Micro Seiki ทั้งนั้นเลย และเป็นห้องของนักเล่นคนไทยเสียด้วย ขอถือโอกาสนี้ขออนุญาตท่านเจ้าของห้องนำรูปมาลงให้แฟน ๆ Micro ดูกันจะจะซะหน่อยนะครับ หวังว่าคงไม่ว่ากัน
ช่างเยอะและตระการตาจริง ๆ :o
เห็นแล้วรู้สึกอบอุ่น เพราะเท่าที่ทราบตอนนี้ Micro Seiki จำนวนมาก ถูกกว้านเข้ามาอยู่ในอุ้งมือของนักเล่นคนไทยหลายคน พอ ๆ กับที่นักเล่นหลายคนกำลังคลั่งไคล้ EMT อยู่ในตอนนี้...
เดาใจผมออกไหมครับ ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ :D

(http://www.htg2.net/index.php?action=dlattach;topic=76440.0;attach=177458;image)

(http://www.htg2.net/index.php?action=dlattach;topic=76440.0;attach=177459;image)

Transcriptors Hydraulic Reference เทิร์นเทเบิ้ลเก่าแก่ของอังกฤษ มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมในช่วงต้นยุค 70's ลองจินตนาการย้อนไปเมื่อ 40 กว่าปีก่อนสิครับ ในยุคที่มีแต่เครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ส่วนใหญ่เป็นฐานไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้าและแป้นหมุนเรียบกลม จู่ ๆ ก็มีดีไซน์ที่ล้ำหน้าและแหวกแนวอย่างนี้ออกมา แล้วจะไม่เรียกเสียงฮือฮาจากนักเล่นในยุคนั้นได้อย่างไร นี่คือตำนานและต้นแบบดีไซน์ให้เครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นหลังบางยี่ห้อได้เอาเป็นแบบอย่างครับ

ภาพจาก www.stefanopasini.it

(http://www.stefanopasini.it/images/Transcriptors%202929-2.jpg)

Transcriptors Hydraulic Reference ผลิตและออกจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี 1964 หรือ พ.ศ. 2507 เมื่อนับถึงปี 2557 นี้ อายุของมันก็ 50 ปีแล้ว ใครมี Transcriptors รุ่นนี้ที่ผลิตในยุคแรก ๆ (ไม่ใช่รุ่นที่ผลิตในยุคหลังโดย Michell Engineering) ก็ควรจะภูมิใจ จะเห็นได้ว่าเทิร์นเทเบิ้ลนั้นถือเป็นงานศิลปะที่ยั่งยืนและคงทน ถ้ารู้จักเล่นมันดี ๆ และบำรุงรักษาอยู่เสมอ 40-50 ปีก็ยังสามารถเล่นอยู่ได้สบาย ๆ ลองคิดเล่น ๆ ดู สมมติถ้าท่านอายุ 40 ปี แล้วท่านเพิ่งลงทุนซื้อเครื่องเล่นแผ่นเสียงหรือเทิร์นเทเบิ้ลที่ดีมีคุณภาพใหม่ ๆ มาสักเครื่อง น่าจะเชื่อได้ว่าเทิร์นเทเบิ้ลเครื่องนั้นจะอายุยืนกว่าท่านครับ (เพราะท่านอาจต้องตายก่อน)

http://www.transcriptors.eu/turntables/hydraulic-reference/

Garrard Transcription Turntable 301 & 401 รุ่น 301 ออกวางจำหน่ายเมื่อปี 1954 หรือ พ.ศ. 2497 ในขณะที่รุ่น 401 ออกวางจำหน่ายเมื่อปี 1965 หรือ พ.ศ. 2508 ทั้งสองรุ่นเป็นเทิร์นเทเบิ้ลระบบขับเคลื่อนด้วยลูกยาง และผู้ซื้อสามารถเลือกสร้างแท่น plinth เองได้ตามใจชอบ ใครที่เป็นเจ้าของเทิร์นเทเบิ้ลรุ่นใดรุ่นหนึ่งในสองรุ่นนี้ก็ลองคำนวณเอาเองก็แล้วกันครับว่า เมื่อถึงพ.ศ.นี้ มันจะมีอายุเท่าไรเข้าไปแล้ว เชื่อมั้ยครับว่า แม้จะโบราณเป็นรุ่นปู่ของเทิร์นเทเบิ้ลไปแล้ว แต่ก็ยังมีคนถามหาและซื้อขายกันในตลาดของเก่าด้วยราคาสูง และมีผู้รับจ้างทำการปรับปรุงบูรณะซ่อมแซมให้ใช้การได้ดีด้วย

Ars longa vita brevis ศิลปะยืนยงคงทน แต่คน (ศิลปินผู้สร้างและเจ้าของ) อยู่ได้ไม่ทนเท่า (ไม่นานก็ตายและถูกลืมเลือน)

(http://www.tnt-audio.com/jpg/loricr01.jpg)

ผมเอาลิงก์หัวเรื่อง (They Said) The 7 Sexiest Turntables in the World นี้ของพี่ปีศาจฯ ไปแปะไว้ในเพจ ตาดู-หูฟัง น่าจะมีผู้ที่สนใจ
และหลงใหลเรื่องเทิร์นฯ แวะเวียนมาอ่านกันบ้างล่ะ  ;)  บอกกล่าวพี่ปีศาจฯ ไว้ด้วยเพราะคงมีเพื่อนๆสมาชิกจากในเพจเข้ามาอ่านกันแยะ  ;)
พี่ปีศาจฯ บทความให้สาระดีๆแบบนี้เขียนไปเรื่อยๆเลยแฮะ   https://www.facebook.com/photo.php?fbid=534844619982649&set=gm.848312521866127&type=1&theater

เบื้องต้นมีเจตนาเพียงจะนำลิงค์ที่กล่าวถึงเทิร์นเทเบิ้ลหรือเครื่องเล่นแผ่นเสียง 7 เครื่องที่ (เขาว่า) เซ็กซี่ที่สุดในโลกมาให้ดูกันเท่านั้น ไป ๆ มา ๆ กลับกลายเป็นว่าไปดึงเอาเทิร์นเทเบิ้ลตัวอื่นอีกหลายยี่ห้อทั้งเก่าและใหม่มาให้ดูกัน อันที่จริงก็เกิดจากความไม่ตั้งใจหรือบังเอิญมากกว่า ถ้าอ่านเจอข้อมูลในหนังสือหรือเน็ตหรือนึกถึงเครื่องใดเครื่องหนึ่งขึ้นมา ก็จะพยายามหารูปมาลงให้ดูกัน ถือเป็นการบันทึกไปในตัว เผื่อวันใดวันหนึ่งใครจะไปรู้ ผมเกิดมีงบสักก้อนผสมกับความบ้าขึ้นมา จะได้ย้อนกลับไปดูว่า เทิร์นเทเบิ้ลสุดสวยไฮโซที่เคยหมายตาไว้นั้นมียี่ห้ออะไรรุ่นใดบ้าง จะได้สนองความอยากที่คุกรุ่นมานานได้ถูกยังไงล่ะครับ :D

คนทั่วไปมักคิดว่า Creek ทำแต่แอมป์และโฟโนสเตจ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อของเขา แต่อันที่จริง Creek ก็ผลิตเทิร์นเทเบิ้ลด้วยนะครับ ของเขาคือรุ่น Wyndsor เคยมีขายโดยตัวแทนจำหน่ายในเมืองไทย ราคาประมาณ 1xx,xxx บาท ที่เห็นในรูปเป็นเครื่องที่มาพร้อมกับ speed controller และโฟโนสเตจครับ

(http://usr.audioasylum.com/images/5/52725/P1020248.JPG)

Funk Firm มีเทิร์นเทเบิ้ลรุ่น Flamenca ออกวางจำหน่ายในราคา 1500 เหรียญสหรัฐ ถ้าจะเอาอาร์มรุ่น F6 ของเขาด้วยก็ต้องจ่ายเพิ่มอีก 595 เหรียญครับ

ภาพจาก www.analogplanet.com

(http://www.analogplanet.com/images/styles/600_wide/public/flamenca.JPG?itok=gCogyAWA)

เทิร์นเทเบิ้ลของ Kronos รุ่น Sparta ราคา 21500 เหรียญสรอ. บวกอาร์ม Andre Theriault รุ่น Helena ราคา 6500 เหรียญสรอ. บวกหัวเข็ม Dynavector รุ่น XV-1t ราคา 9250 เหรียญสรอ. เบ็ดเสร็จทั้งชุดนี้ก็ 37250 เหรียญสรอ. ครับ (ขออนุญาตกลืนน้ำลายหนึ่งเอื๊อก)

ภาพจาก www.theaudiobeat.com

(http://www.theaudiobeat.com/ces2014/extra_pics/kronos_sparta.jpg)

Acoustic Signature ขึ้นชื่อว่าเทิร์นเทเบิ้ลเยอรมัน รับรองว่าหายห่วงในเรื่องประสิทธิภาพ ความคุ้มค่าและความทนทานเมื่อเทียบกับราคา ปกติเรามักเห็น Acoustic Signature ทำแต่เทิร์นเทเบิ้ลตัวใหญ่ ๆ แป้นหมุนหนัก ๆ และราคาแพง เผอิญผมไปเห็นรุ่น Wow XL ในนิตยสาร The Absolute Sound ประจำเดือนมิ.ย. ของปีนี้ เห็นคนรีวิวเขาสรุปว่าเป็นรุ่นเริ่มต้นที่สร้างความเชื่อมั่นให้นักเล่นมือใหม่ในการขยับขยายเพิ่มประสิทธิภาพโดยการหาโทนอาร์มที่ดีมาเข้าคู่กับมันในอนาคต รุ่นนี้ราคาไม่รวมอาร์มก็ 2395 เหรียญสรอ. ก็ให้สงสัยว่าทำไมไม่ราคา 2400 เหรียญให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะครับ ท่านผู้ชม :D

(http://tas.zeitpress.com/resizer/articles/images/acoustic_sig_wow.png/?size=648,460)

ขยับสูงขึ้นมาอีกหน่อย ประมาณไม่เกินช่วงสามเท่าของราคาของรุ่น Wow XL นี้คือรุ่น Triple X ของ Acoustic Signature ในราคาเริ่มต้นที่ 6500 เหรียญสรอ. ซึ่งถือเป็นราคาที่กำลังพอเหมาะพอดีสำหรับเทิร์นเทเบิ้ลไฮเอนด์ทั่วไปในท้องตลาด เมื่อพิศดูรูปลักษณ์โดยรวมแล้ว ฟันธงได้เลยว่า สวย แกร่ง บึกบึน และน่าใช้ที่ซู้ดดด...

www.analogplanet.com

(http://www.analogplanet.com/images/styles/600_wide/public/signaturexxx.JPG?itok=gbFWmbB5)

เมื่อสองสามวันก่อนผมเดินผ่านแผงหนังสือฝรั่งในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เห็นนิตยสาร Stereophile ฉบับเดือนตุลาคม ซึ่งถือว่าเป็นฉบับพิเศษเพราะมีการ "จัดคลาสส์ให้เครื่องเสียง" โดยกองบรรณาธิการของเขาเป็นประจำทุกปี เครื่องเสียงของใครติดคลาสส์อะไรก็ไปเปิดฉบับของเดือนนี้ดูกัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเครื่องเสียงที่ไม่ติดคลาสส์ของ Stereophile เป็นเครื่องที่ไม่ดี เครื่องเสียงจะดีหรือไม่ อยู่ที่ตัวท่านผู้ใช้เอง หาใช่การติดคลาสส์หรือจัดอันดับของผู้ใดไม่

เรื่องสืบเนื่องจากการเจอหนังสือเล่มนี้แล้วหยิบติดมือกลับบ้าน (ไม่ได้หยิบมาเปล่า ๆ จ่ายเงินไปหลายร้อยด้วย) ก็คือ ผมพบเครื่องเล่นแผ่นเสียงและโทนอาร์มอีกหลายยี่ห้อที่ไม่คุ้นชื่อและยังไม่เคยนำมาลงให้ดูในกระทู้นี้มาก่อน ดังนั้น ขอเวลาไปศึกษาและหารูปภาพ แล้วจะทยอยนำมาลงให้ดูกันครับ

VPI Nomad เครื่องเล่นแผ่นเสียงสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายทั้งในแง่ทุนทรัพย์และขั้นตอนการเล่น ออกแบบมาโดยมีช่องเสียบหูฟังและโฟโนสเตจในตัว สามารถเสียบต่อตรงจากเครื่องเข้าแอมป์หรือลำโพงได้เลย สะดวกสบายไม่ยุ่งยาก แถมพกมาด้วยโทนอาร์มประสิทธิภาพสูงความยาว 10 นิ้ว เมื่อเทียบกับราคาแล้ว นับว่าคุ้มค่ามากครับ

www.enjoythemusic.com

(http://www.enjoythemusic.com/magazine/equipment/0814/vpi/vpi_nomad.jpg)

Oracle Paris เทิร์นเทเบิ้ลระดับเริ่มต้นหรือ entry level ของ Oracle แม้ระบุว่าเป็นเครื่องระดับเริ่มต้นและนักวิจารณ์ทางเมืองนอกบอกว่าเป็น bargain คือ ของดีราคาถูก ราคาเฉพาะแท่นยังปาเข้าไปตั้ง 3150 เหรียญสรอ.แล้วครับ ท่านผู้ชม แถมหุ่นยังดูธรรมดามาก คล้ายเครื่องของ Rega เลย ถ้าเป็นเฉพาะแท่นในงบราคานี้ ผมขออนุญาตเดินไปชมยี่ห้ออื่นก่อนครับ

www.enjoythemusic.com

(http://www.enjoythemusic.com/superioraudio/equipment/0212/oracle_paris.jpg)

เรายังอยู่ในโชว์รูมของ Oracle สำหรับรุ่น Alexandria Mk IV ของ Oracle นี้ ผมไม่ทราบว่าเก่าแล้วหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ ผมว่าดูย้อนยุคหรือรีโทรเก๋ไก๋ไปอีกแบบและดูดีกว่ารุ่น Paris ราคาประมาณ 4000 เหรียญสรอ.ครับ

www.tonepublications.com

(http://www.tonepublications.com/media/1166.jpg)

VPI Classic "Direct Drive" Turntable ราคาประมาณ 29,000-30,000 เหรียญสหรัฐ และมีรุ่นที่ต่อท้ายด้วยคำว่า "Signature" ด้วย แต่ผมไม่ทราบว่าราคาจะอัพขึ้นไปอีกเท่าไหร่ เอาแค่รุ่นเบสิคเหนาะ ๆ นี่ก็พอแล้ว ลองเอา 30 คูณ 29000 เข้าไป นั่นคือเงินไทยที่ท่านต้องจ่ายสำหรับเครื่องเล่นแผ่นเสียง VPI ระบบ DD ตัวนี้ครับ

ภาพจาก www.tonepublications.com

(http://www.tonepublications.com/media/1189.jpg)

Oracle Delphi VI ราคาขายในไทยตอนนี้ประมาณสามแสนบาท (ไม่มีอาร์ม) ซึ่งสอดคล้องกับราคาขายที่เมืองนอกซึ่งตั้งไว้ที่เก้าพันกว่าเหรียญยูเอสครับ

(http://www.coherent-systems.co.uk/images/Oracle/Large/D6b1.jpg)

Oracle Delphi Mk VI (ติดอาร์ม Graham Phantom)
อยากได้ที่ซู้ดดดด... แต่แฟนไม่ยอมให้เอาเงินเก็บในบัญชีธนาคารออกมาถลุงเล่น
ชีวิตก็เลยต้องเศร้าและเอวังด้วยประการฉะนี้ครับ จบข่าว

(http://cdn.analogplanet.com/images/1210oracle.4.jpg)

Vertere ชื่อนี้อาจดูใหม่ในวงการเครื่องเล่นแผ่นเสียง แต่ถ้าดูประวัติแล้ว ยี่ห้อนี้เป็นผลงานของนักออกแบบเทิร์นเทเบิ้ล Roksan รุ่น Xerxes และ TMS อันโด่งดังในยุค 80's และ 90's เขาผู้นั้นก็คือ Touraj Moghaddam ซึ่งออกจาก Roksan มาตั้งบริษัทผลิตเครื่องเล่นแผ่นเสียงใหม่ ซึ่งก็คือ Vertere นั่นเอง เมื่อวานได้มีโอกาสไปเห็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงยี่ห้อนี้ตัวจริงมาแล้วที่ Image Music & Film (Audio Excellence) อัมรินทร์พลาซ่า บอกได้คำเดียวว่า งามหยดย้อยชวนให้ถอยไปใช้งานเป็นที่สุด ที่เห็นอยู่นี้น่าจะเป็นรุ่น SG-1 (Standard Groove) ราคารวมโทนอาร์มตอนนี้อยู่ที่ 3xx,xxx บาท ราคานี้สามารถซื้อ VPI Classic 1 ของผมได้เกือบสามเครื่องเชียวนะครับ ไม่รู้จะใช้หนี้แม่และเก็บตังค์ใหม่อีกรอบได้เมื่อไหร่ถึงจะได้มีโอกาสเอา Classic 1 ไปเทิร์นที่ร้านแล้วถอยเจ้า Vertere ตัวนี้ออกมา บอกตามตรงว่า "เห็นแล้วนอนไม่หลับเลย" ตัวจริงสวยกว่าในรูปเยอะ

ภาพจาก www.stereophile.com

(http://cdn.stereophile.com/images/051914-tonearm-600.jpg)

This turn(table) is mine!
เทิร์นฯ best buy ก็ต้องอยู่กับคนที่ชอบเล่นของ best buy

ภาพจาก www.bobdevices.com

(https://www.bobsdevices.com/images/D/Classic-001.jpg)

Vertere อีกรูปครับ

ภาพจาก http://3.bp.blogspot.com

(http://3.bp.blogspot.com/-6X2q6ngK65A/VVGMva4yjmI/AAAAAAAAErs/gdRY0bkBoek/s1600/DSC04766.jpg)

ตอนนี้คุณอั๋นก็กลับมาวายนีลแล้ว
น่าจะหารุ่นนี้มาใช้นะครับ
คุณปีศาจ เขาไปรักกิ๊กหวีพี่อายซะแร้วว

ยินดีกับเฮียปีศาจลายคราม Paiboon Pokpoon ที่ได้เทิร์น VPI Classic 1 เข้าประจำการน้ำเสียงเป็นเช่นใดขยายความให้รู้หน่อยแฮะ

ยังเหลือเบิร์น-อินอยู่อีกประมาณร้อยกว่าชั่วโมงครับ อุปกรณ์ทุกอย่างใหม่หมด ถ้าพ้นช่วงร้อยกว่าชั่วโมงไปแล้วจะรายงานผลให้ทราบ ก็คงจะหลังปีใหม่นี้ไปแล้วครับ ;D

Vertere MG-1 record player ราคาเกือบสามแสน ถ้าปีหน้ายังพอมีเงิน ผมอาจจะเอา VPI ไปเทิร์นเป็น Vertere ก็ได้ ตอนนี้ขอไปคิดมุกโปรเจ็คท์หลอกเอาทุนจากสถาบันการเงินส่วนตัวของผมก่อนครับ (ฮา)

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/IMG_3232_zpsrgdkmkjl.jpg)

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/IMG_3233_zps44apooz5.jpg)

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/IMG_3234_zpsa5iwyfmr.jpg)

Rega RP10 เทิร์นเทเบิ้ลรุ่น top of the line ของ Rega ในขณะนี้ ราคา 5500 เหรียญสหรัฐ ขอสารภาพตามตรงว่าผมไม่เคยเล่นเทิร์นเทเบิ้ลของ Rega และไม่เคยคิดจะซื้อมาเล่น ทั้ง ๆ ที่มีหลายคนชื่นชมว่าเป็นของที่มีคุณภาพดี เหตุผลคือผมไม่ชอบดีไซน์ที่บอบบางดูไม่น่าเชื่อถือแบบนี้และโทนอาร์มออกแบบมาดูเหมือนจะบีบบังคับให้ต้องใช้กับหัวเข็มของ Rega เอง (ปรับมุม VTA ไม่ได้) ไม่ว่ากี่รุ่นที่ผลิตออกมาก็เป็นอย่างนี้ คอนเส็พท์แทบไม่เคยเปลี่ยน แล้วรุ่น RP10 นี่ราคาตั้ง 5500 เหรียญ ไม่รู้ว่ามีดีตรงไหน ถ้ากำเงินไปซื้อในงบประมาณขนาดนี้ ผมขอดูยี่ห้ออื่นเปรียบเทียบดีกว่า บางทีอาจจะได้เครื่องที่สวยกว่าและประสิทธิภาพดีกว่าด้วยครับ

ภาพจาก www.theaudiobeat.com

(http://www.theaudiobeat.com/equipment/pics/rega_rp10.jpg)

VPI Avenger เทิร์นเทเบิ้ลใหม่ล่าสุด รุ่น top of the line ของ VPI ติดอาร์มได้สองตัว ราคาขายเมื่อเปิดตัว 15000 เหรียญสรอ. แพงกว่ารุ่น Classic 1 ประมาณห้าเท่า หากเทียบราคากับ super hi-end deck ยี่ห้ออื่น ก็ถือว่าน่าสนใจสำหรับผู้มีงบประมาณขนาดนี้ครับ

เครดิตภาพ http://cdn.stereophile.com/

(http://cdn.stereophile.com/images/VPI_Bob.jpg)

เทิร์นเทเบิ้ลของ Brinkmann รุ่น Bardo ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ direct drive ผมเคยอ่านเจอรีวิวในนิตยสารเครื่องเสียงของไทยเล่มหนึ่งที่ออกวางจำหน่ายในเดือนนี้ เมื่อลองบวกราคาแท่น โทนอาร์ม และหัวเข็มรุ่น Pi เล่น ๆ ดูตามข้อมูลที่เขาได้แจ้งไว้แล้ว พบว่าราคาเซ็ตนี้ตักเข้าไปเกือบครึ่งล้านบาท (ทั้ง ๆ ที่เป็นรุ่นเล็กของ Brinkmann เอง) -- มากันแบบเปลือย ๆ อย่างนี้แหละครับท่าน -- ไม่รู้สิครับ เขาอาจจะมีเทคโนโลยีอะไรมากมายซ่อนไว้ใต้แท่นตัวนี้ก็ได้ แต่ถ้าผมมีเงินประมาณครึ่งล้านอยู่ในมือล่ะก็ ผมจะมีทางเลือกอื่นอยู่พอสมควรครับ

เครดิตภาพ http://cdn.stereophile.com/

(http://cdn.stereophile.com/images/styles/600_wide/public/511brink.promo_.jpg?itok=SFkEN1aG)

Acoustic Solid กับ Acoustic Signature เทิร์นเทเบิ้ลสองยี่ห้อนี้สร้างความสับสนให้ผมมาก เพราะขึ้นต้นด้วยคำว่า Acoustic เหมือนกัน และเป็นผลิตภัณฑ์จากประเทศเยอรมนีเหมือนกันอีกด้วย เห็นประเทศที่ผลิตแล้วก็คงพอจะอนุมานได้กระมังครับว่ามันจะแข็งแกร่ง บึกบึน และทนทานเท่าใด แต่ผมเชียร์ Acoustic Solid เพราะไม่ชอบดีไซน์ของ Acoustic Signature ครับ :D

http://www.acoustic-solid.com/en/

http://www.acoustic-signature.com/

Invictus เทิร์นเทเบิ้ลรุ่นเรือธงของ Acoustic Signature ใหญ่ สวย แกร่ง ติดโทนอาร์มได้สี่ตัวรอบแท่น สำหรับนักเล่นแผ่นดำผู้ที่เงินไม่ใช่ปัญหา รุ่นนี้ราคาคร่าว ๆ ก็ 123k เหรียญสรอ. ราคานี้ผมว่าไม่แพงเลย เพราะมียี่ห้ออื่นบางยี่ห้อที่แพงกว่านี้ -- ก็แหงล่ะ ไม่รู้จะพูดทำไม -- ก็จงใจจะไร้สาระน่ะ (ฮา) :D

เครดิตภาพ http://media.tas.zeitpress.com/

(http://media.tas.zeitpress.com/articles/images/Invictus.jpeg)

VPI Classic Signature พร้อมอาร์ม JMW 10.5 3D ราคาประมาณสองแสนกลาง ๆ เห็นแล้วก็เกิดกิเลสอีกแล้วอ้ะ 555 ;D

(http://img.ukaudiomart.com/uploads/large/1192058-new-vpi-classic-signature-w-jmw105-3d-printed-tonearm.jpg)

Mat Weisfeld CEO ของ VPI Industries ผู้ผลิตเครื่องเล่นแผ่นเสียงและอุปกรณ์ล้างแผ่นเสียง VPI (เขาเป็นลูกชายของ Harry Weisfeld ผู้ก่อตั้งบริษัท) จะเดินทางมาบ้านเราและให้โอกาสพบปะพูดคุยและตอบข้อซักถามกับบรรดาลูกค้าและผู้สนใจผลิตภัณฑ์ของ VPI ณ ร้าน Image Music & Film ชั้น 3 อัมรินทร์พลาซ่า วันที่ 26 ก.ค. 2559 ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป จึงฝากข่าวขอเรียนเชิญสาวก VPI ทั้งหลาย ถ้ามีเวลาว่างหรือแวะผ่านไปแถวนั้นก็แวะไปร่วมงานกันได้ งานนี้มีอาหารเย็นเลี้ยงฟรี ผมก็ว่าจะแวะไปเหมือนกัน แล้วเจอกันครับ

(http://cdn.stereophile.com/images/styles/600_wide/public/111713VPIPromo_0.jpg?itok=uHb2suHe)

http://www.stereophile.com/content/meet-mat-weisfeld-president-vpi-industries#2PUEAa1E3m4L8M6E.97

VPI Titan เครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นเรือธง ใหญ่กว่ารุ่น Avenger ติดโทนอาร์มได้สามตัว จะมีกำหนดผลิตออกจำหน่ายในปลายปีนี้ ที่เห็นในภาพคือตัวต้นแบบสินค้าและ Harry Weisfeld ผู้ก่อตั้ง VPI Industries Inc. และเป็นบิดาของ Matt Weisfeld CEO ของ VPI ในปัจจุบันครับ

(http://i1.wp.com/americanmadeaudio.com/wp-content/uploads/2016/06/13407037_10153604818030918_3018456722572339318_n.jpg)

จริง ๆ นะครับ ระดับอย่างผมไม่ถึงกับต้องได้เล่นรุ่น Titan (ซึ่งน่าจะมีราคาเกินล้าน) หรือ Avenger Reference แบบติดได้สองหรือสามอาร์ม (ราคาเกือบล้าน) หรอก ขอแค่รุ่น Classic Signature เพิ่มอีกเครื่องก็พอแล้ว บวกหัวเข็ม Dynavector DRT XV-1s อีกหนึ่งหัว เท่านี้ชีวีมีสุขครับ 555 :D ;D :D

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/vpi_10th_anniversary2_zpsztgqrtzw.jpg)

(http://i260.photobucket.com/albums/ii32/Afrikane/Vinyl/DynavectorDRTXV-1s_7060.jpg)

TW Acustic รุ่น "อัศวินดำ" หรือ Black Knight ราคา 40,000 เหรียญสหรัฐ

ภาพจาก http://usr.audioasylum.com/

(http://usr.audioasylum.com/images/5/52725/P1020285.JPG)

คราวก่อนดูเหมือนจะพูดถึงเทิร์นเทเบิ้ล TechDas Air Force 1 (ออกแบบโดย Mr. Nishikawa อดีตผู้ออกแบบ Micro Seiki) แต่ลืมบอกราคา ทราบมั้ยครับว่า เท่าไหร่ 105,000 เหรียญสรอ.ครับ

ภาพจาก http://www.theaudiobeat.com/

(http://www.theaudiobeat.com/ces2013/pics010813/graham_turntable_1.jpg)

ตามลิงค์ข้างล่างนี้คือเทิร์นเทเบิ้ลสามตัวที่มีราคาแพงที่สุดในโลก (สถิติเมื่อปี 2015) แชมป์คือ Goldmund Reference II ซึ่งมีราคา 300,000 เหรียญสรอ. ส่วนรองแชมป์อีกสองตัวนั้น คือ Basis Work of Art และ Transrotor Artus ซึ่งแต่ละตัวมีราคาครึ่งหนึ่งของ Goldmund นั่นคือ 150,000 เหรียญ อยากรู้ราคาเป็นเงินไทยเท่าไรก็ลองเอา 35 คูณเข้าไปนะครับ TechDas Air Force 1 ว่าแพงแล้ว (105,000 เหรียญ) พอเจอเจ้าสามตัวนี้คงต้องหลบชิดซ้ายไปก่อนล่ะครับ 555

http://www.thatericalper.com/2015/05/30/the-top-3-most-expensive-turntables-on-the-market/

เห็นเขาว่าถ้าซื้อ Goldmund Reference II ราคาสามแสนเหรียญไม่ได้ ให้ลองดูตัวนี้ซึ่งถือเป็น Poor Man's Goldmund Reference มันคือ Angelis Labor Gabrielle Turntable ซึ่งมีราคา 64,000 เหรียญครับ

(http://api.ning.com/files/8t*JqfHpfWh-4k5OEdp-pdnKVbdIYMV2HJjHaOvqbUdnf*j-B5B-cgt3WMjoK1YM5PpwoWkrnMK4oInV4moTgmu03oZdyiXi/turntable1.jpg)

รองลงมาจาก Basis Work of Art และ Transrotor Artus ที่พูดถึงไว้ข้างต้น (ซึ่งแต่ละตัวมีราคา 150,000 เหรียญสรอ.) ก็น่าจะเป็น Acoustic Signature Invictus ซึ่งมีราคาประมาณ 123,000 เหรียญครับ

เครดิตภาพ http://media.tas.zeitpress.com/

(http://media.tas.zeitpress.com/articles/images/Invictus.jpeg)

เทิร์นเทเบิ้ล Continuum รุ่น Obsidian ราคา US$ 35,000.00 บวกอาร์ม Viper ของเขาเองอีก US$ 10,000.00 เบ็ดเสร็จก็ US$ 45,000.00 (เท่านั้นเอง) ครับ

ข้อมูลจาก www.theaudiobeat.com

(http://www.theaudiobeat.com/highend2016/p3/continuum_2.jpg)

Pro-Ject ออกเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่น The Classic ราคาขายในอังกฤษ 799 ปอนด์ ซึ่งก็ถือว่าไม่แพงเกินไป น่าเล่นครับ

(https://cdn.mos.cms.futurecdn.net/jDPQdMAvuUckgghukXjjqB-1200-80.jpg)

จาก www.whathifi.com

To mark the company's 25th anniversary, Pro-Ject has launched a new turntable called The Classic...

Priced at £799, The Classic takes inspiration from some of the top turntables from the 1950s, 60s and 70s and includes a number of parts specifically made for this model, from new adjustable feet to a brand new tonearm.

Pro-Ject claims the turntable's two-plinth design helps isolate the sub-chassis and reduce interference between different parts of the deck. The design effectively decouples the motor from the turntable's main bearing and tonearm.

เครื่องเล่นแผ่นเสียง EAT C Sharp ราคา US$ 4,000.00 ครับ

(http://tas.zeitpress.com/resizer/articles/images/EAT_C_Sharp_Table.png/?size=648,460)

Technics ออกเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นใหม่ SL-1200G ซึ่งราคาไม่เบาเลย -- 4000 เหรียญสหรัฐ -- รูปร่างภายนอกดูเหมือนเครื่องเล่นแผ่นเสียงตระกูล 1200 เวอร์ชั่นต่าง ๆ ของเขาในอดีต แต่ผมไม่ทราบว่ามีอะไรดีถึงได้คิดราคาแพงขนาดนี้ ลองไปอ่านคอลัมน์วิพากษ์ของ TAS ข้างล่างนี้ดูครับ

http://www.theabsolutesound.com/articles/technics-sl-1200g-turntabletonearm/

(http://tas.zeitpress.com/resizer/articles/images/technics_sl1200g.png/?size=648,460)

Technics SL-1200 รุ่นเก่า

(https://i2.wp.com/www.synthtopia.com/wp-content/uploads/2007/10/technics-sl-1200-turntable.jpg?w=900)

ข้อความตอนหนึ่งที่เขียนไว้ในบทวิพากษ์ของ TAS เกี่ยวกับ Technics SL-1200G เขาบอกว่ารูปร่างภายนอกอาจดูเหมือนเครื่องเล่นตระกูล SL-1200 ในอดีต แต่ในเรื่องคุณภาพเสียงและสเป็คทางเทคนิคแล้ว มันดีเยี่ยมจนทำให้ SL-1200G เป็นคนละเรื่องกับ SL-1200 รุ่นก่อนนี้ไปเลย (แหม... ราคาตั้ง 4000 เหรียญสหรัฐนี่นะ แพงกว่า VPI Classic 1 ของผมเสียอีก มันก็ต้องมีอะไรดีอยู่บ้าง ถึงจะสมราคา เอาไว้ปีไหนหรือในอนาคต ถ้าเงินเหลือใช้ จะลองซื้อมาเล่นดูครับ 555)

The SL-1200G looks a lot like the historical SL-1200s. But this similarity in appearance is deceptive; as stated, the SL-1200G is another thing entirely. It is also a spectacularly good turntable, one that’s in the uppermost echelon of ’table design, and sells for a price that’s a small fraction of most of its high-end competition. History may repeat itself. Yet the SL-1200G ought to become symbolic of the triumph of formal technical excellence, and it could be that the high end will resist recognizing this. But this time things may be different, because the SL-1200G in fact really deserves the highest respect for its sound quality as well as for its technical specifications. It really sounds good!

(http://tas.zeitpress.com/resizer/articles/images/technics_sl1200g.png/?size=648,460)

VPI Prime Signature ราคาในอังกฤษ 6000 ปอนด์ นิตยสาร What Hi-Fi ในอังกฤษรีวิวให้ห้าดาว ราคาขายในบ้านเราสองแสนแก่ ๆ มีรุ่นไม้วอลนัทด้วย ผมไม่ทราบว่าราคาแตกต่างกันหรือเปล่าหรือว่าเท่ากัน อีกหน่อยจะมีรุ่น rosewood signature แท่นเป็นไม้ rosewood เคลือบเงาครับ

(https://images.cdn.whathifi.com/sites/whathifi.com/files/styles/big-image/public/brands/VPI/vpi_prime_signature_01.jpg?itok=5vUxDtNj)

https://www.whathifi.com/vpi/prime-signature/review

แม้จะแพงจะดีวิเศษแค่ไหน ในสายตาของผม ทรวดทรงอันคลาสสิกของรุ่น Classic 1 หรือ 3 หรือ Signature ดูเท่าไหร่หรือจะผ่านไปกี่ปี ก็ยังคลาสสิกอยู่ครับ

(http://jeffsplace.me/wordpress/wp-content/uploads/2011/01/Nirvana-146.jpg)

เครดิตภาพ www.bobsdevices.com

(https://www.bobsdevices.com/images/D/Classic-001.jpg)

ในภาพยนตร์เรื่อง The Mechanic และ The Mechanic: Resurrection พระเอกมือสังหาร (ซึ่งรับบทโดย Jason Statham) มีอารมณ์ละเมียดละไม เล่นแผ่นเสียงในยามว่างด้วย ในภาคแรก The Mechanic เครื่องเล่นแผ่นเสียงที่เขาใช้นั้น ผมไม่แน่ใจว่าเป็นยี่ห้อ Pro-Ject หรือเปล่า ส่วนเครื่องที่ใช้ในเรื่อง The Mechanic: Resurrection นั้นคือ Oracle Delphi Mk. VI สุดท้ายพระเอกก็ต้องระเบิดเครื่องเล่นแผ่นเสียงทิ้งในหนังทั้งสองภาคครับ (ถ้าในชีวิตจริงก็น่าเสียดายแย่เลยนะ 555)

ทราบแล้วครับ ถามอากู๋มา เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียง Pro-Ject RPM 9.2 ในหนังเรื่อง The Mechanic (ภาคแรก) นำแสดงโดย Jason Statham ครับ

เครดิตภาพ www.vinylengine.com

(https://www.vinylengine.com/turntable_forum/download/file.php?id=29742&mode=view)

Oracle Delphi Mk VI รุ่นนี้คือตัวที่เห็นในหนังเรื่อง The Mechanic: Resurrection (นำแสดงโดย Jason Statham) อยู่ในเรือยอชต์ พอพระเอกใช้เล่นฟังเพลงเสร็จแล้วก็ระเบิดเรือทิ้งซะงั้น ถ้าเป็นในชีวิตจริงก็เสียดายแย่ เครื่องเล่นแผ่นเสียงราคาตั้ง 3xx,xxx แน่ะครับ 555

เครดิตภาพ www.stereophile.com

(https://www.stereophile.com/images/styles/600_wide/public/116oracle.promo_.jpg)

ในชีวิตนี้ ไม่ขออะไรมาก นอกจาก VPI Classic 1 (ซึ่งได้มาเรียบร้อยแล้ว) ก็ขอให้ได้ Oracle Delphi อีกสักหนึ่งเครื่องก็แล้วกัน จะเป็น Mk V, Mk VI หรือ Mk อะไรก็ได้ในอนาคตครับ 555 ;D สาธุ

เครดิตภาพ http://tas.zeitpress.com

(http://tas.zeitpress.com/media/articles/images/thumbs/206-ER-OracleDelphi-1.jpg.648x460_q85.jpg)

VPI Prime Signature (Rosewood) ราคา 6800 เหรียญสหรัฐ เห็นแล้ว... อยากด๊ายยย... อีกแล้วครับท่าน 555

(https://static.wixstatic.com/media/5e0564_88aed8d3ad384551b535d9208b1548bb~mv2_d_4146_2988_s_4_2.jpg/v1/fill/w_508,h_366,al_c,q_80,usm_0.66_1.00_0.01/5e0564_88aed8d3ad384551b535d9208b1548bb~mv2_d_4146_2988_s_4_2.jpg)

Zontek Turntable เครื่องเล่นแผ่นเสียงสัญชาติโปแลนด์ ราคาเปิดตัว 14,000 เหรียญยูเอส หรือ 9900 ยูโร สวยคลาสสิกน่าเล่นอีกแล้วครับท่าน :D

เครดิตภาพ www.tnt-audio.com

(http://www.tnt-audio.com/jpg/zontek_delta.jpg)

เว็บไซต์ www.zontek.pl

Zontek Turntable ออกแบบและสร้างโดย Pawel Zontek สามารถติดตั้งโทนอาร์มได้สูงสุด 3 ตัว แต่ที่เห็นในรูปนั้นติดไว้แค่สองตัวครับ

เครดิตภาพ www.6moons.com

(http://www.6moons.com/industryfeatures/poland2012/323-5.jpg)

Rossner and Sohn MOTT (MOTT ย่อมาจาก Mother Of TurnTable หรือจะพูดเป็นสำนวนไทยก็ได้ว่าเป็น "โคตรเทิร์นเทเบิ้ล") เป็นผลงานของเยอรมัน น้ำหนัก 325 กิโล ราคาไม่เกิน 105000 ปอนด์อังกฤษ ต้องรอหกเดือนกว่าจะผลิตให้ได้ตามสั่งครับ

(https://cdn.mos.cms.futurecdn.net/wRdqweMjCDFXC7mspAYubL-650-80.jpg)

OneDof One Degree เคลือบผิวด้วยทอง 24 กะรัต หนัก 23 กก. ราคา 105,000 ปอนด์สเตอร์ลิง ครับ

(https://cdn.mos.cms.futurecdn.net/bESfTMB3BZjwSy2MMJFrue-650-80.jpg)

คราวก่อนพูดถึง turntable ฝรั่งเศส J.C. Verdier La Platine ไปแล้ว คราวนี้มี J.C. Verdier La Platine Magnum ราคา 95,000 ปอนด์สเตอร์ลิง แพลทเตอร์มีความยาวเส้นผ่านศูนย์กลาง 50 ซม. แผ่นเสียงที่เห็นในรูปนั่นคือแผ่น 12 นิ้วนะครับ

(https://cdn.mos.cms.futurecdn.net/UdMZcJsnARGb94xGmGkHuP-650-80.jpg)

Basis Audio Work of Art ราคา 105000 ปอนด์สเตอร์ลิง เห็นเขาว่ามีระบบลมดูดแผ่นให้แนบสนิทกับ platter และทำให้แผ่นเสียงที่คดงอนั้นมีความเรียบแบบถาวรอีกด้วย ไม่รู้จะจริงหรือเปล่า ใครเป็นเจ้าของเครื่องนี้บ้าง ช่วยยืนยันหน่อยครับ 555

(https://cdn.mos.cms.futurecdn.net/BmbhyqdfuRVd9Fzi5mwGHZ-650-80.jpg)

AV Designhaus Derenville VPM 2010-1 ราคา 460000 ปอนด์สเตอร์ลิง ยี่ห้ออื่นเขาแค่เฉลี่ยแสนกว่าปอนด์ แต่ยี่ห้อนี้ทะลุพุ่งไปเกินสี่แสนกลาง ๆ ครับ

(https://cdn.mos.cms.futurecdn.net/8biieqFDyJubsDA4YRHM84-650-80.jpg)

คิดดูเล่น ๆ อัตราแลกเปลี่ยนเงินปอนด์อังกฤษ 1 ปอนด์ ตอนนี้เท่ากับเงินไทยประมาณ 44 บาท ถ้าเทิร์นเทเบิ้ล super hi-end ส่วนใหญ่ที่นำมาให้ดูนี้มีราคา 105000 ปอนด์ ดังนั้นก็เทียบเป็นเงินไทยได้ประมาณ 4,620,000 บาท ซื้อบ้านได้หลังนึงเชียวนะครับ 555

Linn Klimax LP12 ราคาเมื่อรีวิวทดสอบ 18670 ปอนด์สเตอร์ลิง รับรองได้ว่า ถ้าราคานี้ เจอคู่แข่งเพียบครับ 555

https://www.whathifi.com/linn/klimax-lp12/review

TechDas Air Force 2 ราคาขายในอังกฤษ สองหมื่นแปดพันกว่าปอนด์สเตอร์ลิง ส่วนราคาขายในสหรัฐ ประมาณห้าหมื่นกว่าเหรียญครับ

(http://tas.zeitpress.com/media/articles/images/thumbs/AF_Two_hero.jpg.648x460_q85.jpg)

เครดิตภาพ www.analogplanet.com

(https://www.analogplanet.com/images/styles/600_wide/public/DSCF7265.JPG)

น่าจะเพิ่งเปิดตัวไปครับ สำหรับ TechDas Air Force Zero ซึ่งใหญ่โตและอลังการงานสร้างมากกว่ารุ่น Air Force One และ Two เสียอีก ชนิดที่ว่าน่าจะเป็นเครื่องเล่นสำหรับคนที่เงินเหลือล้นไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด ผมว่าทรวดทรงของมันคล้าย Thorens Reference ในอดีต แต่ใหญ่กว่า ยังหาราคาไม่เจอเลย เดี๋ยวจะไปสืบมาให้ครับ 555

(http://tas.zeitpress.com/media/articles/images/thumbs/Tech_Das_AF_Zero_Snap_Stella_1_EDITED.jpg.648x460_q85.jpg)

ผมไปสืบราคามาแล้ว 390,000 ยูโร (เท่านั้นเอง :o) ก็ลองเปลี่ยนเป็นเงินไทยหรือเงินเหรียญสหรัฐกันดูนะครับ 555 มีบทพรีวิวสำหรับเจ้ายักษ์ตัวนี้อยู่ในลิงค์ข้างล่างนี้ครับ

http://www.theabsolutesound.com/articles/techdas-air-force-zero-turntable-preview/

เจ้าตัวนี้น่าจะยังเป็นแชมป์เรื่องราคาสุดโคตรมหาแพง และแพงกว่า TechDas Air Force Zero เพราะมันมีราคา 460000 ปอนด์สเตอร์ลิง แถมชื่อยังเรียกยากอีกต่างหาก AV Designhaus Derenville VPM 2010-1 ครับ

(https://cdn.mos.cms.futurecdn.net/8biieqFDyJubsDA4YRHM84-650-80.jpg)

VPI HW-40 สวยครับ เป็นระบบ direct drive ราคา 15000 เหรียญสหรัฐ

เครดิตภาพ https://theaudiophileman.com/

(https://theaudiophileman.com/wp-content/uploads/2019/04/Screenshot-2019-04-26-at-13.12.16-1080x857.jpg)

ตอนนี้พี่ปีศาจใช้รุ่นไหนอยู่ครับ

ใช้ VPI Classic 1 อยู่ จะล่วงเข้าปีที่ 4 แล้วจ้า

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/IMG_3299_zpsburfdhqt.jpg)

Walker Audio "Proscenium Black Diamond V" ราคา 110000 เหรียญสหรัฐ เคยเห็นแว้บ ๆ ว่ามีคนไทยใช้เครื่องเล่นตัวนี้อยู่ด้วยครับ

(https://cdn.asiatatler.com/asiatatler/i/my/2018/11/06145650-story-image-69085_cover_650x400.png)

Korvet EP-038S เครื่องเล่นแผ่นเสียงระดับไฮเอนด์ซึ่งดูเหมือนจะเป็นหนึ่งเดียวจากประเทศรัสเซียในตอนนี้ ราคาประมาณ 1400 ยูโร อันที่จริงรัสเซียน่าจะผลิตสินค้าเครื่องเสียงดี ๆ ระดับไฮไฟและไฮเอนด์ออกแข่งกับเขาในตลาดบ้างนะครับ เพราะเรื่องราคาสู้เขาได้สบายอยู่แล้ว นักเล่นเครื่องเสียงจะได้มีทางเลือกเพิ่มขึ้นด้วย ของดีราคาไม่แพงใคร ๆ ก็ชอบทั้งนั้น ขนาดอาวุธร้ายแรงประสิทธิภาพสูงพี่ท่านยังช่ำชอง แล้วทำไมแค่เครื่องเสียงพี่ท่านจะทำไม่ได้ จริงมั้ยครับ 555

(https://theaudiophileman.com/wp-content/uploads/2018/04/Screen-Shot-2018-04-26-at-14.52.22-1080x657.png)

(https://hifiauditions.files.wordpress.com/2018/05/screen-shot-2018-04-26-at-141552881258.png?w=756)

ภาพการติดตั้ง TechDas Air Force Zero

ได้ยินมาว่าเมืองไทยได้โควต้าเจ้าตัวนี้มาห้าตัว ป่านนี้คงจองซื้อกันหมดแล้วล่ะครับ ราคาขายในต่างประเทศ ประมาณ 390,000 ยูโร

(https://scontent.fbkk10-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/59431739_10205717548933667_1919843852961710080_n.jpg?_nc_cat=109&_nc_ht=scontent.fbkk10-1.fna&oh=4fa8b1364dd026e83730ad3c1b485a33&oe=5D71A937)

Genesis Advanced Technologies โดยความร่วมมือกับ VPI ออก Genesis Record Player System ครับ

เครดิตภาพ www.audionirvana.org

(https://www.audionirvana.org/filedata/fetch?id=120348&d=1564620480)

(https://www.audionirvana.org/filedata/fetch?id=120349&d=1564620480)

(https://www.audionirvana.org/filedata/fetch?id=120352&d=1564620481)

เพิ่งเคยเห็นครับ เทิร์นเทเบิ้ลที่แป้นหมุนลอยอยู่ไม่ติดแท่นในขณะเล่น Mag-Lev Audio ML1 ผลงานของคนเยอรมัน ไปดูกันครับ

https://www.youtube.com/watch?v=tFWuF5900Wk

Denon DP-47F เครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบ fully automatic direct drive ของ Denon ผมเห็นมาและก็หลุดลอยไปหลายครั้งแล้วในตลาดสินค้าใช้แล้ว ครั้นพอได้จังหวะเหมาะและราคาดี ก็เลยซื้อไว้ตัวหนึ่ง เมืองนอกมีคนชอบกันเยอะนะครับ เทิร์นเทเบิ้ลรุ่นนี้

ภาพแทน

(http://usr.audioasylum.com/images/3/36969/Mando_s_Pics_0071.jpg)

Acoustic Signature "Invictus" Turntable ที่สุดอลังการ ว่ากันว่าเป็น Best Turntable of the World ไม่ทราบจริงแค่ไหน แต่ที่แน่ ๆ ราคา 99,750 ปอนด์ ในอังกฤษ และยังมีรุ่น Invictus Jr. ซึ่งย่อส่วนลงมาด้วย แต่ไหน ๆ ถ้ามีกำลังพอจะเล่นของระดับนี้แล้ว ไม่ต้องเหลียวมามองรุ่นเล็กหรอก จริงไหมครับ 555

(https://cdn.shopify.com/s/files/1/2222/0805/products/acoustic-signature-invictus-turntable-5557-p_4000x.progressive.jpg?v=1555594004)

Denon DP-A100 เครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นฉลองครบรอบ 100 ปีของ Denon ผลิตจำนวนจำกัด Limited Edition เห็นมีสมาชิกที่เคารพท่านหนึ่งของชุมชนเราครอบครองและใช้งานอยู่ด้วยครับ

เครดิตภาพ www.stereophile.com

(https://www.stereophile.com/images/1211listen.denon100.jpg)

สมาชิกชุมชนเราท่านหนึ่งส่งข่าวมาว่าสนใจไหม มีคนปล่อยขายเครื่องเล่นแผ่นเสียง Micro Seiki SX-777 พร้อมอาร์ม Dynavector DV-501 (Gold Version ซึ่งผมไม่เคยเห็นมาก่อน) และหัวเข็ม Ortofon รุ่นดังระดับไฮเอนด์ไว้ที่ร้านขายของมือสองแห่งหนึ่ง ผมเห็นรูปที่เขาส่งมาให้ดูทางไลน์แล้วเห็นว่าสภาพดีและสวยมาก บอกตามตรงว่าอยากได้ แต่กำลังทรัพย์ไม่พอ เฮ้อ... ของดี ๆ ที่เราอยากได้มาก ๆ ทำไมมันมักจะมาในช่วงที่เราไม่พร้อมก็ไม่รู้นะครับ โชคชะตามักเล่นกลกับชีวิตคนแบบนี้เสมอ 555

ภาพแทน Micro Seiki SX-777

(https://img.canuckaudiomart.com/uploads/large/330533-9548dd06-micro_seiki_sx777fvw.jpg)

เครื่องลักษณะอย่างนี้ ต่อให้ใครต่อใครบอกว่าเสียงดี แต่หุ่นบาง ๆ เชย ๆ แบบนี้ รับรองไม่เข้าตาผม แถมบางรุ่นระดับสูงของยี่ห้อนี้ยังขายราคาแพงแสนโหด แต่หน้าตาทำได้เท่าที่เห็นแบบนี้จริง ๆ ครับ

เครดิตภาพ www.synthtopia.com

(https://www.synthtopia.com/wp-content/uploads/2007/10/planar78.jpg)

TechDAS Air Force Zero ราคาเมื่อเปิดตัว ปี 2019 ราว 300,000 เหรียญสหรัฐ แต่บางคนบอกว่าถ้าครบชุดรวมอาร์มกับหัวเข็ม น่าจะประมาณ 385,000 เหรียญสหรัฐ ครับ

เครดิตภาพ www.analogplanet.com

(https://www.analogplanet.com/images/styles/600_wide/public/0419ZERO_0.jpg)

เพิ่งจะลงสนามแข่งเอากับเขาด้วย... Mark Levinson ยี่ห้อนี้ ไม่มีใครที่เล่นไฮเอนด์คนใดไม่รู้จัก เขาเริ่มเข็น turntable ของตนเองซึ่งมีชื่อรุ่นว่า No. 515 ออกมาแชร์ส่วนแบ่งการตลาดกับเขาบ้างในยามที่อาณาจักรแผ่นดำกำลังระอุเป็นไฟ เมื่อดูจากรูปร่างตัวเครื่องแล้ว พอเดาได้มั้ยครับว่า Mark Levinson จับมือใครเป็นพันธมิตร? ก็คงจะเดาไม่ยากใช่ไหมครับว่าเป็น VPI Industries นั่นเอง ส่วนราคาขายของเจ้า No. 515 ก็ 10000 ปอนด์สเตอร์ลิง ซึ่งก็ไม่แพง เพราะราคานี้อาจจะยังไม่สามารถซื้อรถ eco car ในบ้านเราบางยี่ห้อได้เสียด้วยซ้ำครับ 555

https://hifiplus.com/articles/mark-levinson-no-515-turntable/

Helius Design กับเทิร์นเทเบิ้ล Alexia และโทนอาร์ม Omega ราคารวม 8700 เหรียญสหรัฐ ครับ

(http://tas.zeitpress.com/media/articles/images/thumbs/Alexia_Main.JPG.648x460_q85.jpg)

(https://images.squarespace-cdn.com/content/v1/52699379e4b01768fee82182/1391296960375-AYGCMNBROZLUTVRXPRCM/ke17ZwdGBToddI8pDm48kGXK6nHiWPG6k4N-PYPf4zNZw-zPPgdn4jUwVcJE1ZvWEtT5uBSRWt4vQZAgTJucoTqqXjS3CfNDSuuf31e0tVGEVKiKXA1NlgXZFtvAuwC3Lv-WMVFK2lInEohuNTmfAD-3CTWZQ124CTRPXn-dnvM/image-asset.png?format=500w)

TechDAS Air Force Zero เวอร์ชั่นเบสิคตามบทความที่เขียนโดย Michael Fremer แห่ง Stereophile เมื่อเดือนสิงหาคม 2021 ราคา 450000 เหรียญสหรัฐ (ไม่ใช่ราคาเปิดตัวที่ 300000 เหรียญสหรัฐ เมื่อปี 2019 แล้วครับ) คิดเป็นเงินไทยเท่าไหร่ ลองคำนวณดูเอง แต่ไม่ว่าแพงแค่ไหน เชื่อว่าต้องมีคนไทยสักคนเป็นเจ้าของแน่นอนครับ 5555

เครดิตภาพ www.stereophile.com

(https://www.stereophile.com/images/styles/600_wide/public/821techdas.promo_.jpg)

ลองเอาจำนวน 450000 เหรียญสหรัฐเข้าโปรแกรมคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงินไทย www.xe.com ได้เป็นเงินไทยประมาณ 15 ล้าน 1 แสนกว่าบาท อั๊ยยะ... ซื้อบ้านหรือคอนโดหรูในบ้านเราได้เชียวนะครับ เงินจำนวนนี้

https://www.stereophile.com/content/techdas-air-force-zero-turntable

เครดิตภาพ www.stereophile.com

(https://www.stereophile.com/images/styles/600_wide/public/821techdas.promo_.jpg)

450000 เหรียญสหรัฐ (ราคาเริ่มต้น) ถึงแม้จะราคาแพงสุดเอื้อมมือสอยปานนี้ ลือกันว่ามีคนไทย 3-4 คนได้เป็นเจ้าของมันแล้ว ซึ่งข่าวลือบ้านเราส่วนใหญ่มักจะจริงครับ

DUAL เครื่องเล่นแผ่นเสียงที่กลายเป็นตำนาน กลับมาอีกครั้งกับรุ่น CS 518 และยังมีรุ่น CS 418 น้องเล็ก และรุ่นเรือธง CS 600 Mk II ในภาพเป็นรุ่น CS 518 ซึ่งในยุโรปมีราคาขายอยู่ที่ 650 ยูโรครับ

เครดิตภาพ www.analogplanet.com

(https://www.analogplanet.com/images/styles/600_wide/public/112021DUAL.png)

https://stereo-magazine.com/article/two-new-turntables-from-dual-cs-418-and-cs-518

ผมไม่ได้ติดตามแวดวงเครื่องเสียงมาอย่างน้อย 3-4 ปีแล้ว จึงไม่ทราบว่ามีใครหรือบริษัทใดนำเข้าเครื่องเล่นแผ่นเสียง DUAL มาจำหน่ายในบ้านเราบ้าง สมัยก่อนผมเล่น integrated amp ของ DUAL ซึ่งมีบริษัท ยูโรวิชั่น เป็นผู้จัดจำหน่ายและเป็นศูนย์บริการ แต่ทุกวันนี้ยังเป็นตัวแทน DUAL ในบ้านเราอยู่หรือไม่ อันนี้ผมไม่ทราบ แต่ก็อยากให้มีตัวแทนนำเข้าสินค้าดี ราคาไม่แพง และใช้เทคโนโลยีสูงส่งของเยอรมันแบบนี้ครับ

ฉลองครบรอบ 90 ปี ELAC ผู้ผลิตลำโพงชื่อดังและเก่าแก่ของเยอรมนี ได้ออกเครื่องเล่นแผ่นเสียง ELAC Miracord 90 Anniversary วางจำหน่าย ผมเห็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องเสียงบ้านเราสั่งเข้ามาจำหน่ายแล้ว และมี finish ให้เลือกหลายแบบ แบบที่เป็นสีก็มี แบบที่เป็นลายไม้วอลนัทและสีดำก็มี น่าจะเป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงราคาระดับเกือบแสนถึงแสนต้น ๆ ที่น่าสนใจครับ

(https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/originals/61/8e/d1/618ed12c86557e40950871c72b58a321.jpg)

อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับ ELAC Miracord 90 Anniversary ได้ตามลิงค์ข้างล่างนี้ครับ

https://www.elac.com/elac-miracord-90-anniversary-turntable-wins-prestigious-eisa-best-product-award/

https://www.elac.com/miracord-90-anniversary-elac-revisits-a-golden-era-with-a-turntable-to-mark-its-90th-birthday/

STST Motus II เทิร์นเทเบิ้ลระบบ direct drive จากผู้ผลิตเยอรมัน ตามข้อมูลเมื่อปี 2018 ตัวเครื่องมีราคา 6400 ปอนด์สเตอร์ลิง ส่วนโทนอาร์มรุ่น Vertex ของเขามีราคา 3400 ปอนด์สเตอร์ลิง รวมเบ็ดเสร็จก็ 9800 ปอนด์สเตอร์ลิง เทียบเป็นเงินไทยกันเอาเอง แต่สามารถใส่อาร์มยี่ห้ออื่น เช่น SME ก็ได้เช่นกันครับ

https://theaudiophileman.com/motus-ii-turntable-stst-review/