Thai Progressive Rock Community

สืบเนื่องมาจากกระทู้ "ฮิตกันวันละ (หลาย) เพลง" ซึ่งพบว่ามีหลายเพลงเป็นแนวดิสโก้ที่สมาชิกของเราบางท่านชื่นชอบกันในอดีต รวมทั้งตัวผมด้วย เพราะผมเริ่มหัดฟังเพลงฝรั่งก็ในยุคดิสโก้พอดี

ถ้าใครยังนึกไม่ออกว่ายุคดิสโก้นั้นมันอยู่ช่วงไหน ผมคาดว่าน่าจะอยู่ระหว่างปี 2519 ถึงก่อนปี 2530 เพราะอัลบั้ม 90125 ของ Yes ซึ่งออกมาเมื่อปี 2526 นั้นก็มีเพลง Owner of a Lonely Heart ซึ่งมีอิทธิพลของดนตรีดิสโก้เต็ม ๆ จึงสันนิษฐานได้ว่าช่วงนั้นยังมี discotheque ให้ขาโจ๋ได้เข้าไปวาดลวดลายสเต็ปและลีลาอยู่

ดังนั้น จึงขออุทิศกระทู้นี้ให้แก่เพลงยุคดิสโก้ ไม่ทราบว่ามีขาโจ๋หรือส.ว.ท่านใดชื่นชอบเพลงในยุคนี้กันบ้าง ชอบเพลงอะไร อัลบั้มไหน และมีใครเคยเข้าไปเที่ยวดิสโก้เธคกันบ้าง? ก็เข้ามาเล่าสู่กันฟังได้ตามอัธยาศัย แต่อย่าถามผมว่าเคยหรือไม่ เพราะถ้าขืนไปตอนนั้นมีหวังโดนไม้เรียวและตัดเบี้ยเลี้ยงแน่นอน อย่างเก่งก็แค่โชว์สเต็ปที่งานปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ เท่านั้นครับท่าน

ผมชอบฟังแต่ไม่ชอบเต้นครับ เคยเข้าไปดูบรรยากาศใน The Palace ถนนวิภาวดีรังสิต และตอนไปเรียนที่อเมริกา ได้มีโอกาสแวะไปหาเพื่อนที่นิวยอร์ก เลยชวนกันไปเที่ยว Studio 54 อันลือลั่น

(http://www.uppicfree.com/images/664_54.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-664_54.jpg)

ยุคผมก็คง The Palace นี่แหละครับ ที่ดังสุดๆ ใครไม่เคยไปนี่เชยเลย (สมัยนั้นต้องแอบไปเพราะอยู่แค่มัธยมต้นเอง) รวมทั้งพวกดิสโก้เธค + ลานเสก๊ตที่ฮิตอยู่พักนึง เพลงดิสโก้ยุค 80's มีมากครับที่ดังๆมากๆและพอจำได้ก็มีเพลง Tarzan Boy ของ Baltimora และ Boy Do Fall In Love ของ Robin Gibb และอีกมากมายที่ก้องในหัว แต่ไม่ทราบชื่อเพลงครับ เอาที่หาได้มาลงก่อนเลย

http://www.youtube.com/watch?v=OTka_6y0zY4

http://www.youtube.com/watch?v=_r0n9Dv6XnY

คุณ panyarak ตอนเป็นวัยรุ่นท่าทางจะเป็นคนเรียบร้อยมากเลยนะครับ ผมเคยเรียนโรงเรียนสหศึกษา (เตรียมอุดมฯ) เวลาไปงานปาร์ตี้ที่บ้านเพื่อน พอถึงช่วงเต้นรำ (จำลองบรรยากาศดิสโก้เธคในสมัยนั้น) กลับกลายเป็นว่าผู้หญิงต้องเป็นฝ่ายออกมาโค้งผู้ชายออกไปเต้น และเพื่อนผู้ชายของผมบางคนก็ไม่ยอมออกไปเต้นด้วย สงสัยพลเมืองผู้ชายในห้องเรียนจะน้อยกว่า ก็เลยต้องเขินกันเป็นธรรมดาน่ะครับ

วงดิสโก้ยอดนิยมตลอดกาลของผมคือ Boney M ครับ มีทั้งเทป แผ่นเสียง ซีดี mini lp และ DVD ยังขาดแต่หนังสือรวมภาพที่ขายแพงมากเท่านั้นครับ

(http://www.uppicfree.com/images/693_bm1.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-693_bm1.jpg)
Classic Line-up จากซ้ายไปขวา Maizie Williams, Liz Mitchell, Bobby Farrell และ Marcia Barrett ส่วนน้กร้อง back-up 3 คนทางขวาสุดชื่อ The Black Beautiful Circus

หนังสือรวมภาพ (http://www.uppicfree.com/images/435_bm2.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-435_bm2.jpg)

แม้ Boney M จะมีสมาชิกรุ่น classic line-up 4 คน แต่มี 2 คนเท่านั้นที่ร้องนำจริงๆ คือ Liz Mitchell (เพลงฮิตส่วนใหญ่ เธอเป็นคนร้องนำ) และ Marcia Barrett (นักร้องเสียงห้าวนิดๆ ที่ร้องนำเพลง Belfast และเพลงที่ไม่ค่อยดัง) ส่วนสมาชิกหญิงอีกคน Maizie Williams เสียงเธอออกแหบ เลยได้รับเกียรติให้เต้นอย่างเดียว สำหรับเสียงนักร้องชาย เป็นเสียงของ Frank Farian ซึ่งเป็น producer และผู้ก่อตั้งวง เนื่องจากเสียงของ Bobby Farrell หยาบกร้านเกินไป แต่ภาพที่ปรากฎตามคลิปวีดีโอหรือรายการทีวี จะเป็น lip sync ที่ทำให้ดูเหมือนว่า สมาชิกทั้ง 4 คน เป็นคนร้อง จะมีก็เวลาออกแสดงสดบางครั้งเท่านั้น ที่ Farian ยอมให้สมาชิกอีก 2 คน ได้โชว์เสียงจริง ซึ่งฟังแล้ว จะเข้าใจเหตุผลของ Farian ดีว่า ทำไมไม่ให้ 2 คนนี้ร้องนำ
หลังจากแตกวงกัน Boney M เป็นวงที่ปัญหาฟ้องร้องแย่งความเป็นเจ้าของชื่อกันในศาลมากที่สุด จนไม่มีใครรู้แน่ว่า ใครเป็นเจ้าของชื่อวงที่แท้จริง อดีตสมาชิกทั้ง 4 คน ก็ยังคงหากินกับชื่อ Boney M ตอนนี้ ก็เลยมีวงที่เล่นเพลงของ Boney M อยู่ 5 วงคือ Boney M featuring สมาชิกแต่ละคน แถมด้วย Boney M featuring Sherita O. & Yulee B ของ Frank Farian เอง แต่วงที่มีวิธีหากินที่แปลกกว่าเพื่อนคือ Boney M featuring Maizie Williams ซึ่งทุกคนก็ทราบดีว่าเสียงร้องของ Maizie Williams ไม่เหมาะกับเพลงของ Boney M เวลาออกแสดงสดจึงใช้วิธีนำเพลงของ Boney M ดั้งเดิมที่มีทั้งดนตรีและเสียงร้องของ Liz Mitchell และ Marcia Barrett มาเปิดเทป แล้ว Williams และนักร้องอีก 3 คน ช่วยกันร้องทับเป็นบางช่วง
Boney M ยุค classic line-up เคยมาแสดงในเมืองไทย ถ้าจำไม่ผิด 2 ครั้ง ครั้งนึงจัดโดยนิตยสาร Star of Pacific ซึ่งตอนนั้นผมยังใส่ขาสั้นไปโรงเรียนอยู่เลย และ Boney M featuring Liz Mitchell เคยมาแสดง 3-4 ครั้ง ผมเคยดูครั้งเดียวที่โรงแรมตรงเซ็นทรัล ลาดพร้าว ในปี 1999
Frank Farian เคยขโมยดนตรีบางท่อนของเพลง Another Brick in the Wall (Part 2), The Happiest Days of Our Lives และ Run Like Hell ไปใส่ในเพลง Boonoonoonoos และ Ride to Agadir ด้วย Boney M น่าจะเป็นวงดิสโก้วงเดียวที่มีเพลงมากพอที่จะทำเป็น musical ได้ครับ (http://www.uppicfree.com/images/422_bm3.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-422_bm3.jpg)

Boney M นี่ก็เป็นวงดนตรีวงหนึ่งที่ผมชื่นชอบ เพราะเพลงฟังง่ายและไพเราะ โดยเฉพาะอัลบั้ม Night Flight to Venus และ Oceans of Fantasy ซึ่งมีแต่เพลงเจ๋ง ๆ ติดตลาดดังกระหึ่มทั่วบ้านเมืองเราในยุคนั้น อย่างเพลง Gotta Go Home, Daddy Cool, River of Babylon, Rasputin นี่เป็นเพลงที่ขาดไม่ได้ในรายการวิทยุคลื่นเอเอ็มในช่วงปี 1978-79 เลยทีเดียว ตอนแรกผมนึกว่าวงนี้มาจากอเมริกาใต้ แถวทะเลแคริบเบียน แต่ที่ไหนได้ เป็นวงเยอรมันครับ

ไม่ทราบว่าคุณ panyarak พอจะแนะนำแผ่นเสียงหรือซีดีที่เป็นชุดรวมฮิตได้บ้างหรือไม่ครับ?

สมาชิก Boney M เป็นชาว Jamaica ที่อพยพไปอยู่เยอรมนีครับ ชุดรวมฮิตของวงนี้มีเยอะมาก ถ้าชอบวงนี้อยู่แล้ว ก็ขอแนะนำอัลบั้ม 4 ชุดแรก กับรวมเพลงประเภท extended mix 2 ชุดนี้ครับ

(http://www.uppicfree.com/images/139_bm4.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-139_bm4.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/318_bm5.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-318_bm5.jpg)

แต่ถ้าอยากได้รวมฮิตทั่วๆ ไป ก็ชุดใดชุดหนึ่งจาก 2 ชุดนี้ครับ

(http://www.uppicfree.com/images/632_bm7.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-632_bm7.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/860_bm6.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-860_bm6.jpg)

ในยุคนี้มีภาพยนตร์หลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเพลงแนวดิสโก้ อย่างเช่น Saturday Night Fever ซึ่งแสดงนำโดย John Travolta (ภาพคุ้นตาที่เห็นเขายืนชูแขนข้างหนึ่งอยู่กลางฟลอร์เต้นรำ) และมีศิลปินเพลงชั้นนำหลายคนและหลายวงหันไปทำผลงานแนวดิสโก้ออกมากันอย่างเอิกเกริก เช่น Bee Gees แม้แต่อัลบั้ม Discovery ของ ELO เองก็ยังถูกล้อเลียนว่าเป็น Disco Very เลย นอกจากนี้ มีภาพยนตร์เรื่องใดและศิลปินดังคนใดที่หันไปเอาดีทางดิสโก้ในช่วงนี้อีกบ้างครับ?

(http://1.bp.blogspot.com/_gkxS3EwN2ok/RxA3IqSgI2I/AAAAAAAAABw/6wDJVERhnD8/s320/SaturdayNightFever_300x298.jpg)

ที่เคยฉายในเมืองไทย มีเรื่อง Can't Stop the Music เน้นเพลงของ Village People กับ Disco Fieber เน้นเพลงของ Boney M, Eruption, La Bionda ทั้ง 2 เรื่อง เจ้าของเพลงมาปรากฎตัวในหนังด้วยครับ

(http://www.uppicfree.com/images/733_vp1.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-733_vp1.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/633_df.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-633_df.jpg)

ส่วน 2 เรื่องนี้ จำไม่ได้ว่า เคยฉายในโรงบ้านเราหรือเปล่า  (http://www.uppicfree.com/images/116_sa.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-116_sa.jpg)  (http://www.uppicfree.com/images/470_xa.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-470_xa.jpg)

มีศิลปินอีก 2 ราย ที่ Frank Farian ปั้นขึ้นมากับมือในยุคดิสโก้ คือ Eruption และ Gilla โดย Eruption เป็นวงดนตรี disco/funk ที่มี Precious Wilson จาก Jamaica เป็นนักร้องนำที่มีเสียงอันทรงพลัง เพลงดังในบ้านเราคือ One Way Ticket มีอัลบั้มออกมา 2 ชุด แล้ว Precious Wilson ก็ลาออกไปเป็นศิลปินเดี่ยว Kim Davis คือนักร้องที่เข้ามาแทนได้ร่วมออกอัลบั้ม 1 ชุด มีเพลงดังในบ้านเราคือ Go Johnnie Go แล้วก็ยุบวง ต่อมานักร้องนำคนนี้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต Precious Wilson มีผลงานเดี่ยวออกมาหลายชุด แต่พอหมดยุคดิสโก้แล้ว แนวดนตรีของเธอคือ soul/funk

(http://www.uppicfree.com/images/217_bm8.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-217_bm8.jpg)  (http://www.uppicfree.com/images/243_bm10.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-243_bm10.jpg)

ส่วน Gilla เป็นศิลปินชาวออสเตรียที่ Frank Farian ปั้นขึ้นมาร้องเพลงดิสโก้เป็นภาษาเยอรมัน มีอัลบั้มภาษาเยอรมันออกมา 2 ชุด โดยเป็นผู้บันทึกเสียงเพลงของ Boney M แบบภาษาเยอรมันไว้ก่อน รวมทั้ง Rasputin ต่อมา Gilla มีอัลบั้มเพลงภาษาอังกฤษออกมา 2 ชุด โดยมีเพลงฮิต Help! Help!, Gentlemen Callers Not Allowed, Bend Me Shape Me แต่เพลงที่ผมชอบมากที่สุดของเธอคือ Hold on ซึ่งเป็นเพลงของ Chris DeBurgh หลังจากนั้น Gilla ก็หายหน้าไปจากวงการ มาปรากฎตัวอีกครั้งเมื่อไม่กี่ปีก่อนในงานเปิดตัวละครเวที Daddy Cool the Musical และออกแสดงคอนเสิร์ตในรัสเซีย

(http://www.uppicfree.com/images/556_bm9.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-556_bm9.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/365_bm11.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-365_bm11.jpg)

ผมก็เคยฟังผลงานของ Eruption และ Gilla มาบ้างครับ รู้สึกว่า Eruption นี่มาทางเดียวกันกับ Boney M เลย ส่วน Gilla ซึ่งโด่งดังในบ้านเราจากเพลง Help! Help! นี่ สมัยก่อนได้ยินนักจัดรายการวิทยุบอกว่าเธอสวย ก็เพิ่งเห็นรูปเธอวันนี้นี่แหละครับ อ้อ ผมมีแผ่นซิงเกิ้ลเพลง I Stand in the Rain ของ Eruption อยู่ที่บ้านด้วย และจำได้ว่าวงนี้เคยมาเปิดการแสดงในบ้านเรายุคนั้นด้วยครับ

เพิ่งทราบว่า Eruption เคยมาแสดงเมืองไทยด้วย ปกซิงเกิ้ลเป็นรูปนี้รึเปล่าครับ

(http://www.uppicfree.com/images/422_bm12.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-422_bm12.jpg)

คนละปกกันครับ ส่วนของผมเป็นปก WEA Atlantic รหัสแผ่น K 11068 Made in England ซึ่งอีกหน้าหนึ่งมีเพลง Be Yourself เช่นกัน (ปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่ม เพราะเรียกชื่อเพลงผิด)  :D

ผมเคยเห็นโฆษณาในทีวีสมัยก่อนว่า Eruption เคยมาเปิดการแสดงที่เมืองไทย นอกจากนี้ วง Osibisa ก็ยังเคยมาแสดงที่เมืองไทยด้วยเช่นกันครับ (ไม่แน่ใจว่าผู้จัดจะเป็น Nitespot Production หรือเปล่า คงต้องรอ ส.ว. ท่านอื่นมายืนยันด้วยครับ)

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/45rpm001.jpg)

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/45rpm002.jpg)

แถมภาพซิงเกิ้ลเพลง Lady Bump ของ Penny McLean ให้ด้วย ส่วนอีกด้านหนึ่งคือเพลง The Lady Bumps On ซึ่งเป็นส่วนที่ต่อจาก Lady Bump ในหน้าแรก เหมือนกับแบ่งออกเป็นสองส่วนหรือสองภาคครับ (ปกติทั่วไปเรามักจะได้ยินแต่ Lady Bump ภาคแรกเท่านั้น)

แผ่นนี้ทำในเยอรมนีโดย Jupiter-Records หมายเลขแผ่น 16 069 AT ครับ

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/45rpm003.jpg)

ถ้ามีเวลา ผมจะทยอยถ่ายรูปแผ่นซิงเกิ้ล 45 rpm และแผ่นลองเพลย์ดิสโก้ชุดอื่นมาให้ดูกันอีกครับ

ผมจะขออนุญาตเสริมต่อจากที่ได้ตั้งประเด็นเกี่ยวกับดิสโก้ไว้ตั้งแต่ต้น เผื่อเพื่อน ๆ หรือน้อง ๆ บางคนที่เกิดไม่ทันยุคนั้นอาจจะเข้าใจหรือเห็นภาพได้บ้างว่าวัยรุ่นและหนุ่มสาวยุคนั้นเขาเที่ยวกันอย่างไร ตามที่ได้กล่าวไว้แล้วว่ากระแสดิสโก้เข้ามาระบาดในเมืองไทยจนเป็นแฟชั่นอยู่ประมาณหนึ่งทศวรรษหรือสิบปี (ประมาณปี 2518 หรือ 2519 จนกระทั่งก่อนปี 2530) สถานที่เที่ยวเต้นรำดิสโก้นั้นเรียกว่า "ดิสโก้เธค" หรือเรียกสั้น ๆ ว่า "เธค" ส่วนคนที่ควบคุมการเปิดแผ่นในเธคนั้นก็เรียกว่า disc jockey หรือดีเจ จนกระทั่งต่อมาคำนี้ก็ใช้กันเกร่อโดยมีความหมายครอบคลุมไปถึง "นักจัดรายการ" ด้วย (เคยมีคนแซวว่า "ดีเจ" ย่อมาจาก "เด็กล้างจาน") ส่วนสถานท่องเที่ยวสุดฮิตในยุคนั้นเห็นจะไม่มีที่ใดเกินหน้าเกินตา The Palace ไปได้ นอกจากนี้ก็ยังมี NASA Spacey Drome ย่านคลองต้น และ After Dark บางกอกบาซาร์ ก่อนจะปิดตัวลงไปเพราะมีเหตุยิงกันตายในเธค

ผมว่ารูปแบบหรือลักษณะของการเต้นรำแบบดิสโก้นั้นค่อนข้างจะอิสระ ไม่ค่อยมีแบบแผนเหมือนกับจังหวะลีลาศหรือบอลรูมทั้งหลาย คนที่ไม่เคยเต้นดิสโก้มาก่อน ถ้าอาศัยความใจกล้าออกไปวาดลวดลายหรือนั่งมองท่วงท่าหรือสเต็ปของคนอื่นที่เต้นเป็นแล้ว ก็คงพอจะเต้นเป็นได้ไม่ยาก ผิดกับการเต้นรำแบบบอลรูม ซึ่งจะต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างจริงจังก่อนที่จะได้ออกไปวาดลวดลายกลางฟลอร์กับเขาได้ โดยเฉพาะจะต้องไม่ทำขายหน้าหรือเหยียบเท้าคู่เต้นของเรา การเต้นรำแบบดิสโก้ให้อิสระในการยักย้ายส่ายอวัยวะแทบทุกส่วนบนร่างกาย จึงอาศัยความว่องไว คล่องแคล่ว ปราดเปรียว และเร่าร้อน มากกว่าจะคำนึงถึงแบบแผน ดังนั้น ดนตรีชนิดนี้จึงก้าวสู่ความนิยมไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วและระบาดสู่สังคมวัยรุ่นหนุ่มสาวของเมืองไทยสมัยนั้น ศิลปินต่าง ๆ ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ต่างพากันออกผลงานดนตรีในแนวดิสโก้ตามกระแสเพื่อกอบโกยความสำเร็จและชื่อเสียงเงินทอง แต่ความรุ่งเรืองของดนตรีดิสโก้นั้นอยู่ได้ไม่นาน พอล่วงพ้นกลางทศวรรษที่ '80 ดนตรีประเภทนี้ก็เริ่มเสื่อมถอยลงตามวัฎจักรแห่งความเปลี่ยนแปลงอันเป็นนิรันดร์ แต่ถึงกระนั้นเราก็ยังอุตส่าห์ได้ยินเพลง Owner of a Lonely Heart ของ Yes ดังกระหึ่มลั่นผับและเธคทั่วฟ้าเมืองไทยในปี 1983 หรือพ.ศ. 2526 พร้อมกับเสียงก่นด่าและสาปแช่งอยู่ด้านนอกจากสาวกที่ยึดติดกับดนตรีแนวดั้งเดิมของวง Yes!

ผมเองก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าทั้ง Staying Alive และ Xanadu เคยเข้ามาฉายในเมืองไทยหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ ในช่วงปี 1980-81 นั้น ซาวน์ดแทร็คหนัง Xanadu ดังระเบิดเถิดเทิง มีเพลงฮิตทยอยออกมาจากอัลบั้มชุดนี้จำนวนมาก ส่งผลให้ทั้ง Olivier Newton-John, ELO และ Cliff Richard พากันดังไปตาม ๆ กัน นอกจากนี้ ในช่วงปี 1979 มีหนังอยู่สองเรื่องที่ผมอยากจะพูดถึง เรื่องแรกคือ American Gigolo ซึ่งแสดงนำโดย Richard Gere และซาวน์ดแทร็คจากภาพยนตร์เรื่องนี้คือเพลง Call Me เล่นและร้องโดยวง Blondie และอีกเรื่องหนึ่งที่ผมกำลังหาทั้งหนังและอัลบั้ม OST อยู่ก็คือเรื่อง American Fever ซึ่งกำกับโดยชาวอิตาลี ผมจำได้ว่าเรื่องนี้เคยเข้ามาฉายในเมืองไทยอยู่พักหนึ่งซึ่งตอนนั้นผมกำลังเรียนอยู่ชั้นประถมปลาย โดยเฉพาะซาวน์ดแทร็คหนังเรื่องนี้มีเพลงเด่น ๆ อยู่หลายเพลง เช่น 1-2-3-4 Gimme Some More, One for You One For Me เป็นต้น และรายการวิทยุเพลงฝรั่งภาคเอเอ็มในยุคนั้น เช่น จิ๊กโก๋ยามบ่าย, มาร์มาเลด คลับ ก็กระหน่ำโปรโมท OST หนังเรื่องนี้ไม่น้อยอยู่เหมือนกัน ไม่ทราบว่าคุณ panyarak เคยดูและฟัง OST ภาพยนตร์เรื่องนี้บ้างหรือเปล่าครับ?

Original Sound Track from the Motion Picture American Fever (Ready Steady Go) - 1978 Baby Records
1. A Little Bit Faster - Spot Light
2. Passion Flower - Cannon Ball
3. One For You One For Me - La Bionda
4. American Fever (instrumental) - Spot Light
5. American Fever - Spot Light
6. Morning Sun - Spot Light
7. 1,2,3,4 Gimme Some More - D.D. Sound
8. Blue Wave - Spot Light


(http://www.aolcdn.com/amgvideo/dvd/cov150/drt000/t067/t06723sz4zk.jpg)

คุณ panyarak สะสมผลงานของ Pink Lady วงดูโอสองสาวจากญี่ปุ่น (ในอดีต) ด้วยหรือเปล่าครับ? และมีเพื่อน ๆ ท่านใดรู้จักวงนี้กันบ้าง? แต่ก่อนผมชอบความน่ารักของสองสาวนี่จริง ๆ ไม่ทราบว่าใครมีภาพปัจจุบันของพวกเธอกันบ้างครับ?

(http://www.nt2099.com/J-ENT/currently/pinklady-best.jpg)


ภาพข้างล่างนี้น่าจะประมาณช่วงปี 1977 ถึงต้น '80 ซึ่งเป็นช่วงที่เธอทั้งสองกำลังฮอตครับ

(http://www.idollica.com/pinklady/pinklady03.jpg)

 ;D

ดิสโก้เทคที่ดังๆ มาก มีอีกครับ อย่างเช่น ไดอาน่า ที่โอเรียนเต็ล ซุปเปอร์สตาร์ที่พัฒน์พงศ์  ส่วนไนท์คลับขนาดเล็กลงหน่อยตามโรงแรม
อื่นๆยังมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เดอะเดนใต้ถุนอินทรา คาซาบลางก้าที่มณเทียร เดอะไนล์นี่ก็เจ๋ง แต่ผมคงลิสต์หมดไม่ได้หรอกนะครับ
เดี๋ยวจะเสียภาพพจน์ เพราะว่า น้องๆ หรือ เพื่อนๆ และ พี่ๆ ในที่นี้ อาจจะมองว่าผมเป็นเด็กเที่ยว  ;D  ;D  ;D

ไม่มีใครเข้าใจพี่โป่งผิดเลยครับ

มีแต่ซิงเกิ้ลครับ ตอนก่อนผมกลับจากญี่ปุ่น (ปี 2004) เคยดูรายการทีวีนึง เชิญ Pink Lady มารำลึกความหลัง หุ่นยังดี แต่หน้าตาก็ร่วงโรยไปตามวัย ภาพนี้จากปี 2005 ครับ

(http://www.uppicfree.com/images/945_pl2.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-945_pl2.jpg)

ผมชอบทั้งหนังและ OST ของ American Fever ซึ่งเป็นหนังอิตาเลียนครับ เคยใช้บริการของ I.S. Song Hits อัดเทป OST ไว้จากแต่หาไม่เจอแล้ว ยังไม่เคยเห็นแผ่นเสียงหรือ DVD เลยครับ

ศิลปินดิสโก้ที่ผมชอบอีกรายคือ Amii Stewart ซึ่งมีอัลบั้มแนวดิสโก้ออกมา 2 ชุด คือ Knock on Wood และ Paradise Bird เสียงกลองในเพลง Knock on Wood ของเธอแตกต่างจากจังหวะกลองที่ซ้ำซากในเพลงดิสโก้อื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้เพลงนี้ติดอันดับ 1 ของอันดับเพลงอย่างรวดเร็ว เพลงฮิตอื่นๆ ของเธอก็มี Light My Fire (ของ The Doors), Jealousy, The Letter (ของ The Box Tops) นอกจากนี้ ลีลาการเต้นของเธอก็ไม่เป็นสองรองใคร พอหมดยุคดิสโก้แล้ว Amii Stewart ยังมีอัลบั้มออกมาอย่างสม่ำเสมอ แต่หันไปหาแนว soul/jazz/pop รวมทั้งแสดงละครเวที ต่อมา กระแสศิลปินดิสโก้กลับมาเปิดการแสดงอีกครั้ง เธอก็มีอัลบั้ม Unstoppable ออกมาในปี 2005 นำเพลงฮิตของเธอมาบันทึกเสียงใหม่

(http://www.uppicfree.com/images/906_amii7.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-906_amii7.jpg)
(http://www.uppicfree.com/images/313_amii1.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-313_amii1.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/381_amii2.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-381_amii2.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/134_amii3.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-134_amii3.jpg)  (http://www.uppicfree.com/images/547_amii6.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-547_amii6.jpg)

+100
เฮียโป่งไม่เคยเที่ยวแหล่งแบบนี้หรอกครับผมรู้เฮียชอบเข้าวัดฟังธรรมใครๆก็รู้ทั้งนั้น ;D

มีเพื่อนผมคนนึงเมื่อก่อนชอบเที่ยว Cocktail Lounge มากๆ เลยครับ  :P  :P  :P

น้อง ๆ เขาอยากให้ผู้อาวุโสอย่างพี่โป่งช่วยเล่ารายละเอียดอย่างคร่าว ๆ ของสถานดิสโก้เธคแต่ละแห่งที่พี่เคยไปเที่ยวในยุคนั้น เพื่อเป็นวิทยาทานให้แก่เด็ก ๆ รุ่นหลังน่ะครับ

เพื่อนคนนี้เป็นคนแถวนี้รึเปล่าครับ

เว็ปนี้มี OST American Fever ขายครับ (เคยใช้บริการแล้ว ไว้ใจได้) (http://www.uppicfree.com/images/383_amfe.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-383_amfe.jpg)

http://www.gemm.com/item/VARIOUS--ARTISTS---l---SOUNDTRACK/AMERICAN-p-FEVER-p--d--p-READY-p-STEADY-p-GO/GML270107695/

เค้าเป็นคนไม่ดื่มแอลกอฮอลล์ครับ แต่ว่าเสียค่า ดริ้งค์ ให้สาวๆ ทุกคืน วันละหลายตังค์ ทำธุรกิจเถื่อนผิดกฏหมายครับ  ;D  ;D  ;D

มีเรื่อง Foxes อีกเรื่องครับ หลังจากที่ Cherie Currie ออกจาก Runaways แล้ว ก็ได้บทเล็กๆ ในเรื่องนี้ด้วย ดนตรีประกอบโดย Giorgio Moroder มีศิลปินที่รู้จักกันดีมาร่วมด้วย อาทิ  Cher, Angel, Donna Summer, Janis Ian, Keith Forsey, Brooklyn Dreams สำหรับ Angel น่าจะเป็นศิลปินที่ฉีกแนวมาทำเพลงดิสโก้ในเพลง 20th Century Foxes ซึ่งเวอร์ชั่นใน OST นี้ ค่อนข้างแห้ง ไม่น่าสนุกเหมือนที่ Angel นำไปเล่นแสดงสดในอัลบั้ม Live without a Net ครับ

(http://www.uppicfree.com/images/873_fox1.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-873_fox1.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/804_fox3.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-804_fox3.jpg)   (http://www.uppicfree.com/images/777_fox2.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-777_fox2.jpg)
คนผมทองที่ 2 จากขวา คือ Cherie Currie  (http://www.uppicfree.com/images/252_fox4.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-252_fox4.jpg)

ขอแปะรูป Pink Lady อีกทีครับ -- แบบว่า "คลั่งไคล้" อ่ะ -- ขอ บอก (ไม่ใช่ ขอบ อก นะ จะบอกให้)  ;D

(http://www.idollica.com/pinklady/pinklady02.jpg)

พี่ Pong-Wanchai อย่าเอาแต่ยิ้ม เพราะน้อง ๆ เขาอยากให้พี่เขียนรำลึกถึงการเที่ยวเธคแต่ละที่ในอดีตน่ะครับ (อันนี้ซีเรียสนะครับ)  :D

ซิงเกิ้ลของคุณ panyarak มีเพลง Kiss in the Dark และ Love Me Tonight ไหมครับ?

มันเป็น EP ชื่อ We are Sexy นอกจาก Kiss in the Dark แล้วมีเพลง  Da Ya Think I'M Sexy?, Walk Away Renee, I Was Made For Dancin', Last Dance กับ Medley สั้นๆ แต่จำไม่ได้ว่า มีเพลงอะไรบ้างครับ

(http://www.uppicfree.com/images/732_pl.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-732_pl.jpg)

ผมไปเทคชื่อ Xanadu ค่อนข้างบ่อยเหมือนกัน แต่ตอนนั้นเป็นช่วงกลับมาเที่ยวบ้าน สาเหตุที่ไปก็เพราะว่าวงคาไลโดสโคปเล่น
ประจำอยู่ครับ ถ้าข้อมูลไม่ผิดน่าจะเป็นทุกวันเว้นวันอาทิตย์อะไรทำนองนี้

เหตุการณ์ในตอนนั้นน่าจะประมาณปี 1981 หรือ 1982 นะครับ ช่วงนั้น วงดนตรีเล่นสดในบาร์ตกงานกันเป็นแถวเพราะว่าสถานที่
เที่ยวตอนกลางคืนเปลี่ยนรูปแบบเป็นดิสโก้ขนาดย่อมกันหมด แล้วก็ใช้ดีเจมาเปิดแผ่นเสียงแทนวงดนตรี แต่ที่นี่มีการเล่นดนตรี
สดสลับกับดีเจครับ

เทคนี้อยู่บนชั้นสุดท้ายของตึก BOAC (จำชื่อตึกไม่ได้...แต่ว่ามีป้ายนี้ติดอยู่ด้วย) ตั้งอยู่สี่แยกราชประสงค์ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็น
เกสรพลาซ่าไปแล้ว ผมได้ลด 25 เปอร์เซ็นต์ โดยใช้โคว์ต้าของนักดนตรีครับ (ผมรู้จักกับทางวง ไม่ใช่นักดนตรี) เลยต้องไปใช้
สิทธิ์ค่อนข้างถี่พอสมควร  :D

เจ้าของเทคคือ คุณนิยม พงศ์พันธ์ นักร้องชื่อดังในสมัยนั้น นั่นเอง!

พอขึ้นลิ้ฟท์ไปจอดถึงที่ ย่างกายออกมาจะเจอทางเดินก่อนเข้าข้างใน ซึ่งเหมือนกับอุโมงค์แต่ล้อมรอบไปด้วยกระจกสี แสงสว่าง
ก็มีไม่มากนัก เลยทำให้ดูมัวๆ เข้าบรรยากาศที่นักท่องราตรีทุกคนถวิลหา ยิ่งถ้ามีเพศตรงข้ามควงไปด้วยนี่ ในใจคงยิ้มกริ่มเลยล่ะ
ครับ เพราะว่าใกล้เคียง เดอะไนล์ ที่สามย่าน พอสมควร แต่ไม่ได้มืดมิดถึงขนาดนั้น!

แทนที่บรรยากาศจะเหมือนเทคทั่วไปกลับดูดีกว่าที่อื่นๆ ตามความคิดของผม เนื่องจากว่า Xanadu นี้อยู่บนชั้นสูงสุดของตึก ตกแต่ง
แบบ กึ่งเทคกึ่งเล้าจ์ ผมว่ามันให้ความรู้สึกที่ เร้าใจ มาก...ถ้าไปแบบไร้คู่เคียงกาย...เรียกว่า ใครควงกันมาหรือเข้ามาเดี่ยว สามารถ
หาความ "อบอุ่น" ได้ด้วยกันทุกคน !!!

ส่วนราคานั้นผมจำไม่ค่อยได้แล้ว แต่พอมีตัวเลขคร่าวๆ ว่าเช็คบิลคืนนึงประมาณไม่เกิน 2,000 บาท หรือ อาจเกินนิดหน่อย (หักส่วนลดแล้ว)
เทียบไม่ได้กับสมัยนี้ที่พอเดินออกมากระเป๋าก็แห้งพอดีเพราะว่าต้องจ่ายเพิ่มขึ้นมาอีก 10 เท่าเลยทีเดียว ถ้าใครไม่เชื่อผมก็ไปถาม
คุณอั๋น501 ได้เลย   ;D  ;D  ;D

แล้วค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี่รวมค่า ดริ้งค์ ของน้องๆ แล้วนะครับ ซึ่งนั่งกันหลายคน ไม่มีอั้น คิดแล้วยัง จดจำความสนุกสนานอยู่ได้ในใจเลยครับ
ต้องขอขอบคุณทางวง คาไลโดสโคป ด้วยที่ช่วยให้ผมประหยัดตังค์ไปเยอะ กลับบ้านกันหลังเทคปิดทุกครั้ง เพราะว่า นักดนตรี ต้องมาเซ็นต์
ชื่อกำกับในบิลให้ด้วย

ที่เล่าโม้มานี่ยังไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องดนตรีเลยซักกะนิดเดียว  เดี๋ยววันหลังมาต่อก็แล้วกันครับ  :D  :D  :D

ผมรู้จัก Amii Stewart ก็เพราะเพลง Knock on Wood เพลงเดียวนี่แหละครับ ซึ่งในยุคนั้นเพลงนี้เป็นอีกเพลงหนึ่งที่ดังมากและเปิดออกอากาศกันบ่อยตามสถานีวิทยุ จากข้อมูลของคุณ panyarak ทำให้ทราบว่าเธอก็มีผลงานอยู่ไม่น้อยและอยู่ในวงการเพลงมาได้ยืนยงมากเลยทีเดียวนะครับ

เคยได้ยินชื่อเธค Xanadu เหมือนกันครับ ในยุคนั้นก็ดังมาก เพราะได้ยินโฆษณาอยู่บ่อย ๆ ถ้าเป็นปี 1981-1982 นี่ผมยังเรียนอยู่ม.ต้นเลยครับ แต่เคยได้ยินมาว่าแถวราชประสงค์ ถนนเกษร บางกอกบาซาร์นั้นขึ้นชื่อไม่เป็นรองใครในเรื่องเธคและสถานเริงรมย์ยามราตรี ผมมีโอกาสได้เข้าเธคกับเขาก็ตอนที่เรียนจบและทำงานแล้ว ก็ประมาณปี 2533-2534 เคยไปที่ Afterdark ราชดำริอาเขต (ใกล้ห้าง Big C สมัยนี้) แต่ตอนนั้นพวกเธคก็เริ่มกลายพันธุ์เป็นลักษณะกึ่งผับกึ่งเธคไปแล้ว และเน้นเปิดเพลงสตริงจากค่ายเทปเพลงไทยและเพลงแร็พเป็นหลัก ไม่มีมนต์ขลังของเสน่ห์เพลงดิสโก้ดังเช่นแต่ก่อนอีกต่อไปแล้ว ผมจำได้ว่าเข้าไปเที่ยว Afterdark ได้ครั้งเดียว ต่อมาอีกไม่นานก็มีข่าวว่าเกิดเหตุยิงกันตายในนั้น และอีกไม่นาน Afterdark ก็ปิดกิจการไป เห็นว่ากันว่า สำหรับสถานบันเทิงประเภทนี้ หากมีเหตุไม่ดีเกิดขึ้น เช่น มีการทะเลาะวิวาทถึงขั้นฆ่ากันตาย อีกไม่นานก็จะปิดตัวลงไปครับ

นอกจากชุดที่ลงรูปแล้ว ยังมีอีก 10 กว่าชุดครับ
(http://www.uppicfree.com/images/714_ami1.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-714_ami1.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/852_ami2.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-852_ami2.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/853_ami3.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-853_ami3.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/511_ami4.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-511_ami4.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/763_ami5.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-763_ami5.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/424_ami6.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-424_ami6.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/896_ami7.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-896_ami7.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/699_ami8.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-699_ami8.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/315_ami9.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-315_ami9.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/469_ami11.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-469_ami11.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/443_ami12.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-443_ami12.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/412_ami13.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-412_ami13.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/998_ami14.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-998_ami14.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/427_ami15.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-427_ami15.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/380_ami16.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-380_ami16.jpg)

พูดถึง Girogio Moroder นี่ทำให้ผมนึกถึงภาพยนตร์ขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่ง คือ Flashdance... What A Feeling ซึ่งเขามีส่วนร่วมในการทำ soundtrack ประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ จะว่าไปแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นหนังเพลงต้นยุค '80 ซึ่งก็พอถือได้ว่ายังอยู่ในยุคดิสโก้ แต่การออกแบบท่าเต้นรำในเรื่องนี้ก็น่าจะทำให้ดูหวือหวาและแหวกแนวมากขึ้น ผมคิดว่าคุณ panyarak และเพื่อน ๆ หลายคนคงเคยได้ดูหนังเรื่องนี้แล้ว เพราะสมัยนั้นดังมากเลยทีเดียวครับ

(http://tf.org/images/covers/Flashdance.jpg)

เคยดูครับ พอพูดถึง Flashdance ทำให้นึกถึง Footloose ขึ้นมาอีกเรื่องนึงครับ

(http://www.uppicfree.com/images/269_ami17.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-269_ami17.jpg)

ผมก็ได้ดูภาพยนต์เรื่อง Flashdance เหมือนกัน ทางเคเบิ้ลทีวีในสมัยก่อน แล้วก็ทำให้นึกถึงเรื่องนี้อีกเรื่องนึงครับ...

(http://www.uppicfree.com/images/326_DirtyDancingDVD.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-326_DirtyDancingDVD.jpg)

แต่นี่มันออกนอกยุคดิสโก้แล้วนะครับ คือปี 1987 ซึ่งการเต้นแบบนี้ยังคงสืบสานกันต่อมาจนถึงปัจจุบัน  :)

ผมก็ชอบเพลงในหนังเรื่องนี้หลายเพลงเลยครับ

ผมมีดีวีดีเรื่องSaturday Night Fever ฉบับครบรอบ25th Anniversary Edition
เป็นแผ่นดีวีดีโซนหนึ่ง  เสียดายเหมือนกันที่ไม่ได้ซื้อแผ่นซีดีที่ออกมาพร้อมกันเก็บไว้
เพราะแผ่นซีดีทำปกPackageได้เหมือนแผ่นเสียงจริงๆ ไม่ได้ย่อส่วนแบบพวกMini Lp Cd
ขนาดตัวปกใส่แผ่นซีดีใหญ่เท่าแผ่นเสียงเลยครับ คงถูกใจพวกที่เล่นแผ่นเสียง
(http://www.uppicfree.com/images/601_SDC11503.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-601_SDC11503.jpg)
(http://www.uppicfree.com/images/350_SDC11504.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-350_SDC11504.jpg)
(http://www.uppicfree.com/images/726_SDC11505.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-726_SDC11505.jpg)
(http://www.uppicfree.com/images/310_SDC11506.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-310_SDC11506.jpg)

Jeff Scott Soto นักร้องแนวเฮฟวี่ (Yngwie Malmsteen's Rising Force, Axel Rudi Pell, Soul SirKUS, Talisman, Human Clay, Journey ฯลฯ) ฉีกแนวไปเล่นเพลงดิสโก้เก่าๆ จากยุค 70s ในนาม Boogie Knights กับอัลบั้ม Welcome to Jungle Boogie รวมทั้งเปิดการแสดงสดประจำที่ลาสเวกัส โดยทั้งวงแต่งกายแบบดิสโก้ เล่นเพลงดิสโก้เก่าๆ ล้วนๆ ได้รับการต้อนรับจากผู้เข้าชมอย่างอุ่นหนาฝาคั่งทีเดียว

(http://www.uppicfree.com/images/630_bk2.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-630_bk2.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/339_bk1.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-339_bk1.jpg)

ไม่ทราบว่าหนังเรื่อง Staying Alive นี่เป็นภาคต่อจากเรื่อง Saturday Night Fever หรือเปล่าครับ?

ต่อกันครับ John Travolta แสดงเป็น Tony Manero เหมือนเดิม แต่ความที่ Sylvester Stallone เป็นผู้กำกับ Tony Manero ในเรื่องนี้ เลยติดบุคลิก Rambo มาเล็กน้อยครับ

ไม่ทราบว่ามีใครชอบฟังผลงานของวง Dschinghis Khan (Genghis Khan) วงดิสโก้/พ็อพที่ยอดเยี่ยมอีกวงหนึ่งจากเยอรมนีกันบ้างครับ? คือผมมีแผ่นเสียงของวงนี้อยู่สองเวอร์ชั่น (เวอร์ชั่นแรกมีเพลง Dschinghis Khan ที่ร้องเป็นภาษาเยอรมัน และเวอร์ชั่นที่สองมีเพลง Genghis Khan ที่ร้องเป็นภาษาอังกฤษ) และชอบทุกเพลงในอัลบั้มชุดนี้ สมัยก่อน เมื่อครั้งที่อัลบั้มชุดนี้ออกใหม่ ๆ ประมาณปี 1979 ดูเหมือนรายการ "มาร์มาเลด คลับ" ที่คลื่นวิทยุทหารอากาศ สะพานแดง บางซื่อ จะเป็นเจ้าแรกที่นำผลงานชุดนี้มาเปิดออกอากาศให้ได้ฟังกัน และจากนั้นอีกไม่นานก็แพร่ระบาดไปตามสถานีวิทยุช่องอื่น ๆ เรียกได้เลยว่าสมัยนั้น เพลง Dschinghis Khan เป็นเพลงดิสโก้อีกเพลงหนึ่งที่ฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง นอกจากนี้ยังมีเพลงอื่นในอัลบั้มที่น่าสนใจและฟังสนุกอีกเช่นกัน เช่น Moskau (Moscow), Rockin' Son of Dschinghis Khan, Samurai, Israel, Sahara, China Boy เป็นต้น

(http://music.tonnel.ru/music/54649147_tonnel.gif)

ว้า คุณปีศาจ ไม่มีเวอร์ชั่นภาษาไทยเลย :D

ชอบทุกเพลงที่เอ่ยชื่อมาเช่นกันครับ การแสดงของวงนี้น่าดูดีครับ ปัจจุบันก็ยังรวมตัวกันอยู่

ผมไม่มีเวอร์ชั่นภาษาไทยที่ร้องโดย รอยัลสไปรท์ หรอกครับ  :D
อ้อ... สมาชิกวง Dschinghis Khan เสียชีวิตไปแล้วสองคนนะครับ คือคนที่แต่งตัวเป็นเจงกิสข่าน และคนที่โกนหัว (Steve Bender) น่ะครับ

http://www.dschinghis-khan.de/index.php?lang=en

สมาชิกที่เหลือได้นักเต้นหลายคนเข้ามาสมทบและเปิดการแสดงในนาม The Legacy of Genghis Khan รวมทั้งการแสดงที่กรุง Ulan Bator ประเทศมองโกเลีย บ้านเกิดของเจงกิส ข่าน ในโอกาสครบรอบ 800 ปีการเสียชีวิตของเจงกีส ข่านด้วยครับ

(http://www.uppicfree.com/images/521_dk.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-521_dk.jpg)

ผมมีเพลงของวงนี้แสดงใน
รายการ DISCO แต่มีแค่เพลง  Dschinghis Khan เป็น  German version

รายการ Musikladen
Dschinghis Khan - Rocking Son Of Dschinghis Khan

ตอนแรกผมนึกว่า Dschinghis Khan จะดังและดับไปตามยุคสมัยเสียอีก และคิดว่าไม่ค่อยมีข้อมูลเกี่ยวกับวงนี้มากนัก แต่ที่ไหนได้ วงนี้ยัง active อยู่ในปัจจุบันและมีเว็บไซต์ของตนเองด้วย

เยี่ยมจริง ๆ ครับ

ในช่วงวันหยุดสี่วันติดต่อกันที่ผ่านมา (12-15 ส.ค. 53) ผมไม่ได้ไปเที่ยวไหน ก็เลยรื้อลังแผ่นเสียงซึ่งเก็บแผ่นที่ซื้อไว้นานมากแล้วและไม่ค่อยได้ฟังเอาไว้ พบว่ามีอยู่ลังหนึ่ง ปกแผ่นเสียงบางชุดถูกหนูแทะขาดวิ่นเล็กน้อย ที่เจ็บใจมาก ๆ คืออัลบั้มของวง Dschinghis Khan ก็โดนแทะปกด้านขวาล่างแหว่งเสียโฉมไปเล็กน้อย ผมจึงค้นเอาแผ่นเสียงแนวดิสโก้ชุดอื่น ๆ ซึ่งมีอยู่ไม่กี่ชุดออกมาทำความสะอาดและเล่นใหม่อีกครั้ง หลังจากที่ร้างลาไม่ได้ฟังมานานมาก การนำเอาแผ่นเพลงดิสโก้เก่า ๆ ออกมาฟังในครั้งนี้ทำให้ผมได้รำลึกถึงบรรยากาศเก่า ๆ ครั้งที่ยังเป็นเด็กเริ่มหัดฟังเพลงฝรั่งใหม่ ในยุคที่จังหวะบั๊มพ์และดิสโก้กำลังเฟื่องฟูสุดขีด นอกจากอัลบั้มของวง Dschinghis Khan แล้วก็มีอัลบั้มของ Tina Charles สองชุดคือ Dance Little Lady (ซึ่งนำเอาเพลงสรรเสริญพระเจ้าอย่าง Amazing Grace มาเรียบเรียงใหม่ในแนวดิสโก้ร็อคได้อย่างเก๋ไก๋) และ Heart 'N' Soul ซึ่งมีเพลง Go ที่ฮิตระเบิดเถิดเทิงในบ้านเราเมื่อสามสิบปีก่อนโน้น นอกจากนี้ยังได้ไปค้นเจออัลบั้มรวมเพลงเด็ด The Best of Ottawan ของวงดูโอกรุ๊ปแนวดิสโก้ปลายยุค 70 ต่อต้นยุค 80 ซึ่งรวบรวมเพลงเด็ด ๆ ไว้หลายเพลงด้วยกัน เช่น Hand Up (Give Me Your Heart), D.I.S.C.O., You're OK, Crazy Music, A.I.E. Is My Song, Sha La La Song เป็นต้น แถมสุ้มเสียงยังบันทึกมาดีอีกต่างหาก ยิ่งเปิดดังก็ยิ่งรู้สึกสนุก ฟังแล้วอยากขยับแข้งขยับขาตามด้วยความมันในอารมณ์จริง ๆ สังเกตว่าลีลาของ Ottawan นี่คล้ายกับ Boney M. แต่ก็ยังเก๋าและยิ่งใหญ่เทียบ Boney M. ไม่ได้ครับ

(http://farm3.static.flickr.com/2317/1694223553_91975039da.jpg)

^^ มีกระทู้ดิสโก้นี้เลยทำให้ผมขนดีวีดีดิสโก้มานั่งดูแบบ non-stop เหมือนกันครับ

คุณ panyarak เก็บแผ่นเสียงหรือซีดีของ Tina Charles บ้างหรือเปล่าครับ? ผมมีเป็นอัลบั้มอยู่แค่สองชุดเท่านั้น ส่วนอีกชุดหนึ่งเป็นแผ่นรวมเพลงซึ่งผลิตในไทยแต่เสียงห่วยมาก คืออยากได้ชุดที่มีเพลง You Set My Heart on Fire และ Take All of Me น่ะครับ แต่ไปเสิร์ชในอีเบย์แล้ว ไม่ค่อยเจอแผ่นเสียงผลงานของเธอเลยครับ (คงอาจต้องลองหาดูในอีเบย์ของประเทศอังกฤษเสียแล้ว)

ผมมีแต่ซีดีครับ เว็ปที่มีแผ่นเสียงดิสโก้เยอะคือ www.discogs.com ครับ

(http://www.uppicfree.com/images/927_tina1.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-927_tina1.jpg)

อาจจะกล่าวได้ว่า ถ้าไม่มี Tina Charles ก็คงไม่มี The Buggles และ Yes - Drama ครับ

เพิ่งทราบว่า Tina Charles ก็เคยร้องนำในเพลง I'm on Fire ของ 5000 Volts ด้วย (คิดว่าคุณ panyarak ก็คงรู้จักเพลงนี้ดี) ว่ากันว่าเธอก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของวงดูโอวงนี้ แต่เป็นสมาชิกแบบไม่เป็นทางการ ผมฟังเพลงนี้ครั้งแรกก็เข้าใจว่าเป็นเพลงของ Tina Charles แต่มาดูชื่อคนร้องกลับไม่ใช่ แต่เพิ่งมาทราบอีกทีว่าเสียงร้องนำที่เด่นที่สุดก็คือเสียงของ Tina Charles นั่นเองครับ

ผมก็ชอบเพลงนี้ครับ เสียงร้องเธอเด่นกว่านักร้องนำวง 5000 Volts อีกครับ
ส่วนเพลง You Set My Heart on Fire เป็นเพลงแรกที่ได้ Biddu มา produce ให้ ซึ่ง Biddu น่าจะเป็นบุคคลที่มีความสำคัญต่อความสำเร็จของ Tina Charles ในระยะต่อมา

(http://www.uppicfree.com/images/520_biddu.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-520_biddu.jpg)

Biddu ก็มีวงออร์เคสตร้าของตนเอง คือ Biddu Orchestra คิดว่าคุณ panyarak ยังคงจำเพลง Journey to the Moon และ Rain Forest ของวงนี้ได้ ผมว่า Biddu แกทำดนตรีคลาสสิคัลได้ติดดินดีจริง ๆ ครับ

Journey to the Moon เป็นเพลงโปรดตลอดกาลของผมเลยครับ

(http://www.uppicfree.com/images/711_biddu2.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-711_biddu2.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/448_biddu3.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-448_biddu3.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/300_biddu4.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-300_biddu4.jpg)

แม้แต่เจ้าแม่ร็อคแอนด์โรลในสมัยก่อนอย่าง Suzi Quatro ก็ทำเพลงใกล้เคียงดิสโก้หรือจะบอกว่าเป็นดิสโก้โดยตรงเลยก็ได้ ซึ่ง
ผมชอบอยู่เพลงนึงครับ ชื่อว่า Lipstick อยู่ในอัลบั้มชุด Rock Hard  :D

ใครโปะลิ้งค์ YouTube เป็นช่วยสงเคราะห์หน่อยก็แล้วกัน จะได้ฟังเพลงจริงๆ ได้ทุกคน.

เคยได้ฟังเพลงนี้นานแล้วครับ ผมจำท่อนวลี someone else's lipstick ในเพลงนี้ได้แม่นเลยครับ

ในภาพยนตร์ The Adventures of Priscilla - Queen of the Desert ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของ drag queen ก็ใช้เพลงดิสโก้จากยุค 70s หลายเพลงมาเป็นเพลงประกอบ หนังเรื่องนี้เครื่องแต่งกายอลังการ และได้รับความนิยมมากจนมีการนำไปทำเป็นละครเวที Priscilla, Queen of the Desert - The Musical ด้วยครับ

(http://www.uppicfree.com/images/328_pris2.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-328_pris2.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/906_pris3.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-906_pris3.jpg)  (http://www.uppicfree.com/images/755_pris5.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-755_pris5.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/526_pris1.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-526_pris1.jpg)

ถ้าได้ยินเพลง Lipstick นี้อีกครั้ง สงสัยคงต้องมีการ ขยับแข้งสลับขา กันหน่อยล่ะครับ  :D

ผมยังไม่เคยดูเรื่องนี้เลยครับ เคยดูแต่ The Boat That Rocked ซึ่งเพลงประกอบล้วนแล้วแต่มาจากยุค 60's และ 70's ทั้งนั้น.

เห็นหน้า Biddu เผิน ๆ คล้าย Patrick Moraz เลยครับ
ผมได้อ่านเครดิตบนปกแผ่นเสียงชุด Dance Little Lady และ Heart 'N' Soul พบว่า Biddu มีผลงานเรียบเรียงฯเพลงของ Tina Charles จำนวนมาก และบางเพลงก็แต่งและหรือเรียบเรียงฯร่วมกับคนอื่น แสดงว่าแกมีอิทธิพลต่อ Tina Charles และบทเพลงของเธออยู่ไม่น้อย ผมทึ่งฝีมือของ Biddu ในการเรียบเรียงฯเพลง Amazing Grace (ซึ่งเพลงนี้ถ้าใครเคยเป็นนักเรียนโรงเรียนคริสต์คงจะรู้จักดีและร้องได้) เขาเอาเพลง Amazing Grace มาเรียบเรียงให้ Tina Charles ร้องในทำนองดิสโก้ร็อคซึ่งมีเสียงลีดกีตาร์ด้วย -- ก็นับว่าเก่ไปอีกแบบแหละครับ -- พอพูดถึงเพลง Amazing Grace แล้วอดนึกถึงเพลง The Lord's Prayer ของ Sister Janet Mead ไม่ได้ เพราะเพลงนี้ก็เป็นเพลงศาสนาที่ถูกเรียบเรียงฯแปลงเป็นพ็อพร็อคไปเลยครับ

ตอนได้ยิน The Lord's Prayer ของ Sister Janet Mead ครั้งแรก ผมขำกลิ้งเลยครับ เพราะตอนอยู่โรงเรียนคริสต์ที่ญี่ปุ่น ผมต้องสวดบทสวดนี้ทุกเช้า

(http://www.uppicfree.com/images/178_sister.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-178_sister.jpg)

นี่เป็นรูปเพิ่งส่งตรงมาจากอดีตสมาชิกคาไลโดสโคปเลยครับ...

(http://www.uppicfree.com/images/848_Kaleidoscope.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-848_Kaleidoscope.jpg)

ภาพนี้คลาสสิคมากครับ เป็นยุคประมาณต้น 80's สมัยเล่นประจำอยู่ที่ Xanadu สี่แยกราชประสงค์ นั่งนับนิ้วก็เวลาผ่านมา
ประมาณ 30 ปีแล้วครับ

สมาชิกนักดนตรีจากซ้ายไปขวา...พี่ต้อม บุนนาค (เบส) ปัจจุบันยังเป็นหัวหน้าวงอยู่

ส่วนคนที่นั่งชื่อ คุณอรรถพร ชูโต (คีย์บอร์ด) ที่เล่นงานคอนเสิร์ตจุดประกายกับ คุณมาโนช พุฒตาล รวมทั้งช่วยโพรดิวส์และ
แต่งเพลงในอัลบั้มอีกมากมายในวง แล้มป์  

แล้วก็คนที่ยืนข้างหลังเห็นหน้าไม่ค่อยชัดแต่เห็นหนวดก็คือ คุณ สมชาย ศักดิกุล (กีตาร์ ร้องนำ) ที่ปัจจุบันกลายเป็นนักแสดง
และนักพากษ์ไปแล้ว

สำหรับคนที่นั่งอีกคนนึงคงจำกันได้ดีแต่ดูหนุ่มมากในตอนนั้น ซึ่งก็คือ คุณ เอ็ดเวิอร์ด เวนโซ่ (ร้องนำ) น้องชายแท้ๆ ของ พี่
จอห์น แวนโซ่  

อีกคนนึงที่ยืนใส่หมวกเสียชีวิตไปแล้วครับ คือมือกีตาร์ที่ชื่อว่า คุณ เฉลิมเกียรติ อมรสิงห์ ( R.I.P.) และ คนสุดท้ายเป็นมือกลองครับ
เดี๋ยวนี้ไม่ได้อยู่วงการดนตรีแล้ว ผมเลยนึกชื่อจริงไม่ได้แต่ชื่อเล่นว่า คุณ "แดง" ครับ

ผมยังจำได้อย่างแม่นยำว่าทางวงบรรเลงเพลงทั้งในแบบ ร็อค และ เต้นรำ เท่าที่จำได้มีเพลง Down Under (Men At Work), It's My Life
(Loverboy), Truely (Lionel Richie), Before The Dawn (Judas Priest), Breaking The Law (Judas Preist), Highway Star (Deep
Purple) และ อีกเยอะแยะมากมาย ซึ่งความจำของผมมันชักเลือนลางเสียแล้วซิครับ.

ความจำผมเลือนลางยิ่งกว่าพี่โป่งอีกครับ เพิ่งนึกได้ว่า ผมเคยแต่ชมการแสดงของคุณเอ็ดเวิร์ด แวนโซ ที่ Rock Pub ไม่เคยชมการแสดงของคุณจอห์นเลยครับ

แล้วนี่เป็นสมาชิกยุคล่าสุดเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี้เองครับ...

(http://www.uppicfree.com/images/382_Kaleidoscope.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-382_Kaleidoscope.jpg)

ดูเหมือนว่าหน้าบางคนจะคุ้นๆ กันอยู่เหมือนกัน  ;D  ;D  ;D

ทว่ารูปข้างบนเมื่อกี้นี้ไม่ใช่วง Kaleidoscope ครับ กลับกลายเป็น วงสังสรรค์ จับจอห์นนี่ใส่ถ้ง พลังสูง ลากจูงกันไป ไม่ไล่ไม่เลิก ครับ

คราวนี้จะเปิดเผยชื่อ จากขวาไปซ้ายนะครับ...

คนแรกเป็นมือลีดกีตาร์ตัวปลอมชื่อว่า พี่โก้ ครับ หน้าตา (พยายามทำให้) โหดเหี้ยม ต่อด้วย มือคีย์บอร์ดซึ่งคนนี้เป็นตัวจริงครับ ชื่อ
พี่อ้วน ส่วนข้างหลังคือ พี่ต้อม มือเบสตัวจริงเหมือนกัน แล้วก็หลังสุดเก็กหน้าหล่อทำหน้าที่นักร้องตัวปลอมครับ

สำหรับคนสุดท้ายดูท่าทาง ร็อค สุดๆ ดูเหมือนจะเป็นมือกลองตัวปลอมอีกเหมือนกันครับ ชื่ออะไรผมจำไม่ได้เสียแล้ว  :D  :D  :D

คุณอรรถพรในอดีตกับปัจจุบันดูไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไรเลยนะครับ ผมชอบฝีมือการเล่นคีย์บอร์ดของคุณอรรถพร ซึ่งคงจะศึกษาดนตรี prog มาไม่น้อยเลยครับ

มือกลองดูแกร็อคมากเลยครับ
แต่ แกคงไม่ได้ตีแล้วนี่นา
เพราะพุงแกยื่นติดเครื่องเคาะหมดแล้ว  ;D ;D ;D


เข้ากระทู้หน่อย
ขอแจมกับพี่ตั๊ม+คุณปีศาจหน่อย

ผมว่าเพลงดิสโก้ เพลงแรกที่ผมฟังน่าจะเป็นของคนนี้นะครับ
ได้ยินจากวิทยุครั้งแรก ซัก ม.4-ม.5 นี่แหละ
แค่เสียงคราง ก็จินตนาการไปไกลแล้ว

Donna Summer - Love to love you
http://www.youtube.com/watch?v=V86XLYuwhdU
นาทีที่ 2:20 ทำนองเพราะมาก (เพลงเต็ม ยาวเกือบ 6 นาทีแนะ)
น่าจะเป็นเพลงดิสโก้ เพลงแรก ที่ติดอันดับ 1 นะครับ
ถ้าไม่ใช่ ก็ต้องเป็น Hot Stuff แน่ๆ (เผลอๆ อาจจะติดทั้ง 2เพลง เลยนะ)

และที่สำคัญกว่า
ดอนน่า ซัมเมอร์ ทำให้ผมรู้จัก Giorgio Moroder นักแต่งเพลง ด้วยซินธีไซเซอร์ ที่ผมชอบมากกว่า บิดดู นิดนึงครับ
 ;D

ขอถามนิดนึงครับ Biddu Orchestra เกี่ยวอะไรกับ Biddu Diddu ที่มีเพลง Shanghai'd in Shanghai เพลงยุค 70's ที่ผมชอบมากๆ พอดีหาข้อมูลไม่ได้เลย

Giorgio Moroder

ฟังเพลงนี้ ก่อนเลยครับ
ท่อนแยก(ฮุก) ทำนองเพราะติดหูสุดๆ
http://www.youtube.com/watch?v=4Ug7cj2Eskk

จิโอจิโอ้ โมโรเดอร์ ดังมาคู่กับ เพลงประกอบหนังหลายเรื่อง เช่น
Midnight Express - หลอนมาก ไพเราะ 5ดาวเลย
American Gigolo
Flashdance
The Never Ending Story - อันนี้ ผมชอบเป็นการส่วนตัว  ;)
Thief of Hearts
Electric Dreams - หนังไม่ถึง แต่เพลงไตเติ้ลสุดยอด
Cat People
Over the Top
Scarface - สุดยอดมาก เข้ากับ เลือดสาดๆ ของ ผู้กำกับ ไบรอัน เดอ พัลม่า ดีจริงๆ 5ดาวไปเลย
http://www.youtube.com/watch?v=c0ZiGw2nHT8

Giorgio Moroder เป็นคนปั้นให้ Donna Summer มีชื่อเสียงโด่งดังแบบไม่ตั้งใจ เพลงโปรดของ Donna Summer ของผมคือ Mac Arthur Park, I Feel Love, Bad Girls, Hot Stuff  ครับ

Biddu เจ้าของวง Biddu Orchestra เป็นชาวอินเดีย มีชื่อเต็มว่า Biddu Appaiah ครับ ส่วนเพลง Shanghai'd in Shanghai ผมเคยฟังแต่ที่ Nazareth นำมาเล่นใหม่ครับ

ของ Nazareth เป็นคนละเพลงกันครับ

เนื้อเพลงคร่าวๆ
I was sailing along
minding my business
hiding from love
keepin' my distance....

ไม่กี่ปีมานี้ ศิลปินแนว bossa nova นำเพลงดิสโก้มา cover ในรูปแบบ bossa nova กันอย่างเอิกเกริก ซึ่งก็ไพเราะไปอีกแบบครับ

(http://www.uppicfree.com/images/957_bos1.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-957_bos1.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/716_bos2.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-716_bos2.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/460_bos3.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-460_bos3.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/463_bos4.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-463_bos4.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/844_bos5.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-844_bos5.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/587_bos6.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-587_bos6.jpg)

เพลงที่ท่านผีฯว่ามานั้น ผมไม่เคยฟัง หรืออาจเคยได้ยินมาแล้วก็ได้ แต่ไม่รู้จักชื่อเพลง ผมรู้จัก Donna Summer ครั้งแรกก็ด้วยเพลง Hot Stuff ตอนนั้นก็ประมาณปี 1977-1978 นี่แหละ ส่วน Giorgio Moroder นั้น ผมรู้จักเขาครั้งแรกด้วยผลงานเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Chase ต่อมาก็เป็นผลงานเพลงในหนังเรื่อง Flashdance ครับ

สมัยก่อนผมเคยฟังเพลงนี้และได้ยินเพลงนี้จากรายการวิทยุบ่อยมาก แต่จำไม่ได้ว่าใครร้อง ผมว่าแนวทางและเสียงร้องของเพลงนี้คล้ายเพลง Kungfu Fighting ของ Carl Douglas มากเลยครับ

ชอบทุกเพลงที่คุณ panyarak บอกมาเช่นกัน ยกเว้นเพลง Mac Arthur Park ซึ่งผมไม่รู้จัก หรืออาจเคยได้ยินเพลงนี้มาแล้วแต่ไม่รู้จักชื่อเพลงก็ได้ครับ

ไม่เคยดูเรื่องนี้เลยครับ แต่ก็สนใจอยากจะดู ไม่ทราบว่าคุณ panyarak มีหนังเรื่องนี้อยู่หรือเปล่าครับ?

เพลง Love's Unkind, Heaven Knows, Dim All the Lights ก็เป็นเพลงของ Donna Summer ที่ผมชอบครับ

Mac Arthur Park เป็นเพลงมหากาพย์ของ Donna Summer เลยครับ ในอัลบั้ม Live & More เพลงนี้ยาว 8 นาทีกว่า และในรูปแบบ Mac Arthur Park Suite แผ่น 12" รวมเพลง One of a Kind และ Heaven Knows เข้าไปด้วย รวมเป็น 18 นาที

(http://www.uppicfree.com/images/283_donna.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-283_donna.jpg)

เคยเช่ามาดู ยังไม่ได้ซื้อเก็บไว้ครับ

ผมจำได้ลางๆ ว่าเพลงดิสโก้ยุคแรกๆ มาก่อนเพลง บั้ม (Bump) นะครับ  โดยเฉพาะเพลง Rock The Boat ของ Hues Corporation
หรือว่า Rock Your Baby ของ George McCrae นั้น  เรียกว่า ดัง ระเบิดเถิดเทิงเลยทีเดียวในประเทศไทยเรา

หลังจากนั้นก็มากันเพียบ อันมี KC & The Sunshine Band รวมถึง Donna Summer ด้วย นอกจากนี้ ยังมี Barry White (แต่ผิวสีดำปื้ด)
ซึ่งก็เป็นหนึ่งในตองอูเหมือนกัน, Van McCoy, Diana Ross, Silver Convention, Chick ที่ผมชอบเพลง Le Freak มาก, AWB, Brick,
The Bee Gees และ อีกมากมายที่ยังไม่ได้เอ่ยชื่อ ครับ

แล้วสไตล์การเต้น "บั้ม" ดูเหมือนว่าเริ่มมาจากกระแสเพลง Lady Bump ของ Tina Charles นี่แหละครับ ถ้าจำไม่ผิด

พอจะจำได้เพราะว่าดนตรีดิสโก้พวกนี้แหละ มันค่อยๆ เข้ามาเขย่าบรรลังก์เพลงฮาร์ดร็อคเมื่อประมาณ ปี ค.ศ. 1974 เห็นจะได้ เลยทำให้
ผมอารมณ์เสียพอสมควรครับ ที่รู้จักเพราะว่าเคยได้ยินได้ฟังผ่านหูมาในสมัยก่อนตอนเป็นวัยรุ่น แต่สมัยนี้มันวัยร่วงแล้ว รับฟังเพลงได้
ทุกประเภทครับ  ความคิดมัน เปลี่ยนไปเยอะ  :D  :D  :D

เพลง Lady Bump เป็นผลงานของ Penny McLean อดีตสมาชิกวง Silver Convention ครับพี่โป่ง

ผมเห็นด้วยในประเด็นที่เพลงแนวดิสโก้มันได้เข้ามาเขย่าบัลลังก์เพลงร็อคเมื่อประมาณปี 1974-1975 นะครับ แต่ผมคิดว่าดิสโก้เริ่มจะบูมในเมืองไทยกันจริง ๆ ก็ประมาณปี 2519 (ตอนนั้นเมืองไทยจะรับกระแสวัฒนธรรมช้ากว่าเมืองนอกอยู่พอประมาณ ไม่รวดเร็วเหมือนทุกวันนี้) พอถึงช่วงปลายยุค 70 นี่ยิ่งระเบิดเถิดเทิงไปกันใหญ่เลย แล้วไปซบเซาเอาตอนช่วงกลางปี 80 ซึ่งกระแสเพลงเบรคแดนซ์เริ่มจะเข้ามาแทนที่ครับ

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/45rpm003.jpg)

คิดว่าคงมีหลายท่านรู้จักเพลง Sunshine Day และ Dance the Body Music ของวง Osibisa ซึ่งทั้งสองเพลงนี้ก็ฮิตในยุคดิสโก้กับเขาด้วยเหมือนกัน (ความจริงผลงานสองชุดแรกของพวกเขาออกแนวอาร์ตแทบจะเป็น progressive เลยก็ว่าได้ แถมหน้าปกยังวาดโดย Roger Dean อีกต่างหาก) เท่าที่ผมจำได้ วง Osibisa เคยมาเปิดการแสดงที่เมืองไทยด้วย ประมาณปี 1977 หรือ 1978 นี่แหละ ผมไม่ค่อยแน่ใจ ตอนนั้นผมยังเรียนชั้นประถมอยู่เลยครับ แต่ภาพข้างล่างนี้เป็น Osibisa ยุคปัจจุบันเมื่อไม่นานมานี้นะครับ

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/8/8a/Osibisa.jpg/290px-Osibisa.jpg)

ผมคงจำคนร้องเพลง Lady Bump ผิดน่ะครับ ก็บอกแล้ว ว่าอาจจำไม่ได้   :-\

ส่วนเรื่องดิสโก้บุกเมืองไทยมันไล่เลี่ยกับเมืองนอกมากครับ เพราะว่าเรามีสถานีวิทยุที่เปิดเพลงในอันดับชาร์ททั้งทาง
ฝั่งประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา การฟังเพลงของคนไทยเราดีกว่านานาประเทศในโลกนี้เยอะครับ ไม่มีการกั้นเขต
แดน เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงในเรื่องวัฒนธรรมการรับฟังของคนไทยเรา "รวดเร็ว" มากครับ  8)

ผมอยู่ในยุคนั้นแล้วก็ดิสโก้ก็บุกในยุคนั้นเลยครับ ไม่มีการรีรอถึงปลายปี 70 ผมไปเรียนต่อ ปี 78 เพลงร็อคตอนนั้น "ล่ม"
แล้วนะครับ บาร์แทบทุกแห่งเริ่มเลิกจ้างวงดนตรีแล้ว...อันนี้ "ฟันธง" ครับผม  อิ...อิ...อิ    :D  :D  :D

หน้าปกโดย Roger Dean สวยจริงๆ ครับ

(http://www.uppicfree.com/images/889_osi3.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-889_osi3.jpg)
(http://www.uppicfree.com/images/252_osi1.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-252_osi1.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/278_osi2.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-278_osi2.jpg)

จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับพี่ ไม่มีใครกล้าว่าพี่โป่งอยู่แล้ว (แหม... ทำหน้าผิดหวังไปได้) แต่ Tina Charles นั้นก็มีเพลงจังหวะบั๊มพ์อยู่ไม่น้อย เช่น Dance Little Lady, Falling in Love with a Boy Like You, Falling in Love in Summer Time, Dr. Love อัลบั้มสองชุดแรกของเธอออกมาติด ๆ กันในปี 1976 หรือ 2519 ผมคิดว่าช่วงปีนั้น จังหวะบั๊มพ์ได้ดังสุดขีดแล้ว เพราะเห็นเพลง Dance Little Lady อยู่บนหน้าปัดตู้เพลงแล้ว และในงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในตอนนั้น ผมซึ่งยังเป็นเด็กอยู่ก็ยังเต้นรำจังหวะบั๊มพ์เพลงนี้กับเด็ก ๆ เพื่อนบ้านเป็นที่สนุกสนานเลยครับ อันนี้ยังไม่รวมถึงภาพยนตร์ที่คุณไพโรจน์-ลลนาเล่นในยุคนั้น ถ้าใครจำได้ ก็จะมีภาพพระเอกและนางเอกเต้นบั๊มพ์อยู่ในความทรงจำของคนรุ่นนั้นครับ

เพลง Falling in Love with a Boy Like You กับ Falling in Love in Summer Time มันใกล้เคียงกันมากเลยครับ

ยังไม่ได้พูดถึง Ring My Bell กันเลยใช่ไหมครับ เล่าเรื่องเกี่ยวกับเพลงนี้ให้ฟังหน่อยซีครับ พี่ๆ :D

ผมว่าไม่ใกล้เคียงหรอกครับ --เหมือนกันเลย -- เพียงแต่เปลี่ยนเนื้อร้องเท่านั้นเองครับ (คนแต่งพลงและโปรดิวเซอร์น่าจะเป็น Biddu เจ้าเก่า จึงไม่มีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์อยู่แล้วครับ)

จำได้ว่า Ring My Bell ของ Anita Ward เป็นอีกเพลงหนึ่งที่ดังมากในยุคนั้นและเปิดออกอากาศกันแทบทุกสถานีวิทยุในเมืองไทยกันเลยทีเดียว ก็น่าจะสักปี 1979-1980 เห็นจะได้ และผมเคยเห็นคาอยู่ท็อปชาร์ทอันดับที่หนึ่งของสหรัฐค่อนข้างจะนานด้วยครับ

เพลงนี้ถูกแปลงเป็นเนื้อร้องไทย ชื่อ กางเกงลิงลอยฟ้า ในภาพยนตร์ เก๋า เก๋า ด้วยครับ

เคยดูหนังเรื่องนี้ทางเคเบิลทีวีครับ แสดงว่าผมต้องพลาดเพลงนี้แน่เลย ได้ดูแต่เพลงแปลง A Ba Ni Bi ครับ

ในหนัง The Book of ELI มีตอนนึงที่ชายชราหยิบแผ่นเสียงมาเปิด ปรากฎว่าเป็นเพลง Ring My Bell ครับ

เมื่อเอ่ยถึงคณะ Osibisa นอกจากเพลงเด่นๆ อย่าง Sunshine Day แล้ว อย่าลืมเพลงบรรเลงทีเด็ดที่วงดนตรีไทยแทบทุกวงต้องนำมาเล่นกัน
นะครับ ซึ่งเพลงนั้นชื่อว่า Sakabo  :D

ผมลืมไปแล้ว และไม่ทันได้สังเกตุ นี่ใช่หนังที่ Danzel พยายามปกป้อง Bible ใช่มั้ยครับ?

ใช่ครับ

(http://www.uppicfree.com/images/694_kc7.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-694_kc7.jpg)

พูดถึงนักร้องดิสโก้หญิงกันเยอะแล้ว มีวงที่ผู้ชายร้องนำที่เป็นเอกลักษณ์ของดิสโก้อีกวงนึงคือ KC & the Sunshine Band ครับ มีเพลงฮิตมากมาย อาทิ Wrap Your Arms Around Me, That's the Way I Like It, Boogie Shoes, Please Don't Go, Give It up, Gimme Some More, Who Do You Love, Get Down Tonight แต่พอหมดยุคดิสโก้แล้ว วงนี้หันไปทำเพลงป๊อปที่ไม่ค่อยน่าประทับใจ ปัจจุบันยังมีอัลบั้มออกมาและตระเวณออกแสดงสดอยู่ครับ อัลบั้มของวงนี้ที่พึงหลีกเลี่ยงคือ พวก remix ที่ออกมาอย่างมากมายหลายชุด

(http://www.uppicfree.com/images/992_kc1.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-992_kc1.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/799_kc2.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-799_kc2.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/211_kc3.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-211_kc3.jpg)
(http://www.uppicfree.com/images/847_kc5.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-847_kc5.jpg) (http://i709.photobucket.com/albums/ww97/tanbeemkarn/kc6.jpg)

เว็ปที่มีดีวีดีดิสโก้ขายมากที่สุดคือ http://discollection.i8.com ครับ

(http://i709.photobucket.com/albums/ww97/tanbeemkarn/disco.jpg)

Sakabo เป็นอีกเพลงหนึ่งของ Osibisa ที่ผมชื่นชอบมาก ส่วนเพลง Dance the Body Music นั้น มีบางคนแปลงชื่อเพลงนี้เป็นภาษาไทยว่า "อาตมาไม่รู้ซิ"

ตอนที่พวกเขามาเปิดคอนเสิร์ตในเมืองไทย มีการเปิดเพลงบรรเลงโปรโมทอยู่เพลงหนึ่งบ่อย ๆ ตามรายการวิทยุ ซึ่งเป็นเพลงที่ค่อนข้างยาว ทำนองสนุก ติดหูง่าย และเน้นสีสันของเครื่องเป่า ไม่ทราบว่ามีใครพอทราบชื่อเพลงนี้บ้างครับ?

แล้วมีใครเคยฟังอัลบั้มแสดงสดชุด Black Magic Night ของพวกเขากันแล้วบ้าง? เห็นเขาว่าเป็นผลงานการแสดงสดที่ดีชุดหนึ่งนะครับ

(http://2.bp.blogspot.com/_pyIBhtN_0F4/R6PawVvLv6I/AAAAAAAAAec/a2KzOHkXhks/s400/Osibisa+001.jpg)

ชอบทุกเพลงที่คุณ panyarak กล่าวมาทั้งหมด โดยเฉพาะเพลง Please Don't Go นั้น เป็นเพลงรักหวานแหววที่ผมชื่นชอบมากที่สุดของวงนี้ ผมว่าผลงานของ KC & The Sunshine Band ก่อนปี 80 นั้นดีและน่าฟังทุกชุด เป็นการผสมผสานแนวพ็อพ ดิสโก้ และฟั้งค์ได้อย่างลงตัว ผลลัพธ์คือความสนุกสนานของผู้ฟังครับ

  ผมนึกว่า KC จะเป็นวงฟังค์กี้เสียอีกเหมือนอย่างวง Wild Cherry

  แล้วใครพอจะแยกแนวเพลงของ โซล ดิสโก้ ฟังค์กี้ ได้ไหมครับว่าต่างกันยังไง
  หรือใช้วิธีดูวงที่เล่น  ???

วงชายล้วนที่อยู่คู่ฟ้าวงการดิสโก้อีกวงคือ Village People มีเพลงดังอย่าง Macho Man, San Francisco, YMCA, In the Navy, Go West, In Hollywood, Can't Stop the Music เนื้อร้องของวงนี้ถูกมองว่า ส่งเสริมกิจกรรมของไม้ป่าเดียวกัน พอกระแสดิสโก้เสื่อมลง ก็พยายามเปลี่ยนโฉมเป็น New Romantics ตามแฟชั่นในอัลบั้ม Renaissance แต่ไปไม่รอด ต้องกลับมาแต่งตัวแบบเดิม ปัจจุบันก็กลับมารวมตัวกันใหม่ โดยมีการเปลี่ยนสมาชิกไปบ้าง และยังออกแสดงสดเป็นครั้งคราวครับ

(http://www.uppicfree.com/images/781_vi1.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-781_vi1.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/922_vi2.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-922_vi2.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/170_vi3.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-170_vi3.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/754_vi4.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-754_vi4.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/336_vi5.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-336_vi5.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/643_vi6.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-643_vi6.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/526_vi7.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-526_vi7.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/323_vi8.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-323_vi8.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/433_vi9.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-433_vi9.jpg)

บางครั้งศิลปินหลายคนหรือหลายวงก็มักจะหันเหจากแนวดนตรีเดิมของตนเพื่อออกผลงานตามกระแสนิยม ส่วนเพลงใดจะเป็นแนวโซล ดิสโก้ หรือฟั้งค์ ผมพอจะบอกได้ต่อเมื่อได้ฟังเพลงนั้น ๆ เพราะแต่ละแนวที่ว่ามานี้มันมีจังหวะดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่ครับ

+1 ครับ ทำให้นึกถึงเพลง I Was Made for Loving You ของ KISS เพลงนี้เป็นจังหวะดิสโก้ ที่มีเสียงลีดกีตาร์ด้วย

(http://www.uppicfree.com/images/479_kiss2.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-479_kiss2.jpg)

I Was Made for Loving You นี่เป็นเพลงที่ทำให้ผมรู้จักวงค้างคาวผีวงนี้เป็นครั้งแรกเลยครับ พอ ๆ กับเพลง Well Alright ของ Santana ที่หันไปเอาใจตลาดดิสโก้ในยุคนั้นเช่นกันครับ

จริงๆแนว Soul, Disco, Funky เพลงค่อนข้างแตกต่างกัน ฟังแยกออกไม่ยากนะผมว่า แต่จะให้อธิบายเป็นคำพูดก็อาจเข้าใจยากหน่อย ตามประสบการณ์ผมที่ฟังมาผมจะจับจุดเด่นได้ประมาณนี้ครับ

Soul = จะเน้นอารมณ์การร้องมากเป็นพิเศษ และจะมีลีลาการร้องแบบ improvised มากหน่อยเวลาแสดงสด พวกระดับแนวหน้าสมัยก่อนก็ประมาณ Marvin Gaye, Stevie Wonder, The Temptation หลังๆแนวนี้จะเริ่มกลายๆและแยกไม่ค่อยออกกับแนว R&B แล้ว อย่างสมัยนี้คงต้องยกให้ Mariah Carey เป็นเจ้าแม่ R&B, Soul แบบตลาดไปแล้ว

Disco = นี่ผมว่าคงไม่ต้องอธิบายมาก เพราะเน้นจังหวะเต้นรำสนุกสนาน ศิลปินยุคแรกๆก็ตามที่พี่ panyarak กับพี่ปีศาจพูดถึงครับ จะสังเกตุเห็นว่าแนวนี้ศิลปินส่วนใหญ่จะเป็นพวกรักร่วมเพศเสียมาก จวบจนถึงทุกวันนี้พวกแนวหน้าแนวสมัยนี้อย่าง Kylie Minogue, Madonna, Lady Ga Ga จะมีสาวกแฟนเพลงที่เป็นพวกรักร่วมเพศมากกว่าผู้ชายหรือผู้หญิงแท้เสียอีก

Funky = จะเป็นเพลงจังหวะปานกลาง จะมีไลน์เบสและกลองที่กระตุกๆหน่อย ฟังสนุกๆมันๆแบบเบาๆครับไม่หนักหนาเหมือนพวกร๊อค ศิลปินยุคแรกๆก็ประมาณ Sly & The Family Stone, Chic, Prince ครับ

แต่ต้องยอมรับว่าศิลปินแนว Soul, R&B, Funky มักจะคร่อมกันอยู่หลายคน แล้วแต่ว่าเพลงไหนเขาจะเล่นเป็น Funky หรือ Soul, R&B

I am your Automatic Lover,
Automatic Lover,
Automatic Lover

ช่วงปลายปี 70 ผมชอบเพลงนี้ของ Dee D. Jackson มาก ๆ เลย เพราะมันออกสไตล์ดิสโก้ยุคอวกาศและดังระเบิดเถิดเทิงอยู่ไม่น้อย รวมทั้งเพลงอื่น ๆ ในอัลบั้ม Cosmic Curves ของเธอด้วย อย่างเช่น Galaxy of Love, Meteor Man เป็นต้น ซึ่งให้บรรยากาศนอกโลกได้ดีทีเดียว ที่แน่ ๆ คือ ผมหยอดตู้เพลงเพื่อฟังเพลง Automatic Lover นี้บ่อยมาก เพราะท่วงทำนองและลีลาของเพลงมันดูแปลกใหม่ดีในยุคนั้น ไม่ทราบว่ายังมีใครพอจำเธอได้บ้างครับ? Dee D. Jackson

(http://images.artistdirect.com/Images/Sources/UBLPORTRAITS/446020.jpg)

จำได้ดีครับ Cosmic Curves น่าจะเป็นผลงานดิสโก้ไม่กี่ชุดที่ทำออกมาเป็น concept album ทุกเพลงเล่นต่อเนื่องกันหมด MV เพลง Automatic Lover ค่อนข้างเฉิ่ม มี Dee D Jackson หน้าตาซีเรียส แต่งชุดเจ้าหญิงอวกาศร้องเพลงกับหุ่นยนต์ที่ทำท่าปัญญาอ่อนตลอดเพลง

(http://www.uppicfree.com/images/865_dede.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-865_dede.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/251_dede2.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-251_dede2.jpg)

หลังจาก Cosmic Curves แล้ว เธอมีอัลบั้ม Thunder & Lightning ออกมาอีกชุด ไม่ได้เป็น concept album และเพลงไม่ใช่ดิสโก้ และไม่น่าประทับใจเลยครับ

(http://www.uppicfree.com/images/379_deed.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-379_deed.jpg)

เคยได้ยินชื่อเหมือนกันครับ Dee D.Jackson ทราบมาว่าเพลง Automatic Lover ดังมากสมัยก่อน

เห็นปกซิงเกิ้ล Automatic Lover ที่คุณ panyarak นำมาให้ดูแล้ว ท่าทาง Jupiter-Records แห่งเยอรมนีจะเอาดีทางดนตรีดิสโก้จริง ๆ  อย่างซิงเกิ้ล Lady Bump นี่ก็เป็นของ Jupiter-Records หรือแม้แต่อัลบั้มของวง Dschinghis Khan ก็เป็นของ Jupiter-Records ด้วยเช่นกันครับ

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/45rpm003.jpg)

Donna Summer เคยนำเพลง State of Independence ของ Jon & Vangelis ไปคัฟเวอร์ด้วยครับ

(http://www.uppicfree.com/images/315_state.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-315_state.jpg)

ผมว่า Barclay James Harvest ก็เอากับเขาด้วย ในเพลง Looking from the Outside, Hold On
The Moody Blues ก็เอากับเหมือนกัน ในเพลง Gemini Dream
ELO ก็ไม่น้อยหน้า เพราะมาในเพลง Last Train to London ครับ

มีใครจำพี่ Leo Sayer ของผมได้บ้าง? เพราะนอกจากจะครวญเพลง When I Need You ในยุคนั้นได้หวานแทบใจละลายแล้ว ยังมาแนวคึกคักในเพลงดิสโก้อย่าง You Make Me Feel Like Dancing อีกด้วย แต่รูปที่เห็นนี้ เป็นตอนที่แกมีอายุแล้วนะครับ

(http://www.starsandmore.info/cms/images/stories/kuenstler/rock_pop/leo_sayer.jpg)

เชิญเลยครับ

http://www.youtube.com/watch?v=KeEFZKWUAQI

ว้า... ดูยูทู้บไม่ได้อ้ะ...  :-\
พี่โป่งอย่าลืมใส่แว่นตาฟังเพลงของพี่ด้วยนะครับ ;D

นอกจาก 2 เพลงข้างต้นแล้ว ผมชอบเพลง How Much Love อีกเพลงด้วยครับ (แต่ไม่ชอบเพลง More Than I Can Say นัก)

ใส่แว่นแล้วมองไม่เห็น คู่ขา ซิครับ เดี๋ยวเหยียบแข้งเหยียบขากันให้วุ่นไปหมด !!!

ผมว่าวันงานน่าจะมีช่วง Disco Hour นะครับ ช่วยกันนำซีดีไปเปิดเต้นรำกัน ผมจะเป็นดีเจให้ ปิดไฟมืดๆ หน่อย
เอาเพลงที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่นี่แหละ  น่าจะสนุกนะครับ  ;D  ;D  ;D

+1 ครับ ขอให้ดีเจโป่งใส่เสื้อรัดรูป กางเกงขาบาน รองเท้าส้นตึก และใส่วิกแอฟโร่ด้วยครับ (สำหรับวิก ผมหาให้ได้)

(http://www.uppicfree.com/images/821_clot.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-821_clot.jpg)

+ 1 ด้วยคนครับ -- จัดไป อย่าให้เสีย -- เอาแค่วิดีโอสามแผ่นที่คุณ panyarak ได้กรุณาอัดมาให้ผมดูก็คงจะพอ เพราะมีแต่เพลงเด็ด ๆ ทั้งนั้น และจะได้เห็นภาพของนักร้องด้วยครับ  :D
ส่วนพี่ดีเจโป่งก็อย่าลืมใส่แว่นตาที่ทำให้ฟังเพลงเพราะด้วยนะครับ  ;D

ผมไม่มีชุด มอส ในยุคนั้นแล้วครับ แต่ตอนนี้มี แผ่นซีดีของคณะ Boney M เก็บไว้แจกในวันงานด้วย 2-3 ชุด จากโซนี่มิวสิค :D

คุณปีศาจฯ ไม่ไปผมจะไม่เปิดเพลง เจงกีสข่าน เด็ดขาด (งอน)  >:(  >:(  >:(

เราล่ะ เบื้อ เบื่อ คนแก่ๆคุยกันจัง  :(
ฟังเพลงทันหมัยๆ ดีก่า  :-*

http://www.youtube.com/watch?v=u9iiDtCP0AQ

อิจฉาคนหนุ่ม(ซะไม่มี) ห้อมล้อมไปด้วยสาวๆ มากหน้าหลายตาต่างชาติมากภาษา   ???  ???  ???

พี่โป่งทำให้ผมคิดหนักจริงจริ๊ง... แล้วจะหลอกภรรยาหนีเที่ยวยังไงดีล่ะเนี่ย 555  :D

ปล่อยเขาไปเถอะครับพี่ -- เขามันผีหนุ่ม (เหลือ) น้อยเจ้าเสน่ห์ -- สว อยู่ส่วน สว เถอะครับ

คุณสมชาย ศักดิกุล คนนี้นี่เอง ผมเคยเห็นแกเล่นหนังและละครมาหลายเรื่องแล้วแต่ไม่ทราบชื่อว่าดาราคนนี้คือใคร และเสียงของแกก็มีเอกลักษณ์ดี (ออกทุ้ม ๆ แฝงความยียวนอยู่ในที) ช่วงนี้เห็นแกเล่นละครช่อง 7 สี เรื่อง "สาวใช้ไฮเทค" ด้วย เผอิญว่าแฟนผมดูละครเรื่องนี้แล้วผมก็นั่งดูตามไปด้วย จึงเห็นชื่อคุณสมชายปรากฏอยู่ในเครดิตนักแสดงครับ

(http://www.nangdee.com/photoThumbnail/persons/s001.jpg)

พี่เล็ก สมชาย คือนักร้องคนแรก ของวงเฉลียงครับ
ชุด"ปรากฏการณ์ฝน" แล้วเจ็งตามระเบียบ
ก่อนที่ชุดต่อมาเจี๊ยบจะร้องนำในชุดถัดมา และโด่งดัง

แกเป็นโปรเทนนิส รับสอนสาวๆ โดยเฉพาะครับ ฮิฮิ
(คนที่พากษ์วิมเบิลดัน ทางทรูวิชั่น นั่นแหละพี่เล็กล่ะ)

เมื่อคืนก่อน ผมได้ดูมิวสิควิดีโอเพลง Fly Robin Fly ของวงสามสาว Silver Convention จากเยอรมนี (โดยความเอื้อเฟื้อของคุณ panyarak ที่กรุณาส่งมาให้ดูเช่นเคย) ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Penny McLean เจ้าของเพลง Lady Bump อันสุดฮิตในเวลาต่อมา เอกลักษณ์ของพวกเธอทั้งสามบนเวทีคือ เสื้อผ้าชุดกระโปรงยาวแบบชุดราตรี บางครั้งก็ผ่าหน้าผ่าหลัง ดูเซ็กซี่เล็กน้อย แต่ไม่โป๊ อัลบั้มชุดแรกที่มีเพลง Fly Robin Fly อยู่ด้วยนั้น บันทึกเสียงดีมาก (Save Me, 1975) และเพิ่งค้นเจอว่าผมก็มีแผ่นซิงเกิ้ล Fly Robin Fly อยู่ด้วย

ผมจำได้ลาง ๆ ว่า Silver Convention เคยมาแสดงคอนเสิร์ตที่บ้านเราด้วย เป็นยุคเดียวกับ Brotherhood of Man ซึ่งนั่นก็นานมากแล้วครับ

(http://www.silverconvention.de/3.jpg)

เมื่อคืนผมได้ดูมิวสิควิดีโอเพลง Love to Love You Baby ของ Donna Summer แล้ว ตอนเด็ก ๆ เมื่อครั้งที่ได้ฟังเพลงนี้เป็นครั้งแรกก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอมาฟังเพลงนี้อีกทีตอนโตแล้ว มันรู้สึกสยิววูบวาบด้วยเสียงร้องอันกระเส่ายังไงบอกไม่ถูกครับ

อย่างนี้เค้าเรียกกันว่าเข้าสู่ "วัยกลับ" แล้วครับ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากกับคู่ชีวิตของตัวเอง  ;D  ;D  ;D

+1
ขอเดาะภาษาปะกิต
Mid-Life Crisis

วิธีแก้ ต้องเข้าวัดเยอะๆ
ระวังการสนทนากับพี่โป่ง ท่านชอบพาเข้าวัดโพ(ธิ์)(ไซดอน) สาธุๆๆ

ไม่สยิวกับแฟน แต่มักสยิวกับคนอื่นนี่ยิ่งอันตรายใหญ่เลยใช่ไหมครับ?

สำหรับสมาชิกอันทรงเกียรติทุกท่าน ถ้ามีความรู้สึกอย่างนั้น แปลว่า ท่านเข้ารับตำแหน่ง ส.ว. ได้เลยอย่างสมบูรณ์แล้วครับ
มันเป็นเรื่องที่คับอกคับใจมาก แต่ไม่คับกายครับ   :D

แสดงว่ายังพอมีทางออกใช่ไหมครับ? ผมจะได้ปรึกษาพี่ :D

ไม่ว่าปัญหาอะไรๆ มันก็มี ทางออก ทั้งนั้นล่ะครับ มันอยู่ที่ว่าจะเลือกได้มั้ย?
โบราณท่านว่าไว้...ไม่มีปัญหา ปัญญา ไม่เกิด เวอร์คพ้อยท์ล่มสลาย...อันหลังนี่ผมต่อเองครับ  ::)

แต่ว่า ถ้ามาปรึกษาผมเรื่องนี้ มันต้องมี ค่าครู ด้วยนะครับ  :D

Donna Summer ในปัจจุบัน คงไม่ร้องเพลงนี้แล้วครับ

ได้ครับ เอาน้ำเขียวที่พี่ชื่นชอบดีมั้ยครับ  :D

น้ำเสียงของเธอไม่ให้แล้วใช่ไหมครับ?

Now we are talking !

คงไม่มีใครอยากฟังเสียงกระเส่าจากคุณยายอายุ 62 ปี แล้วครับ

ผมว่าหน้าเธอไปทางใกล้พวกฟาร์โรวห์ในสมัยก่อน ซึ่งมีเนื้อติดกระดูดนิดเดียว
สังเกตุได้จาก ซากศพชาวอียิปต์ เมื่อเปิดหน้ามัมมีออกมาครับ.

แหม พี่โป่งก็... วิจารณ์ซะคุณยายแกยับเยินโม้ดดด... :D

เป็นที่น่าสังเกตว่า พี่โป่งจะชอบถล่มหญิงผิวดำนะครับ

(http://www.uppicfree.com/images/114_summer.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-114_summer.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/923_mummy.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-923_mummy.jpg)

อูย...น้ำหนักขึ้นมาแล้ว เจ้ก็ไม่บอก แต่ยังงัยหน้าตาก็ไปทางฝั่งฟาร์โรวห์อยู่ดีนะ ผมว่า...   :D

ชุดนี้ ถือว่าเป็น Divas Performance
(http://farm1.static.flickr.com/236/449605428_b223429d93.jpg)

แหมมาว่าป้าดอนน่าซะ
จะว่าไปพวกเพลง Techno และ Euro-dance นี่เอาไปจากป้าทั้งนั้น

"That's all we heard of "Love to Love You Baby," the tuned orgasm that threw disco into a tizzy in 1975. Summer, a religious woman, long ago retired her most erotic offering. But there was thumping and throbbing aplenty to keep the nostalgia flowing, and a surprisingly strong selection of new songs to save the night from feeling like a flashback." (By Joan Anderman Globe Staff)

ผมโคตรชอบเพลงนี้จริงๆ  ;D
http://www.youtube.com/watch?v=k8TBmeK9Abg

^^ ผมก็ชอบเพลง I Feel Love ครับ

ได้ฟังเพลง กางเกงลิงลอยฟ้า แล้วครับ ตลกดี

ผมมีเพลงชื่อ ฮ่วย อะบานีบี ของ หงส์ทอง ดาวอุดร เธอเป็นนักร้องลูกทุ่งแต่ร้องเพลงนี้ได้มันดี ท่อนกลางร้องเป็น
ภาษาปะกิตซะด้วยครับ  วันงานจะเอาไปเปิดให้ฟัง  :D  :D  :D

ผมเคยฟังแล้วครับ ร้องเป็นภาษาอีสาน ประมาณว่า "อะบานีบี พี่เมาบ่เด..." อะไรทำนองนี้หรือเปล่าครับ?

ใช่แล้วครับ.

ศิลปิน Duo ดิสโก้ที่โด่งดังที่สุด คงไม่พ้น Peaches & Herb ซึ่งมีเพลงดัง Shake Your Groove Thing แถมด้วยเพลงหวานซึ้ง Reunited ส่วนเพลงที่ดังรองลงมาก็มี We've Got Love และ Roller Skating Mate ที่จริง Peaches & Herb ถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี 1966 โดยมีนักร้องชาย Herb Fame เป็นตัวยืนตลอด และมีการเปลี่ยนแปลงนักร้องหญิงที่ใช้นามแฝงว่า Peaches ไปตามกาลสมัย โดย Peaches สมัยดิสโก้คือ Linda Greene พอหมดยุคดิสโก้ Herb Fame ก็ไปรับราชการตำรวจ โดยยังออกแสดงตามงานต่างๆ และมีการหานักร้องหญิงเปลี่ยนหน้ากันมารับบท Peaches อยู่ตลอด

(http://www.uppicfree.com/images/624_ph2.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-624_ph2.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/647_ph1.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-647_ph1.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/226_ph9.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-226_ph9.jpg)(http://www.uppicfree.com/images/508_ph5.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-508_ph5.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/851_ph6.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-851_ph6.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/807_ph8.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-807_ph8.jpg)

สมัยโน้น เมื่อพูดถึง Boney M ก็ต้องพูดถึง ABBA (บางทีก็ยังมีคนเกลียดสองวงนี้อีกต่างหาก แต่ผมชอบ) ขอรายชื่อ Disco Special Hits ของ ABBA หน่อยครับ ไม่ทราบว่าคุณ panyarak มีแผ่นเสียง Disco Special ของ ABBA ที่เป็นไวนิลสีและทำในญี่ปุ่นหรือเปล่าครับ?

ไม่มีครับ เพราะเพลงซ้ำกับที่มีอยู่แล้ว Disco Special I แผ่นสีแดง มีเพลงต่อไปนี้
1. Summer Night City
2. Voulez-Vous
3. Angeleyes
4. Bang-A-Boomerang
5. Waterloo
6. Gimme! Gimme! Gimme! (A Man After Midnight)
7. On And On And On
8. Intermezzo No. 1
9. So Long
10. Money Money Money
 
(http://www.uppicfree.com/images/656_abbas4.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-656_abbas4.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/342_abbas5.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-342_abbas5.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/836_abbas6.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-836_abbas6.jpg)

ABBA-DISCO SPECIAL-2  June 1982 Japanese LP  Discomate DSP-3025
Pressed on blue vinyl
1. Lay All Your Love On Me
2. Tiger
3. Kisses Of Fire  
4. Dum Dum Diddle
5. Take A Chance On Me  
6. As Good As New
7. Hole In Your Soul
8. Lovelight(edited version)
9. Super Trouper
10. My Mama Said
 
 
ABBA- DANCING SPECIAL-June 1982 Japanese LP Discomate DSP-3026
Pressed on yellow vinyl
1. Dancing Queen
2. Mamma Mia
3. What About Livingstone
4. He Is Your Brother
5. The King Has Lost His Crown
6. If It Wasn't For The Nights
7. That's Me
8. Does Your Mother Know
9. S.O.S.
10. Dance (While The Music Still Goes On)

ในคอลเล็คชั่นแผ่นเสียงของผมมีอัลบั้มสองชุดนี้รวมอยู่ด้วยครับ...

(http://www.uppicfree.com/images/920_ABBAGreatestHits.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-920_ABBAGreatestHits.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/189_ABBAGreatestHits.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-189_ABBAGreatestHits.jpg)

ไม่ทราบมีใครพอจะจำวงพี่น้องหญิงล้วนตระกูล Nolan หรือวง The Nolan Sisters กันได้บ้าง? ผมจำได้แม่นว่าภาพสาวสวยทั้งสี่คนนี้ได้ขึ้นปกนิตยสารเพลง I.S. Song Hits ประมาณต้นยุค 80's ซึ่งขณะนั้น พวกเธอกำลังดังด้วยเพลง Sexy Music, I'm in the Mood for Dancing, Gotta Pull Myself Together etc. ซึ่งมีกลิ่นอายของแนว disco pop ที่ยังไม่จางหายไป ณ ห้วงเวลานั้นครับ

(http://irishphotoguide.com/rambler/070519/nolan_sisters_body_220x150%5B1%5D.jpg)

ไม่รู้จักเลยครับ แต่ถ้าได้ฟังเพลงอาจจะเคยได้ยินผ่านหูเหล็กมาบ้างแล้วก็ได้ ซึ่งผมไม่แน่ใจนะครับ.

ลองหาเพลง Sexy Music, I'm in the Mood for Dancing ใน YouTube ได้เลยครับพี่

(http://www.britishblogs.co.uk/images/100012.jpg)

สมัยโน้น มีเพื่อนที่ไปเรียนต่างประเทศ คลั่งวงนี้มาก อัดเทปมาให้ฟังเต็มไปหมด แต่ผมไม่ค่อยประทับใจครับ

ทราบมาว่า The Nolan Sisters ก็เคยเข้าไปดังในญี่ปุ่นช่วงต้นยุค 80's ผมเองก็เคยฟังผลงานของพวกเธอไม่กี่เพลงหรอกครับ

เจ้าสิ่งนี้อยู่คู่ดิสโก้เธคแทบจะทุกที่ในยุคนั้น
Technics SL-1200 Mk II
ทราบมาว่า Mk II ออกจำหน่ายเป็นทางการเมื่อปี 1979 ซึ่งในปีนั้นดิสโก้กำลังบูมสุดขีดพอดิบพอดี (มาได้จังหวะจังนะเพื่อน) เรื่องความทนทานและความเที่ยงตรงไม่ต้องพูดถึง สำหรับเจ้าเทิร์นเทเบิ้ลตัวนี้
ผมเองก็กำลังหาเครื่องมือสองไว้สักตัว -- กะว่าจะเอาไว้เล่นกับแผ่นซิงเกิ้ลสปีด 45 โดยเฉพาะ
แค่ติดหัวเข็มเอ็มซี Denon DL-103 เข้าไป ไม่ต้องถึงกับไฮเอนด์จ๋า แค่นี้ก็เหลือกินแล้วล่ะครับ

(http://www.tnt-audio.com/jpeg/sl1200.jpg)

แผ่นเสียงอัลบั้มชุด Dschinghis Khan (ภาษาเยอรมันของคำว่า "เจงกีสข่าน") ทำในเยอรมนี โดยมี label หน้าแรกสีแดงอมชมพู และหน้าที่สองเป็นสีฟ้า แผ่นนี้เป็นแผ่น original ซึ่งผมได้มาจากร้านขายแผ่นเสียงเก่าในกรุงเทพ (ดูเหมือนจะเป็นร้าน "ต้นฉบับ") เมื่อหลายปีก่อน ราคาประมาณสามร้อยบาท สภาพปานกลาง ไม่ค่อยสวยปิ๊งนัก แต่เล่นได้ราบรื่นดีตลอดทั้งแผ่น เสียดายที่ขอบปกหน้าด้านขวาล่างท่าทางจะโดนหนูแทะไปเล็กน้อยครับ

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/My%20LP%20Collection/DSC00460.jpg)

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/My%20LP%20Collection/DSC00461.jpg)

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/My%20LP%20Collection/DSC00465.jpg)

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/My%20LP%20Collection/DSC00462.jpg)

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/My%20LP%20Collection/DSC00463.jpg) 

เมื่อหลายวันก่อน พี่ตั้มแกบอกว่าแกดูดีวีดีของวงนี้ ผมเลยตามไปดูที่ยูทูป ไปเจอเพลงเจงกีสข่าน เข้าให้ ทำให้ผมร้องอ๋อทันที เพราะเคยได้ยินออกบ่อยอยู่สมัยเด็กๆ แต่ไม่ได้รู้จักหรอกว่าเป็นของวงอะไร ฯ

คราวนี้มาดูอัลบั้มของ Dschinghis Khan ที่ออกในญี่ปุ่นกันบ้าง แผ่นที่ผมมีอยู่ไม่มีโอบิ ราคาหน้าปก 2500 เยน ผมได้แผ่นนี้มาจากร้านขายแผ่นเสียงเก่าแถวเมืองนนท์ ราคาประมาณสามร้อยกว่าบาท แต่มีข้อแตกต่างที่น่าสังเกตคือ 1) รูปด้านหน้าและหลังปกแตกต่างจากแผ่นเยอรมัน 2) ชื่อไทเทิลสะกดเป็นภาษาอังกฤษว่า Genghis Khan ไม่ใช่ Dschinghis Khan เหมือนแผ่นที่ออกในเยอรมนี 3) Label กลางแผ่นเป็นสีดำ 4) เพลงทุกเพลงเหมือนเดิม ยกเว้นเพลง Dschinghis Khan ซึ่งร้องเป็นภาษาอังกฤษ (มีวงเล็บคำว่า English) ไม่ใช่ภาษาเยอรมันเหมือนในอัลบั้มดั้งเดิมครับ

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/My%20LP%20Collection/DSC00466.jpg)

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/My%20LP%20Collection/DSC00467.jpg)

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/My%20LP%20Collection/DSC00468.jpg)

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/My%20LP%20Collection/DSC00469.jpg)

เสียดายจริง ๆ เมื่อวันก่อนมีเครื่องรุ่นนี้สภาพดีขายอยู่ตัวหนึ่ง ราคาแปดพันกว่า กำลังอยากได้อยู่พอดี แต่ไม่ทันไรก็มีมือดีมาคว้าไปเสียแล้วครับ :(

ผมว่าภาพปกแผ่นญี่ปุ่นสวยกว่าของเยอรมัน แต่ label ของเยอรมัน ทำออกมาสวยกว่าของญี่ปุ่นครับ

เมื่อคืนผมเพิ่งได้ดู DVD มิวสิควิดีโอของวง Dschinghis Khan แผ่นแรกในจำนวนสองแผ่นที่คุณ panyarak ได้ส่งมาให้ รู้สึกว่าได้สิ่งเติมเต็มเกี่ยวกับวงนี้ขึ้นมาอีกมากมาย ทั้ง ๆ ที่ได้ดูไปแค่แผ่นเดียวเองครับ ประการแรกคือ เพิ่งทราบชื่อเพลงที่เคยได้ยินบ่อยมากเพลงหนึ่งของวงนี้จากรายการวิทยุสมัยก่อน แต่ผมไม่รู้จักชื่อเพลงนี้เสียที (เพราะดีเจไม่ประกาศ??) นั่นคือเพลง Hadschi Halef Omar ที่มาจากอัลบั้มชุด Rom (Rome) ซึ่งไทเทิลแทร็คเองก็ไพเราะเช่นกัน, ประการที่สอง ได้เห็นโปรดิวเซอร์ของ Dschinghis Khan คือ Ralph Siegel ซึ่งแต่งเพลงหลายเพลงให้วงนี้ และได้เห็นหน้าสมาชิกบางคนของวงเมื่อยามสูงวัย เช่น Edina Pop (นักร้องหญิงคนหนึ่งในจำนวนสองคน), Leslie Mandoki, Steve Bender เมื่อยามที่ไว้ผม (สมัยก่อนมักจะเห็นเขาโกนศีรษะจนเกลี้ยง ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว R.I.P.) ซึ่งทุกคนได้ออกมาพูดคุยและให้ความเห็น แต่เป็นภาษาเยอรมัน, ประการที่สาม ได้ฟังเพลงจากอัลบั้มชุดที่สอง (Rom หรือ Rome ในภาษาอังกฤษ) และผลงานในยุคหลัง ๆ อีกหลายเพลง และมีอยู่เพลงหนึ่งตลกมาก (จำชื่อเพลงไม่ได้) มีท่วงทำนองบางส่วนคล้ายเพลง soundtrack ของหนังเรื่อง Ghost Buster เลยครับ

ผมยังไม่ได้ฟังอัลบั้มชุด Rom ทั้งชุดเลย ไม่ทราบว่าคุณ panyarak มีอัลบั้มชุด Rom อยู่หรือเปล่า? ฟังเทียบกับชุดแรกแล้วเป็นอย่างไรบ้างครับ?

ผมไม่มีชุด Rom มีแต่รวมเพลงชุดแรกกับ Rom ปนกัน ซึ่งฟังดูกลมกลืนดีครับ

(http://www.uppicfree.com/images/427_rom1.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-427_rom1.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/906_rom2.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-906_rom2.jpg) (http://www.uppicfree.com/images/226_rom5.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-226_rom5.jpg)

ถ้าคุณปีศาจฯ ได้ดูแผ่น 2 ของดีวีดี จะเห็นสมาชิกปัจจุบัน โดยมีนักร้อง/นักเต้น เข้ามาเสริมทัพเพิ่มเติมเกินกว่าจำนวนสมาชิกที่เสียชีวิตไป ดูทันสมัยดีครับ

(http://www.uppicfree.com/images/939_rom3.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-939_rom3.jpg)

  สมัยนี้ของมือสองที่ขายทางเน็ทเร็วมาก  ผมเคยลงขาย ซีดี NAD 5000 พอโพสเสร็จจะไปเข้าห้องน้ำ
  ยังไปไม่ถึงห้องน้ำเลยมีคนโทรศัพท์มาแล้ว เร็วจริงๆ  :o

(http://www.uppicfree.com/images/906_rom2.jpg)

รายชื่อเพลงใต้อัลบั้มข้างต้นนี้แหละครับที่ผมได้ดูได้ฟังไปเมื่อคืน เช่นเพลง Lorelley, Himalaya, Pistolero เป็นต้น
ดูเพลินดีครับ :D

Bobby Farrell อดีตสมาชิกชายของวง Boney M. เสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุในห้องพักที่เมือง St. Petersburg ประเทศรัสเซีย หลังจากการเปิดการแสดงในนาม Boney M. featuring Bobby Farrell เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม เขาเป็นสมาชิก Boney M. แต่เสียงร้องของเขาไม่เคยปรากฎในอัลบั้มใดๆ ของวง โดยเสียงร้องผู้ชายแหบๆ เป็นของ Frank Farian ผู้ก่อตั้งวงและ producer

เพิ่งจะทราบครับ ว่าคนบนหน้าปก ไม่เคยอัดแผ่น  ???

ได้ดูดีวีดีแสดงสดแล้ว (มีบางโชว์ที่ไม่เปิดเทปเสียงร้องผู้ชาย ปล่อยให้ Bobby Farrell โชว์เสียงจริง) ถึงทราบเหตุผลครับ Bobby Farrell เป็นคนที่มีพรสวรรค์ด้านการเต้น แต่ร้องเพลงไม่เป็น แถมเสียงร้องไม่น่าฟังเลยครับ

ผมมีดีวีดีอยู่ชุดนึงแต่เป็นบู้ทเล็ค ยังไม่เคยเปิดดูเลยครับ ว่างๆ ได้ชมแล้วจะมาเล่าสู่กันฟัง  :D  :D  :D

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเพิ่งจะหยิบดีวีดีของ Boney M มาดูครับ...คือชุดนี้...

(http://img339.imageshack.us/img339/9996/boneymdvd1.jpg) (http://img339.imageshack.us/i/boneymdvd1.jpg/)

คนที่ตายใช่ผู้ชายบนหน้าปกหรือเปล่าครับ ?

Yes, he is the one.

ผมดูดีวีดีแล้ว เค้าลิปซิงค์ตลอดเลยล่ะครับ แต่เต้นสนุกมาก  :D  :D  :D

เพื่อนพี่คนนี้เคยเป็นเจ้าของเทปชื่อดังยี่ห้อหนึ่งด้วยรึเปล่าครับ?

Santa Esmeralda (เจ้าของเพลง You're My Everything และ Don't Let Me Be Misunderstood อันโด่งดัง) เป็นชื่อวงหรือครับ? ตอนแรกผมนึกว่าเป็นชื่อคนเสียอีก

เพลง Born To Be Alive ของ Patrick Hernandez ช่วงนั้น (ประมาณปี 1979) มันมากครับ วิทยุเปิดกันตรึม

(http://2.bp.blogspot.com/_aRIdDrwDIgs/Silp2hRA5KI/AAAAAAAAC3s/0yNc3yloixw/s320/Patrick+Hernandez+Born+To+Be+Alive+_1979..JPG)

เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา เผอิญผมได้มีโอกาสดูหนังเรื่อง "Saturday Night Fever" ทางฟรีทีวีช่องหนึ่ง (หลังจากที่เคยดูเรื่องนี้นานมากแล้ว) หนังเรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงบรรยากาศสังคมยุคดิสโก้ในสมัยก่อน (ปลายยุค 70's) ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการเที่ยวเตร่ในดิสโก้เธค การถือแผ่นเสียงไปเปิดฟังยังที่อื่น ฯลฯ ที่สะดุดใจและไม่เคยทราบมาก่อนก็คือ ได้ยินเพลง If I Can't Have You ของ Yvonne Elliman ในหนังเรื่องนี้บ่อยมาก ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงดิสโก้ (จังหวะบั๊มพ์) ที่ผมชื่นชอบเพลงหนึ่งเลยทีเดียว อินโทรขึ้นต้นได้อย่างอลังการและจังหวะเร้าใจตลอดทั้งเพลง เคยดู Saturday Night Fever นานมาแล้ว แต่ตัวเองก็จำไม่ได้ว่ามีเพลง If I Can't Have You ประกอบหนังเรื่องนี้อยู่ด้วย
ไม่ทราบใครมีแผ่นเสียง OST ของภาพยนตร์เรื่องนี้กันบ้างครับ?

(http://www.lyricsvault.net/halloffame/images/Yvonne_Elliman.jpg)

Yvonne Elliman เป็นนักร้องละครเวที Jesus Christ Superstar มาก่อน เธอร้องเพลง I Don't Know How to Love Him เป็นคนแรก
แต่คนที่นำเพลงนี้มา cover กลับทำยอดขายได้ดีกว่า เพลงที่เธอร้องและเป็นที่นิยมในเมืองไทยในยุคโน้นไม่แพ้ If I Can't Have You คือ Hello Stanger ครับ

The Commodores - Machine Gun

เป็นเพลงที่ผมชอบมากที่สุดเพลงหนึ่ง :D
ตอนที่ทางวงทำเพลงนี้ออกมา เรียกว่าแนว ฟังค์กี้โซล-ดิสโก้
เสียงมินิมู๊ก เด่นมากเลย

แต่มายุคนี้ ผมต้องเรียกว่า "ไนโตรแจ๊ส โพรเกรสซีฟ ฟังค์บีท"  :o :o
http://www.youtube.com/watch?v=Ubd2uUPT5ww

คณะ The Commodores นี่ ทางวง Resurrection ซึ่งผมกับ คุณอรรถพร ชูโต เคยร่วมงานกัน ได้นำบทเพลงบรรเลง
อีกเพลงที่ชื่อว่า I'm Ready มาแกะเล่นกันแล้วในอดีตครับเมื่อสมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยม...

http://www.youtube.com/watch?v=jT2hngwtHKo

ว้าว... พี่โป่งนี่ บารมีกว้างขวาง ในวงการดนตรี จริงๆครับ นับถือๆๆ

ท่านเลขาฯ สมัยนั้นใส่รองเท้าหนังสูงกี่นิ้วขอรับกระผม ?  กางเกงทรง "sailor" มันบานดีจัง !!   :D  :D  :D

ราชินีดิสโก้ Donna Summer จากไปด้วยโรคมะเร็งปอดแล้วครับ RIP

อายุเพียง 63 ปีเท่านั้น !   :-[  :-[  :-[

ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ :'(
ได้ยินชื่อ Donna Summer ทีไร นึกถึงเพลง Hot Stuff และ I Feel Love ทุกที

เพลงโปรดของผมทั้ง 2 เพลงเลยครับ รวมทั้ง State of Independence (ของ Jon & Vangelis), On the Radio, Mac Arthur Park Suite, Love's Unkind

RIP 
ถ้าเลือกเพลงที่เป็นตัแทนเธอ เพลงเดียว ควรเป็นเพลงอะไรครับ

Love to Love You Baby

Hot Stuff ถูกเอามาแปลงเป็นเพลงเชียร์ทีมโปรดผม Arsenal เสียด้วยครับ

เสียงกระเส่าครวญครางชวนสยิวอารมณ์ของ Donna Summer คือทีเด็ดของเพลงนี้
ผมละชอบจริง ๆ ครับ ;D

ฝังใจมาตั้งแต่แรกที่ได้ฟังเพลง Kung Fu Fighting (1974) ว่า Carl Douglas เจ้าของเพลงนี้เป็นคนผิวขาว แต่ที่ไหนได้... เพิ่งมาทราบภายหลังนี้เองว่าเขาเป็นชาวจาไมกันผิวสีครับ

(http://www.blogcdn.com/www.spinner.com/media/2008/12/carl-douglas-200-120308.jpg)

กลางยุค 80's ดิสโก้ยังแรงอยู่นะครับ ปกติรายการ Top Teen Talent ในยุคนั้นมักเปิดเพลงแนวเฮฟวี่ ฮาร์ด ฮอต และ progressive เป็นหลัก แต่ผมได้ยินเพลงนี้เปิดออกอากาศในช่วงดำเนินรายการโดยคุณสุทธิณาดา (ประมาณหลังบ่ายสี่โมงไปแล้ว) ช่วงนั้นก็ประมาณปี 1984-1985 จังหวะกระชึ่กกระชั่กคลอด้วยเสียงซินธ์ดิจิตอลแบบนี้ใช่เลย เอกลักษณ์ของยุค 80's แน่นอน เพลงนี้คือ Body Rock ของ Maria Vidal ไม่ทราบมีใครรู้จักมั้ยครับ?

http://www.youtube.com/watch?v=mX3bG4hcU-g

รู้จักและชอบครับ อันนี้เป็นซิงเกิลที่ออกมาในปี 1984 แต่อัลบั้มเต็มของเธอในปี 1987 จะเป็นแนว Pop Rock/AOR ครับ

สำหรับซาวนด์ดนตรีดิสโกในยุค 80s อาจจะเป็นอะไรที่ต่างออกไปจากดิสโกที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในช่วงปลาย 70s คือจะออกไปทางสาย Hi-NRG, Italo Disco และ Euro Disco มากกว่า จะมีความกระแทกกระทั้นแข็งกระด้างมากขึ้นตามสมัย (ส่วนตัวผมมองว่าเป็นเสน่ห์นะ) แต่ก็ยังมีความไพเราะติดหู ซึ่งแนวดนตรีเหล่านี้ผมก็โปรดปรานเป็นพิเศษด้วยครับ

หนึ่งในเพลงยูโรดิสโกที่ผมรักมากๆครับ Flash in the Night ของคณะ Secret Service

http://www.youtube.com/watch?v=-ImI9uvKX1o

นึกแล้วเชียวว่าอย่างน้อยต้องมีคุณเหม่งคนนึงล่ะครับที่รู้จักเพลงนี้ เพราะเชี่ยวชาญเพลงยุค 80's :D

พักนี้ไม่ทราบเป็นอะไร จู่ ๆ ก็นึกถึงนักร้องหรือศิลปินดิสโก้ในอดีตขึ้นมาซะงั้น... อย่างเธอคนนี้ ขอย้อนไปก่อนปี 80's เล็กน้อย ยุคที่หนังเรื่อง Saturday Night Fever กำลังเฟื่อง พี่น้องวง Bee Gees เป็นคนเขียนเพลงนี้ให้เธอร้อง เพลงไม่ยาวมาก ออกแนวสนุก จะดิสโก้ก็ได้ หรือจะ "บั๊มพ์" ก็บั๊มพ์กันกระจาย เพราะในยุคนั้นช่วงที่เพลงนี้กำลังดัง (อานิสงส์จาก Saturday Night Fever ด้วย) ผมยังเรียนประถมและกำลังจะเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น พอจัดงานปีใหม่กันที่โรงเรียนและที่บ้านทีไรเป็นต้องเอาเครื่องเสียงออกมาเปิดเพลงนี้และเพลงดิสโก้อื่น ๆ แล้วทั้งโยกและ "บั๊มพ์" กันกระจาย ตะโพกเกือบเดี้ยง -- เล่าความหลังอีกแล้ว สงสัยชักจะเริ่มเข้าสู่วัยชรา -- ก็อย่างที่บอก... จู่ ๆ นึกถึงเธอคนนี้ขึ้นมา ก็เลยเอาเพลงนี้มาฝากเพื่อน ๆ และน้อง ๆ โก๋กี๋ชาวดิสโก้ เพื่อให้ดิ้นเอ็กเซอร์ไซส์กันอุ่นเครื่องก่อนจะไปเจอกันที่งานมีทติ้ง Yvonne Elliman ในเพลง If I Can't Have You เพลงนี้ดูเหมือนจะปรากฏอยู่ในหนัง Saturday Night Fever ในฉากที่เพื่อนสาวคนหนึ่งของพระเอก (จอห์น ทราโวลต้า) ต้องการมีเซ็กส์กับพระเอก แต่พระเอกไม่สนใจ เธอก็เลยแห้วไปตามระเบียบ ถ้าจำผิดก็ขออภัยด้วยครับ

http://www.youtube.com/watch?v=-pgJByML5xY

อัลบั้มของ La Bionda (1978) ชุดนี้ใครมีบ้างครับ? ผมชอบเกือบทุกเพลงในอัลบั้มชุดนี้ ซึ่งมีเพลงเอก One For You One For Me (เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง American Fever) ด้วย

(http://vol2.music-bazaar.com/album-images/vol2/155/155899/917599-big/La-Bionda-cover.jpg)

ว่ากันว่าเมื่อราวปี 1982 หรือพ.ศ. 2525 นั้น กระแสดนตรีดิสโก้แทบจะแห้งเหือดสนิท แต่แล้วจู่ ๆ ก็กลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้งเพราะเธอคนนี้กับผลงานชุดแรกที่มีเพลงเอกชื่อ Gloria (เพลงเก่าของ Umberto Tozzi ที่นำมาเรียบเรียงใหม่) อันสุดฮิตถล่มทลายตามหน้าปัดวิทยุและแพร่ระบาดไปตามดิสโก้เธคในยุคนั้น และอีกราวสองปีต่อมาเธอคนนี้ก็ตอกย้ำความดังอีกครั้งด้วยเพลงที่มีมิวสิควีดิโอสุดเซ็กซี่ Self Control แต่น่าเสียดายที่ตั๋วชีวิตที่เธอถือไว้ช่างสั้นนัก เพราะเธอได้เสียชีวิตไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่อายุยังไม่มากเลย ใช่แล้วครับ ผมกำลังพูดถึง Laura Branigan (R.I.P.)

(http://stargayzing.com/wp-content/uploads/2013/01/R-1606848-1231776117.jpg)

จากการที่ไปซุ่มสังเกตอัลบั้มชุดนี้อยู่ในอีเบย์พักหนึ่ง พบว่าแผ่นเสียงสภาพดี ๆ ราคาก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกันและมักมีคนหาอยู่เรื่อย ๆ เพราะสังเกตจากรายการที่ mem ไว้ดูแป๊บเดียว สักพักก็มีคนคว้าไปแล้ว เผอิญมีแผ่นเยอรมันสวย ๆ แผ่นหนึ่งราคาไม่แพงหลุดมาเข้าทาง ผมจึงรีบคว้าเอาไว้ ก่อนจะให้คนอื่นไปด้วยความไม่รู้ตัวแกมไม่เต็มใจเพราะความลังเลชักช้าของตนเองครับ

(http://vol2.music-bazaar.com/album-images/vol2/155/155899/917599-big/La-Bionda-cover.jpg)

สี่ปีผ่านไป ผมเพิ่งซื้อแผ่นเสียงชุด American Fever OST ได้ เป็นแผ่นเยอรมันออกโดย Bellaphon และได้มาในราคาเหลือเชื่อ เพราะราคาแผ่นเสียงถูกกว่าค่าส่งอีกครับ

พยายามหาดูว่ามีเพลงแบบ Progressive Disco บ้างไหม เจอแต่ออกไปทาง Progressive House เรื่อยเลย
หลายครั้งก็พยายามฟังว่าเป็น Prog ยังไงบ้าง
http://www.youtube.com/watch?v=1t9RuuBRaJ8

(http://cdn.discogs.com/HvpbLyfipqLpUnYlGdyHeTNpsk0=/fit-in/300x300/filters:strip_icc():format(jpeg):mode_rgb():quality(96)/discogs-images/R-2682059-1296381540.jpeg.jpg)
ที่จริง อยากหาชุดนี้มาฟังครับ แต่ยังหาไม่ได้

ฟลุคได้แผ่นเสียงอัลบั้มของ Pink Lady ที่มีเพลงฮิตของพวกเธอ คือ Kiss In The Dark (1979) ผมคิดว่าไม่ค่อยเจอแผ่นเสียงของพวกเธอในท้องตลาด แต่ในญี่ปุ่นอาจหาได้ง่ายหน่อย แผ่นที่ผมได้มาเป็นแผ่นอเมริกาครับ (ภาพแทน)
 
(http://auctions.c.yimg.jp/images.auctions.yahoo.co.jp/image/ra124/users/9/3/3/5/pompei1123-img600x450-1430774919faphv113284.jpg)

ฟังแล้วครับ อัลบั้มของ Pink Lady มีแต่เพลงสนุกและไพเราะถูกใจทั้งนั้น หายคิดถึงพวกเธอไปเลย คุณภาพการบันทึกเสียงดีพอใช้ อัลบั้มนี้ต้องฟังคู่กับชุด Save Me ของ Silver Convention แล้วจะได้บรรยากาศดิสโก้ปลายยุค 70's ครับ

ปลุกตำนานดิสโก้ Boney M (Featuring Liz Mitchell) มาเยือนไทย กลางเดือนกันยายน ศกนี้ เพื่อรำลึกวันวานยุคดิสโก้ที่ยังหวานอยู่ Boney M ตอนนี้เหลือ Liz Mitchell เป็นสมาชิกยืนพื้นคนเดียว เธอแน่มาก เพราะปีนี้เธออายุ 66 ปีแล้ว สาวก Boney M และแฟน ๆ ดิสโก้ตัวจริงไม่ควรพลาดครับ

https://music.mthai.com/news/newsmusic/296648.html

เพิ่งได้แผ่นเสียงของ D. Dee Jackson อัลบั้มชุด Cosmic Curves (ซึ่งมีเพลง Automatic Lover เพลงดัง) หลังจากที่พลาดไปแล้วหนหนึ่งและรอมาพอสมควร ผมไม่ทราบหรอกครับว่าทำไมอัลบั้มชุดนี้จึงมีราคาค่อนข้างแพงถึงแพงมากในตลาดแผ่นเสียงใช้แล้ว (คงเป็นเพราะมีคนเล่น มีคนสะสมกันอยู่ บางแผ่นมีโปสเตอร์ บางแผ่นก็ไม่มี แผ่นที่ไม่มีโปสเตอร์ เพราะโปสเตอร์สูญหายหรือถูกถอดออกไป ก็จะมีราคาถูกลง) แต่ถ้าเจอก็ขอเก็บเข้า disco LP collection สักแผ่นก่อนละครับ และเผอิญเจอคนเขียนบทความเกี่ยวกับ Dee D. Jackson ไว้ด้วยเมื่อเดือนมกราคม 2018 นี้เอง ตามลิงค์ข้างล่างนี้ครับ

https://wearethemutants.com/2018/01/15/unidentified-object-could-be-earthling-dee-d-jacksons-cosmic-curves/

ผมคิดมาตลอดตั้งแต่เริ่มรู้จัก Santa Esmeralda ว่าเป็นชื่อบุคคลที่เป็นนักร้องเจ้าของเพลง You're My Everything และเพลงดิสโก้ Don't Let Me Be Misunderstood แต่ที่จริง Santa Esmeralda เป็นชื่อวงดิสโก้รวม 3 สัญชาติ (อเมริกา ฝรั่งเศสและเสปน) ที่โด่งดังเมื่อปลายยุค 1970s โดยมีนาย Leroy Gomez นำทีมครับ

เครดิตภาพ www.santaesmeralda.net

(http://www.santaesmeralda.net/images/Disco%20Days/grd/Santa-Esmeralda-Patrick-Juv.jpg)

จู่ ๆ ก็คิดถึงเพลงและดนตรีของวงและศิลปินแนวดิสโก้ปลายยุค 1970s ขึ้นมา ซึ่งเพลงพวกนี้ผมรู้จักจากการฟังเพลงตามสถานีวิทยุเอเอ็มในยุคนั้น บางวงหรือบางคนก็ดังเฉพาะในถิ่นของพวกเขา จึงไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของนักฟังทั่วไปครับ

Celi Bee & The Buzzy Bunch สาวเชื้อสายอเมริกันเปอร์โตริโกและวงของเธอ เพลงดังคือ Superman แต่ผมชอบเพลง Boomerang และ Hurt Me Hurt Me มากกว่า ซึ่งเพลงหลังนี้มีเสียง effect ติดเรทด้วยครับ ลองไปหาฟังดู 555 ;D
Veronica Unlimited วงฮอลแลนด์ เพลงดังคือ Gimme More
Fern Kinney นักร้องชาวอเมริกัน เพลงดังคือ Baby Let Me Kiss You ซึ่งเป็นแนวดิสโก้ผสมเร็กเก้
Pink Lady วงสองสาวชาวญี่ปุ่น เพลงดังคือ Kiss In The Dark
Leif Garrett คนนี้เคยมาบ้านเราในยุคนั้น เพลงดังคือ I Was Made For Dancing
Kiss ไม่น่าเชื่อวงฮาร์ดร็อคอย่างพวกเขาจะปล่อยเพลงอย่างเช่น I Was Made For Loving You ออกมา
Santana กับเพลง Well All Right ซึ่งจะร็อคก็ได้ จะดิสโก้ก็ไม่น่าขัดเขิน
Goombay Dance Band วงเยอรมัน มาในแนวคล้ายวงร่วมชาติคือ เจงกีส ข่าน เพลงดังของพวกเขาคือ Son Of Jamaica
Moulin Rouge วงสามสาวชาวเยอรมัน ซึ่งเอาเพลง Holiday มาเรียบเรียงใหม่เป็นแนวดิสโก้
La Bionda วงยูโรดิสโก้สัญชาติอิตาลี โด่งดังจากเพลง One For You One For Me เมื่อปี 1978

Boney M - Nightflight To Venus (1978)

ผลงานชุดที่สามของ Boney M ซึ่งประสบความสำเร็จมากมายในยุโรป สแกนดิเนเวีย และแคนาดา และเป็นอัลบั้มแรกของ Boney M ที่ขึ้นถึงอันดับหนึ่งในอังกฤษ ผลงานชุดนี้อัดแน่นไปด้วยเพลงดัง เพลงดี เพลงมันส์ ๆ และเพลงติดชาร์ทมากมาย ขึ้นต้นมาสองแทร็คแรกเราจะได้ฟัง Nightfilght To Venus ต่อเนื่องกับ Rasputin เพลงยอดฮิตทั่วโลกและในบ้านเรา ซึ่งมีความยาวรวมกันสองเพลงร่วม 10 นาทีกว่า ตามด้วย Painter Man ซึ่งเป็น single ฮิตอีกเพลง ปิดท้ายหน้าแรกของแผ่นเสียงด้วย King Of The Road ซึ่งหลายคนคงจะรู้จักเพลงนี้ดี พลิกแผ่นไปหน้าสอง เริ่มแทร็คแรกด้วย Rivers Of Babylon เพลงนี้ดังสุด ๆ แค่ไหนในบ้านเราในอดีตตามหน้าปัดวิทยุและตู้เพลง คงไม่ต้องบรรยายกันมาก สำทับความมันส์ในอารมณ์ด้วยเพลง Brown Girl In The Ring ซึ่งชวนให้ออกมาโยกย้ายส่ายสะโพกดีนัก และปิดท้ายแผ่นเสียงหน้าสองด้วย Heart Of Gold ซึ่งเป็นเพลงคัฟเวอร์ผลงานของ Neil Young แต่โดยความเห็นส่วนตัว เวอร์ชั่นคัฟเวอร์โดย Boney M นี้ฟังมันส์ สะใจ และได้อารมณ์ในสไตล์ร็อคดีกว่า original version ของ Neil Young เสียด้วยซ้ำ เมื่อผมได้ฟังเพลงนี้จากวิทยุเอเอ็มตอนที่เพลงนี้รวมทั้งเพลงอื่น ๆ ในอัลบั้มที่กำลังดังในตอนนั้น ผมนึกว่าเป็นเพลงต้นฉบับของ Boney M เสียด้วยซ้ำ เพิ่งมาทราบภายหลังว่า Boney M คัฟเวอร์คนอื่นเขามาอีกที แต่ก็อย่างที่ผมว่า พวกเขาทำได้น่าฟังกว่าเจ้าของตัวจริงเสียอีกครับ ผมเคยฟังเพลงฮิตในอัลบั้มชุดนี้จากวิทยุจนเบื่อแล้วเลยไม่ค่อยได้สนใจจะฟังแผ่นเสียง ครั้นหยิบแผ่นเสียงมาฟัง มันให้ความรู้สึกคนละอย่างกับฟังจากวิทยุ เพราะเสียงที่ได้จากแผ่นเสียงซึ่งบันทึกเสียงมาค่อนข้างดี เล่นผ่านเครื่องเสียงชุดใหญ่นั้น เสียงมันช่างใหญ่โตและให้ความรู้สึกมันในอารมณ์จริง ๆ เวลาอัด volume แอมป์เข้าไปเยอะ ๆ ใครชอบเพลงดิสโก้และเร็กเก้มันส์ ๆ ชุดนี้ "ต้องมี" ครับ

เครดิตภาพ https://ia902201.us.archive.org/

(https://ia902201.us.archive.org/32/items/boney_m-nightflight_to_venus-vinyl-1978/01.jpg)

Boney M - Nightflight To Venus (1978, Japan + Obi)

ผมลองหยิบอัลบั้ม Nightflight To Venus ที่เป็นแผ่นญี่ปุ่นมาฟังเทียบดูบ้าง รู้สึกว่าคุณภาพเสียงไม่น่าประทับใจเท่าแผ่นทำในเยอรมนีและอังกฤษ เพราะสเกลเสียงของแผ่นญี่ปุ่นดูเล็กและบอบบางกว่า แถมยังต้องเร่งโวลู่มแอมป์เพื่อให้ได้ยินเสียงที่มีคุณภาพเทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับแผ่นอังกฤษและแผ่นเยอรมัน ดังนั้น แผ่นเสียงชุดนี้คือตัวอย่างอันหนึ่งในหลาย ๆ ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า แผ่นเสียงญี่ปุ่น (Japanese pressed vinyl) ไม่จำเป็นจะต้องเสียงดีเสมอไป วงใดหรือศิลปินคนใด บ้านเกิดเมืองนอนของเขาอยู่ประเทศไหน การซื้อแผ่นเสียง first press หรือแผ่น original ที่ผลิตในบ้านเกิดของเขาดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่เซฟที่สุดครับ