Thai Progressive Rock Community

มีความคิดเห็นกันเช่นไรครับ
ปล. CD เพลงนะ ไม่ใช่ CD ที่ย่อมาจากไอ้นั่น  ;D

ถ้ายังมีแผ่นและเครื่องเล่นอยู่ คิดว่ายังไม่หมดไปง่าย ๆ หรอกครับ

ตอบยากครับ คิดว่าต้องหมดยุคแน่ๆ แต่ไม่รู้ว่าจะยื้อได้อีกนานแค่ไหน ทุกวันนี้มันก็แย่มากแล้ว

ตอนที่ซีดีออกมาใหม่ ๆ ใคร ๆ ต่างก็คิดว่าแผ่นเสียงต้องตายแน่ แต่ที่จริงมันก็ยังอยู่ แม้จะอยู่อย่างจำกัดวงแคบ แต่ก็มีความมั่นคง และแผ่นเสียงที่ผลิตออกมาใหม่ทุกวันนี้ก็ยังมีให้หาซื้อได้อยู่ กรณีของซีดีนั้น ถ้าใครยังสะสมแผ่นซีดีไว้มากมายและไม่คิดจะขายทิ้งไปเสียตอนนี้แล้วเปลี่ยนไปเล่นฟอร์แมทอื่น ก็คงต้องเก็บซีดีไว้เล่นกับเครื่องเล่นซีดีต่อไป ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับตัวผู้เล่นหรือผู้ฟังเองว่าชอบแบบไหน หรืออยากเปลี่ยนรูปแบบง่าย ๆ หรือเปล่า ถ้ายังชอบอะไรที่มันเดิม ๆ อยู่ก็เล่นต่อไปเถอะครับ ถ้าเป็นผม สมมติว่ามีซีดีเก็บไว้เป็นพัน ๆ แผ่นนี่ผมคงจะเปลี่ยนใจไปจากมันยากมากครับ 

ซีดียังไม่ตาย! แต่ไม่โตแล้วครับซีดีแตกต่างกับแผ่นเสียง ตรงที่ซีดีเป็นดิจิตอลแผ่นเสียงเป็นอะนาล็อก
การพัฒนาของดิจิตอลนั้น มันไปเร็วเกินกว่าที่จะหยุดได้  วันนี้ซีดียังอยู่ได้อย่างลำบากแล้วครับ

แล้วคนที่เล่นหรือสะสมซีดีอยู่จะลำบากตามไปด้วยหรือเปล่าครับ? อย่างชาว thaiprog บางคนที่สะสมซีดีเป็นพัน ๆ แผ่นนี่ต่อไปเขาจะต้องขายซีดีทิ้งหรือเปล่าครับ?

ขายก็ไม่ได้ด้วย ผิดกฎหมายโดนปรับเป็นแสนยิ่งลำบากใหญ่ :D

คงต้องขนไปขายในต่างประเทศครับ

ถึงแม้ไม่โดนปรับ คนรักซีดีก็ขายทิ้งไม่ลงกระมังครับ แผ่น Japan สวย ๆ มีโอบิ ค่าควรแก่การสะสมและหายากด้วย บางแผ่นเห็นซื้อกันมาหลายร้อย บางแผ่นก็เป็นหลักพัน ยิ่งพวกบ็อกซ์เซ็ตนี่ไม่ต้องพูดถึง ถ้าขายทิ้งก็คงขาดทุนยับแน่นอนครับ

ลองเข้าไปดูที่ร้านTRONMUSIC สาขาThaiprog ได้ข่าวมาว่าเจ้าของเรากำลังจะไปนอก ได้รับเชื้อโรคHi-DefเลยขายMini Lp Cdและพวกบ็อกซ์เซ็ททิ้งเป็นแบบที่คุณปีศาจลายครามบอก 8)

ไม่หมดครับ เพราะผมจะยังรักษาไว้จนตาย ..  :D

เห็นข่าวร้าน CD ปิดไปหลายร้าน วันนี้อ่านมาร้าน HMV ในชิบูย่าปิดตัวลงไปแล้ว
ผมยังเชื่อว่า พวกพี่ๆหรือผมยังต้องการสิ่งที่จับต้องได้
เป็นไปได้ไหมครับว่าในอนาคตอาจจะผลิตมาเป็นจำนวนจำกัดแบบแผ่นเสียง

อยากได้เครื่องเล่นซีดีไฮเอนด์อย่างพวก Krell, Audio Research, Moon etc. คิดว่าต่อไปพอจะมีของมือสองราคาถูกทะลักออกมาบ้างไหมครับ? ผมกำลังจ้องอยู่ :D

อนาคตผมไม่ทราบ แต่ซีดีโดยเฉพาะที่ขายโดยพ่อค้าชาวญี่ปุ่น ผมก็ยังเห็นซื้อขายกันเป็นล่ำเป็นสันอยู่ในอีเบย์ครับ
ถึงแม้ว่าซีดีมันจะตายเข้าสักวัน แต่อีกสักวันในอนาคตข้างหน้าก็อาจจะมีคนรื้อฟื้นมันขึ้นมาใหม่ตามกระแสย้อนยุคแบบแผ่นเสียงก็ได้นะครับ :D

ร้านนี้ไม่ค่อยมีแผ่นหายากเหมือน Tower Records ที่ชิบูย่า

มีภาพการปิดประตูร้านเป็นครั้งสุดท้ายครับ (http://www.uppicfree.com/images/871_hmv.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-871_hmv.jpg)

พอมีเคยเห็นอยู่ครับ  ถ้าสนใจวันหลังผมเจอจะบอกให้ครับ

ผมพึ่งมีโอกาสพูดคุยกับร้านขายซีดีและดีวีดีเจ้าใหญ่แถวสะพานเหล็ก เขาบอกผมว่าเวลานี้ยอดขายซีดี ดีวีดีลดลงมากต้องอยู่แบบประคองตัว
เพื่อให้อยู่รอดปลอดภัย ทางร้านต้องนำเอาแผ่นเสียงทั้งเก่าและแผ่นใหม่มาขายช่วยด้วย นี่แสดงว่าอนาคตของฟอร์แม็ทที่จับต้องได้เริ่มจะลำบาก
อย่างที่ผมว่าไว้แล้วครับ

Sony เคยพยายามคิดค้นฟอร์แมทใหม่โดยใส่ในแพ๊คเกจ 12 นิ้วเท่าแผ่นเสียง แต่ทาง Phillips ต่อต้านและไ่ม่เห็นด้วย ???

ถ้าเราต้องการเล่นเพลงที่ให้เสียงดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยที่ไม่มีความยากลำบากในการเปิดฟังหรือเก็บรักษา ไฟล์เพลง 24 bit คือคำตอบสุดท้ายครับ ผมว่าเสียงซีดี 16 bit มันจะกลายเป็นอดีตแน่นอน เพราะมันเหมือนเราฟังงานเพลงคุณภาพในระดับที่ต่ำกว่าที่ทางศิลปินเขาสร้างสรรค์งานออกมา มันถึงเวลาแล้วที่เราควรได้ฟังเสียงระดับเดียวกับศิลปินได้ยินในสตูดิโอ เหมือนเราได้ฟังรายละเอียดเพลงเต็ม 100% เท่าที่ศิลปินนำเสนอ รายละเอียดเล็กๆน้อยๆมักถูกกลบก็เพราะเจ้าความละเอียดแค่ 16 bit ของซีดีนี่แหละครับ

แต่ถ้าต้องการสะสม artwork, package ก็ยังสะสมแผ่นเสียงหรือ mini lpได้ต่อนะครับ สำหรับผมคงโละที่ชอบน้อยๆออกก่อน ที่ชอบมากยังไงก็ไม่ขายแน่นอนครับ :D

อันที่จริงแล้วเราสามารถอยู่ร่วมกันได้ระหว่างMini Lp Cdกับไฟล์เพลง24bit เรานำไฟล์เพลงมาRipลงบนแผ่นดีวีดีเอาแผ่นดีวีดียี่ห้อดีๆหน่อย
แล้วใช้ปกแผ่นMini Lp Cdใส่แทน(ยังเก็บแผ่นซีดีไว้)เวลาจะเล่นก็เอาแผ่นที่ลงไฟล์เพลงไว้เล่นแทน จะได้ทั้งคุณภาพเสียงและจับต้องได้ด้วย
แต่ต้องใช้เครื่องเล่นHDพวกPCแบบของผมเล่นนะครับ 

อยากให้ออกเป็นแผ่น blu-ray audio ไปเลย ใส่ปกใหญ่ๆขนาดเท่าแผ่นเสียง 7 นิ้วก็พอแล้ว

ผมว่ามันก็คล้ายๆวงจรเดิมๆนั่นแหละครับ ซีดีกลายเป็นของสะสม สำหรับผู้ที่ยังรักที่จะมีความสุขกับสิ่งที่เคยให้ความสุขกับเขามานาน
เรื่องคุณภาพ ความสะดวก ไม่ต้องพูดถึงอยู่แล้ว อย่าไปคิดเปรียบเทียบในแง่นี้เลยครับ

อย่างตอนนี้ ยังมีคนเล่น VDO Cassette Laser อยู่เลย แต่เป็นกลุ่มน้อยเท่านั้น นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาคิดไม่เป็น คิดไม่ได้ หรือไม่มีความสุขเท่า การมีเพื่อนเล่นของอย่างเดียวกัน คุยเรื่องเดียวกันมากๆ ต้องสนุกอยู่แล้ว ผมว่าคนที่ได้เปรียบ คือคนที่ได้เล่นหลากหลายมากกว่า ได้ลิ้มรสความสุขในรูปแบบต่างๆ แถมมีเพื่อนมากด้วย

ซีดียังไม่ตายครับ น่าจะอยู่รอดอีกหลายปี แต่แผ่นจะขายได้น้อยลงเรื่อยๆ
  ร้านขาย CD จะไปก่อนครับ
 

แผ่นซีดีกำลังจะไป แล้ว แผ่น ดีวีดี ล่ะครับ จะเป็นยังงัย กลายเป็น บลูเรย์ แต่ก็รูปร่างเหมือนเดิม ?!?!?

เห็นภาพแล้วรู้สึกสะเทือนใจครับ ไปยืนเล็งแผ่นเหล่สาวที่นี่หลายครั้ง ไม่อยากเชื่อว่าจะปิดตัวลง

เวลานี้ เครื่องเสียงดีๆราคาถูกก็มีนะครับ

น้องเพชรเรานี่เจ้าชู้น่าดู ขนาดมีแฟนแล้วนะยังเหล่สาวๆอีก อย่างนี้อนาคตไกล(ไกลบ้าน) 8)

แต่การขายแบบตัวต่อตัวในอีเบย์ยังคึกคักอยู่ครับ -- คอนเฟิร์ม

จะว่าลำบากก็ไม่เชิง เพียงแต่จำกัดตัวเองอยู่ในหมู่คนเล่นคนฟังที่เอาจริงเอาจังและรู้จักคุณค่าของมันมากกว่าครับ

+1 :D

ของจะมีคุณค่าหรือไม่อย่างไร อยู่ที่แต่ละคนเป็นคนตัดสิน
ยังมีผู้ใหญ่หลายท่าน หาซื้อซีดีเวอร์ชั่นแรกๆที่ออกมาโดยยังไม่มีการรีมาสเตอร์มากมาย เพราะชอบเสียงที่ไม่มีการปรุงแต่งมากมายนัก ให้ความรู้สึกเดิมๆอยู่เลยครับ   :D

แนวโน้มคงจะกลายเป็นของสะสม มากกว่าเพื่อฟังของคนบางกลุ่มครับ
ที่ยังพอจะอยู่ได้คงเป็นพวกที่ทำออกมาในรูปแบบพิเศษต่างๆ
ในบางกรณีอย่างของ mini lp ของถูกจองหมดตั้งแต่ยังไม่ถึงวันกำหนดขายเสียด้วยซ้ำ ก็มีให้เห็นอยู่บ่อย
ทั้งๆที่เป็นชุดเก่าที่นำมาผลิตใหม่ ไม่ใช่ album ชุดใหม่ ด้วยซ้ำ

แต่ถ้าเมื่อใดที่ไม่มีเครื่องเล่น CD ให้เล่นหรือไม่มีอะไหล่ให้ซ่อมแล้ว
วันนั้น CD คงต้องค่อยๆ หายสาปสูญตาม พวกรุ่นพี่ๆอย่าง 8 tracks ตามคิวด้วย cassette,Laser disc,Beta,VHS.....

ผมยังเก็บไว้อยู่เลยครับ และเป็นกล่อง jewel case ด้วย (เกือบขายทิ้งไปแล้วนะเนี่ย) :D

ยุคของซีดียังไม่ตายง่าย ๆ หรอกครับ ผมยังซื้ออยู่เลย
แต่ผมก็สนใจไอ้เจ้า HD player เหมือนกัน แต่ติดแค่เรื่องเงินอย่างเดียว  :P

ผมวางแผนว่า จะซื้อ HD Player สักวัน แล้วก็จะเล่น ควบคู่กันไปกับ format อื่น เหทือนที่ทำอยู่ทุกวันนี้ :D

ชีวิตมันต้องมีทางเลือกครับ  8)

 
  ตอนเล่นแผ่นเสียงก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะเลิกเล่น ก็เลิกเล่นจนได้
  แต่ก็โชคดีครับปล่อยแผ่นเสียงไปได้กำไรนิดหน่อย แต่เมื่อคิดถึง
  ค่าเงินและระยะเวลาก็คงไม่ได้อะไร (คงได้กำไรเล่น)

  ตอนนี้เล่นซีดีอย่างเดียว อนาคตคงไม่แน่นอน (แต่คิดว่าซีดีคงเหมือนแผ่นเสียงหล่ะครับ)
  เอาไว้คงต้องเล่นไฟล์เพลงแน่ๆในอนาคตอันใกล้นี้ รอให้เครื่องเล่นพัฒนาคุณภาพขึ้นอีกนิด  :D

นึกย้อนไปแล้วรู้สึกเสียดายบ้างหรือเปล่าครับที่ไม่น่าจะขายแผ่นเสียงทิ้งไปหมดเลย? เมื่อหลายปีก่อนเวลามีแผ่นเสียงกรุแตกทะลักออกมาให้หาซื้อตามร้านแผ่นมือสอง นักช้อพก็จะเฮฮาร่าเริงและยื้อแย่งกันซื้อขนานใหญ่ แต่เจ้าของเดิมไม่ทราบจะเฮด้วยหรือเปล่า ผมว่าถึงจะเศร้าหรือเสียดายแค่ไหน ก็คงต้องตัดใจครับ (สมบัติผลัดกันชม)

อ่านย่อหน้า2 หลายเที่ยว
รู้สึกว่าคุณโปโลตูน เกือบจะบรรลุโสดาบันปัตติผลเลยนะเนี่ย

ธรรมะสอนไว้ ทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลง มีเกิด มีดับ เป็นของธรรมดา
สิ่งสำคัญ คือการรู้จักตัวเองให้ถ่องแท้
จิตที่นิ่ง ตัดสิ่งปรุงแต่ง ก็มองเห็นชัดเอง

(หน้าที่ของกัลยาณมิตร ก็มีอยู่แค่นี้..)

ตัวของผมคิดว่าคงอยู่ในข่าย เอามันหมดทุกอย่างครับ ถ้ามีข้อเสนอที่ดี อย่างโบนัสแทร็คอะไรทำนองนี้ เพราะหลักๆ ของผม
คือการสะสมแผ่นเสียงอยู่แล้ว ซึ่งไม่มีทางเลิกหรือปล่อยขายแน่นอน ซีดีก็จะเป็นเช่นเดียวกัน แต่ในเมื่อมันกำลังจะค่อยๆ หาย
ไปผมรู้สึกเฉยๆ และทำใจยอมรับไฟล์ไปแล้ว กำลังหาโอกาศเหมาะๆ เมื่อมี ไฟล์ เด็ดชักชวนให้ฟัง เมื่อนั้นแหละครับ จะเข้าเป็น
สมาชิกกับคุณอั๋นและคุณ TRON ทันที ไม่มีรีรอหรอก

...อย่างที่ผมบอกแล้วครับว่า เนื้อใน ต้องน่าสนใจงัยล่ะ  :D  :D  :D

  ตอนนั้นเสียดายมาก ตอนนี้พอทำใจได้แล้ว ไม่ได้ขายแผ่นอย่างเดียวนะครับขายเครื่องเสียงทุกชิ้นหมด
  รู้สึกเบื่อๆขึ้นมา(ฟัง+เล่นตั้งแต่อายุสิบสี่ถึงสี่สิบ) ตั้งใจว่าอีกสักสิบปีจะกลับมาฟังเพลงเล่นเครื่องเสียงใหม่
  แต่เวปนี้เป็นต้นเหตุที่ให้กลับมาเล่นใหม่เร็วกว่าที่คิด   :D  :D

ไฟล์เพลงผมไม่สน -- ผมสนไฟล์หนังที่พี่โป่งกับคุณอั๋น501ชอบ ๆ ดูกันอ่ะครับ ;D

ปกติผมก็มักเห็นขายทั้งเครื่องทั้งแผ่นนั่นแหละครับ -- ขายแผ่นทิ้งแล้วไม่รู้ว่าจะเก็บเครื่องไว้ให้ตำตาตำใจทำไม -- ไม่ทราบว่าอีกนานเท่าไรจึงจะกลับมาเล่นได้อีก -- พอถึงตอนนั้นคิดจะซื้อแผ่นเดิม ๆ ที่เคยมีอยู่คืน ราคามันก็ไม่ใช่ราคาเดิมที่เราเคยซื้อแล้วน่ะสิครับ

  เร็วๆนี้ละครับ กำลังจะทำห้องฟังเพลงอยู่  ส่วนแผ่นเสียงคงไม่เล่นแล้วล่ะครับ(เวลาน้อย+ความขี้เกียจมากขึ้น)
  คงเล่นแต่ซีดีแล้วอาจมีไฟล์เพลงในอนาคต

ซีดีดีวีดีจะตายหรือเปล่าไม่รู้ แต่ตอนนี้ cdwow ลดราคาซีดีดีวีดีเหลือแผ่นละ 50 บาท อย่าช้าครับ!

www.cdwow.com

เจอแต่ ร้อยกว่า น่ะครับ :D

ไอ้ที่อยากได้ มันไม่ลด

เป็นธรรมดาครับ :D
พรุ่งนี้ BSM กี่โมงครับ

ุ6 โมงเช้าครับ ยังลังเลอยู่เลยนะ 2,000 ฝ่า ๆ

แป๊ปเดียวหมดใช่ไหมครับ โชคดีไป ไม่สะดวกซื้อ :D

BSM คืออะไรครับ ???

http://www.becausesoundmatters.com/

 ;)

ก็ถ้า sound matters แล้วไม่สะดวกแผ่นเล่นเสียง มันก็ต้องไฟล์ 24 bit เป็นทางออกคนรักความสะดวก แต่ถ้าอยากไดทั้งเสียงและสะสมก็แผ่นเสียงไปเลย :D

ถ้าอยากเก็บสะสมแผ่นเสียงต้องมาทางนี้เลยครับ 

(http://www.uppicfree.com/images/764_SDC11678.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-764_SDC11678.jpg)

(http://www.uppicfree.com/images/614_SDC11679.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-614_SDC11679.jpg)

(http://www.uppicfree.com/images/429_SDC11682.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-429_SDC11682.jpg)

(http://www.uppicfree.com/images/608_SDC11683.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-608_SDC11683.jpg)

(http://www.uppicfree.com/images/483_SDC11684.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-483_SDC11684.jpg)

(http://www.uppicfree.com/images/611_SDC11685.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-611_SDC11685.jpg)

ลองทายกันดูซิว่านี่เป็นกรุแผ่นเสียงของเพื่อนสมาชิกท่านใด
นี่แค่เป็นแผ่นเสียงส่วนเล็กๆเท่านั้น

คุณอั๋น นี่ลุยไปหมด แล้วกดชั้ตเตอร์  >:(

แต่นี่ดูเหมือนไม่ใช่การแอบถ่ายเสียแล้ว สงสัยไปปรึกษาเรื่องภรรยา   :D

หลายๅก๊อปปี้ขนาดนี้มีคนเดียวในไทยครับ คุณหมอ The Black Tulip :D

อ้่าว...ผมนึกว่าไปถ่ายที่โรงงานผลิตแผ่นเสียงเสียอีกครับ 555
สุดยอดจริงๆครับ :D

+1 ครับ

กรุคุณหมอแตกจนด้า..ยยย  :o
โธ่..เอ๋ย

โชคดี ที่ผมเกิดมาเป็นผู้ชาย
ถ้าขืนเกิดมาเป็นหญิง
แล้วต้องมาเจอคุณอั๋น501ละก้อ
มิแคล้วต้อง เสีย... แน่นอน

(โปรดเติมคำในช่องว่าง)
1.ใจ
2.เงิน
3.ตัว
4.สาว
5.ถูกทุกข้อ
6.ผิดทุกข้อ
7.ถูกข้อ3.และ4.
8.ทองเท่าหัว ไม่ยอมเสียผัวให้ใคร
9.ไพ่ไม่ว่า ดีกว่าเสียม้าเสียไฟล์

ฮิฮิ แซวเล่นอย่าถือโกรธ ฮาฮาฮา  ;D :D 8)

เฮ้อ... โล่งอก นึกว่าจะมีข้อ 10. (เสียตุ๊สส์) ให้เลือกซะแล้ว :D

เห็นแล้วตลึง และอยากขอความอนุเคราะห์ขายให้ผมซักอัลบั้มละ 1 ก็อปปี้ :D

ผมว่าซักวันนึง วันดีคืนดีวันไหนก็วันนั้นแหละครับ ไม่ว่า ท่านผีฯ หรือ ท่านปีศาจฯ หรือว่า สมาชิกท่านอื่นๆ
คงต้องเสีย...ให้ คุณอั๋น501 แกอย่างแน่นอน !!!

เพียงแค่พูดจากันก็ไม่ทันแกแล้วครับ ยังไม่ทันบอกปฏิเสธแกก็สรุปว่าโอเคไปแล้ว  ::)

ข้อ 11 คือ "ฟอร์ม" ครับ ที่ทุกคนต้องยอมคุณอั๋น ไม่ทันแกหรอกคร้าบ...บ...บ...บ..บ   ;D  ;D  ;D

ระวัง! ให้ดีท่านผีเก็บหม้อแม่นาคไว้ให้ดี  ;D
ใครอยากเห็นกรุสมบัติของท่านผีบอกมา  สายลับ007จะตีหม้อ(แม่นาค)ให้แตกกระจายเลย  8) :D ;D

พี่อั๋นตะลุยบ้านพี่แจ็คเลยครับ  ;D
ตอนนี้ต้องตั้งฉายาพี่อั๋น กรุ(สมบัติ)แตก เหมือนกับรายการตะเวนหาร้านอาหารอร่อย ๆ แบบรายการทีวีซะแล้ว

  เชลล์ชวนชิม   :D
 
  อั๋นชวนชม     ;D

  คุณโป่งชวนดื่ม    8)

พี่เขากลับใจ ไม่ชวนลงอ่างแล้วใช่ไหมครับ? ;D

ฮ่า ๆ นึกภาพพี่เค้าออกเลยครับ
เรียกว่าเจ้าของกรุสมบัติแทบจะยังไม่ปริปากอนุญาติสักคำ พี่อั๋นแกค้น, คุ้ย, จัดวาง, แช๊ะๆๆๆๆๆ เสร็จไปแล้ว
(แซวเล่นนะีพี่ ขอโทดครับ  ;D :-*)

  ก่อนลงอ่างต้องดื่มย้อมใจก่อนครับ  ;D  ;D

พี่หริ่มครับ ตกลงแถวฮ่างศิลา มีอ่างไหมครับ?

 มีอยู่สองอ่างครับ คุณตี๋เปลี่ยนใจทันนะครับ  :D

ระวังตัวให้ดีน้องตี๋ ไอ้วงเหล็กกล้านี่ พี่ชอบนัก จะไปแช๊ะๆๆๆๆ   ;D

ไอ้พวกวงเหล็กกล้าของผมมันช่างน้อยนิดครับ เกรงว่าจะไม่สะใจพี่ เวลาแช๊ะๆๆๆๆ  :D

ผม "ตกข่าว" อีกแล้ว ครับท่าน ไม่ทันวันที่ เผา เป็นๆ เรื่องของกระผม (พยายามพิมพ์คำว่า ตกข่าว อย่างระมัดระวัง กลัวโดนย้อนกลับ
มาหาตัวเอง)

พวกคุณๆ ท่านๆ นี่ชอบออกนอกเรื่องอยู่เรื่อย เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ยังไร้สาระกันอยู่ได้ แหย่กันเหมือนเด็กๆ  ;D
ดูซิ พวกน้องๆ ในเว็ปไม่ค่อยมาแจมกับบรรดาเหล่า ส.ว. ที่ไม่มีเกียรติแล้ว หายไปกันหมด กูล่ะเบื่อ เลย

เออ...เห็นบอกว่าที่ อ่างศิลา มีอ่าง 2 แห่ง คุณDeja Vu ช่วยอธิบายทางไปให้หน่อยได้มั้ยครับ?
ผมทำงานอาสาสมัครด้านสาธารณะสุข อยากจะไปตรวจตราดูแลความสะอาดน่ะครับ เจ้านายเค้าสั่งมา.

ผมไม่อยากกล่าวหาว่าพี่โป่งเป็นแกนนำคนสำคัญที่ทำให้สภา ThaiProg อันทรงเกียรติแห่งนี้กำลังจะกลายเป็นบ้านบางแคเข้าไปทุกทีแล้วครับ :D :D

ก็อย่าตามมาที่บ้านบางแคซิครับ เห็นไปไหนก็ไปด้วย "มั่ว" นิ่มๆ ตลอดเวลา เจอหน้ากันเมื่อไหร่ ต้อง "ถอน" เป็นการด่วน !!!

เดินตามผู้ใหญ่อย่างพี่โป่ง สุนัขไม่กัดครับ (เพราะสุนัขมันจะกัดผู้ใหญ่ก่อน) (ฮา) ;D :D

ผมว่าไม่น่าจะหมดง่ายๆ ที่ญี่ปุ่นยังมีซีดีออกทุกอาทิตย์ บางแผ่นหายากๆราคาแพงกว่าราคาปกซะอีก โดยเฉพาะพวกต้องซื้อให้ครบเพื่อเอากล่อง

อย่างนี้โบราณท่านเคยกล่าวเอาไว้ว่า กรรมสนองกรรม ครับ
ซีดี เคยทำยังงัยไว้กับ ไวนิล ก็ต้องได้รับผลกระทบกลับเหมือนๆ กัน

เรียกว่าตอนนี้ แผ่นซีดี กำลังอยู่ในช่วง ขาลง จริงๆ
แต่ก็ไม่มีทางหมดหรือหายขาดไปจากตลาดหรอกครับ เฉกเช่นเดียวกันกับแผ่นไวนิล นั่นเอง  :D

ผมว่าอย่าวิตกกันเกินไปเลยครับ ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก หาความสุขในวิถีทางของเรา ที่ไม่เบียดเบียนใครกันดีกว่าครับ :D

ผมอยากให้ซีดี ราคาไม่โอเว่อร์แวลูครับ

แผ่นกล่องพลาสติก ไม่ควรเกิน 150 บาท
แผ่นมินิ-แอลพี ยี่ปุน ไม่ควรเกิน 400 บาท
นี่เทียบกับแผ่นเสียงที่ใช้วัสดุมากกว่าหลายเท่านะ

วันก่อนฟังเทป ผมก็ยังมีความสุขกับเทคโนโลยี่เก่าได้นะ เออ :D
ครับ..
ชีวิตคนเรา..
บางครั้งก็เบื่อ ขี่เครื่องบิน ใส่สูท ไปกินสเต็คลูกวัวนิวซีแลนด์
ก็ขี่จักรยาน ปูเสื่อสวนลุม ซัดเนื้อย่างจิ้มแจ่ว
มันก็อร่อยเหมือนๆกัน
แต่จะต่าง ก็ตอนเอาออก เท่านั้นเอง (แสบๆหน่อย)  ;D

ตั้งแต่มีกระทู้เรื่องไฟล์เสียง เครื่องเล่น HD เข้ามานี่ ผมไม่ค่อยได้ซื้อซีดีบ่อยเท่าไหร่แล้วช่วงเดือนที่ผ่านมา
ดีวีดีบางตัวที่จะซื้อ ก็พลอยลังเลที่จะซื้อไปด้วย ส่วนนึงคิดว่าอนาคตอาจจะมีไฟล์เพลง+ภาพ ออกมา แต่ก็คิดว่าคงไม่ใช่เร็ว ๆ นี้

ถึงตอนนี้แล้ว ยังไม่ได้ pre-order เม็ตตาฬิกา มินิแอลพีเลย ก๊าาาบ (ทีแรกกะว่าจะหวดตั้งแต่ต้นเดือนนี้แล้ว)

ทีแรกก็ว่าจะซื้อ Black Album mini lp เหมือนกัน แต่พอได้ฟังไฟล์ Black Album (DVD-A rip 24/96) เปลี่ยนใจทันที เพราะกลัวต้องมานั่งขายต่อทีหลัง

ผมเชื่อพี่โป่งคะรับ กระผม :D

ผมว่าซีดีมันจะหมดยุคเป็นโซนๆไปครับ ยกตัวอย่างเหมือนเทปคาสเซ็ทที่เมืองนอกฝั่งอเมริกายุโรปเลิกผลิตแล้ว แต่บ้านเราจะผลิตออกมาขายต่ออีกประมาณ 3-4 ปี แต่ตอนนี้บ้านเราก็เลิกผลิตเทปคาสเซ็ทไปหลายปีแล้ว ต้องรอดูว่าเมื่อไหร่ทางเมืองนอกจะเลิกผลิตซีดี หลังจากนั้นซัก 3-4 ปีบ้านเราก็คงเลิกผลิตตามไป อันนี้ผมพูดถึงเพลงสากลนะครับ พวกเพลงลูกทุ่ง เพลงไทยเก่าๆ ผมว่าบ้านเราก็คงผลิตต่ออยู่ดี เพราะกลุ่มลูกค้าเป็นคนที่ไม่ตามเทคโนโลยีอยู่แล้ว

คนไม่ตามเทคโนโลยี่ ฟังดูดีจัง อยากทำได้มั่งครับ :D

+1

คนเรามักเห็นคุณค่าเมื่อกำลังจะสูญเสียสิ่งนั้นไป เคยเห็นบางคนชอบบอกว่าเกลียดนักเกลียดหนาไอ้ซีดีเนี่ย พอรู้ว่ามันใกล้ตายก็ดูจะเริ่มเห็นคุณค่ามันแล้ว  :D

ผมทำได้ครับ -- ของง่าย ๆ
ถามตัวเองว่าชอบเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ เครื่องเสียง หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นรุ่นที่สูงขึ้นไปและมีราคาแพงบ่อยครั้งแค่ไหน
ผมเพิ่งเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือจากที่เป็นจอขาวดำใช้งานมาแล้วแปดปีเป็นแบบจอสีเมื่อปีที่แล้วนี่เอง (เพราะเพื่อนขายต่อให้ในราคาถูก) เครื่องเสียงแต่ละชิ้นก็ใช้งานมาแล้วหลายปีหลังจากวันที่ซื้อ (บางตัวใช้งานมาแล้วเกือบยี่สิบปี) ส่วนคอมพิวเตอร์ที่บ้าน ผมก็ใช้โน้ตบุ๊ครุ่นเก่าที่บริษัทผมนำออกประมูลขายให้พนักงาน ราคาไม่กี่พันบาทเอง ซึ่งมันก็ใช้ได้ในระดับหนึ่ง ถ้าเรารู้จักพอเพียง
ส่วนพวกเครื่องรุ่นใหม่ไฮเทคทั้งหลายที่มีวางขายอยู่ตามห้างนั้นไม่มีทางได้แอ้มเงินของผมหรอกครับ :D

ผมชอบของเก่าครับพี่ป่อง
เสื้อผ้าสไตล์วินเทจ กางเกงยีนส์เก่า รถรุ่นเก่า แผ่นเสียง บ้านสไตล์วินเทจ (ไม่ใช่บ้านเก่านะ) ดนตรียุคเก่าๆ

แฟนเก่าบางคนยังชอบเลย ฮ่าๆ  :D

สาธุ... ไม่ว่าจะบวชครั้งแรกหรือครั้งที่สองหรือครั้งไหน ๆ อย่าลืมร่อนบัตรเชิญมาให้ผมด้วยเน้อ คุณโปโลตูน :D

เชื่อครับ  ;D

(เขาว่าเรื่องนี้ ทำจากชีวิตจริงของโอหรือครับ  :P)
(http://www.uppicfree.com/images/810_fanchan_TW_poster.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-810_fanchan_TW_poster.jpg)

อุ๊ย...รู้ได้ไงเนี่ย ตัวเอง  :-*
แต่ผมต่างกับพระเอก ตรงที่นางเอก (แฟนเก่า) ไม่ได้เชิญไปงานแต่งนี่แหละ
แต่งเสร็จแล้ว ข่าวถึงลอยมาถึงเรา คงกะให้ไปรับขวัญหลานทีเดียว ฮ่าๆ

ไหนๆ ก็พูดกันถึงแผ่นซีดีแล้ว และผมก็เคยบอกว่าไม่ค่อยชอบขนาดของกล่องมันไม่ว่าจะเป็น jewel case หรือแม้แต่ digipack
เพราะว่าบุคคลระดับ ส.ว. อย่างผมจำเป็นต้องใช้ แว่นขยาย มาช่วยในการอ่านหนังสือตัวจิ๋วๆ เสมอ เลยทำให้ไม่สนุกในการสัมผัส
กับเสียงเพลง ในขณะที่ต้องตั้งใจทำสมาธิเพ่งอ่านบทความที่เขียนบรรยายมากับผลงานชุดนั้น  ???

แต่ถ้าแพ็คเกจเป็นแบบ CD/DVD และมี size เท่ากล่องใส่แบบยาว ผมก็พอยอมรับได้นะครับ เพราะมันก็เหมาะมือดี booklet ที่แนบ
มาด้านในก็ใหญ่ขึ้น ซึ่งนั่นหมายถึง ตัวหนังสือก็อ่านง่ายขึ้นอีกอย่างน้อยหนึ่งเท่าเลยล่ะครับ

ผมชอบนะครับ แผ่นดีวีดีที่แถมซีดีออดิโอมาด้วย มันมีขนาดกำลังน่าจับ คับอะไรไม่ทราบ แต่มันกระชับมือดีจังเลย  :D  :D  :D

อ่านกระทู้นี้ทีไร รู้สึกเศร้าครับ พูดอยู่หยกๆว่าชีวิต ไม่แน่นอน เมื่อเช้าเกิดอุบัติเหตุกับผมรุนแรง ผมไม่เป็นไร คู่กรณีคางเหลือง ทรัพย์สินเสียหายยับทั้งคู่

ผมไม่ค่อยชอบซีดีมากเท่าเทปหรือแผ่นเสียง แต่ไม่เคยเกลียด เห็นคุณค่ามากขึ้นจริง เมื่อมีแต่คนบอกว่า มันจะตาย มันอาจไม่มีขายเหมือนปัจจุบันอีกต่อไป แต่ก็คงไม่ตายไปจากใจผมได้ แน่นอน :D

เสียใจด้วยนะครับกับอุบัติเหตุ
รีบไปทำบุญทำทานเสีย แล้วจิตใจจะสบายขึ้นครับ
อุบัติเหตุมักเกิดขึ้นได้เสมอ แม้ว่าเราจะได้ระมัดระวังเต็มที่แล้วก็ตาม
อย่าเศร้าไปเลยครับ

ฟาดเคราะห์ไปครับพี่ ทำบุญทำทานด้วยก็ดีครับ จะทำให้จิตใจรู้สึกสบาย
รักษาเนื้อ รักษาตัวให้ดีด้วยครับ เพื่อคนที่คุณรักและรักคุณ  :) :) :) (เอาไป 3 เอาใจช่วย)

คุ่กรณีแค่คางเหลือง ยังดีกว่าน้ำเหลืองไหลครับ มันจะไปกันใหญ่เรื่องนี้ แต่ผมว่าคุณโปโลตูนคงมีประกันชั้นหนึ่งใช่
มั้ยครับ?  มันช่วยได้เยอะเลย
อย่างที่คนอื่นๆ บอกนั่นแหละ ถือว่าฟาดเคราะห์ไปผ่อนหนักให้เป็นเบา  บางคนก็จะไปถวายสังฆฑานเพิ่มด้วยนะครับ
แต่ทั้งนี้แล้วแต่ความเชื่อส่วนตัว เอาใจช่วยครับ.

ขอบคุณมากครับ :D

มีอะไรครับป่อง
ไม่ทราบเรื่องเลย  ???
เป็นอะไรหรือเปล่าครับ  :(

อุบัติเหตุที่มีคู่กรณี -- ขอเดาว่าน่าจะเป็นอุบัติเหตุเกี่ยวกับรถยนต์ครับ

ใช่แล้วครับ มีคนเจ็บ เป็นคดีอาญา รอคนเจ็บออกมา เพื่อปิดคดีครับ

เรื่องร้ายๆให้ผ่านไป  ต่อไปขอให้มีแต่เรื่องที่ดีๆนะครับพี่

ก็คงหมดไปตามยุคสมัยเมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ๆมาทดแทน ก็เหมือนเทปแหละครับ

คิดว่าก็ยังคงมีขายกันต่อไป แต่อาจจะไม่ีมีการผลิตออกมาอีกแล้ว

ขอบคุณครับ :D

วันก่อนผมพึ่งเห็นทีวีรุ่นใหม่ของLG ดูคุณสมบัติทางกายภาพของทีวีLGรุ่นนี้แล้ว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฟอร์แม็ตในรูปแบบที่เป็นแผ่นไม่ว่าจะเป็นดีวีดีหรือแม้แต่แผ่นบูลเรย์
กำลังจะถูกไฟล์หนังเข้ามาแทนที่อีกไม่นานนี้ เราคงเห็นแผ่นบูลเรย์ลดราคาขายลงเพื่อความอยู่รอดปลอดภัย
คุณสมบัติของทีวีLGนี้สามารถรองรับไฟล์หนังได้แทบทุกรูปแบบโดยไม่ต้องใช้เครื่องเล่นHDมาต่อเล่นเลยครับ
แค่เอาHard Disk มาต่อ(มีช่องต่อUSBมาให้พร้อมทั้งโปรแกรมเล่นไฟล์)เท่านั้นก็เล่นไฟล์หนังได้เลย
เล่นได้ทั้งไฟล์MKV หรือไฟล์Full Rip(บูลเรย์ไฟล์)ราคาเครื่องทีวีก็ไม่แพงด้วยราคาเท่ากับทีวีLCDทั่วๆไป
ถ้าจำไม่ผิดสี่สิบกว่านิ้วสามหมื่นกว่าบาท  นี่แสดงว่าการเล่นไฟล์เป็นที่ยอมรับกันแล้วไม่งั้นยักษ์ใหญ่แห่งวงการ
คงไม่ลงมาเล่นด้วยหรอกครับ ซีดีก็เหมือนกันเวลานี้ยอดขายโดยรวมลดลงอย่างต่อเนื่อง นี่ขนาดฟอร์แม็ตผู้มาใหม่อย่างบูลเรย์
กำลังจะถูกท้าทายกับเทคโนโลยี่รูปแบบของตัวเองฝ่าด่านแรกเอาชนะHD DVDไปได้แต่ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก
ยกแรกได้เริ่มขึ้นแล้วโปรดติดตามยกที่สองต่อไป

์
 

ผมเป็นสมาชิกทั้งชมรมฟังเพลง และชมรมเครื่องเสียง เร็วๆนี้ก้ไป post กระทู้เรื่องเดียวกันในกระทู้เพื่อนบ้าน และมีกิจกรรมเล็กๆเรื่อง when 24 bit meet CD and vinyl ก็ขออนุญาตลง link ให้ทราบความเคลื่อนไหวนี้ด้วย (คุณอั๋นทราบแล้ว)

http://www.goodsoundhub.com/forum/index.php?topic=552.0

ว่าแต่พี่อั๋นครับถ้า blu-ray ตายไปแล้วเราจะเอาไฟล์ blu-ray ที่ไหนดูกันครับ หรือเขาจะขายหนังการทางออนไลน์ ผมว่าอนาคตการขายหนังการทางออนไลน์ผมว่ามันยังไม่น่าเวิร์คไม่น่าเหมือนเพลงเพราะกลุ่มเป้าหมายเล็กกว่าหนัง แต่ ผมก็ดูไม่ออกจริงๆว่า blu-ray มันจะไปรอดไหม เลยพยายามอุดหนุน blu-ray บ้างเท่าี่ที่พอซื้อได้ :D

บูลเรย์ไม่ตายหรอกครับแต่ราคาแผ่นจะต้องถูกลง ชัยชนะของบูลเรย์ต่อHD-DVDนั้นมันก็เหมือนSONYกำลังโดนย้อนศร
เข้ากับตัวเองบ้าง ผมถึงบอกว่านี่เป็นเพียงแค่ยกแรกเท่านั้น

ผมขอขอบคุณคุณอั๋นมาก ที่เอื้อเฟื้อเรื่อง Files และ ให้ยืมสาย Coax ด้วย นอกเหนือจาก DAC Ayre ที่ให้ยืมก่อนหน้านี้

   ผมคิดว่าผมแก้ปัญหา เรื่อง USB-Coax ได้แล้ว

  วิธีแรก ใช้ USB-Coax สำเร็จรูปที่มีขาย แต่ราคาจะสูงหน่อย ประมาณ 5000-15000 บาท ร้าน Discoveryhifi  มีขาย (ผมยังไม่มี)
  วิธีที่สองใช้ External Soundcard เช่น Creative Extigy แต่เอาช่อง Output Coax Digital ไปใช้ (ผมมีอยู่แล้ว 2 ตัว)
   วิธีที่สาม ต่อจาก PC โดยตรงจาก Mainbaord  จาก Soundcard บน Mainboard (ต้องบัดกรี ยุ่งยาก)
   วิธีที่สี่ ต่อจาก Soundcard Internal ช่อง  Coax  เช่น Asus Xonar (ผมมีอยู่แล้ว 1 ตัว)

   ผมไม่แน่ใจว่าต่อจากช่อง Soundcard  จะมีเสียงรบกวนเยอะไหม คิดว่าคงต้องลองต่อจริงๆ ก็น่าจะได้คำตอบ

ขอให้เสียหายน้อยที่สุดนะครับ และหวังว่าคงมีประกัน ซึ่งน่า่จะช่วยได้มากเลย.. :(

มีครับพี่ ขอบคุณครับ แต่ไม่มีประกันความรู้สึกนี่สิครับ แย่จัง ว่าแล้ว มาคิดค้น ผลิตภัณฑ์ใหม่ ประกันจิตใจกันดีกว่า :D

ยุคของซีดีจะหมดไปไหม? ผมว่าซีดียังโลดแล่นไปได้อีกนานครับ
แต่ถ้าใช้คำว่า ยุคทองของซีดีจะหมดไป อันนี้ผมว่าเป็นจริงครับเพราะต่อไปจะเกิดฟอร์แมททดแทนแน่นอน
อย่างปัจจุบันที่บรรดาผู้ผลิตเครื่องเสียงต่างพากันผลิต DAC ออกมาเพื่อรองรับการฟังเพลงจากไฟล์ mp3 มากขึ้นทุกวัน
จากตอนแรกที่เคยดูแคลนกันว่าเสียงบี้แบนไร้มิติฟังไม่ได้เรื่อง ตอนนี้กลับเริ่มเป็นที่ยอมรับและได้รับนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
ก็มีการปรับตัวไปนะครับ ทั้งคนฟังและผู้ผลิต

ที่หมดยุคและตายจริงๆคือ cassette ครับ

ยังไม่สนิทครับ ผมไปเดินร้านซีดี ยังมีเทปขายอยู่บ้าง แม้จะน้อยนิดเต็มทีก็ตาม :D

ในสต๊อคของผมก็กองตากฝุ่นไว้อยู่เหมือนกันครับพี่ แต่ปวดหัวอีกเหมือนเดิมคือ ไม่มีเครื่องจะเล่นครับ เครื่องใหม่ก็ไม่มีขายแล้ว

พอจะหาเครื่องมือสองมาใช้ ก็โดนช่างซ่อมเจ้าประจำขู่ไว้ว่าดูดีๆนะ ซื้อมาดูของที่มันหาอะไหล่สายพาน ลูกยางเปลี่ยนได้แน่ๆ
ถ้าไม่มีน้าเปลี่ยนให้ไม่ได้นะเฟ้ย...... เศร้าครับ :P

TEAC V-1010 ของผมเคยเสียเพราะความที่ไม่ค่อยได้เล่น และเคยยกไปให้ กมลสุโกสล อิเล็คทริค (ตัวแทนจำหน่าย) เซอร์วิสให้หนหนึ่ง ทุกวันนี้แม้ไม่ได้ใช้งานแล้ว แต่ก็ยังเก็บไว้อยู่ครับ

(http://i321.photobucket.com/albums/nn367/paiboonp/023-1.jpg)

อย่ายกให้ซาเล้งนะครับ ยกให้ผมดีกว่า ผมยังเปิดเล่นอยู่ครับ ขอบคุณล่วงหน้าเลย :D

เคยจีบขอแซะจากเพื่อนครับ เจ้าตัวไม่ได้ใช้งานแล้ว จำไม่ได้ว่ารุ่นนี้รึเปล่าเสียงดีทีเดียวครับ ทราบว่ายังใช้งานได้อยู่
ก็เลยลองถามดูว่าขายมั้ยขอซื้อมาใช้งานเถอะนะ  ดีกว่าวางไว้เฉยๆ
เพื่อนบอกว่าขอกลับไปถามพ่อก่อนว่าจะขายให้เท่าไหร่เพราะพ่อเป็นคนซื้อ แล้วก็เงียบไปเลย สรุปว่าอดครับ :P

ขอหาเครื่องเล่นให้สุดทางก่อนนะครับพี่ ถ้าต้องจำนนจริงๆ จะคัดไว้ให้ครับ
แต่ก่อนคิดเสมอว่าแผ่นเสียงเป็นเรื่องไกลตัว ไหนจะเครื่อง ไหนจะแผ่น จะไปหามาจากไหน
แต่ตรงกันข้าม ทั้งแผ่น และ turntable มีให้ซื้อเป็นตัน แต่เทปหาเครื่องเล่นไม่ได้ :D

(http://www.uppicfree.com/images/592_SANY4850.jpg) (http://www.uppicfree.com/view-592_SANY4850.jpg)

  เครื่องเล่นเทปมือสองรวมทั้งอะไหล่ ผมว่าไม่น่าหายากนะครับ ลองดูยี่ห้อที่ดีๆคนใช้เยอะๆ
  เช่น เทียค เทคนิค ราคาไม่แพง 2-3 พันก็คุณภาพดีแล้ว

  ผมเคยคุยกับคนขายเทป-ซีดี เขาบอกว่าคนที่มาซื้อเทปคือพวกที่นำไปเปิดในรถยนต์ซึ่งยัง
  ไม่ได้เปลี่ยนเครื่องเล่นเป็นซีดี ส่วนพวกที่ซื้อไปฟังที่บ้านไม่มีแล้ว

  อีกพวกที่ยังเล่นเทปอยู่คือพวกที่เล่นเครื่องเสียงรุ่นเก่าๆย้อนยุค พวกนี้จะชอบอะไรที่ดูคลาสสิค
  และให้เสียงที่ตรงกันข้ามกับดิจิตอล

ไปเห็นคุณหมอที่อยู่บ้านใกล้เคียงกันแกมีเดคเทปของ NAD วางตากฝุ่นไว้ไม่ได้ใช้
เดี๋ยวจะหาเรื่องไปตรวจแล้วลองเลียบๆเคียงๆขอแซะมาใช้ครับ ;D

ลักษณะการใช้งานเหมือนกับที่ผมทำอยู่ปัจจุบันครับคือ ฟังในรถไม่ยอมเปลี่ยนเป็นเครื่องเล่นซีดี
แต่เครื่องเล่นเทปในรถยนต์ก็มีอันเป็นไปปีที่แล้ว เลยไม่ได้เปิดเทปฟังอีกเลยครับ :(

ยุดของซีดียังไม่หมดไป   แต่ต้องหนีตายครับไม่ใช่ตัวแผ่นซีดีนะครับแต่เป็นเครื่องเล่นซีดีแทน ในเวลานี้เครื่องเล่นซีดียุดใหม่จะเน้น
การเล่นไฟล์เพลงได้ด้วยคือจะมีช่องต่อสัญญาณขาเข้าจะภายนอก(ตามปกติจะมีแต่ช่องสัญญาณขาออกเท่านั้นอาจจะมีขาเข้าบ้างแต่น้อยเครื่องมาก)
ที่เป็นขั้วต่อUSB เพื่อใช้รับส่งต่อสัญญาณจากภายนอก(เครื่องPC)เข้ามาใช้DAC ภายในเครื่องเล่นซีดีได้เลยตอนนี้มีหลายๆยี่ห้อแล้ว สามารถใช้งาน
ทั้งเล่นซีดีและไฟล์เพลง24/96khzได้ทั้งสองอย่างเลยครับ ล่าสุดเห็นมีเครื่องเล่นซีดีของยี่ห้อAudiolab รุ่น8200CD เป็นเครื่องเล่นซีดีใช้งานได้
ทั้งแผ่นทั้งไฟล์ วิธีแบบนี้เป็นการเปิดทางเลือกไว้ให้กับคนที่ยังรักการเล่นแผ่นอยู่แต่ก็อยากเล่นไฟล์เพลงด้วย

+1 จากที่เห็นโฆษณาตามหนังสือเครื่องเสียง แนวโน้มก็คงจะเป็นอย่างที่คุณอั๋น501กล่าวไว้ครับ

 อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ ผมว่าเทปจะให้เสียงที่นิ่มนวล ติดทึบๆหน่อยรายละเอียดไม่มาก
 เหมือนแผ่นเสียง และเสียงไม่สดใสเท่าซีดี (ยกเว้นเทปโครเมี่ยมหรือโลหะ) ประกอบกับลักษณะ
 เครื่องของแนดเน้นนุ่มนวล ไม่ใสกระจ่าง เล่นเทปแล้วเสียงออกทึบๆไปหน่อย
 น่าจะเล่นเครื่องของทางญี่ปุ่นมากกว่า ผมว่าเทียคให้ความคุ้มค่าที่สุด ทั้งราคา คุณภาพ ความทนทาน
 

ป่านนี้แล้วคงไม่มีทางเลือกมากแล้วกระมังครับ :D

ผมเองก็เคยทำมาหากินกับเทปมาก่อน เข้าใจคนที่เคยเล่นเทปมีความชื่นชอบเก็บสะสมเหมือนกับการสะสมแผ่นเสียงหรือซีดี
แต่ถ้าถามผมถึงเรื่องคุณภาพเสียงของเทปนั้น  เราต้องยอมรับความจริงว่าเทปนั้นคุณภาพเสียงของมันสู้กับซีดี,แผ่นเสียงหรือฟอร์แม็ตยุดใหม่ไม่ได้
คนที่ยังรักและเก็บสะสมเทปอยู่น่าจะเก็บเทปไว้เป็นที่รำลึกถึงความหลังเก่าๆเสียมากกว่า  ตัวผมเองขนาดมีอดีตกับเทปที่หลายๆคนชื่นชอบและเก็บ
สะสมเทปที่ผมเคยทำไว้มากมาย  แต่ผมเองกลับไม่มีเทปที่ตัวเองเคยทำไว้สักม้วนเวลาเห็นเทปของผมที่ใครมีไว้หรือวางขายกันตามร้านเทปเก่า
เห็นแล้วดีใจมาก  มีอยู่ครั้งหนึ่งผมไปเดินดูพวกขายเทปและแผ่นเสียงซีดีของเก่าไปหยุดดูอยู่ร้านหนึ่งมีเทปเก่าขายมากมาย  มีเทปของผมวางขาย
อยู่ด้วยเพียบเลยสภาพดีมาก  ผมเลยลองถามราคาดูเจ้าของร้านบอกราคา 30 บาทต่อม้วนแถมชื่นชมเทปยี่ห้อนี้ว่าเป็นของสะสมหายากให้ผมซื้อเก็บไว้
เล่นเอาผมปลื้มไปเลย ยังคิดอยู่สมัยก่อนคงมีคนชื่นชอบเทปผมมากเหมือนกัน

ผมเป็นคนหนึ่งล่ะครับที่ชอบเทป 501 ของคุณอั๋น501 :D

ขอบคุณมากเลยครับที่คุณปิศาจลายคราม ชอบเทป501

ผมก็ชื่นชอบเช่นกันครับ ช่วงหลังมานี่ผมเริ่มนำเทปมาเปิดฟังอีกครั้ง นึกถึงความหลังที่เคยเล่นเทปบางม้วนกลับไปมาหลายสิบเที่ยวก่อนที่จะเปลี่ยนไปเล่นม้่วนอื่น

ผมคิดว่าทั้งเทป ซีดี แผ่นเสียง ไฟล์ ต่างก็มีข้อดี ข้อเสีย ทั้งนั้นครับ

ผมยกตัวอย่างข้อดีของเทปบางข้อให้ฟังนะครับ อย่างบู๊ทเลกบางชุดของ 501 ชาตินี้ ผมอาจจะไม่มีโอกาสได้ฟังเสียด้วยซ้ำ หากไม่ได้ถูกทำออกมาขาย หรือเทปเพลงบางม้วนโดยเฉพาะเพลงไทย หาแผ่นเสียงสภาพดีได้ยากมากๆ และซีดีที่นำกลับมาทำใหม่ ก็มีคุณภาพเสียงสู้เทปที่ออกยุคนั้นไม่ได้ด้วยซ้ำไปครับ :D

ในยุคนั้น คุณอั๋น501ไปหาแผ่นเสียง bootleg มาจากไหนหรือครับ? เห็นออกเป็นเทปมามากมายเหลือเกิน

สมัยก่อนการหาซื้อแผ่นเสียงนั้นไม่ได้หาซื้อง่ายๆอย่างยุดนี้  อินเตอร์เน็ทยังไม่เกิดการซื้อหาอะไรมันช่างยากเย็นมาก จะซื้อแผ่นเสียงร้านขายแผ่น
ก็มีไม่มากนัก ศิลปินที่สร้างงานดีๆที่ไม่มีใครรู้จักก็หาซื้อไม่ได้  คนที่มีเพื่อนหรือญาติพี่น้องอยู่เมืองนอกอาจจะได้เปรียบฝากซื้อหากันได้  ผมก็เป็น
คนหนึ่งที่มีเพื่อนและพี่ชายอาศัยอยู่เมืองนอก ก็เลยอาศัยวิธีนี้ฝากซื้อแผ่นเสียงแล้วส่งมาให้  แต่ก็อีกถ้าเพื่อนหรือญาติไม่มีความรู้ในเรื่องเพลง
หรือไม่ได้เป็นคนที่ชอบฟังเพลงแนวดนตรีแบบพวกเราก็จะลำบากหน่ิอย บังเอิญเพื่อนผมและพี่ชายชอบดนตรีอย่างเดียวกับผมและเล่นแผ่นเสียงด้วย
เลยสบายไป  เพื่อนผมเป็นคนที่หาแผ่นเสียงเก่งมากเขาตามหาซื้อพวกแผ่นบู๊ทเลกจากร้านขายประจำหรือเพื่อนฝรั่งที่เขารู้จักพาไปหาตามแหล่งขาย
แผ่นบู๊ทเลกจากที่ต่างๆ แล้วผมใช้วิธีติดต่อทางโทร.คุยเป็นประจำถ้าผมอยากได้ชุดอะไรก็จะต้องกะเวลาว่าเขาจะอยู่บ้านช่วงไหนเพราะเวลามันต่างกัน
พอได้แหล่งซื้อแผ่นบู๊ทเลกแล้วก็ง่ายแล้วครับ

ยังอยู่ไหมครับ เพื่อนคนนี้ครับ
แล้วแผ่นเสียงสมัยนั้น ไปอยู่ไหนแล้วครับ

เพื่อนผมไม่ได้อยู่เมืองนอกแล้วครับ และแผ่นเสียงของผมได้ให้(ฟรี)คุณโป่งไปหมดแล้วครับ

ผมได้นำบางส่วนมาเฉลยในกระทู้เทปบู้ทเล็คแล้วงัยล่ะครับ ถ้ามีใครอยากทราบรายละเอียดเรื่องเทปม้วนไหน
ก็เข้าไปในกระทู้และถามผมหรือคุณอั๋น501มาได้เลยครับ ไม่ขัดข้อง...

http://www.thaiprog.net/webboard/index.php?topic=2801.135

นึกว่าใครที่ไหน -- ก็คนแถวนี้นี่เอง
คุณอั๋น501ให้ถูกคนแล้วครับ :D

ผมว่าแผ่นซีดีคงไม่หมดไปหรอกครับ คงจะอยุ่ในสภาพเหมือนแผ่นเสียงทุกวันนี้ (กรรมสนองกรรม)...

แต่ว่า คนซื้อ เงินจะหมดก่อนนะครับ เพราะว่า ถ้ายังอยากเก็บทุกฟอร์แม็ตท์ก็ต้องซื้ออัลบั้มนึงถึงอย่างน้อยสามครั้ง (ไม่นับแผ่นซิงเกิ้ล)
เนื่องจากว่า ในอนาคต อัลบั้มที่เป็นไฟล์ คงจะมี เพลงแถม มากกว่าแผ่นซีดี หรือไม่ก็ทั้ง LP, CD, และ ไฟล์ อาจบรรจุเพลงแถมที่แตก
ต่างกันไป

คิดแล้วก็เหมือนกับผมเคยผ่านมาแล้ว...นี่กำลังจะต้องเดินผ่านอีกครั้งเชียวหรือ...เวลามันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน  :(  :(  :(

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมากครับพี่ deja vu
ความจริงผมก็ประทับใจในคุณภาพเสียงที่หนักแน่นและความทนทานของ Teac มากพอดู
แต่ยังไม่เจอเนื้อคู่ซักที พยายามหาต่อไปเรื่อยๆครับ

ตอนนี้ผมก็เริ่มฟังเทป กับ MD บ่อยขึ้นครับ บ่อยกว่าแผ่นเสียงและcdครับ
เริ่มต้องการใช้ของที่มีอยู่ให้คุ้มที่สุดแล้วล่ัะครับผม

จริงครับน้า เสียเงินแล้วต้องใช้ให้คุ้มค่า
ช่วงนี้จากที่ฟังไฟล์ mp3 ที่ rip เอาไว้ในคอมพิวเตอร์ ผมก็เริ่มรื้อซีดีในกล่องออกมาเปิดฟังมากขึ้นครับ

ผมถือว่าโชคดีมากครับ ที่ไรท์ และ ripไม่ค่อยเป็น(ตอนนี้เริ่มเป็นบ้าง ^^)
เลยต้องใช้แผ่นจริงเปิดตลอดไม่เว้นแม้แต่ในรถครับ

แต่โชคร้ายคือ เสียดายแผ่น ที่มันมีรอยบ้างน่ะครับ (น่าจะไรท์เป็นตั้งนานแล้ว จะได้เก็บแผ่นจริงเอาไว้ครับ)

เป็นช่วงหนึ่งที่ผมดันไปเรียนรู้วิธี rip ไฟล์ mp3 เพราะได้ของขวัญชิิ้นนึงเป็นเครื่องเล่น mp3
ก็เลยเอาแผ่นที่มีมาแแปลงไฟล์ไว้ใช้กับเครื่องเล่นแล้วก็ห่อแผ่นเก็บเหมือนเดิม ด้วยความไม่อยากให้แผ่นช้ำน่ะครับ
ฟังเพลงจาก mp3 มาระยะหนึ่งเลยทีเดียว เพิ่งมาขยับขยายช่วงที่อยากฟังแผ่นเสียงนี่เองครับ

ทีนี้เรื่องบ้าๆที่เกิดตามมาก็คือ เวลาวินโดว์มีปัญหา เมื่อก่อนผมยังไม่มี external harddisk ไว้สำหรับสำรองไฟล์เนื่องจากราคายังสูงไม่กล้าจ่าย
ไฟล์เพลงก็เลยหายไปกับการ format เครื่องเป็นประจำ หลังจากที่ทุกอย่างราบพนาสูญไปแล้ว พี่ชายผมก็จะมีหน้าที่
เอาซีดีทุกแผ่นที่มีมานั่ง rip ใหม่ หน้ามืดเลยครับ 55555

อ้างจาก: deja vu ที่ 18 ตุลาคม 2010 | 11:04:08 am
อ้างจาก: blueframe ที่ 18 ตุลาคม 2010 | 10:41:16 am
ไปเห็นคุณหมอที่อยู่บ้านใกล้เคียงกันแกมีเดคเทปของ NAD วางตากฝุ่นไว้ไม่ได้ใช้
เดี๋ยวจะหาเรื่องไปตรวจแล้วลองเลียบๆเคียงๆขอแซะมาใช้ครับ ยิงฟันยิ้ม

 อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ ผมว่าเทปจะให้เสียงที่นิ่มนวล ติดทึบๆหน่อยรายละเอียดไม่มาก
 เหมือนแผ่นเสียง และเสียงไม่สดใสเท่าซีดี (ยกเว้นเทปโครเมี่ยมหรือโลหะ) ประกอบกับลักษณะ
 เครื่องของแนดเน้นนุ่มนวล ไม่ใสกระจ่าง เล่นเทปแล้วเสียงออกทึบๆไปหน่อย
 น่าจะเล่นเครื่องของทางญี่ปุ่นมากกว่า ผมว่าเทียคให้ความคุ้มค่าที่สุด ทั้งราคา คุณภาพ ความทนทาน
 

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมากครับพี่ deja vu
ความจริงผมก็ประทับใจในคุณภาพเสียงที่หนักแน่นและความทนทานของ Teac มากพอดู
แต่ยังไม่เจอเนื้อคู่ซักที พยายามหาต่อไปเรื่อยๆครับ

ขอเอาใจช่วยคุณ blueframe ให้หาเจอเนื้อคู่ที่ชื่อ TEAC ให้เจอในเร็ววันครับ :D

รายงานความคืบหน้าเรื่องเนื้อคู่ครับ บางทีก็มาแบบไม่คาดฝัน อยู่แค่ปลายจมูกกลับมองไม่เห็น
ร้านแถวบ้านผมที่เพิ่งไปได้สายลำโพง canare มา เค้าสั่งเครื่องเล่นของ Teac มาขาย
เป็นแบบเดคคู่ เดาว่าน่าจะเป็นรุ่นล่างๆ ยังไม่ได้ขอดูตัว เป็นของใหม่แต่ราคาใช้ได้เลยครับ
กะว่าปิดงบเครื่องเล่นซีดีแล้วก็จะไปสู่ขอครับ
เจ้าของร้านแกบอกว่าถ้าอยากได้รุ่นใหญ่กว่านี้เดี๋ยวมีมือสองมาสภาพดีๆจะเก็บไว้ให้ดูก่อน ชอบใจก็ยกไปเลย
ถ้าไม่ชอบค่อยเอาของที่มีอยู่ในสต๊อคแกไปครับ;D

เครื่องเล่นซีดีที่เราคุ้นเคยคำว่า CD Player นั้นคงจะไม่ได้เห็นคำนี้อีกต่อไปแล้ว  เพราะเครื่องซีดีรุ่นใหม่ๆจะเลี่ยงใช้คำว่าCD Playerแล้วครับ
เราจะได้เห็นคำลักษณะแบบนี้แทน DAC/CD Transport & Player แสดงว่าเกิดอะไรขึ้นกับซีดีการเปลี่ยนแปลงเป็นสัจจะธรรมครับ

  ถ้าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เทปคู่ ผมว่าใช้เทปเดี่ยวดีกว่าครับ
  ในราคาเท่าๆกันเทปเดี่ยวคุณภาพเสียงดีกว่าครับ  ;D

+1 ถ้าต้องการเอาไว้ฟังเพลงเฉย ๆ ไม่มีการถ่ายเทป ผมว่า deck แบบหลุมเดียวจะดีกว่า และถ้าเป็น TEAC ก็ควรจะมองหาแบบสามหัวเทป จะยิ่งดีใหญ่เลยครับ

ต้องลองไปเช็คดูอีกครั้งครับ เพราะกว่าจะหาเครื่องเล่นใหม่แกะกล่องได้นี่ก็เข็ญใจเหลือเกิน ถ้ายังมีร้านสั่งให้ได้เดี๋ยวจะจัดมาครับ
ทราบเจตนาที่ร้านสั่งแบบเดคคู่มาขายเพราะยังมีหน่วยราชการบางที่ยังใช้การบันทึกการประชุมแบบอัดเทปไว้
จึงได้สั่งมาสต๊อคไว้และยังคงมีขายอยู่ครับ เดี๋ยวจะลองไปดูว่ามีแบบเดคเดี่ยวหรือไม่ครับ ;D

 
  น่าจะลองมือสองนะครับเพราะเทปมือสองราคาตกลงมาก TEAC 3010 มือสองราคา 2-3000 บาท(ของใหม่15,000)
  เพื่อนเคยได้รุ่น 6030 (หน้าทอง) จากตลาดนัดมาราคา 2,000 กว่าบาทเอง
 

โอ้ว... เยี่ยมมาก :o
โอกาสย่อมเป็นของผู้เสาะแสวงหาเสมอ :D
ถ้าได้ TEAC V-3010 ในราคาที่ว่ามานี้ก็จบเลยครับ แม้จะต้องเสียเงินเพื่อ service อีกสักหน่อยก็ยังถือว่าคุ้มครับ

ถ้าจะเล่นเครื่องเล่นเทปหาซื้อเครื่องเล่นซีดีมือสองดีๆมาเล่นดีกว่าครับ   ผมยังหาข้อดีของเทปไม่ได้เลยครับเรื่องคุณภาพเสียงก็ไม่ดี
เพราะเทปทุกม้วนที่เราฟังต้องอัดต้นฉบับมาจากฟอร์แม็ตอื่นเช่นอัดมาจากแผ่นเสียงหรือซีดีเป็นต้น ผมยังคิดไม่ออกเลยครับว่าเราจะซื้อเครื่องเล่นเทป
มาฟังอะไรในเมื่อซีดีก็มีให้ฟังหรือแผ่นเสียงก็ยังมีให้ฟังแถมยังมีฟอร์แม็ตอื่นๆที่ดีกว่าเทปมากมายให้ฟัง จะซื้อมาเก็บสะสมก็ใช่ที่ราคาในอนาคต
ไม่มีค่าอะไรอยู่แล้วตัวม้วนเทปเองก็มีอายุการใช้งานถึงเวลาก็เสีย  เครื่องเล่นเองนับวันก็หาอะไหล่มาซ่อมไม่ได้ถ้าเสียมีแต่ทิ้งเราต้องไม่ลืม
ว่าเทปเป็นฟอร์แม็ตที่ตายแล้วครับไม่มีการพัฒนาอะไรอีกแล้ว ขนาดซีดีกำลังหนีตายอยู่นี่ทั้งๆที่เป็นเป็นดิจิตอล ที่ผมบอกกล่าวมานี่ไม่ใช่จะมาขัดคอ
แต่มันเป็นเรื่องจริงครับ

คุณอั๋น501พูดจริงทุกอย่าง แต่บางครั้งใจคนเรามันรักที่จะเล่นอย่างนั้น เราก็คงทำได้แค่เพียงแนะนำ แม้ผมเองก็ยังไม่ยอมทิ้งเทปคาสเสทเลย เพราะไปเดินเล่นตลาดนัด เจอเทปตลกเก่า ๆ ที่เอามาวางขาย ผมก็จะซื้อมาไว้ฟังแก้เซ็งครับ :D

เข้าใจ และเห็นด้วยกับความคิดเห็นของพี่อั๋นครับ ซีดีเป็นฟอร์แมทที่สะดวกใช้งานที่สุดในขณะนี้
ผมเองก็ชอบซีดีมากทั้งในเรื่องคุณภาพเสียงและความสะดวกสบายครับ

แต่ขณะนี้ผมเพียงแค่อยากได้เครื่องเล่นเทปมาเพื่อนำคาสเซ็ทท์ที่มีอยู่มาเปิดใช้งานไม่ให้มันเสียเปล่าเท่านั้นเองครับ
ไม่ได้คำนึงถึงความคลาสสิคของเทป เพราะแผ่นเสียงเจ๋งกว่าเยอะในความคิดของผม
จึงไม่มีความปรารถนาจะหาม้วนเทปมาสะสมอีกเพราะที่มีอยู่ก็มากพอแล้วครับ ฟังหมุนเวียนได้ทั้งปี

เมื่อก่อนตามประสาของวัยรุ่นทุนทรัพย์น้อย ยังไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง
และไม่ได้คิดเผื่ออนาคตเกี่ยวกับเรื่องฟอร์แมทในการใช้งานเลย อยู่ต่างจังหวัดเลือกมากไม่ได้จริงๆครับ
มีอะไรก็ต้องฉวยคว้าเอาไว้ก่อน มีมาให้ซื้อฟังก็ดีใจตายแล้ว
เมื่อก่อน สมมุติมีเงินห้าร้อยบาทซื้อซีดีได้หนึ่งแผ่น
แต่ซื้อเทปได้ห้าม้วน เครื่องเล่นซีดีก็ไม่มี ก็ต้องเลือกซื้อเทปไว้ก่อนแหละครับ
ถ้าคิดได้ผมคงไม่เน้นปริมาณ สนใจแต่คุณภาพตอนนี้ก็คงสบายแล้ว ไม่ต้องมานั่งไล่ตามซื้อซีดีอีกรอบ

จนปัจจุบันต้องมาไล่ตามซื้อซีดีอัลบัมที่มีแต่เทปมาฟัง ซึ่งมันก็เยอะแยะมากมายต้องใช้เงินและเวลาในการตามหา
จึงเกิดความคิดว่าเมื่อของมีอยู่  เทปที่กองๆอยู่นี่ก็เสียเงินซื้อทั้งนั้น ยังหามาแทนไม่ได้ก็ควรจะใช้ให้คุ้มค่า
ผมจึงคิดจะหาเครื่องเล่นเทปมาใช้อีกครั้งครับ

ผมเข้าใจคนที่ยังมีเทปสะสมไว้อยู่เพราะเมื่อสมัยก่อนไม่มีทางเลือกให้ฟังมากนัก เทปจึงเป็นฟอร์แม็ตที่พวกเราใช้พึ่งพิงฟังกัน
ทั้งราคาก็ถูกหาซื้อได้ง่ายเป็นอะไรที่เอื้ออำนวยมากสำหรับการเล่นเทป  ผมมีมุมมองอาจจะแตกต่างกับคนอื่นๆกับฟอร์แม็ตที่ตายแล้ว
ไม่ใช่แต่เทปอย่างเดียวฟอร์แม็ตอื่นๆอย่างเช่นเลเซอร์ดีสก์หรือวีดีโอเทปก็เหมือนกัน  ผมอยากให้ทำใจเลิกเล่นและมองหาฟอร์แม็ตอื่นเล่นดีกว่าครับ
ทุกวันนี้เรามีทางเลือกมากมายกับการเล่นสื่อบันเทิงในรูปแบบต่างๆ   ตัวผมเองนั้นไม่ได้สะสมแผ่นอะไรมากมายมีเท่าที่อยากฟังเท่านั้น บางชุดอาจ
จะหาฟังยากในวันนี้ก็ไม่เป็นไร ไปหาชุดอื่นๆฟังก็ได้ไม่ฟัง ไม่ตายหรอกครับมีอะไรที่จะฟังในโลกนี้อีกมากมาย  ผมถึงต้องเลือกกับเล่นฟอร์แม็ต
ที่มันสะดวกง่ายมีอนาคตและมีคุณภาพเสียงที่ดีด้วยครับ   เชื่อไหมครับถ้าผมต้องการจะสะสมอัลบั้มซัก3-4 หมื่นอัลบั้มนั้นในวันนี้ง่ายมากครับ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมว่ามีแค่ซัก2-3000อัลบั้มก็ยากมากแล้วครับ  ที่เอาเรื่องนี้มาบอกกล่าวกันก็เป็นวิธีเล่นกับสื่อบันเทิงที่เราเลือกเล่นกับมันได้ครับ


 

ผมชอบฟังตลกของไทยม้วนเก่าๆ มากครับ คุณปีศาจฯ มีเยอะมั้ยครับ ?
วันนี้ช่วยนำมาให้ผมยืมฟังหน่อยได้มั้ยครับ ?

ใช่ครับ เพลง 3-4 หมื่นอัลบั้ม สมัยนี้มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะเก็บอีกต่อไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงคนเราทั่วไปจะฟังอะไรกันมากมายขนาดนั้นครับ? บางคนแค่ 200-300 อัลบั้มก็ยังฟังไม่หมดเลย บางคนเก็บสะสมแผ่นเสียงไว้นับเป็นพัน ๆ อัลบั้ม แต่ได้ฟังจริง ๆ ไม่กี่ร้อยอัลบั้มเอง นอกนั้นก็ซื้อมาเก็บอย่างเดียว (ถ้าเก็บไว้โดยที่ไม่ได้ฟัง แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรครับ เกะกะบ้านเปล่า ๆ)
ผมทราบว่า music server มีพื้นที่จุเพลงได้นับเป็นหมื่น ๆ ชุด แต่มันจะเป็นการ "ขี่ช้างจับต๊กแตน" หรือเปล่าครับ ถ้าเราจะฟังเพลงหรือเก็บเพลงที่เราชอบจริง ๆ ไว้เพียงไม่กี่ชุดเท่านั้น

ขอโทษจริง ๆ ครับพี่ เทปพวกนี้มันติดไปกับน้องสาวของผมตอนที่เธอได้ย้ายบ้านออกไปแล้ว :(
แต่ไม่เป็นไรครับ เย็นนี้ผมไปเล่นตลกให้พี่ดูก็ได้ ;D
ถ้าเล่นให้พี่ดูแล้วก็ช่วยขำหน่อยนะครับ ;D

เออ...อ...อ  อย่างนี้พอทดแทนกันได้ครับ.

เรื่องเทปตลก เดี๋ยวผมจะลองไปถามน้องสาวให้ว่ายังเก็บไว้อยู่หรือเปล่า และจะลองค้นดูที่บ้านให้อีกว่ามันซุกอยู่มุมไหนของบ้านบ้าง ถ้าเจอกันคราวหน้าจะเอาไปฝากพี่ครับ

ขอบคุณครับ.

ยังมีงานเพลงอีกไม่น้อย ( เพลงไทย ) ครับที่ยังไม่มี HD CD LP สภาพดีๆ กรณีนี้ Cassette ให้เสียงที่ดีที่สุดแล้วครับพี่ :D

  เวลามีงานมีตติ้งหรือพบปะสังสรรค์กันโดยเฉพาะพวกกลุ่มสว.
  ลองอัดเสียงไว้ซิครับ คงพอทดแทนกันได้   ;D

  + 1 ครับ หลายชุดหาจากซีดีหรือแผ่นเสียงไม่ได้เลย ยิ่งเป็นไฟล์ 24 บิทแล้วไม่ต้องพูดถึง 

  ผมมองว่าการเล่นเทปเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศการฟังไปด้วย ทั้งลักษณะเสียงและรูปร่างหน้าตา
  ของเครื่องเล่น  เหมือนเราไม่จำเป็นต้องไปทานอาหารในร้านดีๆทุกครั้งอาจเป็นร้านตามฟุตบาท
  ข้างถนนบ้างก็ได้ ทำให้ชีวิตมีรสชาตยิ่งขึ้นไม่ซ้ำซากจำเจ  :D

จากนั้นก็เอามา edit หรือตัดต่อ เดี๋ยวก็กลายเป็นเทปตลกไปเองครับ ;D

พวกมุก "แป้ก" เนี่ย ไปๆ มาๆ มันทำให้เรา "ขำ" ได้เหมือนกันนะครับ.

"แป้ก" แล้วช่วยกันขำ เดี๋ยวอะไร ๆ มันก็ดีเองแหละครับ
เชื่อผมเต๊อะ ;D

แหม.. คึกคักกันใหญ่เชียวนะ
อายลูกๆบ้างเด้อ คุณพ่อ..ขา  :-[
อย่าทานศีลข้อ5 มากนักนะคะ

เอ.. นี่มันกระทู้อะไรหว่า  ???
อ้อ.. ใช่แล้วๆ
"ยุค"ของซีดี คงต้องหมดไปแน่
แต่แผ่นซีดี ยังอยู่คู่มนุษย์ ไปอีกราว 50 ถึง 100 ปีครับ
ถ้าน้ำไม่ท่วมโลกซะก่อน

ขอให้เกิน 50 ปีเถิดนะครับ เดี๋ยวจะเสียก่อนอายุขัยของผม :D

เก็บไว้ได้ชั่วอายุของผู้เป็นเจ้าของแผ่น และอายุอาจยืนยาวกว่าเจ้าของครับ
ไม่ได้โม้ แต่เคยเห็นระบุไว้เป็นหมายเหตุหลังปกแผ่นซีดีที่ออกในยุคแรก ๆ ครับ

ถูกครับยังมีเพลงดีๆอีกมากมาย ไม่ใช่แต่กับเพลงไทยหรอกครับ  ที่ฟอร์แม็ตอย่างHi-Res.,CDหรือแผ่นเสียงที่ผมเราหาฟังกันไม่ได้อาจจะหาฟังได้
จากเทปหรืออะไรก็ตามที่หาฟังยาก   ก็จะเป็นอย่างที่ผมบอกไม่เห็นต้องฟังเลยครับ ยังมีเพลงดีๆอีกมากมายเช่นกันที่เราหาฟังได้จากฟอร์แม็ตที่หา
ฟังกันแบบมีคุณภาพเสียงที่ดีในปัจจุบัน  ไม่ได้ฟังไม่ตายหรอกครับ(อกหักยังไม่ตายเลย)



ถูกต้องครับเราไม่เห็นต้องมีอัลบั้ม 3-4 หมื่นอัลบั้มหรอกครับ เราอาจจะมีแค่ที่อยากฟังไม่กี่ร้อยอัลบั้มก็ได้ ผมบอกว่าถ้าวันนี้ผมอยากจะมีอัลบั้ม
เก็บสะสมไว้ซัก 3-4 หมื่นอัลบั้มนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากผมก็มีได้  ผมถึงไม่ได้เก็บสะสมแผ่นหรือฟอร์แม็ตอะไรมากเกินความจำเป็น



อันนี้เป็นเรื่องรสนิยมของแต่ละคนครับ  ใครอยากจะเล่นกับฟอร์แม็ตอะไรก็เล่นไปเลยครับเป็นความชอบที่ทุกคนมีไม่เหมือนกันอยู่แล้วครับ
คุณเดจาวูไม่เคยสังเกตุหรือครับ   เวลาเราซื้อเครื่องเสียงมือสองทำไมเครื่องชุดที่เราซื้อเราชอบแต่กับบางคนเขากับขายทิ้งเพราะไม่ชอบ
เป็นเพราะอะไรครับ

อันนี้เป็นเรื่องรสนิยมของแต่ละคนครับ  ใครอยากจะเล่นกับฟอร์แม็ตอะไรก็เล่นไปเลยครับเป็นความชอบที่ทุกคนมีไม่เหมือนกันอยู่แล้วครับ
คุณเดจาวูไม่เคยสังเกตุหรือครับ   เวลาเราซื้อเครื่องเสียงมือสองทำไมเครื่องชุดที่เราซื้อเราชอบแต่กับบางคนเขากับขายทิ้งเพราะไม่ชอบ
เป็นเพราะอะไรครับ


[/quote]

  เพราะเขาอยากเปลี่ยนบรรยากาศในการฟังเพลงน่ะครับ  ;)

ครับพี่อั๋น ผมอยากเล่นหมดแหละครับ อีกไม่นานก็คงมี BD เล่น แล้วมาขอให้พี่ก็อปไฟล์ให้ :D

คุณโปโลตูนเล่นเทปโอเพ่นรีลแล้วยัง? เสียงเจ๋งกว่าคาสเสทตั้งเยอะแน่ะครับ :D

(http://www.audioinnovationen.de/assets/images/Revox-B-77-Side-24cm.jpg)

อันนี้พลาดไปจริงๆครับ เพราะที่บ้านเคยมี แต่ผมไม่ใส่ใจ สนใจแต่ Cassette เลยอดเลย :D

ลูกผู้ชาย พูดตรงๆ
ไม่ต้องอ้อมค้อม
เด๋วพี่เค้าจัดให้..

ไม่อ้อม ไม่แอ้ม อ้อน อย่างเดียวครับ :D

...อึม...ม...ม  อยากเล่นหมดเลย...
...แล้ว คุณโปโลตูน เล่นบท "เจ้าชู้" เป็นมั้ยครับ ?  :D

ไปๆมาๆมีบางคนกำลังคิดว่ากระแสซีดีำกำลังตีกลับ เด็กรุ่นก่อนหน้านี้ที่ชอบโหลดฟังฟรีแต่มีใจรักศิลปินจริงๆ เริ่มหันมาซื้อซีดีสะสมกันแล้ว ไดข่าวว่าร้านซีดีในเกาหลีเริ่มเปิดใหม่หลายร้าน เริ่มน่าสนุกแล้วครับว่าจะมันออกหัวหรือออกก้อย แน่นอนเสียงของซีดีสู้ไฟล์ 24 บิทไม่ได้ แต่มันอาจมีคุณค่าทางใจมากกว่าเหมือนที่หลายคนกล่าวไว้

เคยลองไปเทสต์แล้ว ไม่ผ่านครับพี่ :D

  เคยคุยกับร้านขายซีดี เขาบอกว่าวัยรุ่นที่ซื้อซีดีส่วนมากจะเป็นแฟนคลับ
  ของศิลปินคนนั้น หลายคนไม่ได้ซื้อไปฟังแต่เพื่อเก็บรูปมากกว่า รวมทั้งเพื่อ
  เอามาขอลายเซ็นด้วย

อย่างที่บอกครับพวกเขาอาจมองคุณค่าทางใจมากกว่าคุณค่าในการใช้ประโยชน์ก็ได้

ราคาซีดีมือสองศิลปินไทยรุนแรงมากครับ อย่างที่รู้กันต้องแฟนคลับหรือคนที่ชอบสะสมเท่านั้นที่จะซื้อเก็บแล้วหลังๆศิลปินก็ไม่ปั๊มออกมาขายแบบ Original ที่ออกครั้งแรกๆมาขายอีกแล้ว ซีดี first release ประเภทนี้จึงหายากมากๆ

แต่ในขณะเดียวกันบางค่ายเพลงกลับมักง่าย ทำร้ายผู้บริโภค ด้วยการทำตัว re-issue มาขาย โดยเอา art work แบบ first release มาโชว์แล้วก็ทำว่าเป็น Retro collection บ้างล่ะ หรือ long play version บ้างล่ะ แต่ภายในกลับไม่มี booklet หรือ detail ที่เป็นแบบ first release จะมีแต่ข้อมูลหยาบๆพิมพ์แจ้งเพื่อให้เครดิตเท่านั้น
ใครจะซื้อซีดี re-issue ต้องดูให้ดีๆนะครับ
ไว้ว่างๆผมจะมาเขียนด่า เอ้ย...เล่าในเวปครับ (แอบเซ็ง ซื้อมาตั้งหลายชุด)  >:(

เคยได้ยินข่าวว่ามีแฟนคลับบางคนเอาซีดีปลอมไปให้ศิลปินเซ็นหน้าปกให้ครับ

  แบบนี้ไม่รักกันจริงนี่ครับ  แต่ก็น่าเห็นใจเด็กบางคนอาจจะมีปัญหาเรื่องเงิน

  เอามาแฉเลยครับ  ผมก็พอเจอมาบ้าง แต่ส่วนมากผมจะมีรุ่นแรกๆ โชดดีไป

ถ้าเจอศิลปินโหด อาจถูกด่าหรือไม่ก็ถูกบอดี้การ์ดจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ครับ

บางคนแปลกใจที่ผมยังซื้อซีดีมาฟังอยู่ เห็นผมเล่นไฟล์แล้วทำไมถึงซื้อซีดี
ทุกวันนี้ผมก็ซื้อซีดีเป็นอยู่ตามปกติอยู่แล้ว เพราะผมไม่ได้เก็บสะสมกับฟอร์แม็ตอะไรที่มันเกินจำเป็น
ล่าสุดก็พึ่งซื้อซีดีของThe Beatles อัลบั้มรวมเพลง1962-1966/1967-1970 (ทั้งสองชุดนี้ผมมีอยู่แล้ว)
ซื้อจากร้าน TRON MUSIC สาขาThaiProg Market ขอบอกเจ้าของร้านนี้รู้จักกันเป็นร้า่นขายซีดีที่แปลกมาก
ซื้อมาแล้วขายขาดทุน ได้ข่าวว่าแกจะหาทุนไปเที่ยวเมืองนอกเพื่อนๆสมาชิกลองใช้บริการดูได้ครับ
อย่างน้อยที่ร้านนี้ซีดียังไม่ตาย

             วันก่อนผมนั่งคุยกับเพื่อนว่าจะเลือกซื้อฟร้อนต์เอ็นด์ยุดนี้ มันช่างเลือกซื้อยากมากสำหรับคนที่กำลังเล่นเครื่องเสียงว่าจะเดินไปทางไหนดี
เมื่อสมัยก่อนเอาแค่สิบกว่าปีที่ผ่านมานี้่ เรามีฟอร์แม็ตฟร้อนต์เอ็นด์ให้เลือกอยู่แค่แผ่นเสียงกับซีดีเท่านั้นการที่เราจะเลือกเล่นอะไรซักอย่าง
ไม่ใช่เรื่องยาก ใครชื่นชอบกับแผ่นเสียงก็หาซื้อเครื่องเล่นแผ่นเสียงไปหรือใครอยากจะเล่นซีดีก็หาซื้อเครื่องเล่นไปเล่น  มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
ในการจะตัดสินใจซื้อเครื่องเล่นแผ่นเสียงหรือเครื่องเล่นซีดี  แต่มาวันนี้ไม่ใช่ซักแล้วเรามีฟอร์แม็ตฟร้อนต์เอ็นด์ให้เลือกเล่นมากมายแต่ละฟอร์แม็ต
ไม่รู้จะเลือกเล่นอย่างไรแค่คิดจะซื้อก็ปวดหัวแล้วครับ  เรามาลองดูกันเล่นๆสำหรับฟอร์แม็ตต่างๆเริ่มจากฟร้อนต์เอ็นด์สำหรับฟังเพลงก่อน

              เครื่องเล่นแผ่นเสียงหรือเทอร์นเทเบิ้ล ถ้าเราจะยึดแผ่นซอฟต์แวร์แผ่นเสียงเป็นหลักนั้นต้องคิดถึงอะไรบ้างสำหรับผู้เริ่มต้นการเล่น
              เครื่องเล่นซีดี ฟอร์แม็ตนี้จากฝากอนาคตไว้ได้ไหมแล้วเราจะยึดฟอร์แม็ตนี้เป็นมาตรฐานการเล่นกับตัวเราได้หรือเปล่า
              เครื่องเล่นSACD ฟอร์แม็ตHi-Res. เรื่องคุณภาพเสียงไร้ข้อกังขาแต่เรื่องอนาคตตัวแผ่นซอฟต์แวร์ไม่รู้จะหาซื้อกันได้หรือเปล่า
              เครื่องเล่นDVD-Audio เป็นอีกฟอร์แม็ตที่เรื่องคุณภาพเสียงเทียบเคียงกับSACD แต่ชะตากรรมเหมือนกัน
              เครื่องเล่นไฟล์Hi-Res. เป็นฟอร์แม็ตของผู้มาใหม่ที่กระแสกำลังมาแรง แต่ก็ไร้สิ่งที่จับต้องได้หลายๆคนอาจจะไม่ชอบวิธีการเล่น


เห็นไหมครับแค่คิดว่าจะเลือกซื้อฟร้อนต์เอ็นด์สำหรับฟังเพลงเท่านั้นยังยุ่งยากขนาดนี้ เลือกกันไม่ถูกเลยครับสำหรับผู้ที่คิดว่ากำลังจะเริ่มเล่น
ยึดกับซอฟต์แวร์อะไรดีที่เหมาะกับตัวเรา  ขนาดผมผ่านการเล่นซอฟต์แวร์มาแทบทุกชนิดยังปวดหัวกับการเลือกเล่นฟร้อนต์เอ็นด์เลยครับ

ผมเห็นว่าเครื่องเล่นแผ่นเสียงและเครื่องเล่นซีดียังจำเป็นสำหรับผู้ที่มีหรือสะสมแผ่นเสียงหรือซีดีไว้เป็นจำนวนมาก ส่วนดิจิตอลฟอร์แมทอื่นนั้นผมไม่ทราบ แต่ไฟล์เพลง Hi-Res นี่ท่าทางจะมาแรงและทำให้คนรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงอัลบั้มเพลงต่าง ๆ เป็นจำนวนมากได้อย่างรวดเร็วและไม่ยากครับ

ประเด็นที่ผมพูดคุยกับเพื่อนผมในวันนั้นก็คือผู้ที่กำลังเริ่มต้นกับการเลือกซื้อฟร้อนต์เอ็นด์  โดยที่ยังไม่ได้มีซอฟต์แวร์อะไรเก็บสะสมไว้เลยครับ
หรืออาจจะมีบ้างเพียงเล็กน้อย  อย่างเพื่อนผมคนหนึ่งซื้อเครื่องเสียงเก็บไว้2-3 ปีแล้ว(ซื้อตอนลดราคาเห็นว่าถูก)แต่ยังไม่ได้กะกล่อง
เอาออกมาฟังเลยครับ  มีลำโพงยี่ห้อPSB กับแอมป์NAD แต่ยังไม่มีฟร้อนต์เอ็นด์เดิมเพื่อนผมใช้เครื่องเล่นดีวีดีไว้ฟังเพลงกับชุดดูหนัง  มาวันนี้อยาก
จะฟังเพลงแบบมีคุณภาพหน่อยเลยมาปรึกษาผมว่าจะเริ่มต้นฟร้อนต์เอ็นด์อย่างไรดี นี่จึงเป็นประเด็นที่ผมเอามาเล่าว่าการเลือกซื้อฟร้อนต์เอ็นด์
สำหรับเล่นในยุดนี้มันช่างเลือกยากมาก

จริงแฮะ..
นึกๆ ไป ก็น่ากลุ้มใจแทนคนฟังเพลงสมัยนี้นะครับ

เป็นผม อาจจะแนะนำให้เขาเริ่มจาก ศิลปินที่เขารักมากที่สุดก่อน
เพราะถ้าเป็นผม
ได้เจองานของศิลปินอันเป็นที่รักนี่
ผมสอยหมดทุกฟอร์แมท
เจอบนถุงกล้วยแขก ยังแกะเอามาเลย

ปล. เมื่อก่อน คนไทยบริโภคกล้วยแขก หรือกล้วยทอด
ใส่ถุงที่ทำจากกระดาษจากน.ส.พ. หรือนิตยสารเก่าๆ มาพับขาย
ทำให้รสชาติของกล้วยทอด อร่อยกว่าปัจจุบันมากๆ
เพราะได้สารก่อมะเร็งจากหมึกพิมพ์ ละลายเข้าไปผสม
เกิดความกลมกล่อมอย่างมากมาย

แต่ปัจจุบัน สารก่อมะเร็งจากเม็ดถุงก็อบแก็บ ไม่อร่อยเลยครับ แง่มๆๆ  ::)
(นอกเรื่องอีกแล้วเรา 555)

ก็เป็นเรื่องยุ่งยากในการจะตัดสินใจเลือกฟร้อนท์เอ็นด์มาใช้งานซักชิ้นในปัจจุบันอย่างที่พี่อั๋นว่าแหละครับ
มันมีข้อดีข้อเสีย มีเอกลักษณ์ของแต่ละฟอร์แมท ผมอ่านๆดูตัวเลือกและเหตุผลประกอบ เออแฮะ....มันก็ยุ่งยากในการเลือกจริงๆด้วย
แต่ก็ทำให้สรุปได้ครับว่า ให้ดูตัวเองก่อน ว่าสะดวกใช้งานแบบไหนมากที่สุดก็เลือกใช้แบบนั้นเป็นตัวเลือกแรกครับ :)

สะดวกหยิบใช้ซีดีหาซื้อง่ายก็เลือกเลือกซีดีเพลเยอร์ มีกำลังหาแผ่นเสียงก็เลือกเทิร์นเทเบิ้ล ไม่มีเวลามาจัดการข้าวของเยอะแยะก็เลือกเครื่องเล่นไฟล์
ถ้าไม่สะดวกซักอย่าง ก็ให้เลือกที่ลำบากน้อยทีสุดมาใช้งานครับ Haaa :D

เมื่อวันศุกร์ผมเพิ่งได้ดูรายกาย 108 มาครับ
พอดีกับที่มีคนตั้งกระทู้นี้มาพอดี เผื่อพี่ๆและน้องๆท่านใดยังไม่ได้ดูครับ

http://www.pantip.com/cafe/chalermkrung/topic/C9919252/C9919252.html

วงการดนตรีจะไม่มีวันตายตราบใดที่ยังมีคนที่ยังเห็นคุณค่าของมันครับ

อันที่จริงแล้วคนที่ไม่ได้มีพื้นฐานการฟังเพลงมามักจะไม่ได้ชื่นชอบตัวศิลปินอะไรเป็นพิเศษ แค่ฟังเพลงนี้แล้วชอบก็ฟังไปโดยอาจจะไม่รู้ด้วยว่าใครร้อง
หรือวงอะไรใครเล่นเพลงนี้เพราะดีก็ฟังซื้อแผ่นซีดีบ้างอาจจะเป็นพวกอัลบั้มรวมฮิตหรือเพื่อนๆไรท์แผ่นมาให้ฟัง  ประเภทให้ซื้อทุกฟอร์แม็ตสำหรับ
ผลงานของศิลปินที่ชื่นชอบนั้นต้องเป็นพวกเราๆชาวThaiprog.แล้วครับ  กลุ่มคนฟังเพลงมีหลากหลายประเภทผมถึงได้บอกว่าการเลือกซื้อฟร้อนต์เอ็นด์
สำหรับคนที่ไม่ได้มีฟอร์แม็ตอะไรเก็บสะสมไว้บ้างมันถึงยากในการเลือกฟร้อนต์เอ็นด์  บางคนมีพื้นฐานการฟังเพลงมาตั้งแต่วัยรุ่นเคยเก็บสะสม
แผ่นเสียงหรือซีดีมาตั้งมากมายแต่พอมาช่วงหลังๆอาจจะมีครอบครัวและไม่ค่อยมีเวลาฟังเพลงเหมือนแต่ก่อน  อาจเลิกเล่นเลิกซื้อแผ่นหรือขายแผ่น
ทิ้งไปบ้าง  ตอนนี้พอมีเวลาลูกๆเริ่มโตแล้วก็กลับมาฟังเพลงเหมือนเดิมจะกลับมาเลือกซื้อฟร้อนเอ็นด์ก็ยังเลือกยากอีกเหมือนกันครับ

บางที ...

อาจจะขึ้นอยู่กับกาลเวลา และพฤติกรรมของแต่ละคนก็ได้ครับ ทุก ๆ คนต่างมีวิถีที่แตกต่างกันไป
ณ เวลานี้ ผมพยายามเลือกซื้อผลงานที่จับต้องได้ของศิลปินที่เราชอบ  หรือ เก็บทุกฟอร์แม็ต

แต่ใน อนาคต  เมื่อมีวิวัฒนาการใหม่ ๆ เข้ามา อย่างเครื่องเล่นไฟล์เสียง,ภาพ ณ ปัจจุบัน
ซีดี หรือ ดีวีดี ที่เราเคยเก็บสะสมไว้  ก็ต้องพิจารณาอีกทีว่าเราจะเก็บต่อ หรือจะหาคนสืบทอดต่อ   ;D

ชีวิตของคนเราในแต่ละปี  คงต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปครับ

คิดได้อย่างนี้ก็ดีครับ ฟังแล้วรู้สึกว่ามี ความก้าวหน้า สมกับเป็นช้างเท้าหน้า และ ผู้นำครอบครัว  :D

...แต่ว่าช้างตัวหลังนี่ซิครับ มันไม่ยอมให้เปลี่ยนอะไรเลยครับ !!! แถมยัง "ถีบ" ให้เดินไปข้างหน้าและสั่งให้เดินตาม
ทางที่บอกเสียด้วย...เจ็บใจจริงๆ ครับ ทำเอาเกือบเสียฟอร์ม  >:(  ???  >:(  ???

บางคนก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากว่า 20 ปีแล้วครับ บางคนก็น้อยกว่านั้น...คนในอยากออก คนนอกอยากเข้าครับ  ;D  ;D  ;D

ขอบคุณครับ ผมพยายามจะเป็นช้างเท้าหน้าอยู่แล้วครับ แม้ว่าภรรยาผมจะพยายามให้ผมไปในทางที่เธอต้องการก็ตาม  ;D
(บางเส้นทาง ก็ต้องยอมกันบ้าง  :D)

ส่วนของผมนี่เป็นช้างเท้าซ้าย ส่วนภรรยาผมแกจะเป็นช้างเท้าขวา
ก้าวไปพร้อมกันไม่ค่อยได้ครับ ต้องไปทีละข้าง ผลัดกันแซง ผลัดกันตามตลอด รู้ทันกันหมดครับ  ???

อย่างนี้ผมแนะนำให้ตัดขาหลังสองข้างทิ้งไปเลยครับ แล้วใช้ "คลาน" เอา เพราะมันเหมือนชีวิตจริงมากกว่า  ;D

 :D เข้าใกล้ วนิพก เข้าไปทุกที่แล้วครับ  :D

คือว่า มัน "เจริญ" ช้าน่ะครับ ถ้ามา "ขัด" กันตลอดเวลา ก็เลยเหมือน "คลาน" ไปข้างหน้าขอรับ  :D  :D  :D

ผมเป็นควาญช้างครับพี่ แต่ชอบเข้าไปแอบช้างในป่า เพราะกลัวโดนช้างถีบเมื่อรู้ว่าควาญช้างซื้อแผ่นเยอะจัดครับ (ฮา) ;D

ผมว่าซีดีมีทางที่จะหายไปครับ แต่จะเป็นแผ่น ดีวีดี ที่เข้ามา "เสียบ" แทนด้วยคุณภาพเสียงที่ดีกว่า ซึ่งนักสะสมจะไม่เกิด
ความรู้สึกว่า สูญเสีย แผ่นซีดีไปเลย เนื่องจากว่าขนาดและรูปร่างของทั้งสองฟอร์แม็ตนี้แทบจะเรียกได้ว่าเหมือนกันเกือบ
ทุกกระเบียดนิ้วครับ  :D

ถ้าจะฟังเพลงจากแผ่นดีวีดีผมว่าฟังจากบลูเรย์ดีกว่าครับ เพราะบลูเรย์มีความจุมากกว่าสามารถใส่เพลงความละเอียดสูงระดับ 24 บิทได้ ในขณะที่ดีวีดีถ้าจะใส่เพลงความละเอียดนั้นมันก็ต้องเป็น dvd-audio ซึ่งมันตายไปแล้วเพราะต้องใช้เครื่องเล่น dvd-audio โดยเฉพาะ แต่ผมก็มองว่าแผ่นเพลงบลูเรย์ไม่ได้เกิดง่ายๆครับ เพราะการเปิดเพลงฟังจากบลูเรย์กับซีดีต่างกันครับ ซีดีเราใส่แผ่นแล้วกด play ได้เลย แต่บลูเรย์ต้องเปิดทีวีแล้วเข้าเมนูซึ่งผมว่าคนทั่วไปคงไม่สะดวกฟังเพลงโดยต้องมานั่งเปิดทีวีแล้วเข้าเมนูแบบนี้ครับ

  สงสัยได้ idea จาก Boulder 1021  ที่มี drive DVD เป็น Data Files แต่อาจเป็น Formal Lossless 24  bit เพราะจุข้อมูลได้เยอะและคุณภาพสูงกว่า อยากฟังเพลงอะไร ก็ write ลงแผ่น DVD แล้วเปิดฟังได้เลย สะดวกดี

+8 ครับ

คุณสิทธิตรอน พูดมามีเหตุผลนะครับ
ทำให้คิดต่อไปอีก..

อนาคต..
เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด (applicant equipment) จะมีจอภาพทั้งหมด
เครื่องเสียงก็ไม่เว้น
การฟังเพลง อาจใช้ประสาทหู น้อยลงๆ
แต่ใช้ประสาทตา มากขึ้นๆ

อีกไม่นาน เด็กๆ จะเห็นคุณตาของพวกเขา
นั่งฟังเพลงวงโคล์ดเพลย์ ผ่านลำโพง โดยไม่มีภาพเอ็มวีเปิดด้วย
คงนึกว่า คุณตากำลัง ฝึกศีลปัญญาสมาธิ กระมัง..  8) 555+

...คือว่า เรียกว่า "แผ่นดิสค์" (อย่างนี้ดีกว่า) มันคงจะอยู่ยั้งยืนยงล่ะครับ แต่ฟอร์แม็ตหรือคุณภาพเสียงจะดีกว่าซีดี เพราะว่าต้อง
เน้นเรื่องนี้เพื่อที่จะมาแข่งขันกับระบบไฟล์ที่กำลังมาแรงแต่จับต้องไม่ได้

จะเรียกว่า บลูเรย์ ดีวีดีออดิโอ หรือ อะไรต่างๆ นานา ที่เคยผ่านมาในอดีตและล้มเหลวหรือประสบความสำเร็จก็ตามที แต่คงจะมี
การพัฒนากันไปเรื่อยในวงกลมเล็กๆ ที่เรียกว่า "ดิสค์" นี่แหละครับ.

เข้าใจที่พี่โป่งสื่อแล้วครับ คือฟอร์แมททรงกลมเป็นแผ่นยังไงก็ดูน่าสะสมกว่าพวกฮาร์ดดิสก์เป็นก้อนใช่ไหมครับ :D

คือผมว่าคงจะมีนักสะสมไม่น้อยที่ยังต้องการ "จับต้อง" กับหน้าปกหรือ Booklet และ ของแถม อะไรต่างๆ เหล่านี้อยู่
น่ะครับ การที่จะเลิกไปเลยก็คงยากแต่ด้วยความที่ แผ่นดิสค์ มันเปลี่ยนชื่อได้ มันก็เลยเหมือนไม่รู้สึกว่ามันหายไปด้วย
ซ้ำไป เพียงแต่มีการเรียกชื่อใหม่เท่านั้นเอง

ไอ้ที่เป็นก้อนๆ หรือ แผ่นๆ ถ้ามีเพลงดีๆ ที่ผมไม่มี ผมก็คงจะเก็บสะสมหมดล่ะครับ ผมเป็นคนฟังเพลงครับ แล้วก็ชอบ
สะสมด้วย ไม่ใช่ว่าสะสมมาที่หนึ่ง...บทเพลงมาที่หนึ่งครับ ส่วนที่ว่าจะเลือกฟอร์แม็ตไหนนั้น ก็แล้วแต่ช่วงของกาลเวลา
และความเหมาะสม รวมทั้งการติดสินใจในขณะที่ซื้อด้วยครับ เพราะมันมีให้เลือกหลายอย่างเหลือเกิน

จะบอกว่า ใกล้อะไรก็หยิบอย่างนั้น มันก็ใจง่ายเกินไป แต่มันก็คงจะเป็นอย่างนั้นล่ะครับ เพราะว่า ถ้าเวลาผมช็อปต่าง
ประเทศมันก็เอาที่เห็นจับต้องได้เอามาครอบครองก่อน แล้วก็หิ้วขึ้นเครื่องกันไป ทะนุถนอมอย่างดีจนมาเจอศุลกากร
...ตอนนั้นแหละครับที่อารมณ์เสีย  ???

นอกเหนือจากนั้นแล้วมีความสุขเมื่อฟังเพลงทุกฟอร์แม็ตครับ  :D  :D

ทุกวันนี้ ผมกลับมาซื้อทุกแบบแล้ว ไม่ว่าจะ เทป ซีดี ดีวีดี แผ่นเสียง ไม่ต้องคิดมากอีก เห็น อยากได้ อยากเก็บ อยากฟัง ก็ ซื้อ :D

อีกหน่อยผมกะว่าจะตั้งเครื่องเสียงไว้ทั้งสี่มุมห้องเลย

คนออกแบบและคนให้คำปรึกษาอย่างคุณอั๋น501 คงปวดกะโหลกน่าดู เพราะฝาผนังห้องทั้งสี่ด้านมีเครื่องเสียงวางไว้
หมด ชุดฟังแผ่นเสียงและเทป  ชุดฟังซีดี  ชุดฟังเพลงจากไฟล์ แล้วก็โฮมเธียเตอร์

ใครออกแบบได้บ้างครับ ?

ทำเป็น 4 ห้องน่าจะง่ายกว่านะครับพี่ :D

สมมุติว่ามีเนื้อที่จำกัดครับ...แบบว่าซื้อมาแล้วไม่ค่อยได้ขายออกไปมันก็จะมีครบทุกรูปแบบน่ะครับในอนาคตข้างหน้า.

เล่นไม่ยากครับ ซื่อตู้มาใส่ครับ ตู้เต็มก็ซื้อเพิ่มไปเรื่อยๆ พอเริ่มไม่มีที่วาง ก็ต่อเติมบ้าน หรือปลูกบ้านใหม่ ไม่ต้องขายอะไร เก็บให้หมด (เมื่อไรที่เริ่มคิดได้ว่าไม่น่าซื้อมาเลย ก็จะเรื่มหยุดซื้อ)

เข้าอิสลาม-สุหนัดขลิบไปเลยพี่
จะได้มีสี่บ้าน ชิลๆ

มุกนี้เยี่ยมให้ 5 ดาวครับ

ถ้าอยู่ต่อหน้าจะโดน " เฮ้ย  บ้า   ไปทำแบบนั้นได้ไง  :D  "

ผมคงเป็นหนึ่งในคุณตาเหล่านั้นครับ

นับต่อจากนี้เป็นต้นไปโลกเราเข้าสู่การฟังเพลงรูปแบบยุดดิจิตอลอย่างสมบูรณ์แบบแล้วครับ  รูปแบบของมีเดียที่จะใช้รองรับกับฟอร์แม็ตต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดีวีดีที่เราคุ้นเคยหรือแผ่นบูบเรย์อย่างที่เสี่ยTRONว่าไว้นั้น สามารถเก็บข้อมูลของไฟล์เพลงความละเอียดสูงระดับ 24 บิทได้หมด
ซึ่งแผ่นซีดีธรรมดาเก็บไม่ได้ เราสามารถซื้อไฟล์เพลง 24 บิทเหล่านี้ในรูปแบบของแผ่นดีวีดีหรือแผ่นบูลเรย์ได้ครับเขาทำขายกันอย่างถูกต้อง
ถ้าอยากจะได้อะไรที่เป็นแผ่นจับต้องได้ ศิลปินบ้านเราก็ยังทำขายเลยครับ(ของคุณบรรณ)แล้วมีเรื่องตลกมาเล่าให้ฟังคนที่ซื้อผลงานของคุณบรรณในรูปแบบของไฟล์เพลงดิจิตอล 24/96khzโดยไม่รู้ว่าต้องไปเล่นกับเครื่องเล่นคอมพิวฯที่ลงโปรแกรมเล่นไว้หรือเครื่องเล่นไฟล์แต่เอาไปเล่น
กับเครื่องเล่นซีดีเลยเล่นไม่ได้ต้องเอามาคืน โดยไม่เข้าใจว่าแผ่นดีวีดีที่เก็บข้อมูลของไฟล์ดิจิตอล24/96khzนั้นเป็นเช่นใด คุณบรรณแกก็พยายาม
บอกกล่าวเรื่องเหล่านี้กันมาโดยตลอดก่อนที่คุณบรรณจะออกผลงานเพลงที่เป็นลักษณะ24/96khzแบบนี้  เห็นไหมครับว่าเราไปยึดติดคุ้นเคย
กับตัวมีเดียโดยไม่เข้าใจกับฟอร์แม็ตที่จะเล่นทั้งๆที่ฟอร์แม็ตนั้นจะอยู่บนแผ่นดีวีดี,แผ่นบูลเรย์หรือในฮาร์ดดีสก์ก็ได้ทั้งนั้น แต่จะต้องมีความจุ
เก็บข้อมูลได้มากพอซึ่งแผ่นซีดีนั้นมีความจุข้อมูลได้น้อยเกินไป(แผ่นซีดีมีความจุไม่ถึง 1 GB) ทำไมถึงต้องใช้ฮาร์ดดีสก์เก็บไฟล์เพลงหรือไฟล์หนัง
ก็เพราะฮาร์ดดีสก์นั้นมีความจุได้มากพอจะเก็บมากเท่าไรก็ได้ รู้ๆกันอยู่ฟอร์แม็ตหนังบูลเรย์ใช้ข้อมูลมากถ้าจะใช้เก็บบนแผ่นดีวีดีก็ได้แต่หนังหนึ่ง
เรื่องประมาณ 40 กว่าGBต้องใช้แผ่นดีวีดี5 ประมาณเกือบ 10 แผ่นต่อหนังบูลเรย์หนึ่งเรื่อง รูปแบบการฟังเพลงดูหนังมันถึงต้องเปลี่ยนไปตาม
เทคโนโลยี่ สำหรับผมแล้วกับการจับต้องแผ่นหรือไม่ มันไม่ได้สำคัญอะไรเลยอยู่ที่เนื้อในของตัวผลงานเพลงหรือภาพยนต์มากกว่าคุณภาพ
ของผลงานเท่านั้นที่ผมต้องการครับ

ขออนุญาต คัดลอกมาเผยแพร่นะครับ น่าสนใจดี


ซีดีใกล้ตาย – แผ่นเสียงใกล้เกิดใหม่(1)/ต่อพงษ์
25 กรกฎาคม 2554 17:25 น.

หน้าแรกผู้จัดการ Online | หน้าแรกบันเทิง | ดนตรี

(http://pics.manager.co.th/Images/554000009768201.JPEG)

ในอุตสาหกรรมดนตรีของโลกใบนี้ ต้องยอมรับกันว่า ยุคนี้เป็นยุคของเครื่องเล่นไฟล์เพลงประเภทต่างๆ อาทิเช่น ไอพอด หรือของยี่ห้ออื่นๆ ที่คล้ายกัน หรือ ไม่ก็เล่นมันจากโทรศัพท์มือถือของตัวเองเสียเลย
      
          เพลงที่อยู่ในเครื่องเหล่านั้น ถ้าไม่ไปดูดมาแบบฟรีๆ ก็คงจะโหลดมาตามแพกเกจที่ผูกมากับระบบโทรศัพท์ ตัวโทรศัพท์เอง หรือ ไม่ก็โหลดผ่านคอมพ์ซึ่งพ่วงเน็ตก่อนจะดูดเข้ามาเข้าหาเครื่องฟังเพลงของเรา หรือไม่เช่นนั้นก็Ripมาจากแผ่นซีดี หรือ แผ่น mp3

   

       อาจจะเป็นเพราะเพลงมันวิ่งเข้ามาหาเราแบบนี้โดยง่ายดาย แถมยังไม่ต้องซื้อทั้งอัลบั้มอีกด้วย ผลก็คือร้านขายซีดีนั้นล้มหายตายจากกันเป็นใบไม้ร่วงทีเดียว...ยุคที่ทุกอย่างเป็นดิจิตอลที่มีแต่ 0 และ 1 และ 0 นี้หลายคนทำใจแล้วว่า ในอนาคตอันใกล้ เราอาจจะไม่มีซีดีให้ฟังกันในประเทศไทยนี้
      
          พูดถึงบริษัทผู้ผลิตซีดีนั้นจะว่าไปมันก็สะใจเหมือนกันที่มันเจ๊งไปหลายราย เพราะ ส่วนหนึ่งมันก็ลวงโลกอยู่โดยเฉพาะไอ้เรื่องความทนทานของมัน ใครมีซีดีที่ไม่ได้เล่นมานาน แม้จะเก็บอยู่ในชั้นอย่างดี ไม่มีแมลงรบกวน หรือความร้อนชนิดกระจุยกระจาย ณวันนี้ถ้าลองรื้อออกมาดู อาจจะเจอความช็อกอย่างที่ผมเจอ ก็คือ แผ่นซีดีของแท้ราคาหลายร้อยเมื่อครั้งกระโน้น มันได้พอง ลอก โดยเฉพาะตรงที่เก็บข้อมูลเพลงนั้น ทะลุแจ๋วแหววกันยังกะโดนเชื้อโรคซาร์กินแน่ะครับ แผ่นละคร Aspect Of Love และจากเรื่อง Starlight Express รวมไปถึง Jesus Christ Superstar ของโพลีดอร์ และทั้งหมดเป็น Original London Casts นั้นล้วนแล้วแต่เกิดอาการเช่นนี้และไม่สามารถจะฟังมันได้อีกแล้ว จำได้ว่า 3 ชุดที่เป็นแผ่นคู่นี้ ซื้อมาจากร้านเหรียญทองหรือ จีเอ็มเอสที่มาบุญครองสมัยโน้น...เหล่านี้คือ ความห่วยแตกที่อุตสาหกรรมดนตรีโลกทำให้เราเชื่อว่าซีดีมันจะอยู่กับเราตลอดไปซึ่งก็ไม่จริง ว่างๆ ท่านผู้อ่านลองไปดูในตู้เก็บซีดีของท่านดูอาจจะเจออาการอย่างที่ผมว่า และที่ทำได้อย่างเดียวก็คือ เอาปกมันออกมาที่เหลือโยนทิ้งไป
      
          แต่ช้าก่อนครับ การที่ไม่มีซีดีฟังก็ไม่ได้แปลว่าทุกอย่างจะจบ เพราะขณะที่ซีดีหายไป ดูเหมือนจานกลมๆแบบเก่าๆที่เด็กรุ่นใหม่อาจจะไม่คุ้นเคยเลยอย่าง "แผ่นเสียง" หรือ "จานเสียง" กลับเติบโตขึ้นมาเงียบๆ สวนทางกับซีดีอย่างน่าแปลกใจ
      
          ผมเองตอนเด็กๆคุ้นเคยกับเครื่องเล่นแบบนี้ เพราะ คุณพ่อ+คุณแม่ชอบฟังเพลง แต่ความเชี่ยวชาญที่จะเล่นแผ่นเสียงก็ไม่ได้อยู่ในคลาสของ "นักเล่น" มากไปกว่า คนที่ชอบฟังเพลงเฉยๆ ครั้นพอเทปคาสเซ็ตต์เข้ามาบรรดาเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ว่านี้ก็ต้องยกเก็บเข้ากรุ แผ่นเสียงทั้งใหญ่ทั้งหนักแถมยังเป็นรอยขูดขีดง่ายก็ถูกยัดเข้าไปในตู้ แถมอีกหลายปีให้หลังยังโดนน้ำท่วมแถมยังโดนปลวกแทะอีกต่างหาก
      
          ยิ่งเมื่อซีดีเกิดขึ้นมา โอกาสที่จะได้เล่นแผ่นเสียงยิ่งลืมกันไปเลยละ
      
          แต่เมื่อราวๆสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้เอาแผ่นที่มีรอยขี้ปลวกเอย ฝุ่นเขรอะเอย มาลองล้างด้วยน้ำยาล้างแผ่นเสียงแบบใจเย็นๆ ล้างไปล้างมา ท่านเชื่อไหมครับว่า สภาพสาหัสขนาดนั้น...มันยังฟังได้อยู่ แม้นจะไม่ได้กริบถึงขนาดว่า จะไม่มีเสียงแป๊ะๆๆ กรอบแกร๊บเลย แต่ผมก็ยังเพลิดเพลินใจกับมันได้
      
          น้ำเสียงของ จินตนา สุขสถิตย์ กับเพลง "คิดถึง" ที่นำทำนองเพลง Gypsy Air มาใส่เนื้อร้องไทย ยังหวาน ลึก และส่งความไพเราะได้อารมณ์อย่างเหลือเชื่อ
      
          สำหรับคนยุคนี้ การเล่นจานเสียงนั้นดูเหมือนจะถูกจำกัดอยู่เฉพาะกับนักเล่นเครื่องเสียง หรือมองว่าเป็นของเล่นที่ยุ่งยาก จะมีก็แค่กลุ่มที่สนใจจะเป็นดีเจ หรือนักผสมเสียงต่างๆ ที่เล่นแผ่นกันได้อย่างเมามัน แต่ระดับคนฟังทั่วไปนั้นดูเหมือนจะมองไม่เห็นเลยว่า การเล่นแผ่นนั้นจะมีความสุขได้อย่างไร
      
          ผมอยากจะบอกว่า จริงๆ มันมีความสุขและสนุกกว่าที่หลายคนคิดไว้เยอะเลยละครับ แถมราคาค่าเล่นสนุกครั้งนี้ก็ไม่ได้มากมายเกินกว่าจะทำได้ ที่สำคัญแผ่นเสียงเก่าๆ นั้นยังมีอยู่มากมายในประเทศนี้ ชนิดที่คนวัยผมนั้นรู้สึกสนุกกับการย้อนฟังเพลงรุ่นปี 80 เป็นอย่างยิ่ง แถมสังคมของคนเล่นแผ่นเสียงก็ดูเหมือนจะโตขึ้นๆ เสียด้วยครับ
      
          จริงๆ การเล่นแผ่นเสียงนั้น มีองค์ประกอบใหญ่ๆ อยู่ที่แค่ 3 อย่าง อย่างแรกคือเครื่องเล่น อย่างที่สองก็คือเครื่องฟังที่จะต่อเอาสัญญาณเสียงจากเครื่องเล่นแผ่น และ อย่างที่สามก็คือ ตัวแผ่นเสียง
      
          องค์ประกอบแรกคือเครื่องเล่นแผ่นเสียงนั้น ปัจจุบันบ้านเรานั้นมีเครื่องเล่นแผ่นมือสองหรือมือสามหรืออาจจะมากมือกว่านั้นจากเมืองนอกมาขายกันมากมายในราคาไม่แพงเท่าไหร่ ที่ว่าไม่แพงก็เพราะซัก 5 พันก็ซื้อได้แล้วครับ หรือต่อให้เป็นของเก่าที่ป๋าใช้มาก็สามารถที่จะบูรณะมันขึ้นมาใหม่โดยฝีมือช่างเก่งๆ ในกรุงเทพฯ หรือ จะเป็นเครื่องใหม่เอี่ยมที่ปัจจุบันก็มีขายให้เลือกหลายราคา
      
          เรื่องนี้เป็นเรื่องประหลาด แต่จริงและพิสูจน์มาแล้วว่า ระหว่างเครื่องเล่นซีดีกับเครื่องเล่นแผ่นเสียงนั้น ถ้าวัดกันราคาเท่าๆ กันหรือซีดีแพงกว่าอีกหลายเท่านั้น ปรากฏว่าเสียงเพลงที่ออกมาจากปลายเข็มของเครื่องเล่นแผ่นเสียงจะให้ความเป็นดนตรีมากกว่าอย่างน่าประหลาด
      
          มันพลิ้วกว่า ดูเหมือนคนร้องจะโรแมนติกกว่า เล่นได้เข้มข้นกว่า และเมื่อร้องเพลงรักก็อ่อนหวานกว่า และเวลาฟังเงียบๆ ตอนกลางคืนนั้นมันชวนให้เราฝันดีอย่างที่สุด
      
          ก็เหมือนกับที่สองสามคืนที่ผ่านมาผมเอาแผ่นเสียงชุด "บุญคุณปูดำ" ของนูโว "รอวันฉันรักเธอ" ของคีรีบูน และ "คิดไปเป็นชาวเกาะ" ของ ปานศักดิ์ รังสิพราหมณกุล มาเล่นก่อนนอน ภาพเก่าๆเมื่อครั้งยังเป็นเด็กก็กลับมาอีกครั้ง
      
          ดนตรีดีๆ ที่กลับมาแบบนี้ ทำให้เรากลับไปเป็นเด็กได้อีกอย่างเหลือเชื่อเลยครับ

ขอภาคสองด้วยค๊า...พี่ป่อง

coming soon เด้อ :D

แผ่นเสียงคงอยู่ในกลุ่มคนเล่นแผ่นเสียงเท่านั้นแหละครับ คนธรรมดาทั่วไปที่เล่นซีดีทุกวันนี้จะเปลี่ยนมาเล่นแผ่นเสียงคงเป็นไปได้ยาก แค่ราคาเครื่อง ราคาแผ่น การหาซื้อ การดูแลรักษา ก็ไม่ใช่เืรื่องง่ายสำหรับคนทั่วไป (ที่ไม่ใช่คอดนตรีจริงๆ) ยิ่งบางคนชอบฟังเพลงในรถก็ไม่ต้องพูดถึงเลย

 "แผ่นเสียงใกล้เกิดใหม่ ซีดีใกล้ตายและการพัฒนาการของดิจิตอลไฟล์รายละเอียดสูงมาสเตอร์สตูดิโอ 24/192khz"
พี่ป่องไม่ต้องกลัวแผ่นเสียงที่พี่ป่องหลงไหลยังไงก็ต้องเจอกับคู่ต่อกรที่สมน้ำสมเนื้อแล้ว และจะขอฝากบอกให้การพัฒนาการของไฟล์รายละเอียดสูง
ไร้ข้อจำกัดด้วยไม่เหมือนกับซีดี  เดี๋ยววันหลังผมจะเอาบทความเกี่ยวกับดิจิตอลไฟล์ยุดใหม่มาลงบ้าง(มีแยะ) อย่างว่าลางเนื้อชอบลางยา

ทุกวันนี้ ผมฟังซีดี มากกว่าอย่างอื่นเลย ก็เพราะฟังในรถนี่แหละครับ  :D

เมื่อหมดยุดของซีดีน่าจะมีประโยชน์กับพวกร้านขายซีดีมากกว่า เพราะอะไรรู้ไหมเมื่อซีดีผลิตน้อยลงหรืออาจจะไม่มีการผลิตแล้วในบางอัลบั้ม
ซีดีก็อาจจะเป็นอะไรที่หาซื้อยากแบบแผ่นเสียงราคาจะแพงขึ้นมาทันที  ผมเชื่อว่าอย่างไรก็ต้องมีคนที่ยังเล่นซีดีอยู่อีกมากมายคงต้องยอมจ่าย
เพื่อซื้อซีดีชุดที่ชอบหรืออยากสะสม  ประโยชน์จริงๆคงตกกับพวกร้านค้าแผ่นซีดีผู้บริโภคอย่างพวกเราคงต้องรับกรรมไป  นี่คือเหตุผลที่ผมถึงไม่เล่นแผ่นเสียงทั้งๆถ้าผมต้องการจะเล่นแผ่นเสียงนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย  มีเครื่องเล่นแผ่นเสียงดีๆมือสองมากมายที่ร้านเครื่องเสียงมือสองเจ้าประจำ
ให้เลือกเล่น  ณ วันนี้การฟังเพลงสำหรับผมต้องเลือกทางที่สะดวกในการหาต้นทางมาเล่นอะไรๆที่มันยุ่งยากเสียเงินซื้อเกินความจริงผมไม่ยอมจ่าย
อยู่แล้วครับ ขนาดเครื่องเสียงทุกชิ้นยังซื้อของมือสองมาเล่นทั้งหมดเลย 

แผ่นเสียงคงไม่ราคาโหดเสมอไปทุกแผ่นหรอกครับ แล้วแต่ว่าเราจะซื้อหาหรือได้มายังไงและจากใคร ยกเว้นแผ่นประเภท exclusive หรือแผ่น audiophile ทั้งหลายที่ส่วนใหญ่ยังราคาแพงอยู่ ส่วนแผ่น reissued หรือแผ่นย้อนออกใหม่ ราคาทั่วไปก็อยู่ราว ๆ 30-40 เหรียญยูเอส แลกเปลี่ยนเป็นเงินไทยก็ประมาณพันกว่าบาท สำหรับค่าเงินสมัยนี้ เมื่อเทียบกับค่าเงินของแผ่นเสียงออกใหม่ที่มีราคา 250-350 บาท ซึ่งผมเคยเห็นในห้างเซ็นทรัลเมื่อสมัยก่อน (แต่ไม่มีปัญญาซื้อ) ประมาณเกือบสามสิบปีมาแล้ว ผมว่าราคามันก็คงพอ ๆ กันกับแผ่นธรรมดาออกใหม่ในสมัยนี้นั่นแหละครับ

ผมแปลกใจที่คนกลัวซีดีจะตาย  สำหรับผมแล้วทุกฟอร์แม็ทก็มีวันตายกันได้ทั้งนั้นในอดีตก็มีมาแล้วมากมายฟอร์แม็ทที่เกิดขึ้นมาได้รับความนิยม
แล้วก็จากไป  การเปลี่ยนแปลงก็คือนิรันดร์เมื่อของเก่าจากไปของใหม่ก็เข้ามาแทนที่ มันเป็นวงจรอยู่แล้วครับอย่าไปยึดติดกับตัวฟอร์แม็ทเลย
สนใจเนื้อในดีกว่า  แล้วไม่ต้องกลัวว่า่จะไม่ได้เสียเงินซื้อผลงานเพลงมาฟัง ถึงแม้มีการดาวน์โหลดฟรีกันเราก็อย่าไปโหลดฟรีซิ  เลือกที่ดาวน์โหลด
เสียเงินซื้อก็ได้ไม่เห็นต้องคิดอะไรมาก  บางคนชอบพูดว่าการโหลดเพลงนั้นมันเหมือนไร้ค่า ผมว่าก็เล่นโหลดฟรีมันย่อมไม่มีีค่า ถ้าเลือกซื้อแบบ
โหลดเสียเงินมันจะได้มีค่าไง  ผมเคยเจอนักฟังเพลงที่ยึดมั่นฟังเพลงจากอะนาล็อก(แผ่นเสียง)อย่างแท้จริง  เค้าไม่เคยฟังเพลงจากซีดีเลยหรือแม้แต่
ฟอร์แม็ทอื่นๆเล่นแต่แผ่นเสียงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น   อย่างนี้ซิถึงจะเรียกว่า "ของจริง"  ผมเคยไปบ้านเค้าสะสมแผ่นเสียงไว้มากมายน่าจะเป็นหมื่น
แผ่นได้เค้าบอกผมว่าแค่ฟังแผ่นเสียงที่มีอยู่นี้ก็ฟังกันไม่หมดแล้ว  ไม่ต้องไปพึ่งซีดีหรือฟอร์แม็ทดิจิตอลอะไรเลยแถมยังเล่นเครื่องเสียงหลอดล้วนๆ

ถ้าสามารถหาได้ เพลงทุกชุดที่ผมซื้อทุกวันนี้จะเป็นแผ่นเสียง (เลิกซื้อซีดีมาสิบกว่าปีแล้ว) ยกเว้นพวกเพลงไทยอมตะเก่า ๆ ที่ผมจำต้องซื้อซีดี เพราะหาง่ายและราคาถูกกว่าแผ่นเสียง ก็ถือว่าซีดียังมีประโยชน์ในแง่นี้อยู่ครับ

ขออนุญาตพูดถึงนักเล่นแผ่นเสียงหมื่นแผ่นที่คุณอั๋น501ได้ไปเจอมา -- ด้วยความเคารพสิทธิส่วนตัวของท่านผู้นั้น แต่ในขณะเดียวกันผมก็ต้องขออนุญาตแสดงความเห็นบ้าง -- คือถ้าเขามีแผ่นเสียงเป็นหมื่นแผ่น แต่ยังฟังไม่หมดเลย ผมว่าเขาไม่ใช่ "ของจริง" อย่างที่คุณอั๋น501ยกย่องหรอกครับ จริงอยู่, เขาอาจไม่มีเวลาพอที่จะฟังก็ได้, แต่ผมเห็นว่า มีร้อย ต้องฟังร้อย มีพัน ต้องฟังพัน มีหมื่น ต้องฟังหมื่น ฯลฯ สิครับ ถึงจะเรียกว่า "ของจริง" คือรู้ให้หมดว่า เพลงในแต่ละอัลบั้มที่เขามีนั้น เพลงเป็นอย่างไร นักร้องเขาร้องดีแค่ไหน บันทึกเสียงมาดีหรือไม่ ฯลฯ แล้วอีกอย่างคือ เครื่องเสียงที่อยู่ในห้องนั่น ผมไม่ทราบว่าฟังได้มากน้อยแค่ไหน เห็นบางคน (ไม่ใช่นักเล่นท่านที่ว่านี้) ซื้อมาเล่นตั้งนานแล้วยังไม่พ้นเบิร์น-อินเลยก็มี (เผลอ ๆ เปลี่ยนใหม่อีกแล้ว) เพราะ (อ้างว่า) ทำงานจนยุ่ง จึงไม่ค่อยมีเวลาฟังไงครับ

ขอโทษถ้าจะพูดแรงเกินไป แต่เชื่อไหมครับว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่เป็นอย่างที่ผมว่ามานี้

ก่อนอื่นต้องขออธิบายคำว่า"ของจริง" สำหรับความหมายของผมก่อน  บุคคลที่รักแผ่นเสียงและฟังเพลงจากแผ่นเสียงเพียงอย่างเดียวโดยไม่สนใจ
ที่จะฟังฟอร์แม็ทอื่นๆเลยนั่นล่ะคือ"ของจริง"สำหรับความหมายของผม "รักเดียวใจเดียว"  คุณไม่ได้รู้ข้อมูลอะไรเลยกับคนที่ผมเล่าให้ฟังแล้วมาตีความว่าเค้าเป็นอะไรอย่างที่คุณคิด  ผมบอกว่ามีแผ่นเสียงนับหมื่นแผ่นก็ยังฟังไม่หมด มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยถ้าเรามีแผ่นเสียงจำนวน
มากอะไรเท่านี้  คนบางคนอาจจะมีเวลาในการฟังเพลงที่แตกต่างกันเนื่องจากมีภาระกิจส่วนตัวที่ต้องทำไม่เหมือนกัน 1 วันของแต่ละคนอาจจะมี
เวลาฟังเพลงมากหรือน้อยไม่เท่ากัน  เยอะไปที่มีชุดเครื่องเสียงดีๆระดับไฮเอ็นด์แต่มีเวลาฟังเพลงแค่ช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์เท่านั้น  บางคนกว่า
จะกลับถึงบ้านร่วมสามสี่ทุ่มแล้วตอนเช้ามืดจะต้องออกไปทำงานอีกเหนื่อยเกินกว่าที่จะมาฟังเพลง อาจจะฟังเพลงได้จริงๆแค่อัลบั้มเดียวหรืออาจจะ
ไม่ถึงอัลบั้มด้วยซ้ำไปเพราะหลับคาชุดเครื่องเสียง  ลองคิดดูซิถ้ามีแผ่นเสียงหรือซีดีมากมายเช่นนี้แค่ฟังวันละแผ่น 20 ปียังฟังไม่ครบหมื่นอัลบั้ม
เลย  ไม่ต้องมีแผ่นเสียงนับหมื่นแผ่นเสียงหรอกครับแค่มีไม่กี่ร้อยแผ่นไม่ต้องไปหาซื้อตามอีเบย์อะไรด้วยไปหาซื้อตามร้านแผ่นเสียงมือสองแถวๆบ้านผมก็ได้   แต่คุณต้องรักจะฟังแผ่นเสียงเพียงอย่างเดียวแบบที่ผมบอกคือไม่มีที่สำหรับฟอร์แม็ทอื่นในหัวใจเลยนอกจากแผ่นเสียง นั่นล่ะครับ
คือ "ของจริง" สำหรับผม 

อ้าว... งั้นก็ผมก็เป็น "ของจริง" ในความหมายของคุณอั๋น501ได้สิครับ ปีศาจแผ่นเสียงอย่างผมเลิกซื้อซีดีมาสิบกว่าปีแล้ว ปัจจุบันซื้อแต่แผ่นเสียงอย่างเดียว เครื่องเล่นซีดีเสียยังไม่เอาไปซ่อมเลย อย่างนี้พอจะเรียกว่า "ของจริง" ได้มั้ยครับ? :D

ถ้าอีกสักสิบหรือยี่สิบปี ซีดีตาย ฟอร์แมทดิจิตอลอื่น ๆ มาแล้วก็คงจะตายเป็นระลอก แต่แผ่นเสียงกำเนิดมาเกินครึ่งศตวรรษแล้วก็ยังยืนยง อยู่ดีมีสุข

ช่างเป็นความน่าทึ่งและยั่งยืนจริง ๆ ครับ

แผ่นเสียงกลับมาเกิดใหม่ รอคนรุ่นใหม่ๆอย่างผมกลับไปเล่นครับ  ;D

พี่ๆน้องๆเล่นแผ่นเสียงกันต่อไปนานๆนะครับ เสร็จโปรเจคใหญ่ที่สุดในชีวิตผมตอนนี้เมื่อไร ผมจะลุยเรื่องเครื่องเสียงและแผ่นเสียงแน่ๆคร้าบบ...

ยินดีต้อนรับครับ คนที่ผมรู้จักหลายๆคน เริ่มถามหาเครื่องเล่นและแผ่นเสียงกันแล้วล่ะครับ :D

อีกไม่กี่ปี ซีดีจะตาย แล้วคนที่เขาเก็บอัลบั้มซีดีไว้เป็นพันเป็นหมื่นแผ่นล่ะครับ? ยังจะมีเครื่องเล่นให้เขาเล่นอยู่หรือเปล่า?

อย่าตกใจไปครับ ผมคุยกับหลายๆคนที่มีความรู้และประสบการณ์แล้ว ได้ข้อคิดว่า แผ่นซีดี น่าจะมีขายไปนานกว่าอายุบนโลกของสมาชิกระดับ สว. ของเว็บนี้แน่นอนครับ แต่อนาคตอาจจะมีทำออกมาขายไม่ครบทุกผลงานเหมือนในปัจจุบันเท่านั้นเอง

ส่วนเครื่องเล่นก็ยังหาเล่นได้ไปจนถึงวันนั้นแน่นอนครับ  :D

ถ้าเครื่อง Hidef ทั้งหลายแม้จะพัฒนาไปไกลแต่ยังมีช่องให้ใส่ซีดีอยู่ ผมคิดว่าน่าจะยังมีหนทางรอดไปอีกหลายปีครับพี่

ถ้าตอบตามหัวข้อกระทู้แล้ว ต้องตอบว่า ยุคของ CD จะหมดไปครับ เพียงแต่ว่า ภายในกี่ปีเท่านั้นเอง

ผมว่ามาทายกันดีกว่าว่า ปีไหนที่ไม่มีร้านขายซีดีแบบที่เดินเข้าไปจับแผ่นและจ่ายสตางค์เอาแผ่นกลับบ้านได้เลย ผมทายก่อนก็แล้วกัน

1. polotoon ทายว่าเป็นปี 2055 ก็แล้วกันครับ :D

ผมดีใจที่ไม่ต้องคิดมากครับ เพราะว่าคงตายก่อนแหง๋ๆ อยู่แล้ว ทุกวันนี้ฟังฟอร์แม็ตไหน ก็มีความสุขด้วยกันทั้งนั้น ถ้ามันเป็น
เพลงที่เราประทับใจ  :D  :D  :D

จริงๆความรู้สึกผมตอนนี้ cd มันก็อยู่ในกลุ่มไม่กว้างเหมือนสมัยก่อนแล้ว คนรุ่นใหม่ฟัง mp3 เป็นหลักกันทั้งนั้น

ในอนาคต ผมว่ายังไงต้องมีร้านแผ่นซีดีมือสองแน่นอนครับ ฟันธง :D

ตอนนี้ก็มีอยู่มากแล้วจ้าคุณปีศาจ :D

ร้านที่ขายซีดีในกระทู้ข้างเคียงนี้ไง เห็นมีขายกันเพียบเลย ลองถามเจ้าของร้านดูซิอยากให้หมดยุดซีดีหรือเปล่า

ระดับ "ปีศาจแผ่นเสียง" ชื่อนี้น่าจะบอกอยู่แล้วว่าเป็น "ของจริง" หรือเปล่าหรืออย่าง "ท่านผีเพลง" ถ้าไม่ได้เป็นผีเพลง ก็ต้องเป็นผีลืมหลุม
ดั้งคำของท่านจอมยุทธไร้สำนักว่าไว้  "จะเป็นของแท้หรือของเทียมย่อมไม่ต่างกัน  ขอให้ในใจยึดมั่นเพียงอย่างเดียวก็พอ"

เอาเหอะ ใครมีปัญญาก็ไม่ว่ากันหรอกนะผม(อดีตผีฯ ปัจจุบันเมพฯ)

คำคมลืมกลืนวันนี้ (คายไม่ทัน)

-รักแท้แพ้แตกใน-
(จำมาจากร้านปะยาง)

-เชื่อไหม ชีวิตนึง คุณอกหักได้แค่ สองครั้ง-
(ครั้งแล้ว กับครั้งเล่า)

พี่แจ๊คปรัชญาและคำคมเยอะจัง อยากจะให้ไปแสดงทัศนะและวิสัยทัศน์เกี่ยวกับปรัชญาการเล่นเครื่องเสียงตามคำเชิญของคุณอั๋น501ด้วยครับ :D

ปรัชญาของพี่ผีเล่นเอางง "รักแท้แพ้แตกใน"  เป็นคำคมมากครับ แต่มันเกี่ยวข้องอะไรกับ "ยุดของซีดีจะหมดไป"
ขอเชิญพี่ผีไปเข้าร่วมแสดงธรรมในกระทู้เครื่องเสียงได้แล้วครับ พี่ปีศาจฯเปิดประเด็นรอไว้ให้แล้วครับ

มาอ่านกันต่อครับ

ซีดีใกล้ตาย – แผ่นเสียงใกล้เกิดใหม่(2) ร้านต้นฉบับ

โดย ต่อพงษ์   31 กรกฎาคม 2554 16:30 น.
หน้าแรกผู้จัดการ Online | หน้าแรกบันเทิง | ดนตรี

(http://pics.manager.co.th/Images/554000010079601.JPEG)

  สัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากที่เอาแผ่นเสียงเก่าๆ มาค่อยๆ ล้างและทำความสะอาดฝุ่นและคราบปลวกรุ่นคุณพ่อที่เกาะแผ่นเสียงเพลงไทยเก่าๆ อยู่เรื่อยๆ แผ่นที่ดูเหมือนว่าจะตายไปเรียบร้อยก็กลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง
       
          ถามว่าการทำความสะอาดนั้นทำอย่างไร ก็ง่ายๆครับ ใช้น้ำนี่แหละครับเอามาแช่ให้ฝุ่นเหล่านั้นนุ่มพองขึ้นมาจากนั้นก็เอาน้ำยาล้างแผ่นบีบใส่ฟองน้ำนุ่มๆ แล้วก็ขยำๆให้มันเป็นฟองขึ้นมาก่อนจะค่อยๆถูและปาดไปบนแผ่นที่ฝุ่นเกาะแบบเบาๆมือ ค่อยๆทำไปเรื่อยสุดท้ายเวลาฝุ่นมันแทบไม่มีเหลือแล้ว เมื่อเราเอาแผ่นจุ่มน้ำปุ๊บ น้ำมันจะไหลไม่เกาะอยู่ในร่องแผ่นเสียงอีกเลย จากนั้นก็เอาพัดลมเป่าให้แห้งๆ ก่อนนำมาเล่น
       
          วิธีนี้ผมได้มาจากพี่เสือ แห่ง “ร้านต้นฉบับ” หลังคลองหลอด ซึ่งผมถือว่าแกเป็นเซียนจริงในสนามของแผ่นเสียงเก่า น้ำยาล้างที่ว่าก็ซื้อมาจากร้านแกเหมือนกัน และตัวเครื่องเล่นรุ่นเก่าที่ถูกบูรณะขึ้นมาก็เป็นฝีมือของคุณพี่เขาเหมือนกัน

   

       พี่เสือเหมือนเสือร้ายในป่าแผ่นเสียงเก่าในร้านของแก เพราะร้านต้นฉบับนั้นเต็มไปด้วยแผ่นเสียงเก่า โดยเฉพาะในแนวป็อปร็อกและบลูส์ มีกันตั้งแต่ดนตรีจากยุค 50 60 70 80 เรื่อยมา แม้จะเป็นร้านแค่คูหาเดียว แต่ปริมาณของแผ่นที่อยู่ในร้านนั้นจะทำให้คนรักเพลงที่หวนหาอดีตจะต้องทึ่ง
       
          แต่ร้านต้นฉบับไม่ใช่แค่ร้านแผ่นเสียง เพราะ ตัวพี่เสือนั้นสามารถที่จะซ่อมเครื่องเล่นแผ่นเสียงได้เกือบทุกอย่าง มีอะไหล่หัวเข็มเกือบทุกชนิด โดยเฉพาะรุ่นเก่าคลาสสิกทั้งหลาย ก็เหมือนไอ้เจ้าเครื่อง Dual เก๋ากึ๊กของผม Made In Germany นั่นแหละครับ มันจอดสงบนิ่งมานานจนใครๆว่ามันเสียไปแล้วหลายสิบปี แต่พี่เสือก็ทำให้มันเกิดใหม่ขึ้นมาได้ พร้อมกับเปลี่ยนหัวเข็มในขนาดที่ผมต้องการให้ได้ด้วย
       
          ผมเองมีเครื่องเล่นอยู่สองเครื่องๆ ที่ซื้อตอนบ้าเล่นเครื่องเสียงก็คือ Music Hall MMF 5 ซื้อเมื่อปี 2004 เพราะรู้สึกว่ามันน่าเล่นดี โดยเฉพาะเมื่อฟังเพลงคลาสสิกเก่าๆซึ่งไม่มีขายในรูปแบบของซีดี มันก็ได้อรรถรสอีกแบบและทำให้เราเกิดทางเลือกในการหาเพลงมาฟังมากกว่าเดิม แต่เมื่อเอามาเล่นจริงๆ ด้วยภาระในแต่ละวันในช่วงนั้นทำให้ไม่ได้ใช้งานมันอย่างจริงจังแต่อย่างไร แถมเปิดเพลงดังๆมากไม่ได้ เพราะ อยู่คอนโดมิเนียม จนกระทั่งสุดท้ายก็ยกเก็บเข้ากรุหลังจากเล่นไปได้แค่ 2 ปีเศษ
       
          กลับมาครั้งนี้ผมเอาเครื่อง มิวสิก ฮอลล์ มาเล่นใหม่อีกครั้ง ผมพบว่ามันไม่เหมาะกับความต้องการของผมเลย เพราะนอกจากตัวเครื่องจะเป็นแบบ ฟูล แมนวล (หมายถึงยกเข็มขึ้นและยกเข็มลงเองทั้งหมด) แล้ว เครื่องเล่นที่ว่ายังฟังเพลงร็อกจากยุค 70 ได้ไม่สนุกเอาเสียเลย เหมือนกับว่ามันไม่ได้เกิดมาเพื่องานนี้
       
          เครื่องรุ่นเก่าอย่าง Dual 505-2 ที่เป็นระบบ เซมิ ออโต้ ฐานเป็นไม้ที่สามารถยกเข็มเองได้ตอนหมดแผ่นจึงถูกสเปก การบูรณะให้มันเกิดใหม่จึงต้องทำ ผมยกเครื่องนี้ไปให้พี่เสือดูว่าแกจะทำได้ไหม เพราะ มันไม่หมุนมาหลายปีแล้ว พี่เสือใช้เวลาเกือบๆอาทิตย์ในการทำให้มันหมุนใหม่อีกครั้ง พร้อมกับการเปลี่ยนหัวเข็มตามความต้องการของผมที่ว่า ผมจะเอาเครื่องนี้ไปฟังเพลงร็อกยุค 70 หรือแผ่นเสียงที่บันทึก
       
          นี่คือความสนุกอีกอย่างของการเล่นแผ่นเสียง เพราะ เราสามารถเปลี่ยนบุคลิกของเครื่องเล่นได้หลายแบบ ให้เสียงหนาก็ได้ ให้เสียงบางก็ได้ ปรับให้เครื่องเล่นนี้สามารถฟังเพลงแจ๊ซที่ดีได้ ฟังแผ่นเสียงระดับออดิโอไฟล์หรือไฮไฟก็ได้ หรือจะกระโดดมาฟังเพลงร็อกรุ่นเก่าอย่าง จูดาส พรีสต์ ไควเอ็ต ไรออต หรือ ควีนส์ก็ได้...ทั้งหมดนี้หัวเข็มเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งหัวเข็มบางแบบนั้นฟังเพลงร็อกไม่มันส์ ฟังเพลงไทยยุค 80 ก็ไม่ค่อยสนุก น้ำเสียงมันบางเกิน รายละเอียดก็หยุมหยิมเกิน เข็มของเครื่องมิวสิกฮอลล์ก็เป็นแบบที่ว่าคือ ฟังคลาสสิกดีมาก แจ๊ซก็ดี แต่ร็อกไม่ได้เลย ผมบอกพี่เสือว่าผมอยากได้หัวเข็มที่ฟังแผ่นและเพลงยุค 70-80 และฟังเพลงร็อคได้มันส์และเข้ากับเครื่องเล่นแผ่น Dual เครื่องนี้
       
          นี่ก็เป็นความจริงที่แปลกในโลกของเครื่องเสียงอีก เพราะ หัวเข็มแพงๆลำโพงแพงๆ แอมป์แพงๆนั้นมักจะฟังร็อคหรือเมตัลไม่มันส์ อาจจะเป็นเพราะดนตรีที่ว่านี้มันมีดิสทอร์ชันสูง ขืนใช้ชุดเครื่องเสียงดีๆมันจะฟ้องความผิดเพี้ยนออกมาหมด งานนี้ผมมั่นใจว่าหัวเข็มราคาย่อมเยาฟังได้ดีกว่า
       
          ช่วงอายุ 40 กว่าๆ นี้ ผมอาเพศอะไรไม่ทราบ นั่นคือ อยากที่จะฟังเพลงรุ่นเก่าๆ โดยเฉพาะร็อกเก่าๆ เหล่านี้มากมาย แน่นอนซีดีที่ขายบางชุดก็มีอย่าง Machine Head ของ Deep Purple นั้น แต่ผมชอบเสียงที่ออกจากแผ่นเสียงมากกว่า ขณะที่อีกหลายแผ่นซีดีไม่มีขายแน่ๆ โดยเฉพาะถ้าจะไปเดินหาในเมืองไทย (ร้านซีดีก็แทบจะหมดไปแล้ว) จะมีก็แต่สั่งทาง amazon.com เพื่อเอามาฟังก็ได้เหมือนกัน แต่ว่ามันจะต้องทำอย่างงั้นทำไมในเมือง ในประเทศไทยยังมีแผ่นเสียงเก่าๆของวงร็อกและเมตัลเหล่านี้เต็มไปหมด ? ไม่ว่าจะเป็น แบล็ก ซับบาธ ยูไรห์ ฮีพ หรือ ดีพ เพอร์เพิล เลด เซปเปลิน จิมี่ เฮนดริกซ์ อเมริกา ไปจนกระทั่งรุ่นต้นยุค 80 อย่าง เรนโบว์ของ ริทชี่ แบล็กมอร์...ด้วยเหตุผลที่ว่านี้ผมเลยต้องฟื้นชีวิตของเครื่องเล่นเครื่องนี้ให้ได้
       
          พี่เสือซ่อมมันและเปลี่ยนหัวเข็มสีส้มแปร๊ดให้ผมตามที่ต้องการ ดูด้วยสายตามันหนากว่าเข็มเดิมเยอะเหมือนกัน ด้วยสนนราคาของการซ่อมและการเปลี่ยนเข็มทั้งหมดเท่ากับเติมน้ำมันรถด้วยเบนซิน 95 แบบเต็มถัง!! วันที่จัดการเสร็จเรียบร้อย แกลองให้ผมฟังด้วยแทร็กที่ชื่อว่า Ready For Love ของคณะ Bad Company ที่มี พอล รอดเจอร์ส เป็นคนร้อง...ซึ่งผมต้องยอมรับว่า นี่แหละคือ เสียงและสิ่งที่ผมต้องการ ฝีมือการซ่อมของแกเยี่ยมครับ ไม่มีเสียงจี่ปรากฏให้เห็น ระบบกลไกทุกอย่างทำกันแบบราบรื่นมาก มันดูมีประกายอีกครั้ง ตั้งแต่วันนั้นเจ้า Dual เครื่องนี้ก็มาประจำการอีกครั้งในชุดฟังเพลงที่บ้านพร้อมกับการนำแผ่นเก่าๆ มาทำความสะอาดเพื่อต่ออายุของตัวเองให้สดชื่นซาบซ่าเหมือนเป็นวัยรุ่นอย่างงั้นเชียว
       
          คนที่รักเพลงร็อกนั้นควรอย่างยิ่งที่จะต้องทำความรู้จักกับพี่เสือเอาไว้ เพราะแผ่นเสียงดีๆ ที่ท่านเก็บไว้และไม่ได้ใช้มันเนื่องจากไม่มีเครื่องเล่นหรือเครื่องเสียไปนานแล้วแบบผม ใครสนใจลองเข้าไปคุยกับแกได้ที่เฟซบุ๊กของร้านที่ http://www.facebook.com/#!/pages/Tonchabab-record-shop/166035403419929 หรือไม่งั้นก็ลองโทร.คุยกับแกก่อนที่เบอร์ 08-1695-2785 ดูแล้วกันครับ
       
          เรื่องของแผ่นเสียงยังไม่จบขอต่อคราวหน้าอีกสักครั้ง โดยเฉพาะในเรื่องราคาค่าเล่น ซึ่งผมยืนยันว่าถูกกว่าซื้อไอโฟนที่คนจำนวนมากต้องมีไว้ใช้กันราวๆ ครึ่งนึงก็ว่าได้ครับ

ประโยคสุดท้ายนี่น่าสนใจจังครับ  ;)

โอ กำเงินไปประมาณ 12700 บาท ไปที่ราชดำริ เอากลับมาต่อกับมินิ คอมโป เล่นได้เลยครับ หรือจะต่อผ่านคอมพ์ที่มีช่อง line in ก็เล่นได้แล้ว ยี่ห้อ denon นะครับ เครื่องที่ว่า ไม่ใช่ no name :D

http://usa.denon.com/us/product/pages/productlanding.aspx?catid=0033e08f-3edd-435b-946f-82784b5bc621

มาหาเพื่อนเล่นต่อ :D

(http://usa.denon.com/Assets/images/Products/DP-300F/L_DP-300F_D.png)

Denon DP-300F

  พวกเครื่องมือสองราคาไม่ถึงหมื่นก็คุณภาพใช้ได้แล้วครับ ดูคลาสสิคดีด้วย
  เลือกหัวเข็มให้ตรงตามรสนิยมของเรา แค่นี้ก็ได้พบกับโลกใหม่แล้วครับ  :D

Denon DP-300F รุ่นนี้เล่นง่าย เพราะมีปรีโฟโนในตัว เลือก on/off ได้ ไม่ต้องหาแอมป์ที่มีช่องโฟโน หรือ หาปรีโฟโนอีก ราคาก็เหมาะกับ beginner ดีครับ

สำหรับนักเล่นเครื่องเสียงรุ่นเก่าและกลางเก่ากลางใหม่ คงจำกันได้ว่าแผ่นเสียงได้เกิดใหม่มาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อประมาณปี 2538-2539 ก่อนวิกฤตต้มยำกุ้งเพียงเล็กน้อย ซึ่งตอนนั้นหนังสือเครื่องเสียงทั้งไทยและเทศต่างพากันเชียร์อะนาล็อกฟอร์แมทกันน่าดูชมทีเดียวครับ

Most Expensive Compact Disc

(http://most-expensive.net/wp-content/uploads/2009/04/expensive-cd-woman.jpg)

Universal Music has unveiled the world’s most expensive compact disc at a Japanese department store. The disc, entitled “Woman: Sweet 10 Diamond,” features eighteen songs by female recording artists including Mariah Carey, Rihanna, Mary J. Blige and Nelly Furtado.

The disc’s real draw, though, is its case. Designed in Tokyo by Japanese jeweler Nagahori, the platinum case is studded with ten 2-carat diamonds arranged in a circle around the disc’s title.

The disc is on display at the Takashimaya department store in Tokyo and has a retail price of ￥10 million—just over US $100,000.

That certainly beats the glass CDs created by Japanese engineer Suenori Fukui by a long shot. Made to take advantage of the material’s transparency and scratch resistance, glass compact discs promised audio quality unattainable by plastic.


The first glass CD made available to the public was Johann Sebastian Bach’s “Air on G String,” sold by N & F Label for around $883. Judging by the lack of media attention in the years since it was released, though, you shouldn’t hold your breath waiting for your favorite band’s entire discography to be released on glass.

(http://most-expensive.net/wp-content/uploads/2007/12/expensive-cd.jpg)

(http://i137.photobucket.com/albums/q239/polotoon/polotoon%202/239-2.jpg)

พอดีแผ่นนี้ทำท่าจะมีคนซื้อไปแล้ว ผมเลยขอมาคุยให้ฟังนิดหนึ่งก็แล้วกันครับว่า แผ่นซีดีนี้ด้านข้อมูลแผ่นจะเป็นสีน้ำเงินเข้มทึบ คล้ายแผ่นดีวีดี บันทึกในลักษณะ Custom Made จำกัดจำนวน ควบคุมคุณภาพในการบันทึกเป็นอย่างดี จากต้นฉบับแผ่นเสียงนั่นเอง เป็นผลงานของบริษัทชื่อดังใน Hong Kong คือ Hugo production ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในวงการ Audiophile

เดี๋ยวมาต่อครับ ..

ผมได้ฟังแล้ว ยอมรับว่า เผลอนึกว่ากำลังฟังแผ่นเสียงอยู่จริงๆ แต่แล้วแผ่น LPCD แบบนี้ ก็ไม่ได้รับความนิยมมากนัก น่าจะเป็นเพราะการที่เหยียบเรือสองแคม เอมทั้งฝั่งซีดี และแอลพี่มายำรวมกัน อีกทั้งราคาที่สูงอยู่พอสมควรครับ แต่อัลบั้มที่ยกตัวอย่างมานี้ มีดีอีกอย่างที่เอา สองอัลบั้มดังในวงการคลาสสิคของเอเชียมารวมไว้ด้วยกัน เรียกได้ว่าค่อยคุ้มค่าเงินขึ้นมาหน่อย

แผ่น LPCD พี่ป่องใช้เครื่องเล่นอะไรเล่นครับ  ถ้าใช้เครื่องเล่นซีดีเล่นนั่นก็หมายความว่าเป็นแค่แผ่นซีดีเท่านั้น(16/44.1khz)
ไม่ว่าจะมีกรรมวิธีผลิตต้นฉบับมาสเตอร์แผ่นดีเลิศเพียงใด  ความหัวใจสำคัญทีุ่สุดก็คือการเล่นกลับหากเป็นแค่รูปแบบฟอร์แม็ตซีดี
ก็ไร้ความหมาย  มันก็คือแผ่นซีดีธรรมดาเหมือนพวกแผ่น SHM  หรือ XRCD ฯลฯ ที่เป็นแผ่นซีดีที่มีคุณภาพบันทึกเสียงดีกว่าซีดีทั่วๆไปเท่านั้น
แผ่นLPCD  ผมคาดเดาไว้ได้เลยไม่มีทางมีอนาคตหรอกครับ  ขนาด SACD หรือ DVD-Audio เป็นถึงฟอร์แม็ต Hi-Res. ยังตายเลย
นับประสาอะไรกับแผ่น LPCD ที่จะพัฒนาให้ตายก็ไม่มีทางเกิดได้ ยิ่งราคาแพงด้วย

ผมว่า Cd Format ถึงมันจะไม่โตแล้ว หรืออาจจะกำลังตาย อย่างน้อยมันก็ได้ตอบสนองคนฟังมานานร่วมเกือบ 30 ปี ก็นับว่าคุ้มค่ากับที่มนุษย์เราสร้างสรรค์ขึ้นมาแล้วล่ะครับ อนาคตคนอาจไม่เล่นซีดีกันอีกแล้วหรืออย่างไร เชื่อว่าคนเล่นซีดีทั้งหลายก็คงสุขใจแล้วล่ะครับ ที่เคยได้เล่น ที่ยังเล่นอยู่ หรืออาจจะเล่นต่อไปอีกก็ได้ครับ

สำหรับผม มีอะไรให้เล่น ถ้าเล่นไหว เล่นได้ ก็เล่นทั้งนั้นแหละครับพี่  :D

ผมไม่ได้บอกว่าฟอร์แม็ตซีดีไม่ดี  แต่ ณ ปัจจุบันโลกของดิจิตอลเปลี่ยนไปการพัฒนาฟอร์แม็ตอื่นๆที่ดีกว่า
ต้องเข้าใจคำ "ดีกว่าของเก่า"  ดิจิตอลนั้นสำคัญที่สุดอยู่ที่การเล่นกลับว่า่จะเหมือนหรือใกล้เคียงกับต้นฉบับมาสเตอร์เท่าไรครับ
คนที่หลงไหลกับแผ่นเสียง, ซีดี, เทป หรืออะไรก็แล้วแต่นั้นเป็นรสนิยมความชื่นชอบส่วนตัวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ก็เหมือนกับที่ผมเคยถามพี่ป่องว่า เทป ที่พี่ป่องขายอยู่ทำไมยังมีคนซื้อทั้งๆที่มันไม่น่าจะมีคนเล่นแล้ว แต่พี่ป่องบอกผมว่ายังพอขายได้บ้าง
อาจจะขายน้อยมาก  แสดงว่าต้องมีคนเล่นถึงขายได้ นี่คงเป็นเหตุผลที่ผมบอกข้างต้นเป็นเรื่องของความชื่นชอบส่วนตัวแท้ๆครับ

คนเขาชอบทานข้าว ใส่จานมั่ง ชามมั่ง กระทงมั่ง
มันก็อร่อยกันคนละแบบ
บางที ก้ออาจจะเบื่อจานแก้วคริสตัล ขอบทอง ละมั้งครับเฮียป่อง เฮียอั๋น  :D

ว่าแต่ ในที่นี้ ผมยอมรับว่า คุณโปโลตูน แกเล่นครบทุกผลิตภัณฑ์จริงๆ
นับถือๆๆ
คนแบบนี้ น้องผมรักตายเลย
(แกจบ Industrial Design อ่ะครับ  :D)

คือพี่อั๋น ย้ำอยู่เสมอว่าไฟล์ละเอียดสูงดีที่สุด ผมว่าทุกคนเข้าใจ ยอมรับกันหมดแล้วล่ะครับ เพียงแต่ยังอยากเล่นแบบอื่นๆอยู่ เท่านั้นเองครับ ไม่ได้หมายความว่า ไม่เข้าใจ หรือไม่ยอมรับครับพี่  ;)

ต้องมีคนลอง ถึงมีคนคิดครับ ถ้าคิดมาแล้ว ไม่มีคนลอง ก็จบกัน คิดเอง ลองเองอยู่อย่างนั้นไงครับพี่ :D

ผมยังไม่ได้บอกว่าไฟล์ดิจิตอลรายละเอียดสูงดีที่สุด  แต่ผมบอกว่ามันเป็นไฟล์ดิจิตอลที่ดีกว่าฟอร์แม็ตซีดี(ซีดีก็เป็นดิจิตอลเช่นกัน)
คือผมเอาหลักการเรื่องจริงของฟอร์แม็ตมาบอกเท่านั้น   ผมเคยบอกไว้ว่าทุกฟอร์แม็ตการทำต้นฉบับมาสเตอร์จากสตูดิโอนั้นสำคัญที่สุดครับ
คุณภาพเสียงจะดีหรือเลวขึ้นอยู่กับต้นทางครับ

ผมเองก็ยอมรับพี่ป่องว่าเป็นนักฟังตัวจริงพวกมิวสิคเลิฟเวอร์ เป็นคนที่เล่นได้กับทุกฟอร์แม็ตนับถือๆ

ครับพี่ ยินดีรับฟังคำแนะนำของพี่ ด้วยความขอบคุณครับ

คู่นี้ จะแต่งงานกันเมื่อไหร่จ๊ะ ฮิๆ :D :D

แล้วอย่างนี้ พวก collectors หรือ music lovers ที่อุตส่าห์สะสมซีดีไว้นับพันนับหมื่นแผ่น จำเป็นจะต้องขายแผ่นซีดีทิ้งแล้วหันไปหาฟอร์มแมทอื่นที่ดีกว่าหรือเปล่าครับ?

ผมยังซื้อซีดีอยู่เลยตอนนี้ ตกเดือนล่ะ 5-6 แผ่น สมัยนี้คนหันไป D/L กันหมดก็ดี
ทำให้ราคาซีดีถูกลง แผ่น usa ตกแผ่นล่ะ $7 เอง ล่าสุดสั่งซื้อ Kansas ชุดแรก (same)
ไป คิดเป็นเงินไทย ไม่ถึง 250 บาทเสียด้วยซ้ำ

Music Collectors ที่เก็บแผ่นไว้เป็นจำนวนหมื่น ๆ แผ่นคงไม่น่าจะเอามาเทขายนะครับ
ลองว่ามีเยอะขนาดนั้นแล้ว ผมว่าฐานะพวกเขาคงไม่ธรรมดา
การที่จะหาฟอร์แม็ตใหม่ ๆ มาเสพไม่น่าจะเป็นปัญหาของพวกเขาครับ  ;D

หรือไม่ อาจจะเลือกเก็บงานที่ตัวเองชอบเอาไว้ แล้วขายงานอื่นที่ไม่ค่อยชอบออกไป  ;D
ณ ตอนนี้ ผมยังเลือกที่จะฟังแผ่น CD มากกว่าฟังจาก ไฟล์ ครับ (อาจจะยังไม่ิชินน่ะครับ)

ลองมีชั้นวางขนาดนี้ คงขายซีดีไม่ลงครับ  :-\


(http://i469.photobucket.com/albums/rr56/jknoremorse/1273570826.jpg)


สรุป ยุคของ CD จะไม่หมด และจะไม่หายไปไหนครับ  :D

บ้านใครหว่า สวยจัง

ผมก็พยายามขายซีดีออกไปบ้าง แต่ยิ่งขาย ของยิ่งมีเพิ่มขึ้นครับ :D

เข้าไปอ่านในเว็บของ Tony Carey (อดีตมือคีย์บอร์ด Rainbow, Over the Rainbow) เขาผลิตและขายซีดีผลงานเดี่ยวของเขาเอง แต่เขาไม่เก็บสะสมซีดีเลย เขาบอกว่า ตัวหนังสือมันเล็ก อ่านไม่ออก เขาเก็บเพลงต่างๆ ไว้ฟังเป็นไฟล์ทั้งหมดครับ

ตอนนี้ยังพอเห็นเครื่องเล่นซีดีหลายยี่ห้อยังมีขายอยู่ตามหน้าโฆษณาในหนังสือเครื่องเสียง ผมเองยังอยากได้เครื่องเล่นซีดีใหม่เช่นกัน แต่ถ้าเป็นเจ้าตัวข้างล่างนี้คงต้องควักอีกครึ่งแสน (บาท) ครับ :D

(http://assets1.listeningpost.co.nz/assets/roksan-kandy-cd_T.jpg)

คำถามของพี่ปีศาจฯที่ถามว่า "พวก collectors หรือ music lover ที่เก็บสะสมแผ่นซีดีไว้นับหมื่นๆแผ่นจะทำอย่างไร"
ผมไม่ได้เป็นพวก collectors แต่อาจจะเป็นพวกมิวสิคเลิฟเวอร์ ตามความคิดของผม  คนที่เก็บสะสมแผ่นซีดีไว้มากมาย
จะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่  ก็น่าจะเก็บแผ่นซีดีไว้เช่นเดิมถ้ายังรักกับการเล่นแผ่นซีดีอยู่ไม่ได้เดือดร้อนอะไรไม่จำเป็นต้องขายแผ่นซีดี
ทิ้งหรอกครับ จะซื้อเก็บสะสมซีดีเพิ่มก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร เรื่องของรสนิยมความชื่นชอบส่วนตัวนั้นเป็นเรื่องของตัวเราเอง
ฟอร์แม็ตอื่นๆที่ดีกว่าซีดีหากอยากจะเล่นก็เล่นไปไม่ได้แปลกอะไร ไม่อยากเล่นก็ไม่ต้องเล่นไม่ได้ไปเดือดร้อนใคร
จะเลือกเล่นกับฟอร์แม็ตอะไรก็ต้องตามใจตัวเองครับ  ถึงแม้วันข้างหน้าซีดีจะตายถ้าเรายังรักการเล่นซีดีอยู่เหมือนกับคนที่รักการเล่นเทป
เราก็เล่นของเราไป  ผมรับรองได้ว่าซีดียังคงมีขายให้เล่นตลอดไป ตราบใดที่พ่อค้าแผ่นรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่พวกมิวสิคเลิฟเวอร์ต้องการ
การทำธุรกิจค้าขายได้นั้นมีหรือพวกพ่อค้าจะพลาดโอกาส

ถ้าสะสมแผ่นซีดีไว้มากมายก่ายกอง แล้วจู่ ๆ วันหนึ่งไม่มีเครื่องเล่นหรือหาเครื่องเล่นลำบากดังเช่นเครื่องเล่นเลเซอร์ดิสก์ แล้วอย่างนี้คนที่มีแผ่นซีดีสุดรักเก็บไว้เยอะ ๆ จะไม่แย่หรือครับ?

ถึงตอนนั้นก็คงริปเป็นไฟล์ flac คุณเสียงระดับซีดีไว้ฟังทางคอมพิวเตอร์แทนก็ได้ครับ ส่วนซีดีก็เอาไว้ดูปกเล่นๆ

คำถามนี้เห็นทีพี่ปีศาจฯต้องไปถามเฮียโป่งดูแล้วว่าทำไมยังเก็บสะสมแผ่นเลเซอร์ดีสก์อยู่  ทั้งๆที่เครื่องเล่นเลเซอร์ดีสก์ถ้าเสียก็หมายความว่าจะ
ต้องทิ้งเครื่องเลยเพราะไม่มีอะไหล่ให้ซ่อมแล้วครับ  ถึงแม้เฮียโป่งมีเครื่องสำรองเก็บไว้ให้เล่นหลายเครื่องก็จริงแต่ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าก็รู้ๆกันอยู่
หากไม่ได้ใช้งานทิ้งเครื่องไว้นานๆโอกาสเสียหายย่อมมีเสมอครับ

OLIVE  06HD  เป็นเครื่องเล่นนวัตกรรมใหม่ล่าสุด (พี่ป่องช่วยหารูปประกอบให้หน่อยขอบคุณหลายๆ) ตอบโจทย์คำถามทั้งหมด
ด้วยเครื่องเล่นยี่ห้อ OLIVE  06HD ตัวนี้มันคือมิวสิคเชิร์ฟเวอร์ Player ที่มีฮาร์ดดีสก์ขนาด 2 TB บรรจุอยู่ภายในเครื่องสามารถรองรับ
เก็บอัลบั้มซีดีที่เราต้องการริปเป็นไฟล์สะสมไว้ฟังได้มากเป็นหมื่นอัลบั้ม(ไฟล์ระดับซีดี 16/44.1khz) และยังสามารถจัดเก็บสัญญาณดิจิตอล
รายละเอียดสูงระดับ 24/96khz หรือ 24/192khz ที่หน้าตัวเครื่องมีจอควบคุมด้วยระบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว เล่นได้ทั้งแผ่นซีดีและไฟล์เพลงทุกรูปแบบ
แถมยังสามารถริปซีดีเก็บไว้เป็นไฟล์ได้ด้วย มีช่องต่อสัญญาณเสียงมาให้ทุกรูปแบบ ที่สำคัญมากคือสามารถเล่นได้เลยโดยไม่ต้องต่อผ่าน
คอมพิวเตอร์(เหมือนเครื่องซีดี) รายละเอียดต่างๆเดี๋ยวค่อยไปว่ากันที่กระทู้เครื่องเสียง

(http://www.audioholics.com/reviews/digital-media-servers/olive-06hd-music-server-first-look/image)

กระทู้นี้นับว่าเป็นกระทู้แห่งอนาคตและวิสัยทัศน์เลยทีเดียว เหมือนสมัยก่อนโน้นที่ซีดีเริ่มเป็นที่นิยมและมีคนเคยตั้งคำถามว่าแผ่นเสียงจะไปรอดไหม จนกระทั่งทุกวันนี้แผ่นเสียงก็ยังอยู่ แต่จำกัดตัวเองแคบลง ส่วนซีดีก็ต้องรอดูกันต่อไป ส่วนตัวผมเชื่อว่ายังคงอยู่ แต่พื้นที่ยืนคงแคบลงเช่นเดียวกับแผ่นเสียง ดังนั้น ใครเก็บซีดีเป็นคอลเล็คชั่นใหญ่ ๆ ไว้จึงไม่น่าจะต้องกังวลครับ

ถูกต้องครับ
เราอย่า ไปห่วงอนาคต ที่ยังมาไม่ถึง
ทำปัจจุบันในขณะนี้ ให้ดีที่สุด

ขนาดเทปคาสเซ็ท ที่ว่าตายๆ ไปแล้ว
ผมเห็นเครื่องเล่นมือสอง ยังอยากได้เลยครับ
ราคาถูกจนเหมือนได้เปล่า..

ส่วนในมุมมองของนักสะสม ซีดีแล้ว (รวมทั้งฟอร์แมทอื่นๆ ด้วย)
เราเก็บอารมณ์ของงานชิ้นนั้น หรือคารวะต่อศิลปินที่เราชื่นชอบมากกว่าครับ
ยิ่งชิ้นที่ผูกพันกันมาด้วยแล้ว
คงเก็บกันจนตายไปข้างหนึ่ง

รึว่า ผมจะคิดอยู่คนเดียวนะ
ฮิๆ  :D

+100
ช่วยคิดอีกคนก็ได้ครับ :D

+100 ด้วยคนครับ ผมบอกลูกๆเอาไว้ว่า ถ้าถึงวันที่พ่อจะต้องลงโลงแล้ว ถ้ายังไม่มีทายาทอสูรแล้วล่ะก็ ขอให้ใส่ลงไปในโลงเผาไปพร้อมพ่อ(จะเอาไปดูต่อบนสวรรค์ ;D) ถ้าโลงเดียวไม่พอก็ซื้อโลงเพิ่มอีก ;D.....ผมคงต้องเริ่มวางแผนซื้อเครื่องเล่น ซีดี + ดีวีดี เอาไว้เป็นสแปร์เพิ่มหลายๆเครื่องแล้วล่ะครับ เพราะนับวันแผ่นซีดี+ดีวีดีทั้งหนังและเพลงจะเพิ่มมากขึ้นทุกที เดาเอาว่าไม่น่าจะน้อยกว่าหมื่นแผ่นแน่ๆ(ถ้่านับเป็นแผ่นๆ) ;D

ไม่ต้องถึงขนาดต้องซื้อเครื่องเล่นดีวีดีมาเก็บไว้เป็นสแปร์ให้เสียเงินเปล่าๆ  เครื่องเล่นบูลเรย์ที่เฮียเล่นอยู่ก็เล่นแผ่นดีวีดีหรือซีดีได้อยู่แล้ว
แถมยังเล่นดีวีดีอัพสเกลเลอร์ทำให้ภาพจากดีวีดีดีขึ้นอีกด้วย

เครื่อง Dune ที่ผมหิ้วไปด้วย เล่นแผ่น DVD นอกระบบไม่ค่อยได้เลยครับ

อาจจะเป็นเพราะเครื่องเล่น DUNE MAX  ใช้หัวอ่านของโซนี่ ซึ่งมักจะไม่ค่อยยอมให้เล่นกับพวกแผ่นดีวีดีนอกระบบ(แผ่นก็อป)
เวลานี้เครื่องเล่นบูลเรย์ที่เล่นแผ่นได้ดีน่าจะเป็นยี่ห้อ OPPO

   แต่ของผมเล่นแผ่นแบบนี้  ได้ทุกแผ่นเลยครับ

คุณ panyarak ลองเซ็ทไว้ที่ 8 bit ดูเพราะของผมเวลาเซ็ทไว้ที่ 12 bit แล้วเล่นแผ่นดีวีดีไม่ได้เลยไม่มีภาพต้องเซ็ทไว้ที่ 8 bit เท่านั้น
แต่กับแผ่นบูลเรย์ไม่มีปัญหาจะเซ็ทไว้ที่ 12 bit

ขอถามเป็นข้อๆ นะครับ
1. ดีวีดีอัพสเกลเลอร์ คืออะไรครับ ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ
2. ผมมีความรู้สึกเองว่า แผ่นดีวีดีบางแผ่นบางเรื่อง ทั้งแผ่นจริงและแผ่นก๊อบ เมื่อนำมาเล่นกับเครื่อง บลูเรย์แล้ว บางแผ่นความชัดก็น่าพอใจ บางแผ่นก็ไม่น่าพอใจ แต่ผมสังเกตุและจับจุดได้ว่า แผ่นดีวีดีแท้ของบริษัท แคททาลิสต์ นั้น เจ๋งครับ คมชัดดีมาก มิน่าเล่าราคาขายถึงแม้จะราคา เซล แล้วก็ยังสูงกว่าแผ่นของบริษัท อื่นๆอยู่ นั่นแสดงว่าของเขาดีจริงๆ เขาตั้งใจผลิตออกมาสมน้ำสมเนื้อกับราคาขายของเขา ณ เวลานี้ ถ้าหากเจอแผ่นของบริษัทฯ นี้ที่ลดราคาแล้วเป็นหนังที่ต้องการด้วย ก็ต้องรีบคว้าทันทีเลยครับ :D
3. สำหรับแผ่น ซีดี ไม่ว่าจะของแท้หรือของเทียม หรือจะเป็นแผ่นแท้ของบริษัทไหนแม้แต้แคททาลิสต์เองก็แล้วแต่ พอเอามาเปิดกับเครื่องบลูเรย์แล้ว ภาพที่ออกมา
เสีย ' รมณ์ ทุกทีเลยครับ
4. สมมติว่า ผมจะซื้อเครื่องเล่น ดีวีดี เครื่องใหม่ (มันเล่นแผ่นซีดีได้อยู่แล้วแน่นอน)อีกเครื่องหนึ่ง ผมเห็นเดี๋ยวนี้มีการโฆษณาว่าที่ตัวเครื่องมีช่อง HDMI อยู่ด้วย นั่นแปลว่า(ความเข้าใจของผมเองนะครับ) มันออกแบบผลิตมาเพื่อให้ใช้กับ ทีวี LCD รุ่นใหม่เท่านั้น แต่ผมเข้าใจเอาเองว่าก็ยังคงมีช่อง AV + DVD COMPONENT  มาให้ด้วยเหมือนเดิม ทีนี้ปัญหาที่ผมเกรงอยู่ก็คือ  กลัวว่าเครื่องมันจะมีประสิทธิภาพดี+เทียบเท่าเหมือนกับเครื่องบลูเรย์ใช่ไหมครับ(แต่ราคาก็ยังต่ำกว่ามาก) ดังนั้น จึงกลัวว่าเมื่อซื้อมาแล้วๆเอาแผ่น ดีวีดี + ซีดี ทั้งแผ่นแท้และไม่แท้ ใส่เข้าไปเล่นแล้ว กลัวว่าภาพจะออกมาไม่ดีหรือเปล่า หรือว่าไอ้เจ้าช่อง HDMI ที่ให้มานั้น เพื่อจุดประสงค์ในการใช้กับทีวี LCD เท่านั้นเอง ไม่มีผลต่อภาพเมื่อเล่นแผ่น ดีวีดีและซีดี แต่อย่างไร ....ผมเข้าใจถูกตามที่พูดมาไหมครับ
5. การที่ผมพูดว่าจะซื้อเอาไว้สแปร์นั้น หมายความว่า ถ้าจังหวะไหนไปที่ไหนเจอ งานแบบเซลลดราคาสุดๆ แล้วยี่ห้อเจ๋งๆด้วย เช่น โซนี่ ฟิลลิปส์  พานาโซนิค ก็อาจจะตัดสินใจซื้ออีก ครับ :D

เครื่องผมเซ็ทไว้ที่ 8 bit แต่แรกแล้วครับ

เครื่องผมก็เล่นแผ่นไรท์ แผ่นผีได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เท่าไหร่ครับ แต่อาศัยว่า ไม่ค่อยได้เล่นจากแผ่นแล้วครับ บางทีได้แผ่นมา ยังมาริปลง HD ดูเอาเลยครับ เพราะเปลี่ยนไปมาง่ายดีครับ

[/quote]ขอถามเป็นข้อๆ นะครับ
1. ดีวีดีอัพสเกลเลอร์ คืออะไรครับ ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ
2. ผมมีความรู้สึกเองว่า แผ่นดีวีดีบางแผ่นบางเรื่อง ทั้งแผ่นจริงและแผ่นก๊อบ เมื่อนำมาเล่นกับเครื่อง บลูเรย์แล้ว บางแผ่นความชัดก็น่าพอใจ บางแผ่นก็ไม่น่าพอใจ แต่ผมสังเกตุและจับจุดได้ว่า แผ่นดีวีดีแท้ของบริษัท แคททาลิสต์ นั้น เจ๋งครับ คมชัดดีมาก มิน่าเล่าราคาขายถึงแม้จะราคา เซล แล้วก็ยังสูงกว่าแผ่นของบริษัท อื่นๆอยู่ นั่นแสดงว่าของเขาดีจริงๆ เขาตั้งใจผลิตออกมาสมน้ำสมเนื้อกับราคาขายของเขา ณ เวลานี้ ถ้าหากเจอแผ่นของบริษัทฯ นี้ที่ลดราคาแล้วเป็นหนังที่ต้องการด้วย ก็ต้องรีบคว้าทันทีเลยครับ :D
3. สำหรับแผ่น ซีดี ไม่ว่าจะของแท้หรือของเทียม หรือจะเป็นแผ่นแท้ของบริษัทไหนแม้แต้แคททาลิสต์เองก็แล้วแต่ พอเอามาเปิดกับเครื่องบลูเรย์แล้ว ภาพที่ออกมา
เสีย ' รมณ์ ทุกทีเลยครับ
4. สมมติว่า ผมจะซื้อเครื่องเล่น ดีวีดี เครื่องใหม่ (มันเล่นแผ่นซีดีได้อยู่แล้วแน่นอน)อีกเครื่องหนึ่ง ผมเห็นเดี๋ยวนี้มีการโฆษณาว่าที่ตัวเครื่องมีช่อง HDMI อยู่ด้วย นั่นแปลว่า(ความเข้าใจของผมเองนะครับ) มันออกแบบผลิตมาเพื่อให้ใช้กับ ทีวี LCD รุ่นใหม่เท่านั้น แต่ผมเข้าใจเอาเองว่าก็ยังคงมีช่อง AV + DVD COMPONENT  มาให้ด้วยเหมือนเดิม ทีนี้ปัญหาที่ผมเกรงอยู่ก็คือ  กลัวว่าเครื่องมันจะมีประสิทธิภาพดี+เทียบเท่าเหมือนกับเครื่องบลูเรย์ใช่ไหมครับ(แต่ราคาก็ยังต่ำกว่ามาก) ดังนั้น จึงกลัวว่าเมื่อซื้อมาแล้วๆเอาแผ่น ดีวีดี + ซีดี ทั้งแผ่นแท้และไม่แท้ ใส่เข้าไปเล่นแล้ว กลัวว่าภาพจะออกมาไม่ดีหรือเปล่า หรือว่าไอ้เจ้าช่อง HDMI ที่ให้มานั้น เพื่อจุดประสงค์ในการใช้กับทีวี LCD เท่านั้นเอง ไม่มีผลต่อภาพเมื่อเล่นแผ่น ดีวีดีและซีดี แต่อย่างไร ....ผมเข้าใจถูกตามที่พูดมาไหมครับ
5. การที่ผมพูดว่าจะซื้อเอาไว้สแปร์นั้น หมายความว่า ถ้าจังหวะไหนไปที่ไหนเจอ งานแบบเซลลดราคาสุดๆ แล้วยี่ห้อเจ๋งๆด้วย เช่น โซนี่ ฟิลลิปส์  พานาโซนิค ก็อาจจะตัดสินใจซื้ออีก ครับ :D
[/quote]


   ดีวีดีอัพสเกล  ก็เหมือนกับเอาผู้หญิงมาแต่งหน้าทาปาก จะสวยขึ้นมากน้อยแค่ไหน
   ก็อยู่ที่เครื่องสำอางค์ ช่างแต่งหน้า รวมถึงตัวคนถูกแต่งด้วยครับ  :D

   ส่วนจะซื้อเครื่องเอาไว้สแปร์นั้น ไม่จำเป็นหรอกครับเพราะต่อไปราคาเครื่องมีแต่จะถูกลงและคุณภาพดีขึ้น

ขอบคุณครับ ผมว่า ตัวคนถูกแต่ง แน่นอนกว่าครับ ;D เครื่องสำอางค์+ช่างแต่งหน้า มันเป็น มายา ครับ :D

เฮียถามมาแยะมากเลยเอาไว้เจอกันผมจะตอบคำถามให้ทุกข้อเรื่องมันยาวครับ 

Format ซีดีที่ออกใหม่ๆ รู้สึกว่าจะเป็นแบบDigipackหรือว่าเป็นแบบปกกระดาษแข็งๆเยอะเหมือนกัน(ต้องการลดต้นทุนรึเปล่า ???) แต่เห็นแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยน่าซื้อเลยครับ

นักสะสมหลายคนชอบ digipak มากกว่า jewel case นะครับ บางครั้งขายแพงกว่าแบบ jewel case ด้วยซ้ำไปครับ

แต่ digipak ของไทยกระดาษบาง ดูแลรักษายากมากเลย ( ของศิลปินไทยน่ะครับ )

    เมื่อวานเอาสมุดแสตมป์ที่สะสมไว้มาดูเล่น เลยคิดว่าต่อไปซีดีหรือแผ่นเสียงคงเหมือนกับแสตมป์นี่แหละ
  มีไว้เพื่อสะสมไม่ได้เอาไว้ใช้งานแล้ว
    และในอนาคตเราคงต้องฟังเพลงหรือดูหนังกันทางอินเตอร์เน็ท ไม่ต้องมีแผ่นมีฮาร์ดดิสให้เกะกะ อยากดู
  หรืออยากฟังอะไรก็เข้าเวปได้เลยอาจเสียค่าสมาชิกเป็นรายเดือนรายปี 

สะสมแสตมป์เหมือนกันหรือครับ ถ้ามีโอกาสน่าจะได้เอามาแลกเปลี่ยนกันดูนะครับ :)

ผมเชื่อว่า ตราบใดที่ยังมีเครื่องเล่นแผ่นเสียงและเครื่องเล่นซีดีจำหน่ายอยู่ แผ่นเสียงและซีดีคงไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อสะสมเหมือนแสตมป์หรอกครับ
และถ้าลองพลิกดูหน้าโฆษณาขายเครื่องเสียงตามนิตยสารต่าง ๆ ก็จะพบอย่างน่าประหลาดใจว่า ในตลาดสินค้ามิดเอนด์ถึงไฮเอนด์นั้น เครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นใหม่ยังมีทำออกมาขายอย่างต่อเนื่อง ราคาก็เริ่มแพง และยังมีอุปกรณ์รองรับอีกมากมายให้เลือกใช้ (โทนอาร์ม หัวเข็ม สายพานอะไหล่ ฯลฯ) ผิดกับเครื่องเล่นซีดีซึ่งมียอดการผลิตและจำหน่ายที่หดลงครับ

  เคยสะสมอยู่พักหนึ่งครับ ถ้าบ้านอยู่ใกล้กันจะหอบไปให้คุณสมบุญดูเลยครับ  :D

ผมมีสมาชิกคนหนึ่งบ้านอยู่จังหวัดสระแก้ว วันหนึ่งเขาเดินทางมาหาผมด้วยขบวนรถไฟ ออกจากสถานีรถไฟสระแก้วเช้ามาถึงสถานีรถไฟลาดกระบังบ้านผมราวๆ 11 โมงเช้า นั่งคุยกันที่ร้านอาหารแถวสถานีอยู่ราว 2 ชั่วโมง แล้วขึ้นรถเที่ยวบ่ายโมงกลับสระแก้ว ครับ :)...ใกล้+สะดวกไหมครับ :)

  ผมหมายถึงคนส่วนใหญ่น่ะครับ ถ้าทุกคนคงเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้ก็มีหลายคนใช้วิธีนี้อยู่แล้ว
    คิดว่าอีกไม่น่าเกิน 5 ปีจะมีเวปที่ทำเหมือนห้องสมุดเพลง+หนัง ให้เราเข้าไปเลือกได้สะดวก
  หลากหลายขึ้น และถ้าอินเตอร์เนทพัฒนาให้สะดวกและรวดเร็วขึ้นผมก็ยินดีที่จะดูหนังและฟังเพลง
  จากวิธีนี้ครับ

  ถ้าบ้านคุณสมบุญอยู่ระยอง แปดริ้ว ...หรืออะไรที่ไม่ใช่กรุงเทพฯ ผมจะขับรถไปหาเลยครับ
  ผมไม่ค่อยสะดวกที่เข้ากรุงเทพฯ (ไม่ชอบรถติด+ไม่รู้ทาง) ไปแต่ละทีต้องนั่งรถเมล์เอา
  บ้านนอกไหมครับ  ;D

ผมก็เชื่อว่าหลายคนคงใช้วิธีโหลดเพลงโหลดหนังมาดูกันแล้วในปัจจุบันนี้ และเคยเห็นเว็บที่เป็นคลังหรือ library จำนวนมากมายที่ให้บริการโหลดในลักษณะนี้อยู่ ตอนแรกผมคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ คนเราจะสามารถเข้าถึงดนตรีและภาพยนตร์ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาไปตะลอนซื้อหาแผ่นมานั่งฟังอย่างเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว ถ้ายิ่งเร็วยิ่งสะดวกเช่นนี้ คนเราก็น่าจะมีความรู้และมีข้อมูลมากมายที่จะเข้ามาแลกเปลี่ยนพูดคุยกันตามช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บบอร์ด แต่พอเช็คดูโดยการตั้งคำถามให้ตอบหลายครั้ง กลับพบว่าคนที่มีข้อมูลหรือมีความรู้และเข้ามาให้คำตอบหรือความเห็นนั้นหาได้น้อยมากจริง ๆ ครับ  

อีกอย่างที่ลืมบอกไปคือ ผมไม่เคยโหลดเพลงหรือภาพยนตร์เลยนะครับ เพราะซื้อมาฟังมาดูมันสนุกกว่ากันเยอะ ;D

+1 ครับ ขอแจมด้วยคนครับ ....หรือว่าเราถูกครอบงำด้วยวัฒนธรรมประเพณีแบบ " รับประทานด่วน " อย่างเข้มข้นซะแล้ว...เลยไม่รู้จักการที่จะถือตระกร้าดั้นด้นเิดินทางไปตลาดหาซื้อผัก+ปลามาประดิษฐ์ประดอยเจือด้วยอารมณ์ศิลปะ ในการปรุงอาหาร...สุดท้าย "ปัญญา" ก็จะสูญสลายไป :'(...ความคิดเห็นส่วนตัวของผมคนเดียวเท่านั้นนะครับ

รับทราบครับ ที่ผมพูดหมายถึง คุณไม่ต้องสัมผัสกับ " ถนนรถยนต์ " เลยครับ เวลา+โอกาสในชีวิตยังมีอีกมากมายครับ :)

  ไม่ได้โหลดนะครับ ผมหมายถึงฟังเพลงหรือดูหนังทางเน็ทได้เลยครับ

  เมื่อก่อนผมก็เคยชอบ(บ้า)แผ่นเสียงไม่แพ้คุณปีศาจเหมือนกันนะครับ เคยอดขนมเพื่อ
  เอาตังค์ไปซื้อแผ่นเสียงแทน เคยนั่งรถเมล์จากบ้านไปกรุงเทพฯ ตั้งแต่ 2 โมงเช้ากลับ
  ถึงบ้าน 4 โมงเย็นเพื่อซื้อแผ่นเสียง 1 แผ่น

ผมว่าเพื่อนๆสมาชิกรุ่นสว.ส่วนมากแล้วจะผ่านประสบการณ์เรื่องเล่นแผ่นเสียงเหมือนๆกันทั้งนั้น
เพียงแต่ว่าบางคน เวลาผ่านไปอาจจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงตามยุดสมัย  เพราะแผ่นเสียงไม่ใช่เป็นปัจจัยสี่
ที่เราจะขาดไม่ได้ "ทางเลือกย่อมมีเสมอ"

ผมว่าดูหนังหรือฟังเพลงโดยตรงทางอินเตอร์เน็ตมันก็ต้องทำการดาวน์โหลดก่อนนะครับ
หรือว่าผมเข้าใจผิดไปเอง ???
แต่อย่างไรก็ตาม ผมไม่เคยดูหนังหรือฟังเพลงทางเน็ตเลย เพราะอาศัยฟังและดูจากแผ่นเท่านั้นครับ

ไม่จำเป็นครับ เราดูแบบ stream ที่มันส่งข้อมูลมาให้สดๆได้ ยิ่งตอนนี้เป็น Hi-Speed internet ดูหนัง HD ความละเอียดสูงสดๆยังได้เลยครับ ตอนนี้ facebook ก็มีหนัง HD ให้เช่าดูสดๆแล้ว

ถ้าหากในอนาคตไม่มี software ที่จับต้องได้ อันได้แก่ LP, CD, DVD, หรือ อะไรทำนองนี้ ศิลปินก็จะไม่มีการ
แจกลายเซ็นให้แก่แฟนๆ ได้ นอกจากเซ็นกับรูปเท่านั้นหรือไม่ก็หนังสือ (ซึ่งอาจไม่มีแล้วก็ได้) หรือไม่ก็
เสื้อผ้า และ แม้แต่บนผิวหนังของตัวเราเอง...  :o

วงการบันเทิงจะเงียบหงอยลงไปพอสมควรครับ  :-[

ใครไม่พอใจดาราหรือวงดนตรีคณะไหนก็จะโยน ฮาร์ดดิสค์ เจาะศรีษะ ศิลปินบนเวทีเลือดสาดตายไปข้างนึง !!  :o

โลกมนุษย์ทศวรรษต่อไปสงสัยคงจะน่ากลัวมากๆ  >:(  >:(  >:(

  มีซอพแวร์อยู่ครับ แต่ผมคาดว่าคงเน้นเพื่อการสะสมและให้ศิลปินเซ็นมากกว่าใช้ฟัง

  เอ ถ้าจะเอาฮาร์ดดิสค์หรือทัมไดรส์ไปให้ดาราเซ็นก็เก๋ดีนะครับ  ::)

ผมเชื่อว่า ในอายุขัยของผม อีก 50 ปีก็ได้ ( นานดี ) ยังมีทั้ง Hardware และ Software ให้ซื้อ ให้เล่น
หรือถ้าไม่มีให้ซื้อแล้ว ของที่ผมมีอยู่ ก็ยังคงเล่นได้อยู่

เชื่อแบบนี้ ผมก็มีความสุขมากแล้วครับ :D

5555 ระวังโดนตัดประกันนะครับ เดี๋ยวนี้เป็นรอยมากก็ไม่ใด้

+1  เพราะที่เก็บสะสมอยู่เวลานี้ ก็เก็บรักษาอย่างดีที่สุดทนุถนอมที่สุด....จนกว่าจะสิ้นชีพ+สูญสลายกันไปข้างหนึ่ง :D

ผมก็เชื่อว่า ถ้ายังมี software อยู่ก็ต้องมีเครื่องหรือฮาร์ดแวร์ให้มันเล่น คนที่สะสมแผ่นเสียงหรือซีดีเป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่นแผ่นคงไม่มีทางอยู่เฉยแน่นอน ต้องมีเครื่องมาให้มันเล่น ปัจจุบันเครื่องเล่นแผ่นเสียงของใหม่ที่ราคาถูกเหมือนเครื่อง direct drive ของญี่ปุ่นแบบที่เคยเห็นกันเกร่อในสมัยก่อนไม่มีอีกต่อไปแล้ว (ยกเว้นพวกของเก่า) แต่จะเริ่มกันที่ระดับมิดเอนด์ราคาต่ำ ๆ เกือบสองหมื่นขึ้นไป ส่วนเครื่องเล่นซีดีผมเชื่อว่าในอนาคตก็ยังมีอยู่ แต่จะจำกัดแบรนด์ที่ผลิตเหลือน้อยลง เน้นคุณภาพและสมรรถนะ ราคาเครื่องขั้นต่ำจะแพงขึ้น และจะจับตลาดระดับกลางสูงหรือมิดเอนด์ขึ้นไปครับ

ทิศทางของเครื่องเล่นซีดี Player(ไม่นับเครื่องเล่นดีวีดีหรือบูลเรย์ที่เล่นซีดีได้อยู่แล้ว) น่าจะเป็นแบบที่พี่ปีศาจฯว่าไว้  ณ เวลานี้เครื่องเล่นซีดี
ราคาถูกๆที่ทำออกมาแทบไม่มีให้เห็นแล้ว  ส่วนมาแล้ววัยรุ่นยุดนี้เล่นซีดีจากเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นหลัก  คนที่เล่นเครื่องเสียงถ้าจะใช้เครื่องเล่นซีดี
ก็จะต้องมองหาเครื่องเล่นซีดีราคาหลักหมื่นขึ้นไปเป็นตลาดอย่างที่พี่ปีศาจฯบอกไว้ หรือไม่เป็นพวกเครื่องเล่นซีดีระดับไฮเอ็นด์ราคาแพงไปเลย
คล้ายๆกับเครื่องเล่น SACD แทบไม่มีทำราคาถูกออกมาขายอีกแล้ว เป็นตลาดเน้นเฉพาะกลุ่มเท่านั้น

+1 ครับ เห็นทีผมต้องหาจังหวะเหมาะๆ ซื้อเครื่องเล่นดีวีดี ที่สามารถเล่นแผ่นซีดี ได้อยู่แล้วในตัวเอง เพิ่มเติมเพื่อเก็บสำรองเอาไว้อีกหนึ่งเครื่อง ณ เวลานี้ซะแล้ว เหตุผลเพราะปริมาณหนังที่เป็นแผ่น ซีดี ของผมมีจำนวนมากที่สุด ณ เวลานี้ และเพราะอนาคตไม่แน่นอนจริงๆ :)

ของจีนเเดงนี่เพียบเลย เครื่องละหกเจ็ดร้อยเท่านั้น หาได้ตามเเมคโคร คุณภาพสมราคา

ขอบคุณครับ เดี๋ยวถ้าผ่านไปจะแวะดูครับ :)

เครื่องเสียงหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าจากจีนที่ขายตามห้างแมคโคร โลตัส ฯลฯ หรือตลาดนัด ยี่ห้อแปลกๆเน้นของราคาถูกด้อยคุณภาพ
ไม่น่าซื้อมาใช้งานหรอกครับ ยอมจ่ายอาจจะแพงขึ้นอีกหน่อยซื้อของมียี่ห้อจากเกาหลีหรือญี่ปุ่นดีกว่าครับ  ลองคิดดูซิครับ
เครื่องเล่นราคาไม่กี่ร้อยบาทต้นทุนจะอยู่ขนาดไหนรวมค่าการตลาดบวกกำไรอีก

+1 ครับ ของจีนแดงดีไม่ดีใช้ไม่ถึงปีก็พังแล้วครับ หมายถึงจีนแดงโนเนมนะครับ ไม่นับแบรนด์เนมที่มีโรงงานผลิตในจีน

ขอแนะนำยี่ห้อ Soken ของจีนที่ขึ้นห้าง Paragon ครับ

ไม่แน่ใจว่า Soken เดียวกันรึเปล่าครับพี่ตั๊ม แต่บริษัท Soken ของไทยก็มีนะครับ อยู่แถวบางขุนเทียน ใกล้ๆบ้านครับ

บริษัทแม่ อยู่ที่ จีน
ของผลิตใน ไทย ครับ

ยี่ห้อ Soken  เป็นแบรนด์ของจีนที่ถือว่าได้มาตรฐานและดีรองจากยี่ห้อ OPPO ที่ถือว่าดีที่สุดของเครื่องเล่น Player ระดับวงเงินเท่ากัน
จุดเด่นๆของเครื่องเล่นยี่ห้อ Soken คือจะสามารถอ่านแผ่นได้ดีไม่ว่าจะเป็นแผ่นก็อปหรือแผ่นไรท์ ยี่ห้อ Soken โด่งดังมากในบ้านในบ้านเรา
เป็นสินค้าประเภทของดีราคาถูก รุ่นที่ทำชื่อเสียงคือเครื่องเล่นดีวีดีรุ่น T80 ราคาหลักหมื่นบาท

ปีใหม่นี้ ผมสอยซีดี ไปหลายสิบแผ่น  :(
ทั้งๆที่มีเพื่อนที่แสนดี อัดไฟล์ให้เล่น จนตาย ก็ฟังไม่หมด

สรุปว่า
แผ่นซีดี แผ่นเสียง คงมีให้พวกท่านเล่นต่อไปอีกนาน...
แต่แผ่นวีซีดี น่าจะหมดไปภายในปีนี้  :P
แผ่น ดีวีดี เริ่มแผ่ว ภายใน ห้าปี คงตายภายใน สิบปี
แผ่นบลูเรย์ 25 กิ๊ก-จีน จะราคาต่ำกว่า 100 บาท ภายในปีนี้ 50 กิ๊ก-แท้  จะต่ำกว่า 300 ภายในปีหน้า

ทั้งหมดที่พูดมา ขึ้นอยู่ปัจจัยเดียว
ปีนี้..น้ำมันจะท่วมไหม(วะ)  >:(

คำทำนายของท่านเลขาฯว่า "วีซีดี"  จะตายภายในปีนี้แล้วเฮียสมบุญฯจะทำอย่างไรในเมื่อถือวีซีดีไว้แยะ
นี่เป็นคำถามสำหรับเฮียสมบุญ คนรักวีซีดี

น่าจะแปลงเป็น Files เก็บไว้ เพราะประหยัดเนื้อที่กว่าเยอะ และเผื่อแผ่นเสีย(เสื่อมสภาพ)

ผมเก็บวีซีดีไว้เยอะเหมือนกัน เพราะตอนซื้อมันถูกตังค์ดี
คิดว่ายังคงเล่นกับเครื่องคอมพ์ ดีวีดี บลู-เรย์ และเครื่องเล่นยูนิเวอร์แซลได้กระมังครับ

ขอบคุณครับ....ผมคงไม่เพิ่มจำนวนขึ้นอีกแล้วสำหรับแผ่นหนังวีซีดี(ไม่ซื้อเพิ่มอีก)...ทุกวันนี้เน้นซื้อเฉพาะแผ่น ดีวีดี+บลูเรย์ ....ดังนั้นจึงต้องแก้และป้องกันปัญหาในอนาคตครับ ด้วยการซื้อเครื่องเล่นดีวีดี(ซึ่งเล่นแผ่นวีซีดีในตัวได้อยู่แล้ว)สำรองไว้อีกสักเครื่องหรือสองเครื่องครับ :)

ดีวีดี(ก็อป)ราคาถูกกว่าวีซีดีอีกครับ  แถมคุณภาพดีกว่ากันมากแม้ว่าจะเป็นดีวีดีก็อปก็ตาม
ลองสั่งซื้อในเว็บราคาแผ่นละ 30 บาทเท่านั้น เมียผมชอบซื้อเป็นประจำ




ไม่ต้องซื้อเครื่องเล่นดีวีดีสำรองหรอกครับ  ยังไงก็มีเครื่องเล่นอยู่แล้วเพราะใช้คอมพิวเตอร์เล่นยังได้ครับ
ข้อแนะนำโละวีซีดีทิ้งให้หมดและเก็บเป็นดีวีดีหรือถ้าอยากเก็บจริงๆ(ไม่รู้จะเก็บวีซีดีไปทำไมเมื่อมีดีวีดีที่ดีกว่าให้เก็บ)
ริปเป็นไฟล์ลงคอมพิวเตอร์ซึ่งใช้ข้อมูลน้อยมากๆเก็บไว้ในคอมพิวฯเลย  เวลาเล่นก็ง่ายด้วย  สมัยนี้ทุกฟอร์แม็ตเก็บเป็นไฟล์
ได้หมดไม่ว่าจะเป็นแผ่นเสียง เลเซอร์ดีสก์ ดีวีดี บูลเรย์ ซีดี ฯลฯ หรือแผ่นบู๊ทเลคอะไรที่เฮียโป่งว่าหายากๆเป็นริปไฟล์ได้หมด
ในโลกแห่งเทคโนโลยีไม่มีอะไรที่หาไม่ได้หรอกครับ

พี่อั๋นครับ

อีกหน่อยถ้าผมจะเล่นไฟล์เพลงแบบสะดวก ๆ และรวดเร็ว ด้วย Ipod กับ ชุดเครื่องเล่น+speaker ดี ๆ ซักชุด
เทียบกับ PC Player อันไหน "สะดวก" กว่ากันครับ กรณีนี้เฉพาะเวลาฟังเพลงน่ะครับ

อนาคต ผมว่าจะริปเพลงจากแผ่นซีดีลง Ipod ให้หมด แล้วทยอยโล๊ะ ๆ ขายบางตัวครับ

ขอบคุณครับ อย่างที่เคยพูดเอาไว้ ผมยังมีความสุขกับการกอด จูบ ลูบ คลำ  แผ่น+กล่อง+ปก อยู่ครับ :D...ในอนาคตสัก 10 - 20 ปี ข้างหน้ามันจะกลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่า/ค่า (ทางวัตถุ+ทางใจ)ขึ้นมาครับ :D

เจ้า Ipod ใช้เป็นแหล่งสัญญานต้นทางได้เลย  สะดวกกว่าเล่นผ่าน PC แต่การโหลดไฟล์เพลงก็ต้องใช้คอมพิวเตอร์อยู่ดี
เดี๋ยวนี้เครื่องเสียงรุ่นใหม่ๆมีช่องต่อสัญญานเสียง Ipod มาให้เลย เล่นง่ายสะดวกพกพาไปได้ทุกที่จะใช้หูฟังก็ยังได้
เป็นความคิดที่ถูกต้องแล้ว ริปเพลงจากซีดีเก็บไว้ฟังแล้วเก็บแผ่นที่ชื่นชอบไว้ลูบๆคลำๆ

Absolutely !!!  :D :D :D

หนังผมดูจากดีวีดีเอา ถ้าดูเล่น ๆ จะโหลด Bit ไฟล์ .avi mkv
เน้นไฟล์เล็ก ๆ 700-1.5GB แล้วส่งเข้า iPad ตอนแรกเซ็งมาก เพราะต้องแปลงเป็น MP4
แต่ app AVPlayer HD ช่วยชีวิตผมได้ ลง app นี้ แล้วโยนไฟล์ MKV avi
เข้าได้หมด

ผมว่าซีดีไม่น่าจะตายนะ แต่อาจจะผลิตน้อย

ปล เพิ่งซื้อมาสองแผ่นเดือนก่อน

"ยุดของซีดีจะหมดไปไหมครับ"   มีคนถามผมตลอดแรกๆคงคิดว่ายังไม่น่าหมดไปอาจจะใช้เวลาอีกสักหลายๆปี   แต่ร้านค้าซีดีกำลังจะตายครับ
เอาอย่างง่ายๆร้านบูมเมอแรงเป็นร้านที่มีเฟรนไชส์สาขามากที่สุดของบ้านเรา่และร้าน BKP  ยังขายแผ่นซีดีหรือดีวีดีเริ่มลำบากขึ้นเรื่อยๆ  สถานการณ์
ณ วันนี้ร้านค้าเหล่านี้แต่ก่อนเคยทำยอดจากการขายซีดีได้มากมาย  แต่ถึงวันนี้ยอดขายซีดีตกลงอย่างน่าใจหาย  เราจึงเห็นร้านบูมเมอรแรงหรือ BKP
หาทางอยู่รอดกับระบบธุรกิจโดยได้นำเอาแผ่นเสียงมาขาย  แม้ว่ายอดขายอาจจะไม่มากนักเพราะสินค้าตัวแผ่นเสียงยังมีน้อยอยู่ แต่ทิศทางการเปิด
ตลาดแผ่นเสียงเป็นที่น่าจับตามอง  ถ้าถามว่าซีดีวันนี้ยังอยู่สบายไหมก็ต้องบอกว่ากำลังป่วยหนักอาจจะอยู่ในขั้นโคม่า "จะตายก็ไม่ตายจะโตก็ไม่โต"
หากให้ผมคาดเดาซีดีคงต้องตาย!  แต่แผ่นเสียงกลับมาเติบโตแทน  ทำไมผมจึงใช่มั่นอย่างนั้น  ก็เพราะว่าการมาของดิจิตอลเพลงความละเอียดสูง
ซึ่งมันจะเหมือกับดีวีดีก็ต้องตายเช่นกัน  เพราะการมาของไฮเดฟฯ บูลเรย์นั่นเอง โลกกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี่ยุดใหม่ บังเอิญซีดี
และดีวีดีเป็นพื้นฐานก้าวแรกของดิจิตอลนั่นเอง

ผมตั้งคำถามใหม่ ฮาร์ดิส จะตายมั้ยครับ 555 

ปล. ฮารืดดิสคืออุปกรณ์ที่ทำงานช้าที่สุดในคอม ซักวันมันคงตายไปเหมือนกัน  เดี๋ยวนี้มีหน่วยความจำแบบSSD มาให้งานกันแล้วแต่ยังไม่แพร่หลาย

ผมคิดว่าในอนาคต ทางเลือกยังพอมีสำหรับคนที่สะสมซีดีไว้มากมาย ก็อย่าเพิ่งกังวลหรือตกอกตกใจถึงกับต้องขายแผ่นซีดีทิ้งไปนะครับ เพราะอย่างไรเสีย เครื่องเล่นซีดีก็ยังจะพอมีให้เล่นอยู่บ้าง เพียงแต่อาจจะแฝงกายอยู่ในรูปของเครื่องเล่นยูนิเวอร์แซล ซึ่งเล่นแผ่นได้หลายฟอร์แมทในเครื่องเดียวกัน หรือไม่ก็ยังมีเครื่องเล่นซีดีแบบโดด ๆ ขายอยู่ เพียงแต่อาจจำกัดยี่ห้อและมีผู้ผลิตน้อยลง ไม่มากรุ่นหรือมากยี่ห้อเหมือนแต่ก่อน หรือไม่ก็จะเป็นเครื่องเล่นในระดับมิดเอนด์ขึ้นไปถึงไฮเอนด์ ซึ่งจะมีราคาซื้อขายสูงพอสมควรสำหรับเครื่องที่ซื้อใหม่ เพราะผู้ผลิตเขาจะเน้นขายคุณภาพและเทคโนโลยีที่สูงกว่าเครื่องตลาดทั่วไปครับ

ขอตอบ ฮาร์ดดีสก์ก็ตายเหมือนกัน  หน่วยเก็บความจำ SSD (Solid State Drive) จะเป็นอุปกรณ์หน่วยเก็บข้อมูลมาแทนฮาร์ดดีสก์
แพร์หลายใช้กันอยู่ครับส่วนมากจะอยู่ในเครื่องโน๊ตบุ๊ก ราคายังแพงอยู่ถ้าเทียบความจุต่อGB ของฮาร์ดดีสก์ เวลานี้มีคนใช้ SSD เก็บไฟล์เพลง
รายละเอียดสูง 24bit แทนฮาร์ดดีสก์  ผมก็กำลังคิดจะใช้ SSD เก็บไฟล์เพลงเช่นกันเพราะประมาณ 200 GB ราคาอยู่ประมาณ 4000-5000 บาท
ส่วนมากเค้าจะใช้เป็น OS ในคอมพิวฯเพราะราคายังแพงมาก ข้อเสียของฮาร์ดดีสก์เป็นจานแม่เหล็กหมุนทำให้เกิดความร้อนมีอายุการใช้งาน
โอกาสเสียสูง ต่างกับ SSD ไวกว่าในการเข้าถึงข้อมูล ข้อเสียคือราคาแพงเท่านั้น  ผมว่าราคาคงถูกลงเรื่อยๆตามกลไกตลาด  ที่ผมว่าทำไมถึง
อยากเอา SSD มาเก็บไฟล์เพลง  ถ้าคิดกันจริงๆแล้วราคาขนาดนี้ต่อจำนวน GB ถือว่าไม่แพงลองคิดดู 200 GB จะเก็บไำฟล์เพลงรายละเอียดสูงได้
กี่อัลบั้ม  ถ้าเทียบกับราคาซีดีของญี่ปุ่นหรือซีดีพวกออดิโอไฟล์แผ่นเป็นพันบาทต่ออัลบั้ม หากผมใช้ SSD ความจุ 200 GB ผมจะสามารถเก็บ
ไฟล์เพลงรายละเอียดสูงได้ 40-50 อัลบั้มนับว่ายังคุ้มอยู่ดี  เหมือนซื้อพวก Flash Drive เอามาเก็บไฟล์เพลงเช่นกัน  ผมอาจจะไม่เก่งเรื่องคอมพิวเตอร์ พูดง่ายๆไม่เป็นคอมพิวเตอร์เลย ที่ตอบคำถามอาจจะให้ข้อมูลผิดๆก็ได้ลองไปเช็ดดู ผมรู้เฉพาะข้อมูลเพลงและหนังเท่านั้น

คำถามของผมอยู่ที่ว่าใครจะตายก่อนกัน ระหว่าง คนเล่น กับ คนผลิต ?   ;D

ผมว่า พวกเรา ซึ่งเป็นนักสะสมคงต้องลาโลกไปก่อนเทคโนโลยี่อันทันสมัยขึ้นเรื่อยๆ  :-[

เพราะฉะนั้น ขณะยังมีชีวิตอยู่ มีความสุขในการฟังเพลงแบบไหนก็ฟังกันไปสำหรับนักเลงเพลงระดับ ส.ว. อย่าไปคิดมากและเกาะติด
อยู่กับความเจริญที่เราไม่มีทางตามทัน   ???

ถ้าหากยังวัยรุ่นกันอยู่ก็ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป รอดูสถานะการณ์ในอนาคต ซึ่งก็คงจะไม่ต้องเสียเงินมากนักกับพวกซอฟท์แวร์  8)

ดนตรีมีไว้เพื่อสร้างความสุขและมอบความบันเทิงให้แก่ผู้บริโภค จะฟังจากเครื่องเสียงระดับไหน ขอให้เหมาะสมกับนักฟังแต่ละท่าน
ทั้งในด้านจิตใจและกระเป๋าสตางค์ ผมว่าน่าจะพอดีแล้ว

...นี่เป็นความคิดส่วนตัวของผมเองนะครับ แต่อยากจะแชร์ให้สมาชิกท่านอื่นๆ และคนที่เข้ามาอ่านได้รับรู้กันบ้าง  :D  :D  :D

ผมเห็นด้วยกับพี่ปีศาจฯ  อย่าไปกังวลจนเกินเหตุซีดีเกิดขึ้นอยู่ในตลาดเกือบ 30 ปีมาแล้ว  ย่อมมีคนเล่นมากมายมหาศาลยึดติดกับซีดีอยู่
แต่ทิศทางการตลาด ณ ปัจจุบันย่อมมีฟอร์แม็ตใหม่เกิดขึ้นมาเสมอ  ของใหม่มาของเก่าก็ค่อยๆจากไป  ส่วนเครื่องเล่นซีดีคงไม่ต้องห่วงหรอกครับ
เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องสามารถเล่นซีดีได้อยู่แล้ว  แถม Drive เล่นถูกมากๆ  อย่างที่ผมบอกซีดีถ้าเป็นคนป่วยอยู่ในอาการโคม่า
"ตายก็ไม่ตาย"  นี่เป็นการแสดงความคิดเห็นของผมตามหัวข้อเรื่องกระทู้ครับ

แชร์ความคิดมามากพอแล้ว เดี๋ยวศุกร์นี้จะไปแชร์โต๊ะกับพี่ครับ (ฮา) :D ;D :D

จะสองปีแล้วตั้งแต่มีกระทู้นี้ ยังไม่หมดนะ ซีดี แต่คุณใบ้ผม หมดแล้ว (มุกน่ะ)  :D

เมื่อสองสัปดาห์ก่อน ผมไปธุระที่พันธุ์ทิพย์ เห็นแผงขายซีดี "แม่ไม้เพลงไทย" อยู่ชั้นล่าง ด้วยความที่เป็นคนชอบเพลงไทยเก่า ๆ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงซื้อแผ่นซีดีของเจ้านี้มาฟังอยู่เรื่อย ๆ มาคราวนี้ก็ได้มาอีกหลายชุด แต่ความจริงแล้ว ผมอยากสะสมเพลงพวกนี้ในรูปแผ่นเสียง แต่สู้ราคาในตลาดบ้านเราไม่ไหว เพราะพวกพ่อค้ากำหนดราคาขายโหดมาก จึงเล่นซีดีแทน แผ่นละร้อยกว่าบาท และเสียงก็ดีใช้ได้เลยทีเดียว เพราะแผ่นรุ่นนี้ส่วนใหญ่ผ่านกระบวนการรีมาสเตอร์กรองเสียงมาเรียบร้อยแล้ว ผมสังเกตว่าแม่ไม้เพลงไทยเขาปรับตัวในด้านการตลาดอยู่พอสมควร โดยล่าสุดได้เข็นแผ่นซีดีรุ่นมินิแอลพีซึ่งทำปกและแผ่นเลียนแบบแผ่นเสียงในยุคเก่าทุกประการ แถมจำนวนเพลงก็ยังเท่ากันกับแผ่นเสียงของเดิมอีกด้วย
แหม... มันช่างน่าเล่นจริงจริ๊งงงง... 8)
น่าจะออกมาเร็วกว่านี้ (เพราะเสียเงินซื้อแผ่นรุ่นเก่าไปเยอะแล้ว) ;D

ไม่ทราบว่าพี่ปีศาจฯพอจะทราบรึเปล่าครับว่า ทางแม่ไม้เพลงไทยได้นำบทเพลงของศรคีรี ศรีประจวบและชาย เมืองสิงห์ ในรูปแบบปกแบบแผ่นเสียงออกมาบ้างรึเปล่าครับ ลองไปดูมาหลายครั้งยังไม่เคยเห็นเลย ส่วนมากจะมี ทูล ทองใจ,สุเทพ วงษ์คำแหง, สุรพล สมบัติเจริญ

ชาย เมืองสิงห์ มีรุ่นทำปกซีดีเลียนแบบแผ่นเสียงแล้ว และมีรุ่นกล่องของขวัญรวมซีดีหกแผ่น ส่วนศรคีรี ศรีประจวบ ลิขสิทธิ์เพลงเป็นของห้างแผ่นเสียงกรุงไทย ซึ่งมีวางขายบนแผงเช่นกัน น่าจะมีออกมาแล้วประมาณ 2-3 ชุด ผมมีอยู่สองชุด แต่หน้าปกไม่เหมือนแผ่นเสียงต้นฉบับครับ

http://www.maemaiplengthai.com/

เมื่อสองวันก่อนได้มีโอกาสไปร้านBKP สะพานเหล็ก พึ่งรู้ว่าค่ายเพลงลูกทุ่งไทยปรับกลยุทธ์ในการขาย
ซึ่งขายเพลงเป็นไฟล์MP3แล้วในรูปแบบ Flash Drive แต่แพ็คเกจยังมีรูปศิลปินอยู่
แต่คิดว่าไม่น่าจะมีรายละเอียดต่างๆแบบปกซีดีแน่ๆ

เดี๋ยวนี้แผ่น Mp3 เบียดบังพื้นที่บนแผงซีดีไปเยอะเลย ส่วนมาทำเป็น Paper Sleeve ด้วย แต่ออกแบบไม่ค่อยสวย
คุณภาพกระดาษไม่ค่อยดี และรวมเพลงอะไรยุ่งไปหมด ไม่ทำเป็นเรื่องเป็นราวเท่าไหร่

ผมว่าพวกแผ่น mp3 เขาทำขายตลาดล่าง ที่ไม่เน้นสะสมกระมังครับ

ครับ คุณ Tron

แต่ก็ยังมีบางค่าย ที่ยังให้ความสนใจกับ Package อยู่บ้างเหมือนกันครับ

(http://sanamluangmusic.com/media/news/image/t_225.jpg)

เพลงไทยต้นฉบับรุ่นเก่า (หลายสิบปี) บางเพลงซึ่งบันทึกออกจำหน่ายเป็นซีดีในปัจจุบันมักมีเสียงรบกวนเนื่องจากมีการถ่ายเสียงจากแผ่นเสียงโดยตรง (ไม่ใช่จากมาสเตอร์เทป) อยากทราบว่าเพลงเหล่านี้ไม่มีมาสเตอร์เทป หามาสเตอร์เทปไม่เจอ หรือมาสเตอร์เทปได้สูญหายไปแล้วใช่ไหมครับ? ใครที่พอทราบช่วยไขข้อข้องใจในเรื่องนี้หน่อยครับ

ยังไม่น่าจะหมดนะ เห็นมี album คลาสสิคมาออกใหม่เรื่อย ๆ ล่าสุดกับ Rumours (Fleetwood Mac)
ออกพรุ่งนี้ ผมมีแผ่นรุ่นเก่าที่ยังไม่รีมาสเตอร์ (ตัวรีมาสเตอร์ปี 2004 ไม่ได้ซื้อ) ว่าจะสอยตัวนี้แหละ

http://www.amazon.com/Rumours-Expanded-3XCD-Fleetwood-Mac/dp/B00AGKHEUI/ref=sr_1_1?s=music&ie=UTF8&qid=1359375889&sr=1-1&keywords=fleetwood+mac

อยากให้พี่ ๆ ช่วยดูให้ทีคับ ว่าเป็นแผ่นทำในเมการึเปล่า ถ้าทำในยุโรปว่าจะหา load เอาดีกว่า

ฝากเช็คอีกตัวครับ Texas Flood 30th Anniversary Collection ออกพรุ่งนี้เหมือนกัน

http://www.amazon.com/Texas-Flood-30th-Anniversary-Collection/dp/B00AANGHXQ/ref=sr_1_1?s=music&ie=UTF8&qid=1359376163&sr=1-1&keywords=texas+flood+30th

กดดูในรูปที่พรีวิวปกหลังเหมือนพิมพ์ว่า Print in EU เลยครับ
ยังไม่กล้าเสี่ยงสั่งเลย ถ้าทำใน usa ทั้งสองตัวว่าจะสั่ง ถ้าทำใน Eu หาโหลดเอาดีกว่าคับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ

ดูจากหลังปก บอก EU นะครับ

ชุดนี้ดูจากรูปก็ EU ครับ ไม่ชอบ EU มากอย่างนั้นเลยหรือครับ

ผมเคยมีประสบการณ์แย่ ๆ เกี่ยวกับแผ่น EU คับ คือเคยซื้อแผ่นมาฟัง แล้วใต้แผ่นที่ผมได้เหมือนจะมีปุ่มพลาสติกคล้าย ๆ
ตาปลาใต้แผ่น น่าจะเกี่ยวกับกระบวนการผลิต พอลองฟังมันสะดุดต้องนั้นจิง ๆ ด้วย ซวยเลยจะเปลี่ยนก็ไม่ได้
แล้วผมโดนหลายแผ่นด้วย ไม่รู้ทำไมถึงซวยได้อย่างนี้
หลัง ๆ เลยเลือกซื้อแต่แผ่นญี่ปุ่น(ถ้าสู้ราคาไหว)กับแผ่นอเมริกาคับ ถ้าไม่อยากจริง ๆ ให้ซื้อแผ่น eu ผมหาโหลดไฟล์ flac เอาดีกว่า

http://www.amazon.co.jp/Rumours-35th-Anniversary-Deluxe-Edition/dp/B00AGKHEUI/ref=ntt_mus_dp_dpt_1

amazon japan In Stock แล้ว (ของเมกายัง) ดูข้อมูลของญี่ปุ่นจัดจำหน่ายโดย Rhino
ถ้า Rhino เคยซื้อหลายแผ่น us แน่นอน ปกหลังที่โชว์ในอเมซอนบางทีเขาก็มั่วอ่ะ เลยลังเลว่าเอาไงดีหว่า

ช่วงนี้ผมซื้อซีดีเพลงไทยสมัยยังวัยรุ่นสิบกว่าปีก่อนอย่าง พวก Black Head, Silly Fool, SMF, Bodyslam, Paradox, The Olarn, The Sun, โลโซ ฯลฯ
คิดว่าต่อไปคงไม่ปั๊มออกมาขายแล้วมั้ง บางกลุ่มก็ย้ายค่ายไปแล้ว ความนิยมก็ไม่ได้ดีนัก
ศิลปินบางกลุ่มแม้จะไม่ได้เป็นเพลงระดับขึ้นหิ้ง แต่ก็มีความทรงจำดีๆในสมัยที่ได้ฟังเพลงพวกนี้ และที่สำคัญตอนออกเป็นซีดีสมัยก่อนก็ไม่มีปัญญาซื้อซะด้วยสิ

เคยอ่านหนังสือดนตรีฉบับนึง เค้าเขียนประมาณว่าแม้ปัจจุบันคุณจะฟังเพลงระดับเทพขนาดไหน แต่คุณไม่มีทางลืมเพลงที่คุณเล่นจีบสาวหรือเล่นโชว์พาวตอนใส่ขาสั้นเรียนหนังสือได้หรอก

"เชื่อผมเต๊อะ"  :D

  แบบนี้น้องเพชรก็คงต้องเสียเงินซื้อซีดีแย่เลยซิครับ   ;D

+100000 :)

ทุกวันนี้เวลาเซ็งๆ ยังหยิบ ลิฟท์-ออย, Raptor, Paradox มานั่งฟัง คิดถึงตอนม.ต้น ม.ปลาย ที่พอเทปออกรีบขอตังค์แม่วิ่งไปซื้อเทป และแกะกล่องรีบเปิดกางดูปกด้านใน 555+  ;D

ผมว่าแผ่นที่คุณซื้อมาจาก EU แล้วฟังแล้วมันมีปัญหาจริง ๆ สามารถเขียนไปต่อว่าเขาและขอเปลี่ยนของได้นะครับ

กำลังทำใจไม่ซื้อชุัดนี้ เพราะดูรายชื่อเพลงแล้ว เป็นการนำ 2004 remaster และบันทึกการแสดงสดที่เคยออกแล้วมา recycle ครับ

รายงานผลครับ แผ่นเพิ่งมาเมื่อวันศุกร์ เป็นแผ่น USA R2 532752 ไว้ว่าง ๆ จะลองถ่ายรูปลงเว็ปบ้าง
มี 3 แผ่น แผ่นแรก original album เสียงใสดี แผ่นสองเป็น live คุณภาพใช้ได้ แผ่น 3 เป็นเศษเพลง ยังไม่ได้ฟัง
โดยรวมแล้ว happy กับของที่ได้รับ แต่ package ไม่ดีตรง แผ่นเขาสอดไว้ในดิจิแพ็ค ไม่มีซองห่ออีกชั้น
ถ้าดึงออกไม่ระมัดระวัง แผ่นจะเป็นรอยได้

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2556 ยังมีซีดีขายอยู่ครับ
เพิ่งซื้อ สวัสดีประเทศไทย ของ วงหัวควาย ที่ร้าน 7-11 ครับ
ดีจังมีขายใกล้ๆบ้านด้วย   ;D

จะว่าไปแล้ว ร้านซีดีเหลือน้อยๆแบบนี้ก็ดีครับ ไม่ค่อยมีโอกาสได้เสียทรัพย์สักเท่าไหร่ มีที่ 7-11 นี่แหละ แต่ก็มีวางไม่กี่แผ่น ไม่ต้องดูนาน ;)

เพลงไทยยังปั๊มซีดีขายอีกนานครับผมว่าด้วยอะไรหลายๆอย่าง ซึ่งคงหาทางรอดตายด้วยการพ่วงบ๊อกเซต ลิมิเต็ด แถมอะไรพิเศษ ทุกวันนี้ผมก็ยังซื้อซีดีอยู่เพราะมั่นใจว่าคงไม่มีทางมาปล่อยแผ่นเสียงอีกแน่ ถ้ามีคงฮาเลยนะ 555
แต่ก็มีบางรายกลับมาออกแผ่นเสียงมาเป็นทางเลือกบ้าง ยิ่งพวกวงเก่าๆนี่คนที่เก็บแผ่นเสียงไว้เก็งกำไรคงค้อนเล็กๆ เพราะปล่อยมาใหม่ๆเพียบ
ผมเองรอดิอิม, สุรพล, หิน เหล็กไฟ ดอน สอนระเบียบ, สายันณ์ ฯลฯ อยู่เหมือนกันครับ :D

ในกรณีของซีดีทั้งเก่าและใหม่ อีเบย์ยังถือเป็นตลาดที่ยังพอให้หาได้อีกเพียบ เพราะถ้าจะให้เดินเข้าร้านขายในเมืองไทย ตอนนี้ผมไม่รู้แล้วว่าควรจะเดินไปที่ใดจึงจะได้ซีดีเพลงในแนวที่ตัวเองต้องการ มีที่ชัวร์อยู่เพียงร้านเดียว (แต่หลายสาขา) คือ "แม่ไม้เพลงไทย" ครับ :D

ซีดีไม่ตายแต่ไม่โตแล้วแฮะ  วงการเพลงในปัจจุบันแตกต่างจากสมัยก่อนมาก ปัจจุบันโลกมันเปลี่ยนไปแล้วสื่อดิจิตอลยุดใหม่นั้น
เติบโตอย่างก้าวกระโดน คนรุ่นใหม่หันไปฟังเพลงจากมือถือแท็บเล็ตหรือการโหลดเพลงมาฟังกันทั้งนั้น ยุดนี้จะฟังอะไรเปิด YouTube มีให้ฟังหมดล่ะ
วัยรุ่นสมัยนี้ถ้าไม่ใช่คอมิวสิคเลิฟเวอร์ไม่มาเสียเงินซื้อซีดีมาฟังหรอก โหลดเพลงฟังฟรีกัน เทคโนโลยี่มันเหมือดาบสองคม ตัวศิลปินเองคงลำบาก
กับมาอาศัยยอดขายผลงานซีดีหรือแผ่นเสียงเหมือนเช่นสมัยก่อนคงไม่ได้แล้ว ยิ่งพวกศิลปินค่ายเล็กๆยอดขายซีดีหลักพันแผ่นแบบนี้คงอยู่ไม่ได้
อันนี้หมายถึงขายได้ดีแล้วแฮะ  หากยอดขายแผ่นเสียงของศิลปินไทยหลักร้อยแผ่นเท่านั้น มีไม่กี่ชุดหรอกที่ขายเกินพันแผ่นอย่างที่เคยบอก
เห็นเป็นกระแส "ลมพัดหวน" ของแผ่นเสียงแบบนี้อย่าไปคิดว่าแผ่นเสียงเพลงไทยขายดีนะจะบอกให้ :D  ร้านขายแผ่นซีดี,แผ่นเสียง ตามห้างฯ
ที่เราเห็นๆกันอยู่โชว์แผ่นเสียงหรือซีดีกันเพียบเชื่อไหมค่ายเพลงแค่ฝากร้านขายให้เท่านั้น ความเสี่ยงกับการลงทุนอยู่ที่ค่ายเพลงเพราะไม่มีหลักประกันกับยอดขายว่าจะคุ้มทุนที่ลงไปหรือป่าว จึงมีกลยุทธการเปิดจองแผ่นเสียงล่วงหน้า  Pre-orders แบบฝรั่งเค้าทำกัน บ้านเราก็ทำแบบนี้เช่นกัน
ผมเจอทั้งวัยรุ่นคนรุ่นใหม่ที่ซื้อแผ่นเสียงหรือซีดีมาฟังและที่ไม่ได้เสียเงินซื้อฟังฟรีจากการดาวน์โหลดอย่างหลังจะมากกว่าแฮะ มีข้อสังเกตุอยู่
เหมือนกันคนที่สนใจฟังเพลงและเล่นเครื่องเสียงด้วย ส่วนใหญ่จะลงทุนซื้อทุกฟอร์แม็ตมาฟังอยู่แล้ว พวกที่ฟังเพลงจากเครื่องคอมพิวฯ เนี่ยมักจะ
ไม่เสียเงินซื้อแผ่นมาฟังกันหรอก แต่เสียเงินพาหญิงเที่ยวหมดเท่าไหร่เท่ากันแฮะ ;D อันที่จริงหัวข้อกระทู้ว่า  ยุคของ CD จะหมดไปไหมครับ ?
ถ้าให้ตอบเรื่องจริง ปัจจุบันก็หมดยุดของซีดีไปแล้วแฮะ  แม้ว่าซีดียังไม่ตายเหมือนกับเทปคลาสเซทแต่ก็หมดยุดของซีดีแล้ว เหมือนกับสื่อภาพ
อย่างดีวีดี "ไม่ตายแต่ไม่โต" เช่นกัน เครื่องเล่นดีวีดีของพี่ชายเสียมาปรึกษาผมว่าจะซื้อเครื่องใหม่เพราะเมียกับลูกชอบดูหนังแผ่นดีวีดี
ผมบอกว่าเครื่องเล่นดีวีดีทุกวันนี้มีขายแต่ของถูกๆราคาหลักร้อยบาทตามห้างโลตัส ผมบอกให้ซื้อเครื่องเล่นบูลเรย์เลยเพราะเล่นดีวีดีได้ด้วย
ราคา 2000-3000 บาทก็ดีแล้ว เชื่อไหมว่าตอนนี้พี่ชายผมดูหนังแต่บูลเรย์อย่างเดียว ผมพาแกไปสอยแผ่นบูลเรย์ก็อปที่ร้านประจำแถวๆบ้าน
วันก่อนไปร้านเจ้าของบอกว่าพี่ผมมาซื้อหนังเป็นประจำซื้อแต่ละครั้งเป็นโหลๆ 555 ก็เล่นซื้อ 10 แผ่นแถม 2 แผ่นอะไรแบบนี้พี่ผมสอยหนังแหลก
เลยแฮะ พี่ผมคนนี้เป็นเคยนักบินเกษียณอายุมาหลายปีแล้ว สมัยก่อนบินเมืองนอกตลอดซื้อหนังดีวีดีแผ่นแท้โซน 1 อย่างเดียวเก็บสะสมหนังไว้
เป็นตู้ๆ ตอนนี้เอาเก็บใส่ลังหมดแล้ว ที่เล่ามานี่จะบอกว่า ณ เวลานี้พฤติกรรมของผู้เสพความบันเทิงเปลี่ยนไปตามเทคโนโลยี่ อาจจะมีบางคนที่ยัง
ต้องการเสพแบบเดิมๆอยู่ก็มีเช่นกัน ฉะนั้นทั้งแผ่นเสียง,ซีดีหรือดีวีดี ก็ยังคงมีช่องว่างของตลาดอยู่ยอดขายอาจจะน้อยลงค่ายเพลงก็ต้องปรับกล
ยุทธการตลาดเพื่อความอยู่รอดกันต่อไปก็เท่านั้นแฮะ

แทบไม่เห็นโฆษณาขายซีดีตามโทรทัศน์เหมือนแต่ก่อนอีกต่อไปแล้ว คิดว่าค่ายเพลงคงปรับกลยุทธ์ให้ผู้บริโภคไปหาโหลดเพลงเอาเอง ประกอบกับพฤติกรรมการฟังเพลงของผู้บริโภคเปลี่ยนไปมาก เดี๋ยวนี้ฟังเพลงผ่านคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือสะดวกทันใจกว่า เอาแค่พอรู้เรื่อง ไม่ต้องคำนึงถึงคุณภาพเสียง วัยรุ่นหนุ่มสาวจำนวนมากเดินฟังเพลงผ่านหูฟังของโทรศัพท์มือถือ บางคนจะโดนรถชนตายก็ยังไม่รู้ตัว ส่วนเครื่องเล่นซีดีก็แทบไม่พบเห็นโฆษณาตามหน้าหนังสือเครื่องเสียงอีกต่อไปแล้ว หรือถ้าพบก็นับยี่ห้อได้เลยว่ามีไม่กี่ยี่ห้อหรอกที่ยังหลงเหลืออยู่ คิดว่าซีดีคงไม่โตไปกว่านี้อีกแล้ว แต่ถ้าใครไม่ฟังแผ่นเสียง ไม่ฟังเทปคาสเสท ไม่ฟังไฟล์เพลง แต่ยังมีแผ่นซีดีสะสมไว้เป็นจำนวนมาก ก็คงต้องฟังซีดีกันต่อไปและหาเครื่องเล่นซีดีที่มีคุณภาพมาเล่น ก็คิดเสียว่ายุคนี้เป็นยุคแห่งความหลากหลายของสื่อ แล้วแต่เราจะเลือกสื่อแบบใดในการฟังเพลงครับ

จริงอย่างที่พี่ปีศาจพูดครับว่ายุคนี้เป็นยุคที่ทุกคนมีทางเลือกมากมาย แล้วแต่ใครจะเลือก ไม่เหมือนสมัยก่อนที่มีแค่ แผ่นเสียง คาสเซ็ทหรือซีดี ผมขอจำแนกกลุ่มคนฟังแต่ละฟอร์แมท เท่าที่ผมสังเกตมาด้วยตัวผมเองนะครับ อาจไม่ถูกทั้งหมด เอากว้างๆก็พอ

แผ่นเสียง – กลุ่มคนฟังรุ่นใหญ่ทั้งที่ยึดมั่นแผ่นเสียงมาตลอดและบางส่วนที่ได้หวนรำลึกอดีตอีกครั้ง รวมทั้งเด็กรุ่นใหม่กลุ่มเล็กๆที่หลงใหลเสียงอนาล๊อกตามคุณพ่อ คนกลุ่มนี้มักมีไลฟ์สไตล์ที่ไม่เร่งรีบมากนัก มีความเป็นอิสระในการจัดตารางเวลา

ซีดี – กลุ่มคนยุควัยกลางๆรวมทั้งกลุ่มคนที่เน้นความสะดวกในการฟังในระดับหนึ่ง และไม่ชอบความยุ่งยากในการดูแลรักษา คนที่ยังต้องการสิ่งจับต้องได้ และชอบเสียงซีดีที่ดีกว่าไฟล์ mp3

ไฟล์ความละเอียดสูง – คล้ายๆกลุ่มที่เล่นแผ่นเสียงที่เป็นคนรุ่นใหญ่ก็เยอะ แต่จะเอนเอียงไปที่กลุ่มคนที่ชอบเน้นเล่นเครื่องเสียงมากหน่อย และเป็นกลุ่มที่ชอบทดลองสิ่งใหม่ๆเสมอ

ไฟล์ mp3 – กลุ่มนี้โดยมากจะเป็นคนรุ่นกลางถึงรุ่นใหม่หรือไม่ก็คนรุ่นเก่าที่ไม่สนใจเรื่องคุณภาพเสียงเลย อาจดาวนด์โหลดฟรีบ้าง เสียเงินซื้อเป็นเพลงๆเฉพาะที่ชอบบ้างทางมือถือ เน้นความสะดวกในการฟังทุกที่ทุกเวลาผ่านทางโทรศัพท์

ฟังทาง youtube – ผมเริ่มสังเกตว่าเดี๋ยวนี้มีคนกลุ่มนี้มากขึ้นเรื่อยๆและอาจมากที่สุดในเวลานี้ เพราะอยากฟังเพลงอะไรก็เข้าเว็บ youtube ผ่านทางมือถือสมาร์ทโฟนหรือคอมที่บ้านเสริ์ชชื่อเพลงก็ฟังได้ทันที มีทุกแนว ทุกภาษา หรือจะสร้าง playlist ส่วนตัวทำเป็นรวมเพลงไว้ฟังได้ตลอด ไม่ต้องดาวนด์โหลดให้เสียเวลาหรือเสียพื้นที่ในมือถือหรือคอมพิวเตอร์ และทุกวันนี้ youtube เป็นช่องทางในการทดลองฟังก่อนเสียเงินซื้อสำหรับกลุ่มคนเล่นซีดีหรือแผ่นเสียงด้วย เดี๋ยวนี้มีคนอัพโหลดอัลบั้มเต็มให้ฟังกันแบบเต็มๆด้วย ทั้งอัลบั้มเก่าๆหายากก็มีให้ฟัง แน่นอนคนที่ฟังเพลงทาง youtube นี่ไม่สนใจเรื่องคุณภาพเสียงคล้ายๆกลุ่ม mp3  ค่ายเพลงทั้งค่ายใหญ่และค่ายอิสระ หรือแม้แต่ศิลปินที่ไม่มีค่าย สมัยนี้ก็ใช้ youtube เป็นสื่อในการโปรโมทเพลงใหม่ๆ ไม่ต้องพึ่ง MTV เหมือนสมัยก่อนแล้ว

ผมยังตามเก็บซีดีของวงที่ชอบ ๆ ทั้งไทยและเทศอยู่เลยครับ  เพราะช่วงที่แผ่นซีดีพีคสุด ๆ ไม่มีเงินซื้อ
ตอนนี้ถ้าคนฟังเพลงหันไปเล่นสื่ิอแบบอื่น  ผมแอบหวังว่าจะมีคนเอาแผ่นมือสองออกมาปล่อนทิ้งกันเยอะ ๆ นะครับ
ผมจะรอสอย อิอิ...
  

มีกลุ่มขายซีดีมือสองในเฟสบุ๊ก มีคนปล่อยซีดีแผ่นดีๆหายาก ราคาไม่แพงเยอะครับตอนนี้ เรียกว่าของดีลงปุ๊ป มีคนมาจ่อแย่งกันซื้อเลยครับ

ผมว่าจนถึงปัจจุบัน CD ก็จะยังไม่น่าจะตายครับ เพราะในแวดวงดนตรีเมทัลก็ยังมีCDขาย
ซึ่งมีแผนการตลาดรองรับด้วยเช่นกัน เช่นซื้อเป็นแพ็คเกจCD+เสื้อทัวร์หรือแผ่นเสียง
ซึ่งถ้าเป็นแฟนวงนั้นๆก็ต้องเก็บอยู่แล้วครับ

ก็อย่างที่คุยกันว่าคงไม่มีอะไรตายครับ แผ่นเสียง ซีดี ไฟล์ mp3 หรือ ไฟล์ความละเอียด เดี๋ยวนี้แต่ละฟอร์แมทก็เป็นทางเลือกของคนแต่ละกลุ่ม หลากหลายกว่าสมัยก่อนครับ :)

อย่าว่าแต่ซีดีเลย แม้แต่เทปคาสเซตต์ที่ใครๆก็คิดว่าตายแน่ๆ สุดท้ายแล้วยังไม่ตายเลยครับ โดยเฉพาะในแวดวงอันเดอร์กราวด์นี่มันเป็นอะไรที่มีเสน่ห์มาก ไม่ว่าแต่ละค่ายจะทำออกมาเท่าไหร่ก็มักจะของหมดอย่างรวดเร็วตลอด เพราะดนตรีบางแนวมันก็เหมาะฟังกับเทปที่เต็มไปด้วยน้อยส์ (อันน่าหลงใหล) และคุณภาพต่ำต้อยแบบนี้แหละ อาทิเช่น พังค์ ฮาร์ดคอร์ ไกรนด์คอร์ ซินธ์ป๊อปดิบๆ ซินธ์ฟังก์ อินดัสเตรียล อนาลอกโดรน น้อยส์ทุกประเภท ดนตรีโลไฟทุกแขนง เวเปอร์เวฟ แบล็คเมทัล แธรชเมทัล หรือแม้แต่ดนตรีเทคโนสายที่เน้นความดุดัน ดิบหยาบ หลอกหลอน ก็เหมาะฟังกับเทปมากๆเช่นกัน และด้วยความที่แนวดนตรีเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผมเน้นฟังเป็นหลักในปัจจุบัน จึงทำให้ผมหันมาเก็บสะสมเทปเป็นฟอร์แมตหลักแล้วด้วยครับ    

 เพิ่งรู้นะครับว่ายังมีเทปขายกันอยู่
 เมื่อก่อนผมก็ชอบเล่นเทปครับ(เพราะราคาถูกดี) มีเทปมากที่สุดเป็นเลข 4 หลัก
 มีเครื่องเล่นเทปแพงกว่าเครื่องเล่นซีดีและแผ่นเสียงอีกครับ  :D
 แต่จุดอ่อนของเทปน่าจะอยู่ที่อายุการใช้งาน บางม้วน 2-3 ปีก็ไปเสียแล้ว
 และเมื่อไม่ได้เล่นนานๆก็ต้องเอามากรออีกเสียเวลาเป็นวันๆ  :P

 ที่บอกว่าคุณภาพต่ำต้อยนี่ ถ้าได้ม้วนเทปอัดดีๆ(ไม่นับเนื้อโครเมื่ยมหรือโลหะนะครับ) + เครื่องเล่นดีซักหน่อย
 เสียงที่ได้ไม่อายใครเหมือนกันนะครับ  ;D

ใช่แล้วครับ จริงๆมันก็ไม่ได้ต่ำต้อยไปทั้งหมดหรอก ส่วนที่ว่ายังมีขายอยู่ไหม ก็มีจริงๆครับ บางค่ายนี่บ้าขนาดไม่ออกฟอร์แมตอื่นนอกจากเทปก็ยังมี ล่าสุดก็เพิ่งกดไป 9 ม้วนครับ 8)

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็พอจะสรุปได้ว่าสำหรับยุคสมัยนี้ ไม่น่าจะมีฟอร์แมตใหนหายไปโดยสมบูรณ์ง่ายๆแน่ครับ แม้บางอย่างอาจได้รับความนิยมน้อยลง แต่ก็ยังมีคุณค่าสำหรับกลุ่ม niche collectors อยู่ดี

ป.ล. ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ งานเพลงที่ออกเป็นฟอร์แมตนี้ยังมีเลย...

(https://fbcdn-sphotos-c-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash3/t1.0-9/q71/s720x720/10069_645850042144698_1776390949_n.jpg)

 
[/quote]

มีกลุ่มขายซีดีมือสองในเฟสบุ๊ก มีคนปล่อยซีดีแผ่นดีๆหายาก ราคาไม่แพงเยอะครับตอนนี้ เรียกว่าของดีลงปุ๊ป มีคนมาจ่อแย่งกันซื้อเลยครับ
[/quote]

มีเฟสบุ๊กไหนแนะนำบ้างครับ  จะได้ตามไปดูบ้าง...

มีกลุ่มขายซีดีมือสองในเฟสบุ๊ก มีคนปล่อยซีดีแผ่นดีๆหายาก ราคาไม่แพงเยอะครับตอนนี้ เรียกว่าของดีลงปุ๊ป มีคนมาจ่อแย่งกันซื้อเลยครับ
[/quote]

มีเฟสบุ๊กไหนแนะนำบ้างครับ  จะได้ตามไปดูบ้าง...
[/quote]

ตามนี้เลยครับ

https://www.facebook.com/groups/639826086035625/

https://www.facebook.com/groups/marketmusicrock/

อันนี้ด้วยครับ :)

https://www.facebook.com/groups/189232931239276/

https://www.facebook.com/groups/158063457707854/

เมื่อวันก่อนไปร้านโดเรมีที่สยาม ปรกกฏว่ายังมีขายเทปของใหม่มากมายครับ เพียงแต่เป็นพวกสต๊อกค้าง ไม่ใช้อัลบั้มใหม่ๆ แต่ก็ถือเป็นเป็นร้านที่มีทางเลือกสำหรับคนที่ยังนิยมเทปครับ