Thai Progressive Rock Community

ThaiProg => Breathe => ข้อความที่เริ่มโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 29 กุมภาพันธ์ 2012 | 11:43:45 AM



หัวข้อ: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 29 กุมภาพันธ์ 2012 | 11:43:45 AM
ชมรมคนรักประวัติศาสตร์เสรี
          วัตถุประสงค์
1.   เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและทัศนะเสรีของคนรักประวัติศาสตร์ด้วยกัน
2.   เพื่อปลดปล่อยโซ่ตรวนของนักวิชาการผูกขาดทางประวัติศาสตร์ของวงการ
3.   เพื่อเสนอแนะให้คนรักประวัติศาสตร์ไม่จำเป็นต้องเรียนในมหาวิทยาลัย เมื่อมีความสามารถอ่านหนังสือและเขียนหนังสือภาษาไทยได้ หรือภาษาอังกฤษได้ หรือภาษาฝรั่งเศสได้ หรือภาษาจีนได้ หรือรู้หลายภาษา ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าศึกษาในระบบประวัติศาสตร์ของนักประวัติศาสตร์ผูกขาด
4.   เพื่อเสนอแนะว่า ขบวนการสันนิษฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีนั้นมีหลายทฤษฎีและหลายเจ้าตำรา มีทั้งรับได้และไม่ควรรับ
5.   เพื่อต้องการให้เปิดเสรีทางความคิดและทฤษฎีใหม่ที่อาจเกิดขึ้นได้จากภูมิปัญญาของคนไทยและเด็กไทยแท้ๆ ไม่อยู่ใต้ครอบกะลาของนักประวัติศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งปวง
6.   ยินดีต้อนรับคนรักประวัติศาสตร์ทุกท่าน ติดต่อ นายสมบุญ  เถกิงนาม เลขานุการฯ  หมายเลขสมาชิก 002   โทร. 084 – 755 – 4378   อีเมล :  sombun2@gmail.com

                                                                             ไพสิฏฐ์   นวลสัมพันธ์
                                                                    ประธานชมรมคนรักประวัติศาสตร์เสรี  
                                                                              หมายเลขสมาชิก  001  


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ปีศาจลายคราม ที่ 01 มีนาคม 2012 | 12:53:59 PM
คิดว่าจะมีเว็บไซต์และเว็บบอร์ดด้วยมั้ยครับ?


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 01 มีนาคม 2012 | 01:48:56 PM
ขอบคุณที่สนใจครับ ผมต้องขออภัยที่พลาดเรื่องนี้ไป ระยะแรกนี้กรุณาไปเสวนาพูดคุยกันที่นี่นะครับ ขอบคุณครับ

http://classicmoviefanclub.wordpress.com (http://classicmoviefanclub.wordpress.com/2010/07/29 สวัสดีครับ-วันนี้ผมขอแน/)

ในหัวข้อ = สวัสดีครับ วันนี้ผมขอแนะนำหนังดีที่จะต้องดูให้ได้นะครับ ฯ


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: อั๋น501 ที่ 01 มีนาคม 2012 | 06:53:43 PM
อยากสมัครเป็นสมาชิกแต่รอให้ได้หมายเลข 007 ได้ป่าว


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 02 มีนาคม 2012 | 08:42:54 AM
อยากสมัครเป็นสมาชิกแต่รอให้ได้หมายเลข 007 ได้ป่าว
ขอบคุณครับที่สนใจ ยินดีต้อนรับครับ ผมลงทะเบียนกันหมายเลขนี้ไว้ให้แล้วครับ....ผมเตรียมเรื่อง วิจิตรกามา ในอารยธรรมจีน เอาไว้เพื่อนำเสนอครับ เราจะได้ทราบประวัติศาสตร์ในเรื่องกามรสของชาวจีนครับ...ไม่รู้ว่าจะถูก " แบน "/ " ห " หรือไม่ :'(.........และระยะแรกนี้ผมกราบขออนุญาตตรงนี้กับน้องๆ เจ้าของเว็บ/ชมรมฯ นี้ว่า ขอใช้กระทู้นี้ในการพูดคุยอีกทางหนึ่งด้วยครับ ขอขอบพระคุณอย่างสูงครับ :) :-[


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 02 มีนาคม 2012 | 08:45:43 PM
ผมขอแจ้งเพิ่มเติมนะครับ อีกช่องทางหนึ่งที่จะพูดคุยเสวนากันได้คือ http://www.agazamon.com/  (http://www.agazamon.com/)  ไปที่ กระดานสนทนา  แล้วไปที่ ชมรมคนรักหนังเก่า นะครับ ขอบคุณครับ :)


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 03 มีนาคม 2012 | 04:08:04 PM
สวัสดีครับ ขออนุญาตเข้ามาแปะเพื่อการเผยแพร่ครับ 

ชมรมคนรักวรรณกรรม(เก่า)  สนทนา


                      วรรณกรรมคืออะไร?   ข้าพเจ้าจะไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ถึงคำนิยาม เนื่องจากเป็นที่รู้ๆกันอยู่เองสำหรับคนชอบอ่านหนังสือ แม้ว่าบ้านเมืองเรามีพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ออกมาถึง 2 ฉบับ คือ ฉบับปี พ.ศ. 2521 และปี พ.ศ. 2537 นับว่านานหลายปีดีดักแล้วก็ตาม โดยพฤตินัยนั้น  “  หนอนวรรณกรรม  “  ส่วนมากต่างรู้อยู่แก่ใจแล้วเป็นอันดี  แต่อดไม่ได้...ขอนิดหนึ่งเถอะ  แม้ว่าคำนิยามมีในพจนานุกรมไทยแล้ว และมีใน พรบ.ลิขสิทธิ์ ทั้ง 2 ฉบับก็ตาม  ข้าพเจ้าชอบที่จะคิดเอาเองว่า  วรรณกรรม คือ เรื่องเล่าที่เขียนหรือพิมพ์เป็นตัวอักษร และได้มีการเผยแพร่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นร้อยแก้วหรือร้อยกรองหรือขับเป็นเสภา หรือขับร้องเป็นเพลงขอทานมาแล้วด้วย
                       ชมรมคนรักวรรณกรรม(เก่า)   ขอแนะนำและชักชวนให้หนอนทุกท่านอ่านเพื่อศึกษาเรื่อง  ผู้สร้างหอพระสมุด
โดย  เพลิง  เทพราช ได้เขียนไว้และตีพิมพ์ในหนังสือ เพลินจิตต์ พิเศษ เล่ม ๓  ของสำนักพิมพ์เพลินจิตต์  ซึ่งถือกำเนิดเมื่อ
เมษายน พ.ศ. 2475  มีนายเวช  กระตุฤกษ์ เป็นผู้อำนวยการ   นายเอื้อม  รุจิดิษ ผู้จัดทำ  พิมพ์ที่โรงพิมพ์ ศิริอักษร
 บริษัท ศิริอักษร จำกัด อันเป็นโรงพิมพ์ภายในอุปการะของรัฐบาล มีนายเวช กระตุฤกษ์ เป็นเจ้าของและเป็นผู้พิมพ์ผู้โฆษณา
เพลินจิตต์ พิเศษ เล่ม ๓ นี้ พิมพ์จำหน่ายเมื่อวันที่  1 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 และเรื่องดังกล่าวปรากฏอยู่ในหน้า 438 ถึง 445   ลอง
เสาะแสวงหามาอ่านกันนะครับ แต่ถ้าหากเสาะแสวงหากันไม่ได้จริงๆ ก็บอกกล่าวเข้ามาได้นะครับ ทางชมรมคนรักวรรณกรรม(เก่า) ยินดีเผื่อแผ่แบ่งปันครับ
                        สำหรับวันนี้ขออนุญาตสนทนา เท่านี้ก่อนครับ...สวัสดีครับ
                                                                                       
                                                                                                    ไพสิฏฐ์  นวลสัมพันธ์
                                                                                          ประธานชมรมคนรักวรรณกรรม(เก่า)
                                                                                            อีเมล  :   sombun2@gmail.com
                                                                                                         
                                                                                                     


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 03 มีนาคม 2012 | 04:25:25 PM
ขออนุญาตแปะเพิ่มเติมครับ (ขออภัยครับ ที่ยังพิมพ์ไม่เสร็จ)


ข่าวจากชมรมคนรักวรรณกรรม(เก่า)

                ขอให้ทุกท่านมีความสุขตามที่ปรารถนา ความสุขอย่างหนึ่งของผู้เจริญคือการอ่านหนังสือ เพราะการอ่านหนังสือย่อมให้ความรู้และให้สติปัญญามาทุกยุคทุกสมัย
                ปีใหม่นี้ชมรมฯ ขอเสนอให้ท่านรู้จักวรรณกรรมระดับทองคำของชาติไทยที่คนไทยอีกนับล้านคนยังไม่เคยอ่านหรือหลายคนเคยอ่านแต่อ่านไม่จบ วรรณกรรมเรื่องนี้คือ “ ขุนช้าง ขุนแผน “
                 ความดีงามและเป็นวรรณกรรมดีเด่นสุดยอดของไทยฉบับนี้ อย่าให้ต้องพูดกันไปมากเลย ขอยกคำนำของกรมศิลปากรที่พิมพ์ไว้ใน “ ขุนช้าง ขุนแผน “ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 15  พ.ศ.2514 ( สำนักพิมพ์บรรณาคาร พิมพ์จำหน่าย พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เรื่อง ขุนช้าง ขุนแผน นี้พิมพ์ครั้งแรกโดยโรงพิมพ์ไทย พิมพ์จำหน่าย 5 เล่มจบ เมื่อพ.ศ.2460 – 2461 ) โดยย่อๆ ดังนี้.-
                  หนังสือเรื่องเสภาขุนช้าง ขุนแผนนี้ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้โปรดเกล้าฯ ให้กวีในรัชสมัยของพระองค์ ตลอดจนพระองค์เองร่วมกันแต่งและทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นเป็นวรรณคดีที่มีค่าทั้งในด้านความไพเราะและลีลาการแต่งตลอดจนเค้าโครงเรื่อง ได้รับยกย่องตามพระราชบัญญัติวรรณคดีสโมสรในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า เป็นยอดของหนังสือประเภทกลอนเสภาและได้รับประทับราชลัญจกรรูปพระคเณศร์ ไว้เป็นเครื่องหมายของการยกย่องนั้นด้วยหนังสือเรื่องขุนช้าง ขุนแผนนี้ไม่เพียงแต่เป็นวรรณคดีสำหรับอ่านกันเล่นเพื่อได้รับรสวรรณคดีเป็นเครื่องบันเทิงใจเท่านั้นหากแต่บางตอนในวรรณคดีเรื่องนี้ยังเป็นหลักฐานที่ให้ความรู้ในเรื่องราวความเป็นอยู่ของผู้คนและบ้านเมืองในสมัยต้นรัตนโกสินทร์สมกับที่มีคำกล่าวว่า วรรณคดีเป็นกระจกเงาสะท้อนภาพความเป็นไปของบ้านเมืองในยุคนั้นๆให้คนรุ่นหลังได้ทราบด้วยและยังมีข้อคิดเห็นของกรมพระยาดำรงราชานุภาพเป็นพระนิพนธ์ไว้ในตำนานเสภาด้วย
                    ทางชมรมคนรักวรรณกรรม(เก่า) เห็นว่า ผู้อ่านจะได้อะไรจากวรรณกรรมเรื่องนี้? คำตอบคือ ถ้าหมุนเวลาย้อนหลังกลับไปได้ในสมัยนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าควรเป็นสมัยอยุธยายุคสมเด็จพระนารายณ์ ผู้อ่านจะได้เรียนรู้ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ ระบบการว่าคดีความในศาลและการตัดสินคดีความ ภาษาที่คนไทยพูดและใช้กันทั้งภาคเหนือ ภาคกลางที่บางคำกำลังเลือนหายไปในยุคปัจจุบัน ตลอดจนจะได้เรียนรู้ตำรับพิชัยสงครามของไทย การจัดทัพ การเดินทัพ การเกณฑ์ทหารไปรบ การรบประจัญบานด้วย กองทัพช้าง ซึ่งไมมีวรรณกรรมใดๆเคยบรรยายไว้เลย แม้กระทั่งตะเลงพ่าย ก็ไม่สามารถบรรยายภาพได้เทียมทัน นอกจากนั้นยังมีคำสั่งสอนของแม่ ที่สอนลูกสาวคราวจะต้องมีผัว แม่ที่สั่งลูกเมื่อพรากจากกันเพื่อเดินทางไกลในป่าคนเดียว และจะได้เรียนรู้ถึงธรรมชาติของหญิงที่ว่า “ เสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร “ นั้นมีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์เพียงใด
อีกประการหนึ่ง ผู้อ่านจะได้เรียนรู้ถึงพิธีเสี่ยงน้ำที่เราเคยรู้จักกันในเรื่อง พระลอ  ตอน ลอราชเสี่ยงน้ำตามพระเพื่อนพระแพงที่ลุ่มน้ำกาหลง แต่ในขุนช้างขุนแผนนี้บรรยายไว้อย่างละเอียดครบกระบวนการ


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 15 มีนาคม 2012 | 03:22:44 PM
ขออนุญาตแปะให้จบครับ
อันวรรณกรรมเก่าของชาติไทยทั้งขุนช้างขุนแผน พระอภัยมณี อิเหนา นั้นสมัยก่อนโน้นนักศึกษาอักษรศาสตร์ที่จบปริญญา อ.บ. ต้องศึกษาเล่าเรียนกันทั้งนั้น เพราะมีอยู่ในหลักสูตรให้ต้องศึกษาแต่ปัจจุบันยังมีหลักสูตรให้เรียนหรือไม่ข้าพเจ้าไม่ทราบ เมื่อนักนิยมวรรณกรรมได้ศึกษาและอ่านแล้วจึงจะรู้ว่าบรรพชนคนไทยนั้นเป็นเลิศในงานวรรณกรรมไม่แพ้ชนชาติใดในโลกและเมื่อได้อ่านจบแล้วจึงรู้ซึ้งใจว่าขุนช้างขุนแผนคือเพชรแท้ของวรรณกรรมไทยไม่มีเรื่องใดเปรียบเทียบเทียมทัน จึงขอแนะนำท่านทั้งหลายอย่าพลาดเป็นอันขาด เฉพาะรสของวรรณกรรมและภาษาสำนวนก็เหลือรับประทานแล้ว
                    ขอยกตัวอย่างตอนขึ้นบทอัศจรรย์ บทอัศจรรย์นั้นเป็นสำนวนวรรณกรรมร้อยกรองของไทยหมายถึงบทบนเตียงที่สมัยนี้ชอบพูดกันว่าฉากเลิฟซีนนั่นเอง อันวรรณกรรมไทยร้อยกรองนั้น จะมีฉากอัศจรรย์แทบทุกเรื่องและผู้แต่งจะบรรยายการสังวาสได้อย่างหมดจดโดยไม่หยาบคาย ขอยกมาเป็นแซมเปิ้ลดูเป็นตอนขุนแผนเข้าห้องนางพิมและเปรียบเทียบสำนวนตอนขุนแผนเข้าห้องสายทอง ซึ่งทั้งสองตอนนี้แกยังเป็นหนุ่มตะกอคือพลายแก้วนั่นแหละ เขาว่าดังนี้.-
-   2    -
   ...” ว่าพลางโลมเล้าเอามือลูบ                                   ประจงจูบแก้มซ้ายแล้วย้ายขวา
   อกแอบอิงสวาทไม่คลาดคลา                                    แนบหน้ามือประคองให้น้องนอน
   กำเริบราดเสียวกระสันประหวั่นจิต                               หวุดหวิดวุ่นวายกายกระฉ่อน
   พระพายพัดคลื่นในสาคร                                          กระท้อนกระทบกระทั่งฝั่งกระเทือน
   เรือไหหลำแล่นเข้าคลองน้อย                                    ฝนปรอยฟ้าลั่นสนั่นเลือน
  ไต้ก๋งหลงบ่ายศีรษะเชือน                                          เบือนเข้าติดตื้นแตกกับตอฯ  “
 อีกตอนหนึ่งคงเป็นสำนวนผู้ประพันธ์คนเดียวกัน เมื่อพลายแก้วเข้าห้องนางสายทองพี่เลี้ยงนางพิม
   “....พลางเป่าปัถมังกระทั่งทรวง                                 สายทองง่วงงงงวยระทวยนิ่ง
   ทำตาปริบปรอยม่อยประวิง                                       เจ้าพลายอิงแอบทับลงกับเตียง
  ค่อยขยับจับเขยื้อนแต่น้อยน้อย                                 ฝนปรอยฟ้าลั่นสนั่นเปรี้ยง
  ลมพัดซัดคลื่นสำเภาเอียง                                         ค่อยหลีกเลี่ยงแล่นเลียบตลิ่งมา
  พายุหนักชักใบได้ครึ่งรอก                                        แล่นเกลือกกลอกกลับกลิ้งอยู่หนักหนา                                        
 ทอดสมอรอท้ายเป็นหลายครา                                    เภตราหยุดแล่นเป็นคราวคราว
 สมพาสพิมดุจริมแม่น้ำตื้น                                           ไม่มีคลื่นแต่ระลอกกระฉอกฉาว
 ปะสายทองดุจต้องพายุว่าว                                           พอออกอ่าวก็พอจมล่มลงไปฯ  “
           อนึ่ง ยังมีทัศนะคนไทยฝังใจเสมอมาว่า นางวันทองเป็นหญิงสองใจเลี้ยงไม่ได้เลยพาลด่าว่าประนามหญิงว่าถ้ามีสองใจเล่นชู้แล้วก็ว่าเป็นนางวันทองเป็นหญิงชั่วห่างผู้ชายไม่ได้ใจโลเล...แท้ที่จริงถ้าผู้อ่านคนใดเป็นคนมีใจเป็นธรรมแล้วจะเห็นว่านางวันทองหรือพิมพิลาไลยนั้นมิได้เป็นคนชั่วเลย และไม่ควรได้รับคำประนามว่าเป็นหญิงสองใจไปชั่วฟ้าแลดินมิได้! จะเห็นว่าที่ต้องเป็นเมียขุนแผนแล้วตกเป็นเมียขุนช้างแล้วกลับเป็นเมียขุนแผนอีกจนถึงต้องขึ้นศาลฟ้องร้องกันเรื่องแย่งเมียระหว่างขุนช้างกับขุนแผนฉาวไปทั้งแผ่นดินก็เพราะเหตุการณ์และสิ่งแวดล้อมมันเป็นไปและคนไม่ดีจริงๆที่ทำให้วันทองต้องมีสองผัวก็คือขุนแผนกับขุนช้างและนางศรีประจันแม่ยายนั่นเองที่เป็นคนชั่วยิ่งกว่านางพิมเป็นไหนๆ สมคำโบราณสอนผู้ชายไว้ว่ามีเมียสวยอย่าฝากแม่ยายไว้เป็นอันขาด! และเพราะขุนแผนลืมคำโบราณจึงเกิดเป็นความคดีชู้สาวที่เกรียวกราวดังที่สุดในสมัยกรุงศรีอยุธยาอันเป็นต้นเหตุของวรรณกรรมเรื่องนี้...
                               ------------------------------------------------------------------------------------------------------------

                                                                                              ไพสิฏฐ์ นวลสัมพันธ์
                                                                                                   30 มค. 2555
                                                        


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: อั๋น501 ที่ 15 มีนาคม 2012 | 04:22:43 PM
ผมไม่เคยอ่านพวกวรรณกรรมหรือหนังสือประเภทนี้เลย  พึ่งได้อ่านนี่น่าสนใจได้ความรู้มากครับ


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 16 มีนาคม 2012 | 06:20:39 PM
ผมไม่เคยอ่านพวกวรรณกรรมหรือหนังสือประเภทนี้เลย  พึ่งได้อ่านนี่น่าสนใจได้ความรู้มากครับ
ขอบคุณที่ให้ความสนใจครับ ท่านสมาชิกหมายเลข 007 มีบทอัศจรรย์ อีกมากครับ เดี๋ยวผมจะแจ้งให้ประธานทราบ แล้วจะนำมาลงให้อ่านต่อไปครับ......บทเหล่านี้ภาษาสละสลวยกินใจลึกซึ้งสวยงาม คือ หมายความว่าให้เราได้ใช้จินตนาการ ได้อย่างกว้างไกล ดีกว่าดูแบบ จะๆ ครับ :D....ทุกวันนี้คนไทยเราลืมเลือนร้อยกรองไปแทบหมดแล้วครับ....ถ้ามีการบอกว่า..า..ก..กเ..ร...แล้วล่ะก็ ก็คงต้องโยงไปถึง ในหลวงในต้นราชวงศ์และท่านสุนทรภู่ ด้วยครับ(ความคิดเห็นของเลขาฯ ชมรมคนรัก ปวศ.เสรี เท่านั้นครับ)


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 16 มีนาคม 2012 | 08:55:06 PM
ขออนุญาตแจ้ง  จดหมายข่าวจากชมรมคนรักวรรณกรรม(เก่า)
            ชมรมคนรักวรรณกรรม(เก่า) ขอแนะนำผู้สนใจวรรณกรรมและภาษาไทยให้อ่านผลงานของนักประพันธ์เก่า  
ดังต่อไปนี้.-
                  1.   แขไข เทวินทร์
                  2.   พ.เนตรรังษี
                  3.   สมุท ศิริไข
                  4.   “ อรวรรณ ”
                  5.   “ สุกัญญา ”
                  6.   เทพวีรวรรณ
                  7.   “ สาลิกา ”  
                  8.   “ เวทางค์ ”
                  9.   “ เรืองฤทธิ์ ”
                 10.  สุมทุม บุญเกื้อ
                 11.  “ องค์อภิรดี ”
                 12.  เพลิงเทพราช
                 13.  ยศ วัชรเสถียร
                 14.  “ สุพัตรา ”
                 15.  พันธุเทพ
                 16.  มนัส จรรยงค์      
                 17.  ก.สุรางคนางค์
                 18.  อมราวดี
                 19.  “ พวงพยอม ”
                 20.  “ กุลปราณี ”
                 21.  “ ช่อลิลลี่ – พริ้มเพรา ”
                 22.  “ ลพบุรี ”
               บางนามปากกาก็เป็นนักเขียนคนเดียวกันและโปรดสังเกตด้วยว่า หลายนามปากกาต้องมีเครื่องหมายอัญประกาศเสมอเช่น “ อรวรรณ ”  ,   “ สุพัตรา ”  เป็นต้น และแน่นอนนักอ่านทุกคนถ้าพลาดผลงานของไม้เมืองเดิม , หลวงวิจิตรวาทการ  ,  “ สันติวัน ”(สมเด็จพระวันรัต วัดโพธิ์)  ,  ยาขอบ และ “ เรียมเอง ” หรือมาลัย ชูพินิจ ซึ่งนามปากาของท่านมีหลายนามล้วนยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น เช่น น้อย อินทนนท์ ที่สร้าง “ล่องไพร” อันเป็นเรื่องป่าอมตะนั้น เรียมเองได้รับความยกย่องให้เป็น กีย์ เดอ โมปัซซังของไทย( โมปัซซังเป็นราชาเรื่องสั้นของโลก ) ถ้าท่านอ่านชุดเรื่องสั้นของโมปัซซังทั้งหมด ซึ่งแปลเป็นไทยโดย อาษา ขอจิตต์เมตต์ แล้วจะต้องยอมรับโดยไม่มีเงื่อนไข ถ้าท่านอ่านรวมเรื่องสั้นของเรียมเอง ท่านก็จะต้องยอมรับโดยไม่มีเงื่อนไขเช่นกันและท่านอย่าลืมราชาเรื่องสั้นลูกทุ่งคือ มนัส จรรยงค์ เป็นอันขาด!........ขอบคุณครับ  
                                                                                                        ไพสิฏฐ์   นวลสัมพันธ์
                                                                                                     ประธานชมรมคนรักวรรณกรรม(เก่า)
                                                                                                                    11 มีนาคม 2555





หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 17 มีนาคม 2012 | 04:30:37 PM
ชมรมคนรักประวัติศาสตร์เสรี
ตอบ  สมาชิกหมายเลข 003
ประวัติศาสตร์ไทยสมัยปลายวงศ์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พอประมวลมาได้ดังนี้.-
ก. จากประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 243 – 244 กล่าวไว้
    ครั้นเมื่อปีฉลูตรีศก จุลศักราช 1143 แผ่นดินเมืองเขมรซึ่งมาขึ้นกรุงธนบุรีอยู่แต่ก่อนนั้นกำเริบ พระยาพระเขมรลุกขึ้นจับพระองค์ราม ซึ่งเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีเจ้ากรุงกัมพูชาฆ่าเสียแล้วแข็งเมืองกระด้างกระเดื่องไป เพราะฉะนั้นพระบาท
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกในเวลานั้นกับพระเจ้าอยู่หัวกรมพระราชวังในแผ่น
ดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็น เจ้าพระยาสุรสีห์พิศณวาธิราชในเวลานั้น ต้องยกพยุหโยธาออกไปยัง
การทัพทำสงครามปราบปรามพวกเขมรอยู่

( มีต่อนะครับ ขอแปะไว้เท่านี้ก่อนครับ ขอบคุณครับ )


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: อาโนลด์ เลนย์ ที่ 20 มีนาคม 2012 | 08:44:03 PM
ผมไม่เคยอ่านพวกวรรณกรรมหรือหนังสือประเภทนี้เลย  พึ่งได้อ่านนี่น่าสนใจได้ความรู้มากครับ

เอ่อ...แล้วปรกติ น้าอั๋น ชอบอ่านวรรณกรรม หรือหนังสือประเภทไหนครับ...?    :D ;D


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ปีศาจลายคราม ที่ 22 มีนาคม 2012 | 08:21:03 AM
ผมไม่เคยอ่านพวกวรรณกรรมหรือหนังสือประเภทนี้เลย  พึ่งได้อ่านนี่น่าสนใจได้ความรู้มากครับ

เอ่อ...แล้วปรกติ น้าอั๋น ชอบอ่านวรรณกรรม หรือหนังสือประเภทไหนครับ...?    :D ;D
อยากเดาคำตอบให้แทนจังเลยครับ (ฮา) ;D :D ;D


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: อั๋น501 ที่ 22 มีนาคม 2012 | 08:28:36 AM
ผมไม่เคยอ่านพวกวรรณกรรมหรือหนังสือประเภทนี้เลย  พึ่งได้อ่านนี่น่าสนใจได้ความรู้มากครับ

เอ่อ...แล้วปรกติ น้าอั๋น ชอบอ่านวรรณกรรม หรือหนังสือประเภทไหนครับ...?    :D ;D
อยากเดาคำตอบให้แทนจังเลยครับ (ฮา) ;D :D ;D

รู้ใจผมจริงๆ  ตู้เก็บหนังสือผมกับของเมียมีหนังสือต่างกันฟ้ากับดินเลยครับ
ผมไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือที่มีสาระอะไรมากนัก  แต่ตู้หนังสือเมียผมมีหนังสือพวกวรรณกรรมหนังสือแปลอะไรพวกนี้มากมาย
ส่วนของผมมีแต่หนังสือเครื่องเสียงซึ่งมากมาย หนังสือภาพยนต์ หนังสือประเภทดูแต่รูปไม่ได้มีไว้อ่านอันนี้จะชอบมาก
ขนาดว่าผมช่างกิโลขายไปมากแล้วครับก็ยังเหลืออีกเพียบรกบ้านมาก


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Pong-Wanchai ที่ 22 มีนาคม 2012 | 10:24:36 AM
ผมไม่มี วรรณกรรม เลยครับ มีแต่ กรรม แล้วก็ พฤติกรรม ที่ไม่ค่อยดี...ตอนเด็กๆ ก็ชอบละเลง จิตรกรรม บนฝาผนังห้องน้ำ  :o
สรุปคือ อกุศลกรรม ทั้งสิบนั้น ผมคงมีติดอยู่บ้างแต่ยังชดใช้ไม่หมดก็เลยมีชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ แม้บทที่สิบจะเกี่ยวกับผลของ
การเสพสุราเมรัยและโทษหรือกรรมที่จะได้รับอันมีดังต่อไปนี้...

๑. ทรัพย์ถูกทำลาย
๒. เกิดวิวาทบาดหมาง
๓. เป็นบ่อเกิดของโรค
๔. เสื่อมเกียรติ
๕. หมดยางอาย
๖. ปัญญาเสื่อมถอย

เท่าที่พิจารณาแล้ว ผมเพิ่งรับกรรมข้อที่ห้าเท่านั้นเอง ส่วนข้ออื่นๆ ยังมาไม่ถึงครับ  ;D  ;D  ;D

สำหรับสมาชิกท่านอื่นๆ มี "กรรม" อะไรบ้างเอ่ย ?  :D


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 22 มีนาคม 2012 | 10:42:55 AM
ผมไม่มี วรรณกรรม เลยครับ มีแต่ กรรม แล้วก็ พฤติกรรม ที่ไม่ค่อยดี...ตอนเด็กๆ ก็ชอบละเลง จิตรกรรม บนฝาผนังห้องน้ำ  :o
สรุปคือ อกุศลกรรม ทั้งสิบนั้น ผมคงมีติดอยู่บ้างแต่ยังชดใช้ไม่หมดก็เลยมีชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ แม้บทที่สิบจะเกี่ยวกับผลของ
การเสพสุราเมรัยและโทษหรือกรรมที่จะได้รับอันมีดังต่อไปนี้...

๑. ทรัพย์ถูกทำลาย
๒. เกิดวิวาทบาดหมาง
๓. เป็นบ่อเกิดของโรค
๔. เสื่อมเกียรติ
๕. หมดยางอาย
๖. ปัญญาเสื่อมถอย

เท่าที่พิจารณาแล้ว ผมเพิ่งรับกรรมข้อที่ห้าเท่านั้นเอง ส่วนข้ออื่นๆ ยังมาไม่ถึงครับ  ;D  ;D  ;D

สำหรับสมาชิกท่านอื่นๆ มี "กรรม" อะไรบ้างเอ่ย ?  :D
ขอเสวนาประเด็นนี้ต่อจากพี่โป่งนะครับ ผมคิดว่า ท่านสุนทรภู่ เองก็มี ปสก. ตรงนี้ตามสมควรตามประสา " ศิลปิน " ระดับโลก.....สำหรับสามัญชนคนเดินดินกินข้าวแกงข้างถนน(ไม่มีปัญญากินในโอเรียนเต็ล)อย่างผม ก็มี ปสก. ดังกล่าวทั้ง 5 ข้อ ครบถ้วนเมื่อประมาณสัก 20 กว่าๆปีที่แล้วก่อนแต่งงาน+ก่อนเข้าทำงานที่ที่ปัจจุบันนี้ ครับ :D


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ปีศาจลายคราม ที่ 22 มีนาคม 2012 | 11:23:07 AM
ผมไม่มี วรรณกรรม เลยครับ มีแต่ กรรม แล้วก็ พฤติกรรม ที่ไม่ค่อยดี...ตอนเด็กๆ ก็ชอบละเลง จิตรกรรม บนฝาผนังห้องน้ำ  :o
สรุปคือ อกุศลกรรม ทั้งสิบนั้น ผมคงมีติดอยู่บ้างแต่ยังชดใช้ไม่หมดก็เลยมีชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ แม้บทที่สิบจะเกี่ยวกับผลของ
การเสพสุราเมรัยและโทษหรือกรรมที่จะได้รับอันมีดังต่อไปนี้...

๑. ทรัพย์ถูกทำลาย
๒. เกิดวิวาทบาดหมาง
๓. เป็นบ่อเกิดของโรค
๔. เสื่อมเกียรติ
๕. หมดยางอาย
๖. ปัญญาเสื่อมถอย

เท่าที่พิจารณาแล้ว ผมเพิ่งรับกรรมข้อที่ห้าเท่านั้นเอง ส่วนข้ออื่นๆ ยังมาไม่ถึงครับ  ;D  ;D  ;D

สำหรับสมาชิกท่านอื่นๆ มี "กรรม" อะไรบ้างเอ่ย ?  :D
มีแต่ "คู่กรรม" พอจะได้มั้ยครับพี่? ;D :D ;D


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 22 มีนาคม 2012 | 11:27:51 AM
ผมไม่มี วรรณกรรม เลยครับ มีแต่ กรรม แล้วก็ พฤติกรรม ที่ไม่ค่อยดี...ตอนเด็กๆ ก็ชอบละเลง จิตรกรรม บนฝาผนังห้องน้ำ  :o
สรุปคือ อกุศลกรรม ทั้งสิบนั้น ผมคงมีติดอยู่บ้างแต่ยังชดใช้ไม่หมดก็เลยมีชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ แม้บทที่สิบจะเกี่ยวกับผลของ
การเสพสุราเมรัยและโทษหรือกรรมที่จะได้รับอันมีดังต่อไปนี้...

๑. ทรัพย์ถูกทำลาย
๒. เกิดวิวาทบาดหมาง
๓. เป็นบ่อเกิดของโรค
๔. เสื่อมเกียรติ
๕. หมดยางอาย
๖. ปัญญาเสื่อมถอย

เท่าที่พิจารณาแล้ว ผมเพิ่งรับกรรมข้อที่ห้าเท่านั้นเอง ส่วนข้ออื่นๆ ยังมาไม่ถึงครับ  ;D  ;D  ;D

สำหรับสมาชิกท่านอื่นๆ มี "กรรม" อะไรบ้างเอ่ย ?  :D
มีแต่ "คู่กรรม" พอจะได้มั้ยครับพี่? ;D :D ;D
ผมก็มี " คู่กรรม " ภาคพิสดารครับ ทั้งเรื่องแสดงกันอยู่ 2 คนเท่านั้น ;D


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 23 มีนาคม 2012 | 12:07:29 PM
ชมรมคนรักประวัติศาสตร์เสรี
ตอบ  สมาชิกหมายเลข 003
ประวัติศาสตร์ไทยสมัยปลายวงศ์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พอประมวลมาได้ดังนี้.-
ก. จากประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 243 – 244 กล่าวไว้
    ครั้นเมื่อปีฉลูตรีศก จุลศักราช 1143 แผ่นดินเมืองเขมรซึ่งมาขึ้นกรุงธนบุรีอยู่แต่ก่อนนั้นกำเริบ พระยาพระเขมรลุกขึ้นจับพระองค์ราม ซึ่งเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีเจ้ากรุงกัมพูชาฆ่าเสียแล้วแข็งเมืองกระด้างกระเดื่องไป เพราะฉะนั้นพระบาท
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกในเวลานั้นกับพระเจ้าอยู่หัวกรมพระราชวังในแผ่น
ดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็น เจ้าพระยาสุรสีห์พิศณวาธิราชในเวลานั้น ต้องยกพยุหโยธาออกไปยัง
การทัพทำสงครามปราบปรามพวกเขมรอยู่***ต่อ 1 ***

( มีต่อนะครับ ขอแปะไว้เท่านี้ก่อนครับ ขอบคุณครับ )
***ขอแปะต่อ นะครับ ...ผมจะแปะต่อเป็นระยะๆ นะครับ เนื่องจากเนื้อหามีมาก ผมต้องทยอยพิมพ์ครับ...ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ที่ทำให้อ่านไม่ต่อเนื่อง ขอบคุณครับ***

  ***ต่อ 1 *** ฝ่ายพระเจ้ากรุงธนบุรี ตั้งแต่ได้พระพุทธปฏิมากรแก้วมณีองค์นี้มาถึงกรุงธนบุรีแล้ว ก็มีจิตกำเริบเติบโตอันใช่ที่คือมีสัญญาวิปลาสว่าตนนั้นเป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เป็นพระโพธิสัตว์ จะสำเร็จพระพุทธภูมิได้ตรัสเป็นพระชนะแก่มารเป็นองค์พระศรีอาริย์เมตไตรในกัลป์นี้ก็คิดอย่างนั้นบ้างตรัสอย่างนี้บ้างทำไปต่างๆบ้าง จนถึงเป็นพระเจ้าแผ่นดินเสียจริต ทำการผิดๆไปให้แผ่นดินเป็นจลาจลร้อนรนทั่วไปทั้งไพร่และผู้ดีสมณะพราหมณ์ชีเป็นการผิดใหญ่ยิ่งหลายประการยิ่งกว่าการร้อนของแผ่นดินซึ่งเคยมีมาก่อนพ้นที่จะร่ำพรรณนา จึงเกิดข้าศึกเข้ามาล้อมวังเจ้ากรุงธนบุรีต้องยอมแพ้แก่ข้าศึกขอแต่ชีวิตออกบรรพชา ฝ่ายพวกข้าศึกเข้ารักษาแผ่นดินอยู่ก็รักษาไปไม่ได้ การบ้านการเมืองในกรุงธนบุรีก็ป่วนปั่นวุ่นวายไปต่างๆ ครั้งนั้นกรมพระราชวังหลังซึ่งเป็นพระโอรสใหญ่ของกรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี เวลานั้นเป็นที่เจ้าพระยานครราชสีมา ได้ยกพวกพลเข้ามาปราบปรามเสี้ยนหนามแผ่นดินรักษากรุงธนบุรีไว้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมื่อได้ทราบเหตุการณ์นั้นไปแล้วก็ยกกองทัพกลับเข้ามากรุงธนบุรี ครั้งนั้นผู้มีบรรดาศักดิ์ข้างหน้าข้างในทั้งปวงพร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ชีอาณาประชาราษฎร์ก็มีความสโมสรโสมนัสพร้อมกัน เชิญเสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติรักษาแผ่นดินเป็นที่พึ่งสืบต่อไป จึงได้เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ในปีขาล จัตวาศก จุลศักราช 1144 พระชนม์มายุ 46 ปีถ้วน พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จสวรรคตในวัน 5 ฯ (มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 9 ค่ำ ปีมะเส็ง เอกศก จุลศักราช 1171 ฯลฯ
ข. ส่วนหลักฐานในจดหมายเหตุโหร ประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 119  บันทึกไว้ว่าฯ ปีฉลู จ.ศ. 1143 เดือน 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ยกทัพไปเขมร ณ. วันที่ 7 ฯ(มีเลข 4 อยู่ข้างใต้) 4 ค่ำ และแรม 11 ค่ำ พระยาสรรค์ยกเข้าล้อมกรุงฯ ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 12 อยู่ข้างใต้) 4ค่ำ ขุนหลวงบวชวัดแจ้ง ปีขาล จ.ศ. 1144 ณ วัน 6 ฯ(มีเลข 8 อยู่ข้างใต้) 5 ค่ำ พระพุทธยอดฟ้าได้ราชสมบัติปราบดาภิเษก ชนมายุ 45 ปีกับ 1 เดือน กับ 4 วัน  ณ วัน 4 ฯ(มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 5ค่ำ เจ้าตากดับขันธ์ ชนมายุ 48 ปีกับ 15 วัน  ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 10 อยู่ข้างบน)  6ค่ำ สร้างเมืองบางกอก

*********มีต่ออีกยาวครับ โปรดรอหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ*********

    
            


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: undeaʇh ที่ 23 มีนาคม 2012 | 01:56:52 PM
ชมรมคนรักประวัติศาสตร์เสรี
ตอบ  สมาชิกหมายเลข 003
ประวัติศาสตร์ไทยสมัยปลายวงศ์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พอประมวลมาได้ดังนี้.-
ก. จากประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 243 – 244 กล่าวไว้
    ครั้นเมื่อปีฉลูตรีศก จุลศักราช 1143 แผ่นดินเมืองเขมรซึ่งมาขึ้นกรุงธนบุรีอยู่แต่ก่อนนั้นกำเริบ พระยาพระเขมรลุกขึ้นจับพระองค์ราม ซึ่งเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีเจ้ากรุงกัมพูชาฆ่าเสียแล้วแข็งเมืองกระด้างกระเดื่องไป เพราะฉะนั้นพระบาท
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกในเวลานั้นกับพระเจ้าอยู่หัวกรมพระราชวังในแผ่น
ดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็น เจ้าพระยาสุรสีห์พิศณวาธิราชในเวลานั้น ต้องยกพยุหโยธาออกไปยัง
การทัพทำสงครามปราบปรามพวกเขมรอยู่***ต่อ 1 ***

( มีต่อนะครับ ขอแปะไว้เท่านี้ก่อนครับ ขอบคุณครับ )
***ขอแปะต่อ นะครับ ...ผมจะแปะต่อเป็นระยะๆ นะครับ เนื่องจากเนื้อหามีมาก ผมต้องทยอยพิมพ์ครับ...ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ที่ทำให้อ่านไม่ต่อเนื่อง ขอบคุณครับ***

  ***ต่อ 1 *** ฝ่ายพระเจ้ากรุงธนบุรี ตั้งแต่ได้พระพุทธปฏิมากรแก้วมณีองค์นี้มาถึงกรุงธนบุรีแล้ว ก็มีจิตกำเริบเติบโตอันใช่ที่คือมีสัญญาวิปลาสว่าตนนั้นเป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เป็นพระโพธิสัตว์ จะสำเร็จพระพุทธภูมิได้ตรัสเป็นพระชนะแก่มารเป็นองค์พระศรีอาริย์เมตไตรในกัลป์นี้ก็คิดอย่างนั้นบ้างตรัสอย่างนี้บ้างทำไปต่างๆบ้าง จนถึงเป็นพระเจ้าแผ่นดินเสียจริต ทำการผิดๆไปให้แผ่นดินเป็นจลาจลร้อนรนทั่วไปทั้งไพร่และผู้ดีสมณะพราหมณ์ชีเป็นการผิดใหญ่ยิ่งหลายประการยิ่งกว่าการร้อนของแผ่นดินซึ่งเคยมีมาก่อนพ้นที่จะร่ำพรรณนา จึงเกิดข้าศึกเข้ามาล้อมวังเจ้ากรุงธนบุรีต้องยอมแพ้แก่ข้าศึกขอแต่ชีวิตออกบรรพชา ฝ่ายพวกข้าศึกเข้ารักษาแผ่นดินอยู่ก็รักษาไปไม่ได้ การบ้านการเมืองในกรุงธนบุรีก็ป่วนปั่นวุ่นวายไปต่างๆ ครั้งนั้นกรมพระราชวังหลังซึ่งเป็นพระโอรสใหญ่ของกรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี เวลานั้นเป็นที่เจ้าพระยานครราชสีมา ได้ยกพวกพลเข้ามาปราบปรามเสี้ยนหนามแผ่นดินรักษากรุงธนบุรีไว้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมื่อได้ทราบเหตุการณ์นั้นไปแล้วก็ยกกองทัพกลับเข้ามากรุงธนบุรี ครั้งนั้นผู้มีบรรดาศักดิ์ข้างหน้าข้างในทั้งปวงพร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ชีอาณาประชาราษฎร์ก็มีความสโมสรโสมนัสพร้อมกัน เชิญเสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติรักษาแผ่นดินเป็นที่พึ่งสืบต่อไป จึงได้เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ในปีขาล จัตวาศก จุลศักราช 1144 พระชนม์มายุ 46 ปีถ้วน พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จสวรรคตในวัน 5 ฯ (มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 9 ค่ำ ปีมะเส็ง เอกศก จุลศักราช 1171 ฯลฯ
ข. ส่วนหลักฐานในจดหมายเหตุโหร ประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 119  บันทึกไว้ว่าฯ ปีฉลู จ.ศ. 1143 เดือน 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ยกทัพไปเขมร ณ. วันที่ 7 ฯ(มีเลข 4 อยู่ข้างใต้) 4 ค่ำ และแรม 11 ค่ำ พระยาสรรค์ยกเข้าล้อมกรุงฯ ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 12 อยู่ข้างใต้) 4ค่ำ ขุนหลวงบวชวัดแจ้ง ปีขาล จ.ศ. 1144 ณ วัน 6 ฯ(มีเลข 8 อยู่ข้างใต้) 5 ค่ำ พระพุทธยอดฟ้าได้ราชสมบัติปราบดาภิเษก ชนมายุ 45 ปีกับ 1 เดือน กับ 4 วัน  ณ วัน 4 ฯ(มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 5ค่ำ เจ้าตากดับขันธ์ ชนมายุ 48 ปีกับ 15 วัน  ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 10 อยู่ข้างบน)  6ค่ำ สร้างเมืองบางกอก



     
             


ขอบคุณครับ มีต่ออีกรึเปล่าครับพี่สมบุญ


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 23 มีนาคม 2012 | 01:59:21 PM
ขอบคุณครับ ที่ให้ความสนใจ ยังมีครับ อีกยาวๆๆๆ เลยครับ ผมพิมพ์อยู่คนเดียวเลยต้องใช้เวลามากๆหน่อยครับ รอหน่อยนะครับ :)....และยังมีเรื่องอื่นๆอีกหลายเรื่องที่เตรียมเอามาเผยแพร่ที่นี่ รอหน่อยนะครับ :)


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 23 มีนาคม 2012 | 02:01:45 PM
ชมรมคนรักประวัติศาสตร์เสรี
ตอบ  สมาชิกหมายเลข 003
ประวัติศาสตร์ไทยสมัยปลายวงศ์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พอประมวลมาได้ดังนี้.-
ก. จากประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 243 – 244 กล่าวไว้
    ครั้นเมื่อปีฉลูตรีศก จุลศักราช 1143 แผ่นดินเมืองเขมรซึ่งมาขึ้นกรุงธนบุรีอยู่แต่ก่อนนั้นกำเริบ พระยาพระเขมรลุกขึ้นจับพระองค์ราม ซึ่งเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีเจ้ากรุงกัมพูชาฆ่าเสียแล้วแข็งเมืองกระด้างกระเดื่องไป เพราะฉะนั้นพระบาท
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกในเวลานั้นกับพระเจ้าอยู่หัวกรมพระราชวังในแผ่น
ดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็น เจ้าพระยาสุรสีห์พิศณวาธิราชในเวลานั้น ต้องยกพยุหโยธาออกไปยัง
การทัพทำสงครามปราบปรามพวกเขมรอยู่***ต่อ 1 ***

( มีต่อนะครับ ขอแปะไว้เท่านี้ก่อนครับ ขอบคุณครับ )
***ขอแปะต่อ นะครับ ...ผมจะแปะต่อเป็นระยะๆ นะครับ เนื่องจากเนื้อหามีมาก ผมต้องทยอยพิมพ์ครับ...ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ที่ทำให้อ่านไม่ต่อเนื่อง ขอบคุณครับ***

  ***ต่อ 1 *** ฝ่ายพระเจ้ากรุงธนบุรี ตั้งแต่ได้พระพุทธปฏิมากรแก้วมณีองค์นี้มาถึงกรุงธนบุรีแล้ว ก็มีจิตกำเริบเติบโตอันใช่ที่คือมีสัญญาวิปลาสว่าตนนั้นเป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เป็นพระโพธิสัตว์ จะสำเร็จพระพุทธภูมิได้ตรัสเป็นพระชนะแก่มารเป็นองค์พระศรีอาริย์เมตไตรในกัลป์นี้ก็คิดอย่างนั้นบ้างตรัสอย่างนี้บ้างทำไปต่างๆบ้าง จนถึงเป็นพระเจ้าแผ่นดินเสียจริต ทำการผิดๆไปให้แผ่นดินเป็นจลาจลร้อนรนทั่วไปทั้งไพร่และผู้ดีสมณะพราหมณ์ชีเป็นการผิดใหญ่ยิ่งหลายประการยิ่งกว่าการร้อนของแผ่นดินซึ่งเคยมีมาก่อนพ้นที่จะร่ำพรรณนา จึงเกิดข้าศึกเข้ามาล้อมวังเจ้ากรุงธนบุรีต้องยอมแพ้แก่ข้าศึกขอแต่ชีวิตออกบรรพชา ฝ่ายพวกข้าศึกเข้ารักษาแผ่นดินอยู่ก็รักษาไปไม่ได้ การบ้านการเมืองในกรุงธนบุรีก็ป่วนปั่นวุ่นวายไปต่างๆ ครั้งนั้นกรมพระราชวังหลังซึ่งเป็นพระโอรสใหญ่ของกรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี เวลานั้นเป็นที่เจ้าพระยานครราชสีมา ได้ยกพวกพลเข้ามาปราบปรามเสี้ยนหนามแผ่นดินรักษากรุงธนบุรีไว้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมื่อได้ทราบเหตุการณ์นั้นไปแล้วก็ยกกองทัพกลับเข้ามากรุงธนบุรี ครั้งนั้นผู้มีบรรดาศักดิ์ข้างหน้าข้างในทั้งปวงพร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ชีอาณาประชาราษฎร์ก็มีความสโมสรโสมนัสพร้อมกัน เชิญเสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติรักษาแผ่นดินเป็นที่พึ่งสืบต่อไป จึงได้เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ในปีขาล จัตวาศก จุลศักราช 1144 พระชนม์มายุ 46 ปีถ้วน พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จสวรรคตในวัน 5 ฯ (มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 9 ค่ำ ปีมะเส็ง เอกศก จุลศักราช 1171 ฯลฯ
ข. ส่วนหลักฐานในจดหมายเหตุโหร ประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 119  บันทึกไว้ว่าฯ ปีฉลู จ.ศ. 1143 เดือน 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ยกทัพไปเขมร ณ. วันที่ 7 ฯ(มีเลข 4 อยู่ข้างใต้) 4 ค่ำ และแรม 11 ค่ำ พระยาสรรค์ยกเข้าล้อมกรุงฯ ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 12 อยู่ข้างใต้) 4ค่ำ ขุนหลวงบวชวัดแจ้ง ปีขาล จ.ศ. 1144 ณ วัน 6 ฯ(มีเลข 8 อยู่ข้างใต้) 5 ค่ำ พระพุทธยอดฟ้าได้ราชสมบัติปราบดาภิเษก ชนมายุ 45 ปีกับ 1 เดือน กับ 4 วัน  ณ วัน 4 ฯ(มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 5ค่ำ เจ้าตากดับขันธ์ ชนมายุ 48 ปีกับ 15 วัน  ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 10 อยู่ข้างบน)  6ค่ำ สร้างเมืองบางกอก



     
             


ขอบคุณครับ มีต่ออีกรึเปล่าครับพี่สมบุญ
วิธีการอ่านตรงนี้(ที่ผมไฮไลต์สีแดงไว้) เดี๋ยวผมจะถามประธานอีกครั้งหนึ่งครับว่า อ่านอย่างไร


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 23 มีนาคม 2012 | 02:40:26 PM
ชมรมคนรักประวัติศาสตร์เสรี
ตอบ  สมาชิกหมายเลข 003
ประวัติศาสตร์ไทยสมัยปลายวงศ์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พอประมวลมาได้ดังนี้.-
ก. จากประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 243 – 244 กล่าวไว้
    ครั้นเมื่อปีฉลูตรีศก จุลศักราช 1143 แผ่นดินเมืองเขมรซึ่งมาขึ้นกรุงธนบุรีอยู่แต่ก่อนนั้นกำเริบ พระยาพระเขมรลุกขึ้นจับพระองค์ราม ซึ่งเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีเจ้ากรุงกัมพูชาฆ่าเสียแล้วแข็งเมืองกระด้างกระเดื่องไป เพราะฉะนั้นพระบาท
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกในเวลานั้นกับพระเจ้าอยู่หัวกรมพระราชวังในแผ่น
ดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็น เจ้าพระยาสุรสีห์พิศณวาธิราชในเวลานั้น ต้องยกพยุหโยธาออกไปยัง
การทัพทำสงครามปราบปรามพวกเขมรอยู่***ต่อ 1 ***

( มีต่อนะครับ ขอแปะไว้เท่านี้ก่อนครับ ขอบคุณครับ )
***ขอแปะต่อ นะครับ ...ผมจะแปะต่อเป็นระยะๆ นะครับ เนื่องจากเนื้อหามีมาก ผมต้องทยอยพิมพ์ครับ...ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ที่ทำให้อ่านไม่ต่อเนื่อง ขอบคุณครับ***

  ***ต่อ 1 *** ฝ่ายพระเจ้ากรุงธนบุรี ตั้งแต่ได้พระพุทธปฏิมากรแก้วมณีองค์นี้มาถึงกรุงธนบุรีแล้ว ก็มีจิตกำเริบเติบโตอันใช่ที่คือมีสัญญาวิปลาสว่าตนนั้นเป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เป็นพระโพธิสัตว์ จะสำเร็จพระพุทธภูมิได้ตรัสเป็นพระชนะแก่มารเป็นองค์พระศรีอาริย์เมตไตรในกัลป์นี้ก็คิดอย่างนั้นบ้างตรัสอย่างนี้บ้างทำไปต่างๆบ้าง จนถึงเป็นพระเจ้าแผ่นดินเสียจริต ทำการผิดๆไปให้แผ่นดินเป็นจลาจลร้อนรนทั่วไปทั้งไพร่และผู้ดีสมณะพราหมณ์ชีเป็นการผิดใหญ่ยิ่งหลายประการยิ่งกว่าการร้อนของแผ่นดินซึ่งเคยมีมาก่อนพ้นที่จะร่ำพรรณนา จึงเกิดข้าศึกเข้ามาล้อมวังเจ้ากรุงธนบุรีต้องยอมแพ้แก่ข้าศึกขอแต่ชีวิตออกบรรพชา ฝ่ายพวกข้าศึกเข้ารักษาแผ่นดินอยู่ก็รักษาไปไม่ได้ การบ้านการเมืองในกรุงธนบุรีก็ป่วนปั่นวุ่นวายไปต่างๆ ครั้งนั้นกรมพระราชวังหลังซึ่งเป็นพระโอรสใหญ่ของกรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี เวลานั้นเป็นที่เจ้าพระยานครราชสีมา ได้ยกพวกพลเข้ามาปราบปรามเสี้ยนหนามแผ่นดินรักษากรุงธนบุรีไว้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมื่อได้ทราบเหตุการณ์นั้นไปแล้วก็ยกกองทัพกลับเข้ามากรุงธนบุรี ครั้งนั้นผู้มีบรรดาศักดิ์ข้างหน้าข้างในทั้งปวงพร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ชีอาณาประชาราษฎร์ก็มีความสโมสรโสมนัสพร้อมกัน เชิญเสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติรักษาแผ่นดินเป็นที่พึ่งสืบต่อไป จึงได้เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ในปีขาล จัตวาศก จุลศักราช 1144 พระชนม์มายุ 46 ปีถ้วน พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จสวรรคตในวัน 5 ฯ (มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 9 ค่ำ ปีมะเส็ง เอกศก จุลศักราช 1171 ฯลฯ
ข. ส่วนหลักฐานในจดหมายเหตุโหร ประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 119  บันทึกไว้ว่าฯ ปีฉลู จ.ศ. 1143 เดือน 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ยกทัพไปเขมร ณ. วันที่ 7 ฯ(มีเลข 4 อยู่ข้างใต้) 4 ค่ำ และแรม 11 ค่ำ พระยาสรรค์ยกเข้าล้อมกรุงฯ ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 12 อยู่ข้างใต้) 4ค่ำ ขุนหลวงบวชวัดแจ้ง ปีขาล จ.ศ. 1144 ณ วัน 6 ฯ(มีเลข 8 อยู่ข้างใต้) 5 ค่ำ พระพุทธยอดฟ้าได้ราชสมบัติปราบดาภิเษก ชนมายุ 45 ปีกับ 1 เดือน กับ 4 วัน  ณ วัน 4 ฯ(มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 5ค่ำ เจ้าตากดับขันธ์ ชนมายุ 48 ปีกับ 15 วัน  ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 10 อยู่ข้างบน)  6ค่ำ สร้างเมืองบางกอก


ขอบคุณครับ มีต่ออีกรึเปล่าครับพี่สมบุญ
วิธีการอ่านตรงนี้(ที่ผมไฮไลต์สีแดงไว้) เดี๋ยวผมจะถามประธานอีกครั้งหนึ่งครับว่า อ่านอย่างไร

 1 น่าจะหมายถึง วันเสาร์
10 น่าจะหมายถึง ขึ้น 10 ค่ำ
6 น่าจะหมายถึง เดือนหก
ขอบพระคุณครับ จริงๆแล้วประธานฯ สอนผมเอาไว้แล้วผมดันลืมเองครับ :-[.....ที่คุณบอกมาผมคิดว่าถูกต้องครับ แต่เดี๋่ยวผมจะต้องถามย้ำกับประธานอีกครั้งหนึ่ง....ยินดีต้อนรับและขอขอบคุณที่ให้ความสนใจครับ เข้ามาพูดคุยเสวนากันบ่อยๆนะครับ :)...สนใจเรื่องไหนเป็นพิเศษ ลองไถ่ถามเข้ามาได้นะครับ :)


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 23 มีนาคม 2012 | 02:45:55 PM
ขออนุญาต ปชส. ซ้ำอีกครั้งครับ ขอบคุณครับ  
 ชมรมคนรักวรรณกรรม ( เก่า)

นโยบายและวัตถุประสงค์
1.   เพื่อแลกเปลี่ยนทัศนะและแลกกันอ่านของดีๆ ที่คนไทยกำลังลืม
2.   การอ่านวรรณกรรมดีกว่านั่งเล่นเกมคอมพิวเตอร์และตีกอล์ฟเป็นไหนๆ
     โดยเฉพาะวรรณกรรมเก่าๆของคนไทยอันเป็นสมบัติทางมันสมองของชนชาติไทย
      เป็นพิชานเนื้อแท้ของคนไทย เพราะวรรณกรรมเก่าๆนั้นมันมีทั้งประเพณี+วัฒนธรรม
      ที่ดีงาม ความประพฤติและแนวปฏิบัติ(NORM) อันโคตรเง่าเหล่ากอของชนชาติไทย
      แทรกซ่อนสอนคนอ่านไว้แทบทุกเรื่อง อย่างน้อยการอ่านหนังสือ อ่านได้แม้ในทุ่งนา
      ป่าเขา ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า ไม่ต้องซื้อคอมพิวเตอร์ ไม่ต้องใช้โมนิเตอร์ และไม่ต้องรับรังสี
      ที่แผ่ออกมาจากหน้าจอโมนิเตอร์ ไม่ต้องซื้อไม้กอล์ฟ  ถุงกอล์ฟ นั่งอ่านในรถเมล์ก็ได้
      ความดีของวรรณกรรมเก่าๆยังมีอีกมาก ที่สำคัญถ้าเด็กๆรุ่นใหม่ได้อ่านวรรณกรรม
      เก่าๆ จะได้เรียนรู้สำนวนภาษาไทยและศัพท์ไทยที่ไม่โลเลเละเทะ เหมือนศัพท์ภาษา  
      และสำนวนภาษาไทยที่ใช้กันผิดๆ และเป็นการฝึกทำสมาธิอย่างง่ายและเพลิดเพลิน
      นอกจากนั้นคนอ่าน จะได้รู้ว่ารสของวรรณกรรมภาษาไทยนั้น มันวิเศษขนาดไหน
      ประการสำคัญที่สุดอ่านมากๆแล้วกลายเป็นคนคงแก่เรียนได้โดยไม่ต้องเข้า    
      มหาวิทยาลัย กลายเป็นศิลปินแห่งชาติก็ได้ เช่น  ท่านสุรพล  โทณะวณิก เป็นต้น ไม่
      เชื่อลองไปถามท่านดูก็ได้ และท่านเชื่อไหม วรรณกรรมไทยนั้น ต้องเข้าห้อง LAB
      วิเคราะห์วิจัยกันใหม่ หลายเรื่องเลยล่ะครับ
3.   ชมรมคนรักวรรณกรรม (เก่า) เป็นชมรมลูก หรือ ชมรมแฝด ของชมรมคนรักหนังเก่า  ใช้กฎ กติกา เดียวกัน
4.   ยินดีต้อนรับหนอนหนังสือทุกท่าน ติดต่อ นายสมบุญ  เถกิงนาม ( ประธาน  
      ชมรมคนรักหนังเก่า ) รองประธานและเลขานุการ ชมรมคนรักวรรณกรรม (เก่า)  
      หมายเลขสมาชิก 002  โทรศัพท์  084 - 755 - 4378   อีเมล์  :  sombun2@gmail.com
    
                                                                ไพสิฏฐ์   นวลสัมพันธ์
                                                          ประธานชมรมคนรักวรรณกรรม ( เก่า )
                                                                 หมายเลขสมาชิก 001


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 23 มีนาคม 2012 | 03:00:48 PM
ชมรมคนรักประวัติศาสตร์เสรี
ตอบ  สมาชิกหมายเลข 003
ประวัติศาสตร์ไทยสมัยปลายวงศ์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พอประมวลมาได้ดังนี้.-
ก. จากประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 243 – 244 กล่าวไว้
    ครั้นเมื่อปีฉลูตรีศก จุลศักราช 1143 แผ่นดินเมืองเขมรซึ่งมาขึ้นกรุงธนบุรีอยู่แต่ก่อนนั้นกำเริบ พระยาพระเขมรลุกขึ้นจับพระองค์ราม ซึ่งเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีเจ้ากรุงกัมพูชาฆ่าเสียแล้วแข็งเมืองกระด้างกระเดื่องไป เพราะฉะนั้นพระบาท
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกในเวลานั้นกับพระเจ้าอยู่หัวกรมพระราชวังในแผ่น
ดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็น เจ้าพระยาสุรสีห์พิศณวาธิราชในเวลานั้น ต้องยกพยุหโยธาออกไปยัง
การทัพทำสงครามปราบปรามพวกเขมรอยู่***ต่อ 1 ***

( มีต่อนะครับ ขอแปะไว้เท่านี้ก่อนครับ ขอบคุณครับ )
***ขอแปะต่อ นะครับ ...ผมจะแปะต่อเป็นระยะๆ นะครับ เนื่องจากเนื้อหามีมาก ผมต้องทยอยพิมพ์ครับ...ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ที่ทำให้อ่านไม่ต่อเนื่อง ขอบคุณครับ***

  ***ต่อ 1 *** ฝ่ายพระเจ้ากรุงธนบุรี ตั้งแต่ได้พระพุทธปฏิมากรแก้วมณีองค์นี้มาถึงกรุงธนบุรีแล้ว ก็มีจิตกำเริบเติบโตอันใช่ที่คือมีสัญญาวิปลาสว่าตนนั้นเป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เป็นพระโพธิสัตว์ จะสำเร็จพระพุทธภูมิได้ตรัสเป็นพระชนะแก่มารเป็นองค์พระศรีอาริย์เมตไตรในกัลป์นี้ก็คิดอย่างนั้นบ้างตรัสอย่างนี้บ้างทำไปต่างๆบ้าง จนถึงเป็นพระเจ้าแผ่นดินเสียจริต ทำการผิดๆไปให้แผ่นดินเป็นจลาจลร้อนรนทั่วไปทั้งไพร่และผู้ดีสมณะพราหมณ์ชีเป็นการผิดใหญ่ยิ่งหลายประการยิ่งกว่าการร้อนของแผ่นดินซึ่งเคยมีมาก่อนพ้นที่จะร่ำพรรณนา จึงเกิดข้าศึกเข้ามาล้อมวังเจ้ากรุงธนบุรีต้องยอมแพ้แก่ข้าศึกขอแต่ชีวิตออกบรรพชา ฝ่ายพวกข้าศึกเข้ารักษาแผ่นดินอยู่ก็รักษาไปไม่ได้ การบ้านการเมืองในกรุงธนบุรีก็ป่วนปั่นวุ่นวายไปต่างๆ ครั้งนั้นกรมพระราชวังหลังซึ่งเป็นพระโอรสใหญ่ของกรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี เวลานั้นเป็นที่เจ้าพระยานครราชสีมา ได้ยกพวกพลเข้ามาปราบปรามเสี้ยนหนามแผ่นดินรักษากรุงธนบุรีไว้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมื่อได้ทราบเหตุการณ์นั้นไปแล้วก็ยกกองทัพกลับเข้ามากรุงธนบุรี ครั้งนั้นผู้มีบรรดาศักดิ์ข้างหน้าข้างในทั้งปวงพร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ชีอาณาประชาราษฎร์ก็มีความสโมสรโสมนัสพร้อมกัน เชิญเสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติรักษาแผ่นดินเป็นที่พึ่งสืบต่อไป จึงได้เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ในปีขาล จัตวาศก จุลศักราช 1144 พระชนม์มายุ 46 ปีถ้วน พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จสวรรคตในวัน 5 ฯ (มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 9 ค่ำ ปีมะเส็ง เอกศก จุลศักราช 1171 ฯลฯ
ข. ส่วนหลักฐานในจดหมายเหตุโหร ประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 119  บันทึกไว้ว่าฯ ปีฉลู จ.ศ. 1143 เดือน 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ยกทัพไปเขมร ณ. วันที่ 7 ฯ(มีเลข 4 อยู่ข้างใต้) 4 ค่ำ และแรม 11 ค่ำ พระยาสรรค์ยกเข้าล้อมกรุงฯ ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 12 อยู่ข้างใต้) 4ค่ำ ขุนหลวงบวชวัดแจ้ง ปีขาล จ.ศ. 1144 ณ วัน 6 ฯ(มีเลข 8 อยู่ข้างใต้) 5 ค่ำ พระพุทธยอดฟ้าได้ราชสมบัติปราบดาภิเษก ชนมายุ 45 ปีกับ 1 เดือน กับ 4 วัน  ณ วัน 4 ฯ(มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 5ค่ำ เจ้าตากดับขันธ์ ชนมายุ 48 ปีกับ 15 วัน  ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 10 อยู่ข้างบน)  6ค่ำ สร้างเมืองบางกอก


ขอบคุณครับ มีต่ออีกรึเปล่าครับพี่สมบุญ
วิธีการอ่านตรงนี้(ที่ผมไฮไลต์สีแดงไว้) เดี๋ยวผมจะถามประธานอีกครั้งหนึ่งครับว่า อ่านอย่างไร

 1 น่าจะหมายถึง วันเสาร์
10 น่าจะหมายถึง ขึ้น 10 ค่ำ
6 น่าจะหมายถึง เดือนหก
ขอบพระคุณครับ จริงๆแล้วประธานฯ สอนผมเอาไว้แล้วผมดันลืมเองครับ :-[.....ที่คุณบอกมาผมคิดว่าถูกต้องครับ แต่เดี๋่ยวผมจะต้องถามย้ำกับประธานอีกครั้งหนึ่ง....ยินดีต้อนรับและขอขอบคุณที่ให้ความสนใจครับ เข้ามาพูดคุยเสวนากันบ่อยๆนะครับ :)


แต่ก่อนผมก็เป็นคอ เรื่องประวัติศาสตร์อยู่บ้างพอสมควรเหมือนกันครับ ไม่ว่าจะวรรณคดี หรือ หนังสือตำรับตำรา ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และอื่นๆ แต่ทุกวันนี้ มีกิเลสชนิดใหม่ๆให้สนใจมากมาย จนแทบหลงลืมความอยากรู้อยากเห็นเหล่านั้นไปเสียหมดสิ้นแล้วละครับ เหตุปัจจัยเปลี่ยน ความสนใจก็เปลี่ยน สงสัยคงต้องสร้างเหตุและปัจจัยที่หนุนนำขึ้นมาใหม่บ้างแล้วหละ (สักวัน หวังว่า).   ;D
+1 ครับ ชีวิตมีอะไรใหม่ๆ เข้ามาให้ได้สนใจรับรู้เรียนรู้อยู่เรื่อยๆ ครับ :D....และ นี่ขนาดแค่ หลงลืม นะครับ ยังแม่นขนาดนี้ ;D


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 27 มีนาคม 2012 | 09:44:25 PM
ขออนุญาตต่อนะครับ
ค. ประชุมพงศาวดารเล่ม 40 ฉบับพันจันทนุมาศ(เจิม) หน้า 74 – 79   มีหลักฐานบันทึกไว้ดังนี้
    ครั้นปีฉลูตรีศก จ.ศ.1143 พ.ศ. 2324 เดือนยี่ ดำรัสให้จัดทัพเป็น 6 ทัพให้เจ้าพระยาสุรสีห์เป็นทัพหน้า พระเจ้ากษัตริย์ศึก
เป็นจอมพลทัพหลวง  กขุนพินนุน เป็นทัพหน้า( เข้าใจว่าพิมพ์ผิด น่าจะเป็นกรมขุนพินนุนหรือชื่ออะไรสักอย่าง เพราะคำ
“ กขุน “ ไม่เข้าใจความหมาย ไม่มีในภาษาไทยที่เคยพบ – ผู้เขียน ) กรมเจ้าพระยานครสวรรค์เป็นยกบัตร กรมขุนรามภู
เบศ เป็นทัพหลัง พระยาธรรมา เป็นกองลำเลียง ยกไปตีเมืองพุทไธเพชร( คือกรุงกัมพูชา ) ฝ่ายการแผ่นดินข้างกรุงธนบุรีนั้นก็ผันแปรไปต่างๆเหตุเพราะเจ้าแผ่นดินเสียพระจริตฟั่นเฟือนไป ฝ่ายพุทธจักร อาณาจักรทั้งปวงเล่าก็แปรปรวนไปเป็นหมู่ๆมิได้เป็นปกติเหมือนแต่ก่อน เหตุเพราะพระเจ้าแผ่นดินนั้นทรงนั่งอุรุพัทธ์ ( นั่งขัดสมาธิเจริญพระกรรมฐานลักษณะเป็นการปฏิบัติธรรมขั้นสูง เป็นสำนวนใช้อยู่ในหนังสือวิสุทธิมรรค ) โดยกรรมฐานสมาธิ และจะยังให้ภิกษุทั้งปวงให้คารวะเคารพนมัสการแก่พระองค์ ฝ่ายการในอากาศเล่าก็วิปริตต่างๆคือมีอุกาบาตร และปทุมเกษ บันดาลตก เป็นต้น
-   2   -
   ณ วันเสาร์เดือน 4 แรม 11 ค่ำ จุลศักราช 1143 ปีฉลูตรีศก ( จ.ศ.1143  พ.ศ.2324 )ไพร่พลเมืองกำเริบคิดการใหญ่กัน จะยุทธนาการปล้นเข้าเมือง ด้วยพระเจ้าแผ่นดินมิได้ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม 10 ประการให้นัยแก่คนพาลให้ฟ้องร้องข้าทูลละอองฯใหญ่น้อย ข้างหน้าว่าข้างในประชาราษฎร์ทั้งหลายว่าขายข้าว ขายเกลือ ขายนอ งา เนื้อไม้ สิ่งของต้องห้ามทั้งปวง
ไม่ขายก็ว่าขายไม่ลักก็ว่าลักแต่พวกโจทก์ถึง 333 คนฯ ราษฎร์ได้รับความยากไปจนถึงหัวเมืองเอก โท ตรี จัตวา มีหน้าคล้ำไปด้วยน้ำตาที่หน้าชื่นตาบานแต่ฝ่ายคนพาลซึ่งเป็นโจทก์ อาสัยเหตุอาสัตย์ธรรมบังเกิดมีดังนี้ : -  นายบ้าน นายอำเภอ ไพร่
พลเมืองจึงคิดควบคุมกันเป็นหมวดเป็นกองพร้อมกันฆ่าอ้ายวิชิตณรงค์ผู้รักษา ซึ่งพระเจ้าแผ่นดินให้ไปพิจารณาเงินจีนนั้น
จึงเอาพระยาสรรค์ซึ่งรับสั่งใช้ขึ้นไปพิจารณาเอาตัวผู้ร้ายนั้นเป็นแม่ทัพยกลงมาตีเอาเมืองธนบุรี ณ เพลา 10 ทุ่ม เข้าล้อมกำแพงวังไว้รอบ พระยาสรรค์ตั้งอยู่ ณ บ้านกรมเมือง พระเจ้าแผ่นดินรู้เหตุ ก็เกณฑ์คนขึ้นรักษาหน้าที่ไว้ รุ่งขึ้น ณ วัน 1
ฯ(มีเลข 12 อยู่ข้างใต้) 4 ค่ำ ให้พระราชาคณะออกมาเจรจาความเมืองสารภาพว่าผิดขอชีวิตจะบรรพชาต่อพระยาสรรค์ในวันนั้น เวลา 3 ทุ่ม พระเจ้าแผ่นดินก็ทรงผนวช ณ พัทธสีมาวัดแจ้งอยู่ในราชสมบัติ 15 ปี  พระยาสรรค์จึงแต่งทหารไปพิทักษ์รักษาไว้ แล้วก็เข้าอยู่ในท้องพระโรงกับหลวงเทพน้องชาย จึงจับกรมขุนอนุรักษ์สงครามหลานเธอจำไว้แล้วเอาเงินในท้องพระคลังแจกทแกล้วทหารกรมฝ่ายในฝ่ายหน้า
     ณ. วัน 3 ฯ(มีเลข 6 อยู่ข้างบน) 5 ค่ำ จุลศักราช 1144 ปีขาล จัตวาศก( พ.ศ. 2325 ) เวลาเที่ยงเห็นดวงจันทร์ปรากฏกลาง
วัน ครั้นถึง ณ.วัน 6 ฯ(มีเลข 7 อยู่ข้างใต้) 5 ค่ำ พระยาสุริยอภัย ยกกองทัพไทย ลาว ประมาณ 1000 เศษ ลงมาจากเมืองนคร
ราชสีมา มาตั้งอยู่ ณ.บ้าน ครั้งนั้นข้าราชการเป็น 2 ฝ่าย เป็นพวกพระยาสรรค์บ้าง เป็นพวกพระยาสุริยอภัยบ้างการยุทธนาการมิได้สงบเลยฯ
      ณ. วัน 7 ฯ(มีเลข 9 อยู่ข้างใต้) 5 ค่ำ เวลาเช้า 2 โมง เสด็จพระราชดำเนินทัพมาจากเสียมราบ ประทับ ณ พลับพลาหน้าวัดโพธาราม ฝ่ายข้าทูลละอองฯ ผู้ใหญ่ ผู้น้อย พร้อมกันไปเชิญเสด็จลงเรือพระที่นั่งกราบข้ามมาพระราชวังสถิต ณ.ศาลาลูกขุน มีหมู่พฤฒามาตย์ ราชสกุล กวีมุข เฝ้าพร้อมกัน จึงมีพระราชบริหารดำรัสปรึกษาว่า เมื่อพระเจ้าแผ่นดินอาสัตย์ ละสุจริตธรรมเสีย ประพฤติการทุจริตฉะนี้ก็เห็นว่าเป็นเสี้ยนหนามหลักตออันใหญ่อยู่ในแผ่นดิน จะละไว้มิได้ ขอให้ปริวรรตออกประหารเสีย ฝ่ายทแกล้วทหารทั้งปวงมีใจเจ็บแค้นเป็นอันมาก ก็นำเอาพระเจ้าแผ่นดินและพวกโจทก์ทั้งปวงนั้นไปสำเร็จ ณ.ป้อมท้ายเมืองในทันใดนั้น แล้วสมณะชีพราหมณ์เสนาพฤฒามาตย์ราษฎรทั้งปวงก็ทูลอาราธนาวิงวอนอันเชิญเสด็จขึ้นปราบดาภิเศกเป็นอิศวรภาพผ่านภิภพสืบไปฯ
     ครั้น ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 10 อยู่ข้างใต้) 5 ค่ำ พระเจ้าหลานเธอให้ตำรวจคุมเอาตัวกรมขุนอนุรักษ์สงครามกับข้าหลวงซึ่งเป็นพรรคพวก 40 เศษ มีอ้ายพระยาเพชรพิชัย พระยากลางเมือง พระยามหาอำมาตย์และพระมหาเทพเหนือ หลวงคชศักดิ์ราชรินทร์เหนือ เป็นต้น เข้ามาหน้าพระที่นั่งแล้วกราบทูลความทั้งปวง จึงดำรัสให้เอาพรรคพวกไปฆ่าเสีย แต่กรมขุนอนุรักษ์สงครามสั่งให้งดไว้พิจารณา จึงให้การถึงพระยาสรรค์ พระมหาเสนา พระยารามัญวงศ์ และพระยาวิชิตณรงค์ หลวงพัศดีกลาง พระเจ้าอยู่หัวทรงพิโรธให้ประหารเสีย
ง. หลักฐานจากจดหมายเหตุโหรฉบับรามัญ ว่าไว้ : -  พระยาจักรีกลับจากเมืองญวนเข้าเมืองบางกอกแล้วฆ่าพระเจ้าแผ่นดินเก่าเสียอยู่มาสัก 10 วัน ก็ฆ่าพระยาสรรค์

***********มีต่อนะครับ โปรดอดใจรอครับ******************


    
            



หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 27 มีนาคม 2012 | 10:08:41 PM
ชมรมคนรักประวัติศาสตร์เสรี
ตอบ  สมาชิกหมายเลข 003
ประวัติศาสตร์ไทยสมัยปลายวงศ์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พอประมวลมาได้ดังนี้.-
ก. จากประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 243 – 244 กล่าวไว้
    ครั้นเมื่อปีฉลูตรีศก จุลศักราช 1143 แผ่นดินเมืองเขมรซึ่งมาขึ้นกรุงธนบุรีอยู่แต่ก่อนนั้นกำเริบ พระยาพระเขมรลุกขึ้นจับพระองค์ราม ซึ่งเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีเจ้ากรุงกัมพูชาฆ่าเสียแล้วแข็งเมืองกระด้างกระเดื่องไป เพราะฉะนั้นพระบาท
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกในเวลานั้นกับพระเจ้าอยู่หัวกรมพระราชวังในแผ่น
ดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็น เจ้าพระยาสุรสีห์พิศณวาธิราชในเวลานั้น ต้องยกพยุหโยธาออกไปยัง
การทัพทำสงครามปราบปรามพวกเขมรอยู่***ต่อ 1 ***

( มีต่อนะครับ ขอแปะไว้เท่านี้ก่อนครับ ขอบคุณครับ )
***ขอแปะต่อ นะครับ ...ผมจะแปะต่อเป็นระยะๆ นะครับ เนื่องจากเนื้อหามีมาก ผมต้องทยอยพิมพ์ครับ...ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ที่ทำให้อ่านไม่ต่อเนื่อง ขอบคุณครับ***

  ***ต่อ 1 *** ฝ่ายพระเจ้ากรุงธนบุรี ตั้งแต่ได้พระพุทธปฏิมากรแก้วมณีองค์นี้มาถึงกรุงธนบุรีแล้ว ก็มีจิตกำเริบเติบโตอันใช่ที่คือมีสัญญาวิปลาสว่าตนนั้นเป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เป็นพระโพธิสัตว์ จะสำเร็จพระพุทธภูมิได้ตรัสเป็นพระชนะแก่มารเป็นองค์พระศรีอาริย์เมตไตรในกัลป์นี้ก็คิดอย่างนั้นบ้างตรัสอย่างนี้บ้างทำไปต่างๆบ้าง จนถึงเป็นพระเจ้าแผ่นดินเสียจริต ทำการผิดๆไปให้แผ่นดินเป็นจลาจลร้อนรนทั่วไปทั้งไพร่และผู้ดีสมณะพราหมณ์ชีเป็นการผิดใหญ่ยิ่งหลายประการยิ่งกว่าการร้อนของแผ่นดินซึ่งเคยมีมาก่อนพ้นที่จะร่ำพรรณนา จึงเกิดข้าศึกเข้ามาล้อมวังเจ้ากรุงธนบุรีต้องยอมแพ้แก่ข้าศึกขอแต่ชีวิตออกบรรพชา ฝ่ายพวกข้าศึกเข้ารักษาแผ่นดินอยู่ก็รักษาไปไม่ได้ การบ้านการเมืองในกรุงธนบุรีก็ป่วนปั่นวุ่นวายไปต่างๆ ครั้งนั้นกรมพระราชวังหลังซึ่งเป็นพระโอรสใหญ่ของกรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี เวลานั้นเป็นที่เจ้าพระยานครราชสีมา ได้ยกพวกพลเข้ามาปราบปรามเสี้ยนหนามแผ่นดินรักษากรุงธนบุรีไว้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมื่อได้ทราบเหตุการณ์นั้นไปแล้วก็ยกกองทัพกลับเข้ามากรุงธนบุรี ครั้งนั้นผู้มีบรรดาศักดิ์ข้างหน้าข้างในทั้งปวงพร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ชีอาณาประชาราษฎร์ก็มีความสโมสรโสมนัสพร้อมกัน เชิญเสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติรักษาแผ่นดินเป็นที่พึ่งสืบต่อไป จึงได้เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ในปีขาล จัตวาศก จุลศักราช 1144 พระชนม์มายุ 46 ปีถ้วน พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จสวรรคตในวัน 5 ฯ (มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 9 ค่ำ ปีมะเส็ง เอกศก จุลศักราช 1171 ฯลฯ
ข. ส่วนหลักฐานในจดหมายเหตุโหร ประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 119  บันทึกไว้ว่าฯ ปีฉลู จ.ศ. 1143 เดือน 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ยกทัพไปเขมร ณ. วันที่ 7 ฯ(มีเลข 4 อยู่ข้างใต้) 4 ค่ำ และแรม 11 ค่ำ พระยาสรรค์ยกเข้าล้อมกรุงฯ ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 12 อยู่ข้างใต้) 4ค่ำ ขุนหลวงบวชวัดแจ้ง ปีขาล จ.ศ. 1144 ณ วัน 6 ฯ(มีเลข 8 อยู่ข้างใต้) 5 ค่ำ พระพุทธยอดฟ้าได้ราชสมบัติปราบดาภิเษก ชนมายุ 45 ปีกับ 1 เดือน กับ 4 วัน  ณ วัน 4 ฯ(มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 5ค่ำ เจ้าตากดับขันธ์ ชนมายุ 48 ปีกับ 15 วัน  ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 10 อยู่ข้างบน)  6ค่ำ สร้างเมืองบางกอก


ขอบคุณครับ มีต่ออีกรึเปล่าครับพี่สมบุญ
วิธีการอ่านตรงนี้(ที่ผมไฮไลต์สีแดงไว้) เดี๋ยวผมจะถามประธานอีกครั้งหนึ่งครับว่า อ่านอย่างไร

 1 น่าจะหมายถึง วันเสาร์
10 น่าจะหมายถึง ขึ้น 10 ค่ำ
6 น่าจะหมายถึง เดือนหก
ขอบพระคุณครับ จริงๆแล้วประธานฯ สอนผมเอาไว้แล้วผมดันลืมเองครับ :-[.....ที่คุณบอกมาผมคิดว่าถูกต้องครับ แต่เดี๋่ยวผมจะต้องถามย้ำกับประธานอีกครั้งหนึ่ง....ยินดีต้อนรับและขอขอบคุณที่ให้ความสนใจครับ เข้ามาพูดคุยเสวนากันบ่อยๆนะครับ :)


แต่ก่อนผมก็เป็นคอ เรื่องประวัติศาสตร์อยู่บ้างพอสมควรเหมือนกันครับ ไม่ว่าจะวรรณคดี หรือ หนังสือตำรับตำรา ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และอื่นๆ แต่ทุกวันนี้ มีกิเลสชนิดใหม่ๆให้สนใจมากมาย จนแทบหลงลืมความอยากรู้อยากเห็นเหล่านั้นไปเสียหมดสิ้นแล้วละครับ เหตุปัจจัยเปลี่ยน ความสนใจก็เปลี่ยน สงสัยคงต้องสร้างเหตุและปัจจัยที่หนุนนำขึ้นมาใหม่บ้างแล้วหละ (สักวัน หวังว่า).   ;D
ขออนุญาตนำเสนอความเห็นของประธานฯ ดังนี้ครับ.....
กิเลสไม่มีใหม่ ในกาลไหนๆก็ไม่มีใหม่ เพราะมีบัญญัติเอาไว้ว่า กิเลสมี หนึ่งพันห้าร้อยอย่าง ตัณหามี 108 อย่าง แต่ที่คุณเข้าใจว่ามีกิเลสชนิดใหม่ๆนั้น น่าจะเป็นเหตุจูงใจพิเศษเท่านั้นเอง ขอโทษนะครับกิเลสและตัณหานั้นมีอยู่ในพระไตรปิฎกอยู่แล้วครับ ถ้าสนใจลองเสาะหามาอ่านนะครับ...ขอบคุณครับ :)


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 27 มีนาคม 2012 | 10:14:40 PM
ชมรมคนรักประวัติศาสตร์เสรี
ตอบ  สมาชิกหมายเลข 003
ประวัติศาสตร์ไทยสมัยปลายวงศ์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พอประมวลมาได้ดังนี้.-
ก. จากประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 243 – 244 กล่าวไว้
    ครั้นเมื่อปีฉลูตรีศก จุลศักราช 1143 แผ่นดินเมืองเขมรซึ่งมาขึ้นกรุงธนบุรีอยู่แต่ก่อนนั้นกำเริบ พระยาพระเขมรลุกขึ้นจับพระองค์ราม ซึ่งเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีเจ้ากรุงกัมพูชาฆ่าเสียแล้วแข็งเมืองกระด้างกระเดื่องไป เพราะฉะนั้นพระบาท
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกในเวลานั้นกับพระเจ้าอยู่หัวกรมพระราชวังในแผ่น
ดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกซึ่งเป็น เจ้าพระยาสุรสีห์พิศณวาธิราชในเวลานั้น ต้องยกพยุหโยธาออกไปยัง
การทัพทำสงครามปราบปรามพวกเขมรอยู่***ต่อ 1 ***

( มีต่อนะครับ ขอแปะไว้เท่านี้ก่อนครับ ขอบคุณครับ )
***ขอแปะต่อ นะครับ ...ผมจะแปะต่อเป็นระยะๆ นะครับ เนื่องจากเนื้อหามีมาก ผมต้องทยอยพิมพ์ครับ...ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ที่ทำให้อ่านไม่ต่อเนื่อง ขอบคุณครับ***

  ***ต่อ 1 *** ฝ่ายพระเจ้ากรุงธนบุรี ตั้งแต่ได้พระพุทธปฏิมากรแก้วมณีองค์นี้มาถึงกรุงธนบุรีแล้ว ก็มีจิตกำเริบเติบโตอันใช่ที่คือมีสัญญาวิปลาสว่าตนนั้นเป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เป็นพระโพธิสัตว์ จะสำเร็จพระพุทธภูมิได้ตรัสเป็นพระชนะแก่มารเป็นองค์พระศรีอาริย์เมตไตรในกัลป์นี้ก็คิดอย่างนั้นบ้างตรัสอย่างนี้บ้างทำไปต่างๆบ้าง จนถึงเป็นพระเจ้าแผ่นดินเสียจริต ทำการผิดๆไปให้แผ่นดินเป็นจลาจลร้อนรนทั่วไปทั้งไพร่และผู้ดีสมณะพราหมณ์ชีเป็นการผิดใหญ่ยิ่งหลายประการยิ่งกว่าการร้อนของแผ่นดินซึ่งเคยมีมาก่อนพ้นที่จะร่ำพรรณนา จึงเกิดข้าศึกเข้ามาล้อมวังเจ้ากรุงธนบุรีต้องยอมแพ้แก่ข้าศึกขอแต่ชีวิตออกบรรพชา ฝ่ายพวกข้าศึกเข้ารักษาแผ่นดินอยู่ก็รักษาไปไม่ได้ การบ้านการเมืองในกรุงธนบุรีก็ป่วนปั่นวุ่นวายไปต่างๆ ครั้งนั้นกรมพระราชวังหลังซึ่งเป็นพระโอรสใหญ่ของกรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี เวลานั้นเป็นที่เจ้าพระยานครราชสีมา ได้ยกพวกพลเข้ามาปราบปรามเสี้ยนหนามแผ่นดินรักษากรุงธนบุรีไว้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมื่อได้ทราบเหตุการณ์นั้นไปแล้วก็ยกกองทัพกลับเข้ามากรุงธนบุรี ครั้งนั้นผู้มีบรรดาศักดิ์ข้างหน้าข้างในทั้งปวงพร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ชีอาณาประชาราษฎร์ก็มีความสโมสรโสมนัสพร้อมกัน เชิญเสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติรักษาแผ่นดินเป็นที่พึ่งสืบต่อไป จึงได้เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ในปีขาล จัตวาศก จุลศักราช 1144 พระชนม์มายุ 46 ปีถ้วน พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จสวรรคตในวัน 5 ฯ (มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 9 ค่ำ ปีมะเส็ง เอกศก จุลศักราช 1171 ฯลฯ
ข. ส่วนหลักฐานในจดหมายเหตุโหร ประชุมพงศาวดาร เล่ม 8 หน้า 119  บันทึกไว้ว่าฯ ปีฉลู จ.ศ. 1143 เดือน 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ยกทัพไปเขมร ณ. วันที่ 7 ฯ(มีเลข 4 อยู่ข้างใต้) 4 ค่ำ และแรม 11 ค่ำ พระยาสรรค์ยกเข้าล้อมกรุงฯ ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 12 อยู่ข้างใต้) 4ค่ำ ขุนหลวงบวชวัดแจ้ง ปีขาล จ.ศ. 1144 ณ วัน 6 ฯ(มีเลข 8 อยู่ข้างใต้) 5 ค่ำ พระพุทธยอดฟ้าได้ราชสมบัติปราบดาภิเษก ชนมายุ 45 ปีกับ 1 เดือน กับ 4 วัน  ณ วัน 4 ฯ(มีเลข 13 อยู่ข้างใต้) 5ค่ำ เจ้าตากดับขันธ์ ชนมายุ 48 ปีกับ 15 วัน  ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 10 อยู่ข้างบน)  6ค่ำ สร้างเมืองบางกอก


ขอบคุณครับ มีต่ออีกรึเปล่าครับพี่สมบุญ
วิธีการอ่านตรงนี้(ที่ผมไฮไลต์สีแดงไว้) เดี๋ยวผมจะถามประธานอีกครั้งหนึ่งครับว่า อ่านอย่างไร

 1 น่าจะหมายถึง วันเสาร์
10 น่าจะหมายถึง ขึ้น 10 ค่ำ
6 น่าจะหมายถึง เดือนหก
ผมได้สอบถามประธานฯ แล้วนะครับ ได้ความดังนี้ครับ...
1. เลข 1 คือ วันอาทิตย์ เป็นการนับตามวิธีโบราณ-จันทรคติ
2. ตัวเลขอยู่ข้างบน คือ ข้างขึ้น
3. ตัวเลขอยู่ข้างใต้ คือ ข้างแรม
4. ดังนั้นต้องอ่านว่า...วันอาทิตย์ ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 6


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 28 มีนาคม 2012 | 09:56:31 AM
ขอบคุณครับ คุณ Edosh?ma ที่กรุณาแลกเปลี่ยน+เผื่อแผ่  ปัญญา กัน เป็นประโยชน์ในวงกว้าง ครับ :)....เดี๋ยวผมจะนำเรียน ประธานฯ ให้ทราบเพื่อ เสวนะ , เสวนา กันต่อไปครับ


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 28 มีนาคม 2012 | 12:09:42 PM

แต่ก่อนผมก็เป็นคอ เรื่องประวัติศาสตร์อยู่บ้างพอสมควรเหมือนกันครับ ไม่ว่าจะวรรณคดี หรือ หนังสือตำรับตำรา ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และอื่นๆ แต่ทุกวันนี้ มีกิเลสชนิดใหม่ๆให้สนใจมากมาย จนแทบหลงลืมความอยากรู้อยากเห็นเหล่านั้นไปเสียหมดสิ้นแล้วละครับ เหตุปัจจัยเปลี่ยน ความสนใจก็เปลี่ยน สงสัยคงต้องสร้างเหตุและปัจจัยที่หนุนนำขึ้นมาใหม่บ้างแล้วหละ (สักวัน หวังว่า).   ;D
ขออนุญาตนำเสนอความเห็นของประธานฯ ดังนี้ครับ.....
กิเลสไม่มีใหม่ ในกาลไหนๆก็ไม่มีใหม่ เพราะมีบัญญัติเอาไว้ว่า กิเลสมี หนึ่งพันห้าร้อยอย่าง ตัณหามี 108 อย่าง แต่ที่คุณเข้าใจว่ามีกิเลสชนิดใหม่ๆนั้น น่าจะเป็นเหตุจูงใจพิเศษเท่านั้นเอง ขอโทษนะครับกิเลสและตัณหานั้นมีอยู่ในพระไตรปิฎกอยู่แล้วครับ ถ้าสนใจลองเสาะหามาอ่านนะครับ...ขอบคุณครับ :)

ขอบคุณครับผม ;) คำว่า "กิเลส" ของผม ใช้มุ่งหมายไปในเชิงโดยอรรถ มากกว่าโดยพยัญชนะ เป็นไปในเชิงสำนวนมากกว่าจะมุ่งหมายที่ตัวศัพท์ครับผม  ;D น่าจะเหมือนที่พี่สมบุญพูดนั่นแหละครับ "กิเลสและตัณหานั้นมีอยู่ในพระไตรปิฎก" ถ้าเอาแบบดื้อๆก็ต้องบอกว่า ในพระไตรปิฏกไม่มีกิเลสและตัณหา มีแต่อักขระที่จารึกธรรมคำสอน (เป็นรูป แค่รูปเฉยๆไม่ถือว่าเป็นกิเลสหรือตัณหา) กิเลสและตัณหานั้น หามีอยู่ในพระไตรปิฏกไม่ แต่มีต่อเมื่อตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ กระทบกันกับ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ แบบผิดๆ อะไรทำนองนั้นครับ หวังว่าจะพูดถูกนะครับ ;D
ประธานฯ ได้เสวนา มาดังนี้ครับ.-
ขอคารวะท่านหนึ่งจอก เพราะว่าท่านเป็นคนแก่กล้าทางอักษรศาสตร์และทางพระธรรมของพระพุทธองค์ด้วย ที่ท่านเสวนามานั้นถูกต้องทุกอย่าง เพราะว่าในพระไตรปิฎกนั้นไม่มีกิเลสตัณหาอย่างที่ท่านว่า เพราะมีแต่ตัวอักษรจารึกไว้เท่านั้น แต่ตัวอักษรคือ เครื่องหมายแทนคำพูดเปรียบประดุจเหมือนเทปอัดเสียงเพราะสมัยพุทธกาลไม่มีเครื่องบันทึกเสียงและเอดิสันยังไม่เกิด ตัวอักษรก็คือช่องทางสื่อสารที่มนุษย์ใช้แทนคำพูดเท่านั้นจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ล้าสมัย แล้วก็พระไตรปิฎกก็ไม่มี มีแต่กระดาษหรือใบลานที่จารไว้เพื่อกันลืมเท่านั้นล่ะครับ ...แล้วก็กิเลสกับตัณหาเกิดขึ้นเพราะคนมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้หรือมีไม่ครบ กิเลสตัณหามันก็เบาบางลง ว่างๆเขียนมาอีกนะครับ ขอบคุณครับ :)


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: อั๋น501 ที่ 28 มีนาคม 2012 | 01:45:30 PM

แต่ก่อนผมก็เป็นคอ เรื่องประวัติศาสตร์อยู่บ้างพอสมควรเหมือนกันครับ ไม่ว่าจะวรรณคดี หรือ หนังสือตำรับตำรา ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และอื่นๆ แต่ทุกวันนี้ มีกิเลสชนิดใหม่ๆให้สนใจมากมาย จนแทบหลงลืมความอยากรู้อยากเห็นเหล่านั้นไปเสียหมดสิ้นแล้วละครับ เหตุปัจจัยเปลี่ยน ความสนใจก็เปลี่ยน สงสัยคงต้องสร้างเหตุและปัจจัยที่หนุนนำขึ้นมาใหม่บ้างแล้วหละ (สักวัน หวังว่า).   ;D
ขออนุญาตนำเสนอความเห็นของประธานฯ ดังนี้ครับ.....
กิเลสไม่มีใหม่ ในกาลไหนๆก็ไม่มีใหม่ เพราะมีบัญญัติเอาไว้ว่า กิเลสมี หนึ่งพันห้าร้อยอย่าง ตัณหามี 108 อย่าง แต่ที่คุณเข้าใจว่ามีกิเลสชนิดใหม่ๆนั้น น่าจะเป็นเหตุจูงใจพิเศษเท่านั้นเอง ขอโทษนะครับกิเลสและตัณหานั้นมีอยู่ในพระไตรปิฎกอยู่แล้วครับ ถ้าสนใจลองเสาะหามาอ่านนะครับ...ขอบคุณครับ :)

ขอบคุณครับผม ;) คำว่า "กิเลส" ของผม ใช้มุ่งหมายไปในเชิงโดยอรรถ มากกว่าโดยพยัญชนะ เป็นไปในเชิงสำนวนมากกว่าจะมุ่งหมายที่ตัวศัพท์ครับผม  ;D น่าจะเหมือนที่พี่สมบุญพูดนั่นแหละครับ "กิเลสและตัณหานั้นมีอยู่ในพระไตรปิฎก" ถ้าเอาแบบดื้อๆก็ต้องบอกว่า ในพระไตรปิฏกไม่มีกิเลสและตัณหา มีแต่อักขระที่จารึกธรรมคำสอน (เป็นรูป แค่รูปเฉยๆไม่ถือว่าเป็นกิเลสหรือตัณหา) กิเลสและตัณหานั้น หามีอยู่ในพระไตรปิฏกไม่ แต่มีต่อเมื่อตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ กระทบกันกับ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ แบบผิดๆ อะไรทำนองนั้นครับ หวังว่าจะพูดถูกนะครับ ;D
ประธานฯ ได้เสวนา มาดังนี้ครับ.-
ขอคารวะท่านหนึ่งจอก เพราะว่าท่านเป็นคนแก่กล้าทางอักษรศาสตร์และทางพระธรรมของพระพุทธองค์ด้วย ที่ท่านเสวนามานั้นถูกต้องทุกอย่าง เพราะว่าในพระไตรปิฎกนั้นไม่มีกิเลสตัณหาอย่างที่ท่านว่า เพราะมีแต่ตัวอักษรจารึกไว้เท่านั้น แต่ตัวอักษรคือ เครื่องหมายแทนคำพูดเปรียบประดุจเหมือนเทปอัดเสียงเพราะสมัยพุทธกาลไม่มีเครื่องบันทึกเสียงและเอดิสันยังไม่เกิด ตัวอักษรก็คือช่องทางสื่อสารที่มนุษย์ใช้แทนคำพูดเท่านั้นจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ล้าสมัย แล้วก็พระไตรปิฎกก็ไม่มี มีแต่กระดาษหรือใบลานที่จารไว้เพื่อกันลืมเท่านั้นล่ะครับ ...แล้วก็กิเลสกับตัณหาเกิดขึ้นเพราะคนมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้หรือมีไม่ครบ กิเลสตัณหามันก็เบาบางลง ว่างๆเขียนมาอีกนะครับ ขอบคุณครับ :)

พอดีมีโอกาสได้เคยบวชเรียน ได้เรียนภาษาบาลีอยู่ 2 ปี ครับ เลยพอได้พื้นฐานด้านภาษามานิดหน่อย ส่วนพระไตรปิฏกก็พอคุ้นเคยบ้าง เปิดอ่านหยิบอ่านพอสมควรครับ พื้นฐานทางพระธรรมคำสอนก็พอมีบ้างนิดหน่อยครับผม.

เห็นบ่นว่าไม่มีเรื่องคุย ชวนเฮียสมบุญฯคุยกับเรื่องเหล่านี้และเรื่องหนังนอกกระแสได้เลย  เพราะเฮียแกหาคนคุยเรื่องแบบนี้ยากอยู่
แวะเข้าคุยบ่อยนะ


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: อั๋น501 ที่ 28 มีนาคม 2012 | 02:22:43 PM
ถ้าอยากคุยหรืออ่านเรื่องหนังแบบที่คุยว่าลองเข้าไปดูที่ http://homecinema2010.blogspot.com เฮียสมบุญฯแวะเข้าไปคุยบ่อย
เจ้าของบ้านเป็นเพื่อนผมเองครับ


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 28 มีนาคม 2012 | 02:25:56 PM

แต่ก่อนผมก็เป็นคอ เรื่องประวัติศาสตร์อยู่บ้างพอสมควรเหมือนกันครับ ไม่ว่าจะวรรณคดี หรือ หนังสือตำรับตำรา ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และอื่นๆ แต่ทุกวันนี้ มีกิเลสชนิดใหม่ๆให้สนใจมากมาย จนแทบหลงลืมความอยากรู้อยากเห็นเหล่านั้นไปเสียหมดสิ้นแล้วละครับ เหตุปัจจัยเปลี่ยน ความสนใจก็เปลี่ยน สงสัยคงต้องสร้างเหตุและปัจจัยที่หนุนนำขึ้นมาใหม่บ้างแล้วหละ (สักวัน หวังว่า).   ;D
ขออนุญาตนำเสนอความเห็นของประธานฯ ดังนี้ครับ.....
กิเลสไม่มีใหม่ ในกาลไหนๆก็ไม่มีใหม่ เพราะมีบัญญัติเอาไว้ว่า กิเลสมี หนึ่งพันห้าร้อยอย่าง ตัณหามี 108 อย่าง แต่ที่คุณเข้าใจว่ามีกิเลสชนิดใหม่ๆนั้น น่าจะเป็นเหตุจูงใจพิเศษเท่านั้นเอง ขอโทษนะครับกิเลสและตัณหานั้นมีอยู่ในพระไตรปิฎกอยู่แล้วครับ ถ้าสนใจลองเสาะหามาอ่านนะครับ...ขอบคุณครับ :)

ขอบคุณครับผม ;) คำว่า "กิเลส" ของผม ใช้มุ่งหมายไปในเชิงโดยอรรถ มากกว่าโดยพยัญชนะ เป็นไปในเชิงสำนวนมากกว่าจะมุ่งหมายที่ตัวศัพท์ครับผม  ;D น่าจะเหมือนที่พี่สมบุญพูดนั่นแหละครับ "กิเลสและตัณหานั้นมีอยู่ในพระไตรปิฎก" ถ้าเอาแบบดื้อๆก็ต้องบอกว่า ในพระไตรปิฏกไม่มีกิเลสและตัณหา มีแต่อักขระที่จารึกธรรมคำสอน (เป็นรูป แค่รูปเฉยๆไม่ถือว่าเป็นกิเลสหรือตัณหา) กิเลสและตัณหานั้น หามีอยู่ในพระไตรปิฏกไม่ แต่มีต่อเมื่อตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ กระทบกันกับ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ แบบผิดๆ อะไรทำนองนั้นครับ หวังว่าจะพูดถูกนะครับ ;D
ประธานฯ ได้เสวนา มาดังนี้ครับ.-
ขอคารวะท่านหนึ่งจอก เพราะว่าท่านเป็นคนแก่กล้าทางอักษรศาสตร์และทางพระธรรมของพระพุทธองค์ด้วย ที่ท่านเสวนามานั้นถูกต้องทุกอย่าง เพราะว่าในพระไตรปิฎกนั้นไม่มีกิเลสตัณหาอย่างที่ท่านว่า เพราะมีแต่ตัวอักษรจารึกไว้เท่านั้น แต่ตัวอักษรคือ เครื่องหมายแทนคำพูดเปรียบประดุจเหมือนเทปอัดเสียงเพราะสมัยพุทธกาลไม่มีเครื่องบันทึกเสียงและเอดิสันยังไม่เกิด ตัวอักษรก็คือช่องทางสื่อสารที่มนุษย์ใช้แทนคำพูดเท่านั้นจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ล้าสมัย แล้วก็พระไตรปิฎกก็ไม่มี มีแต่กระดาษหรือใบลานที่จารไว้เพื่อกันลืมเท่านั้นล่ะครับ ...แล้วก็กิเลสกับตัณหาเกิดขึ้นเพราะคนมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้หรือมีไม่ครบ กิเลสตัณหามันก็เบาบางลง ว่างๆเขียนมาอีกนะครับ ขอบคุณครับ :)

พอดีมีโอกาสได้เคยบวชเรียน ได้เรียนภาษาบาลีอยู่ 2 ปี ครับ เลยพอได้พื้นฐานด้านภาษามานิดหน่อย ส่วนพระไตรปิฏกก็พอคุ้นเคยบ้าง เปิดอ่านหยิบอ่านพอสมควรครับ พื้นฐานทางพระธรรมคำสอนก็พอมีบ้างนิดหน่อยครับผม.

เห็นบ่นว่าไม่มีเรื่องคุย ชวนเฮียสมบุญฯคุยกับเรื่องเหล่านี้และเรื่องหนังนอกกระแสได้เลย  เพราะเฮียแกหาคนคุยเรื่องแบบนี้ยากอยู่
แวะเข้าคุยบ่อยนะ

ถ้าอย่างนั้น อยากจะขอรบกวนพี่สมบุญ ผู้กว้างขวางสักนิดหน่อยครับ  พี่สมบุญน่าจะอยู่ในแวดวงหนังสือเก่า หรืออะไรทำนองนั้น คือว่าผมสนใจหนังสือ "มิลินทปัญหา" ที่ตีพิมพ์ในสมัยราชการที่ 7 ในงานพระราชทานเพลิงศพของใครคนหนึ่ง (ที่พอๆจะจำได้ก็คือ แกน่าจะเป็นเจ้าของโรงพิมพ์) ผมพยายามหามาเป็นเจ้าของมาอย่างยาวนาน แต่หาไม่ได้สักที จะไปขโมยเอามาจากห้องสมุดของวัด (ที่เคยเจอเคยอ่าน) ก็ใช่ที่ แถมสภาพกระดาษก็ค่อนข้างเก่า จะเอาไปให้ร้านถ่ายจากต้นฉบับบ ทำเป็นอีกเล่มคงจะไม่ได้ ถ้ายังไงถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ก็ฝากพี่สมบุญช่วยๆ สอบถามเพื่อนฝูงในวงวรรณกรรมให้ด้วยครับผม ว่าพอจะหาซื้อหนังสือเก่าเล่มนี้ได้ที่ไหนบ้าง ;D ส่วนเรื่องหนังนอกกระแส ช่วงนี้ผมค่อนข้างไม่ได้ดูหนังเลยครับ แต่หนังที่ผมดูส่วนใหญ่ คงเอาไปคุยกับใครเค้าไม่ค่อยจะรู้เรื่องอยู่ดีนั่นแหละครับ เพราะหนังที่ผมดู ผมก็ฟังไม่รู้เรื่อง เป็นภาษาญี่ปุ่นบ้าง เยอรมันบ้าง อังกฤษบ้าง สวีเดน นอร์เวย์ ไปโน้น ดูสนุกดูเอาบรรยากาศ อาศัยจินตนาการล้วนๆ ไอ้จะไปคุยกับใคร ก็คุยกับเค้าไม่รู้เรื่องครับ.  :'(


ขอบคุณครับ อย่าเรียกผมว่าผู้กว้างขวางเลยครับ ถ้าเรื่องหนังล่ะก็ ผม พอได้/พอตัว พอสมควรครับ :D แต่ถ้าเป็นแวดวงหนังสือเก่าล่ะก็ผมยัง " สติปัญญาขาดแคลนอย่างแร้นแค้น " อยู่ครับ ยังต้องฝึกปรือเพลงกระบี่อีกแยะครับ :D...หนังสือเล่มนี้ เดี๋ยวผมจะถามไปทางประธานฯ ครับ ว่าพอจะทราบแหล่งหรือไม่  สำหรับผมขอแนะนำว่า วันที่ 29 มีค. - 8 เมย.55 นี้ไปที่ศูนย์ฯสิริกิตต์ นะครับ(เดินทางสะดวกมากๆด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน)มีงานหนังสือแห่งชาติครับ เมื่อไปถึงขอให้ไปที่ชั้นบนนะครับจะเป็นร้านขายหนังสือเก่ามีอยู่ประมาณ 5 - 10 ร้าน ผมคิดว่าอาจจะมีก็ได้ครับ ผมเองจะไปพรุ่งนี้ช่วงบ่ายครับ.....หนังนอกกระแสที่ว่าดูเรื่องอะไรมาบ้างครับ :)


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 28 มีนาคม 2012 | 03:11:42 PM

แต่ก่อนผมก็เป็นคอ เรื่องประวัติศาสตร์อยู่บ้างพอสมควรเหมือนกันครับ ไม่ว่าจะวรรณคดี หรือ หนังสือตำรับตำรา ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และอื่นๆ แต่ทุกวันนี้ มีกิเลสชนิดใหม่ๆให้สนใจมากมาย จนแทบหลงลืมความอยากรู้อยากเห็นเหล่านั้นไปเสียหมดสิ้นแล้วละครับ เหตุปัจจัยเปลี่ยน ความสนใจก็เปลี่ยน สงสัยคงต้องสร้างเหตุและปัจจัยที่หนุนนำขึ้นมาใหม่บ้างแล้วหละ (สักวัน หวังว่า).   ;D
ขออนุญาตนำเสนอความเห็นของประธานฯ ดังนี้ครับ.....
กิเลสไม่มีใหม่ ในกาลไหนๆก็ไม่มีใหม่ เพราะมีบัญญัติเอาไว้ว่า กิเลสมี หนึ่งพันห้าร้อยอย่าง ตัณหามี 108 อย่าง แต่ที่คุณเข้าใจว่ามีกิเลสชนิดใหม่ๆนั้น น่าจะเป็นเหตุจูงใจพิเศษเท่านั้นเอง ขอโทษนะครับกิเลสและตัณหานั้นมีอยู่ในพระไตรปิฎกอยู่แล้วครับ ถ้าสนใจลองเสาะหามาอ่านนะครับ...ขอบคุณครับ :)

ขอบคุณครับผม ;) คำว่า "กิเลส" ของผม ใช้มุ่งหมายไปในเชิงโดยอรรถ มากกว่าโดยพยัญชนะ เป็นไปในเชิงสำนวนมากกว่าจะมุ่งหมายที่ตัวศัพท์ครับผม  ;D น่าจะเหมือนที่พี่สมบุญพูดนั่นแหละครับ "กิเลสและตัณหานั้นมีอยู่ในพระไตรปิฎก" ถ้าเอาแบบดื้อๆก็ต้องบอกว่า ในพระไตรปิฏกไม่มีกิเลสและตัณหา มีแต่อักขระที่จารึกธรรมคำสอน (เป็นรูป แค่รูปเฉยๆไม่ถือว่าเป็นกิเลสหรือตัณหา) กิเลสและตัณหานั้น หามีอยู่ในพระไตรปิฏกไม่ แต่มีต่อเมื่อตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ กระทบกันกับ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ แบบผิดๆ อะไรทำนองนั้นครับ หวังว่าจะพูดถูกนะครับ ;D
ประธานฯ ได้เสวนา มาดังนี้ครับ.-
ขอคารวะท่านหนึ่งจอก เพราะว่าท่านเป็นคนแก่กล้าทางอักษรศาสตร์และทางพระธรรมของพระพุทธองค์ด้วย ที่ท่านเสวนามานั้นถูกต้องทุกอย่าง เพราะว่าในพระไตรปิฎกนั้นไม่มีกิเลสตัณหาอย่างที่ท่านว่า เพราะมีแต่ตัวอักษรจารึกไว้เท่านั้น แต่ตัวอักษรคือ เครื่องหมายแทนคำพูดเปรียบประดุจเหมือนเทปอัดเสียงเพราะสมัยพุทธกาลไม่มีเครื่องบันทึกเสียงและเอดิสันยังไม่เกิด ตัวอักษรก็คือช่องทางสื่อสารที่มนุษย์ใช้แทนคำพูดเท่านั้นจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ล้าสมัย แล้วก็พระไตรปิฎกก็ไม่มี มีแต่กระดาษหรือใบลานที่จารไว้เพื่อกันลืมเท่านั้นล่ะครับ ...แล้วก็กิเลสกับตัณหาเกิดขึ้นเพราะคนมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้หรือมีไม่ครบ กิเลสตัณหามันก็เบาบางลง ว่างๆเขียนมาอีกนะครับ ขอบคุณครับ :)

พอดีมีโอกาสได้เคยบวชเรียน ได้เรียนภาษาบาลีอยู่ 2 ปี ครับ เลยพอได้พื้นฐานด้านภาษามานิดหน่อย ส่วนพระไตรปิฏกก็พอคุ้นเคยบ้าง เปิดอ่านหยิบอ่านพอสมควรครับ พื้นฐานทางพระธรรมคำสอนก็พอมีบ้างนิดหน่อยครับผม.

เห็นบ่นว่าไม่มีเรื่องคุย ชวนเฮียสมบุญฯคุยกับเรื่องเหล่านี้และเรื่องหนังนอกกระแสได้เลย  เพราะเฮียแกหาคนคุยเรื่องแบบนี้ยากอยู่
แวะเข้าคุยบ่อยนะ

ถ้าอย่างนั้น อยากจะขอรบกวนพี่สมบุญ ผู้กว้างขวางสักนิดหน่อยครับ  พี่สมบุญน่าจะอยู่ในแวดวงหนังสือเก่า หรืออะไรทำนองนั้น คือว่าผมสนใจหนังสือ "มิลินทปัญหา" ที่ตีพิมพ์ในสมัยราชการที่ 7 ในงานพระราชทานเพลิงศพของใครคนหนึ่ง (ที่พอๆจะจำได้ก็คือ แกน่าจะเป็นเจ้าของโรงพิมพ์) ผมพยายามหามาเป็นเจ้าของมาอย่างยาวนาน แต่หาไม่ได้สักที จะไปขโมยเอามาจากห้องสมุดของวัด (ที่เคยเจอเคยอ่าน) ก็ใช่ที่ แถมสภาพกระดาษก็ค่อนข้างเก่า จะเอาไปให้ร้านถ่ายจากต้นฉบับบ ทำเป็นอีกเล่มคงจะไม่ได้ ถ้ายังไงถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ก็ฝากพี่สมบุญช่วยๆ สอบถามเพื่อนฝูงในวงวรรณกรรมให้ด้วยครับผม ว่าพอจะหาซื้อหนังสือเก่าเล่มนี้ได้ที่ไหนบ้าง ;D ส่วนเรื่องหนังนอกกระแส ช่วงนี้ผมค่อนข้างไม่ได้ดูหนังเลยครับ แต่หนังที่ผมดูส่วนใหญ่ คงเอาไปคุยกับใครเค้าไม่ค่อยจะรู้เรื่องอยู่ดีนั่นแหละครับ เพราะหนังที่ผมดู ผมก็ฟังไม่รู้เรื่อง เป็นภาษาญี่ปุ่นบ้าง เยอรมันบ้าง อังกฤษบ้าง สวีเดน นอร์เวย์ ไปโน้น ดูสนุกดูเอาบรรยากาศ อาศัยจินตนาการล้วนๆ ไอ้จะไปคุยกับใคร ก็คุยกับเค้าไม่รู้เรื่องครับ.  :'(


ขอบคุณครับ อย่าเรียกผมว่าผู้กว้างขวางเลยครับ ถ้าเรื่องหนังล่ะก็ ผม พอได้/พอตัว พอสมควรครับ :D แต่ถ้าเป็นแวดวงหนังสือเก่าล่ะก็ผมยัง " สติปัญญาขาดแคลนอย่างแร้นแค้น " อยู่ครับ ยังต้องฝึกปรือเพลงกระบี่อีกแยะครับ :D...หนังสือเล่มนี้ เดี๋ยวผมจะถามไปทางประธานฯ ครับ ว่าพอจะทราบแหล่งหรือไม่  สำหรับผมขอแนะนำว่า วันที่ 29 มีค. - 8 เมย.55 นี้ไปที่ศูนย์ฯสิริกิตต์ นะครับ(เดินทางสะดวกมากๆด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน)มีงานหนังสือแห่งชาติครับ เมื่อไปถึงขอให้ไปที่ชั้นบนนะครับจะเป็นร้านขายหนังสือเก่ามีอยู่ประมาณ 5 - 10 ร้าน ผมคิดว่าอาจจะมีก็ได้ครับ ผมเองจะไปพรุ่งนี้ช่วงบ่ายครับ.....หนังนอกกระแสที่ว่าดูเรื่องอะไรมาบ้างครับ :)

ครับ ประธานฯ แจ้งมาว่า ขอแนะนำให้ไปที่ร้านหนังสือเก่าที่บริเวณอยู่ในตึกแถวริมคลองหลอด(จำชื่อร้านไม่ได้) ให้ตั้งต้นที่หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์เดินเลียบบนฟุตบาทไปทางซ้ายประมาณ 2 - 3 คูหา + ร้านหนังสือเก่าที่สวนจตุจักร + ร้านหนังสือเก่าที่เวิ้งนครเขษม + ร้านหนังสือเก่าที่วังบูรพาหลังห้างเมอรี่คิงส์เดิม ครับ ....หรือในความเห็นของผมขอเพิ่มเติมว่า ลองไปที่หอสมุดของวัดใหญ่ๆ เช่น วัดบวร ฯลฯ หรือไปที่ หอสมุดแห่งชาติ นะครับ สองแห่งนี้คงต้องเสียเวลานั่งอ่านที่นั่น ถ้าหากว่ามี :)


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 28 มีนาคม 2012 | 03:21:18 PM
ถ้าอยากคุยหรืออ่านเรื่องหนังแบบที่คุยว่าลองเข้าไปดูที่ http://homecinema2010.blogspot.com เฮียสมบุญฯแวะเข้าไปคุยบ่อย
เจ้าของบ้านเป็นเพื่อนผมเองครับ
+1 ครับ ลองเข้าไปอ่านไปคุยกันนะครับ :)


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 28 มีนาคม 2012 | 03:29:23 PM

แต่ก่อนผมก็เป็นคอ เรื่องประวัติศาสตร์อยู่บ้างพอสมควรเหมือนกันครับ ไม่ว่าจะวรรณคดี หรือ หนังสือตำรับตำรา ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และอื่นๆ แต่ทุกวันนี้ มีกิเลสชนิดใหม่ๆให้สนใจมากมาย จนแทบหลงลืมความอยากรู้อยากเห็นเหล่านั้นไปเสียหมดสิ้นแล้วละครับ เหตุปัจจัยเปลี่ยน ความสนใจก็เปลี่ยน สงสัยคงต้องสร้างเหตุและปัจจัยที่หนุนนำขึ้นมาใหม่บ้างแล้วหละ (สักวัน หวังว่า).   ;D
ขออนุญาตนำเสนอความเห็นของประธานฯ ดังนี้ครับ.....
กิเลสไม่มีใหม่ ในกาลไหนๆก็ไม่มีใหม่ เพราะมีบัญญัติเอาไว้ว่า กิเลสมี หนึ่งพันห้าร้อยอย่าง ตัณหามี 108 อย่าง แต่ที่คุณเข้าใจว่ามีกิเลสชนิดใหม่ๆนั้น น่าจะเป็นเหตุจูงใจพิเศษเท่านั้นเอง ขอโทษนะครับกิเลสและตัณหานั้นมีอยู่ในพระไตรปิฎกอยู่แล้วครับ ถ้าสนใจลองเสาะหามาอ่านนะครับ...ขอบคุณครับ :)

ขอบคุณครับผม ;) คำว่า "กิเลส" ของผม ใช้มุ่งหมายไปในเชิงโดยอรรถ มากกว่าโดยพยัญชนะ เป็นไปในเชิงสำนวนมากกว่าจะมุ่งหมายที่ตัวศัพท์ครับผม  ;D น่าจะเหมือนที่พี่สมบุญพูดนั่นแหละครับ "กิเลสและตัณหานั้นมีอยู่ในพระไตรปิฎก" ถ้าเอาแบบดื้อๆก็ต้องบอกว่า ในพระไตรปิฏกไม่มีกิเลสและตัณหา มีแต่อักขระที่จารึกธรรมคำสอน (เป็นรูป แค่รูปเฉยๆไม่ถือว่าเป็นกิเลสหรือตัณหา) กิเลสและตัณหานั้น หามีอยู่ในพระไตรปิฏกไม่ แต่มีต่อเมื่อตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ กระทบกันกับ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ แบบผิดๆ อะไรทำนองนั้นครับ หวังว่าจะพูดถูกนะครับ ;D
ประธานฯ ได้เสวนา มาดังนี้ครับ.-
ขอคารวะท่านหนึ่งจอก เพราะว่าท่านเป็นคนแก่กล้าทางอักษรศาสตร์และทางพระธรรมของพระพุทธองค์ด้วย ที่ท่านเสวนามานั้นถูกต้องทุกอย่าง เพราะว่าในพระไตรปิฎกนั้นไม่มีกิเลสตัณหาอย่างที่ท่านว่า เพราะมีแต่ตัวอักษรจารึกไว้เท่านั้น แต่ตัวอักษรคือ เครื่องหมายแทนคำพูดเปรียบประดุจเหมือนเทปอัดเสียงเพราะสมัยพุทธกาลไม่มีเครื่องบันทึกเสียงและเอดิสันยังไม่เกิด ตัวอักษรก็คือช่องทางสื่อสารที่มนุษย์ใช้แทนคำพูดเท่านั้นจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ล้าสมัย แล้วก็พระไตรปิฎกก็ไม่มี มีแต่กระดาษหรือใบลานที่จารไว้เพื่อกันลืมเท่านั้นล่ะครับ ...แล้วก็กิเลสกับตัณหาเกิดขึ้นเพราะคนมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้หรือมีไม่ครบ กิเลสตัณหามันก็เบาบางลง ว่างๆเขียนมาอีกนะครับ ขอบคุณครับ :)

พอดีมีโอกาสได้เคยบวชเรียน ได้เรียนภาษาบาลีอยู่ 2 ปี ครับ เลยพอได้พื้นฐานด้านภาษามานิดหน่อย ส่วนพระไตรปิฏกก็พอคุ้นเคยบ้าง เปิดอ่านหยิบอ่านพอสมควรครับ พื้นฐานทางพระธรรมคำสอนก็พอมีบ้างนิดหน่อยครับผม.

เห็นบ่นว่าไม่มีเรื่องคุย ชวนเฮียสมบุญฯคุยกับเรื่องเหล่านี้และเรื่องหนังนอกกระแสได้เลย  เพราะเฮียแกหาคนคุยเรื่องแบบนี้ยากอยู่
แวะเข้าคุยบ่อยนะ

ถ้าอย่างนั้น อยากจะขอรบกวนพี่สมบุญ ผู้กว้างขวางสักนิดหน่อยครับ  พี่สมบุญน่าจะอยู่ในแวดวงหนังสือเก่า หรืออะไรทำนองนั้น คือว่าผมสนใจหนังสือ "มิลินทปัญหา" ที่ตีพิมพ์ในสมัยราชการที่ 7 ในงานพระราชทานเพลิงศพของใครคนหนึ่ง (ที่พอๆจะจำได้ก็คือ แกน่าจะเป็นเจ้าของโรงพิมพ์) ผมพยายามหามาเป็นเจ้าของมาอย่างยาวนาน แต่หาไม่ได้สักที จะไปขโมยเอามาจากห้องสมุดของวัด (ที่เคยเจอเคยอ่าน) ก็ใช่ที่ แถมสภาพกระดาษก็ค่อนข้างเก่า จะเอาไปให้ร้านถ่ายจากต้นฉบับบ ทำเป็นอีกเล่มคงจะไม่ได้ ถ้ายังไงถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ก็ฝากพี่สมบุญช่วยๆ สอบถามเพื่อนฝูงในวงวรรณกรรมให้ด้วยครับผม ว่าพอจะหาซื้อหนังสือเก่าเล่มนี้ได้ที่ไหนบ้าง ;D ส่วนเรื่องหนังนอกกระแส ช่วงนี้ผมค่อนข้างไม่ได้ดูหนังเลยครับ แต่หนังที่ผมดูส่วนใหญ่ คงเอาไปคุยกับใครเค้าไม่ค่อยจะรู้เรื่องอยู่ดีนั่นแหละครับ เพราะหนังที่ผมดู ผมก็ฟังไม่รู้เรื่อง เป็นภาษาญี่ปุ่นบ้าง เยอรมันบ้าง อังกฤษบ้าง สวีเดน นอร์เวย์ ไปโน้น ดูสนุกดูเอาบรรยากาศ อาศัยจินตนาการล้วนๆ ไอ้จะไปคุยกับใคร ก็คุยกับเค้าไม่รู้เรื่องครับ.  :'(


ขอบคุณครับ อย่าเรียกผมว่าผู้กว้างขวางเลยครับ ถ้าเรื่องหนังล่ะก็ ผม พอได้/พอตัว พอสมควรครับ :D แต่ถ้าเป็นแวดวงหนังสือเก่าล่ะก็ผมยัง " สติปัญญาขาดแคลนอย่างแร้นแค้น " อยู่ครับ ยังต้องฝึกปรือเพลงกระบี่อีกแยะครับ :D...หนังสือเล่มนี้ เดี๋ยวผมจะถามไปทางประธานฯ ครับ ว่าพอจะทราบแหล่งหรือไม่  สำหรับผมขอแนะนำว่า วันที่ 29 มีค. - 8 เมย.55 นี้ไปที่ศูนย์ฯสิริกิตต์ นะครับ(เดินทางสะดวกมากๆด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน)มีงานหนังสือแห่งชาติครับ เมื่อไปถึงขอให้ไปที่ชั้นบนนะครับจะเป็นร้านขายหนังสือเก่ามีอยู่ประมาณ 5 - 10 ร้าน ผมคิดว่าอาจจะมีก็ได้ครับ ผมเองจะไปพรุ่งนี้ช่วงบ่ายครับ.....หนังนอกกระแสที่ว่าดูเรื่องอะไรมาบ้างครับ :)


อย่างที่บอกไปครับ ว่าผมไม่ค่อยได้ดูหนังมากนัก ดูแค่บางช่วง ช่วงไหนสนใจเป็นพิเศษก็หามาดูหลายๆเรื่องติดต่อกัน แต่ถ้าช่วงไหนไม่ได้สนใจก็จะปล่อยห่างหายไปเลย 4 เดือน 5 เดือน 6 เดือนไปโน้นเลยครับ หนังที่ผมหามาดูส่วนใหญ่จะเป็นหนังเก่าครับ ยกตัวอย่างหนังที่ผมชอบ ซึ่งดูนานมากแล้ว เช่น Beste Zeit , Rakugo Musume , Yukinojo Henge ,The Burmese Harp ,Fancy Dance, 10 Questions for the Dalai Lama , The Samurai Trilogy เป็นต้น พูดง่ายๆก็คือ ผมเ้น้นหาดูหนังญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ ทั้งเก่าทั้งใหม่ ถ้าดูรูปปกหรือตัวอย่าง มีรูปแบบที่พอจะดูได้ ไม่รู้สึกเกลียด ก็จะดูครับ ส่วนหนังต่างประเทศอื่นๆ แล้วแต่ว่าไปสะดุดเจอเรื่องใดครับ ถ้าสนใจขึ้นมาถึงจะหามาดูครับ.
ดูงาน/ชอบงานของ คูโรซาว่า + โอสุ ด้วยหรือไม่ครับ :)


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: อั๋น501 ที่ 28 มีนาคม 2012 | 04:56:38 PM
ถ้าอยากคุยหรืออ่านเรื่องหนังแบบที่คุยว่าลองเข้าไปดูที่ http://homecinema2010.blogspot.com เฮียสมบุญฯแวะเข้าไปคุยบ่อย
เจ้าของบ้านเป็นเพื่อนผมเองครับ

ขอบคุณครับผม เหมาะสำหรับคอหนังมากทีเดียว แค่เจอลิงค์ของ Criterion ก็ชอบแล้วครับ
ปล. ผมเกลียดมากเลย ปกแผ่นบลูเรย์แบบนี้ เมื่อตอนที่ผมไปซื้อแผ่นหนัง ซื้อเก็บ เห็นหนังที่ชอบปกสวยก็ซื้อเก็บ เช่นเรื่อง Seven years in tibet ,House of Flying Daggers เป็นต้น แต่มีหนังที่ชอบเรื่องหนึ่งเป็นบลูเรย์ แต่ปกฟ้าๆแบบนี้แหละครับ ผมเกลียดมากเลย ซื้อไม่ลงจริงๆ ออกแบบให้สวยๆกว่านี้ไม่ได้หรืออย่างไร.

(http://image.ohozaa.com/i/5cc/3lllnU.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/vYCz4Cour0wCAsEw)

หรือถ้าเป็นบลูเรย์ ก็ติดบอกแบบของ Criterion ยังงี้ยังได้ สวยกว่าแยะ

(http://image.ohozaa.com/i/b4a/XWkFQ8.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/vYCAImidOJ5lwZS8)

โซนี่คงคิดว่าการออกแบบแพ็คเกจกล่องใส่แผ่นบูลเรย์ให้ผู้บริโภคต้องเลือกข้างระหว่างกล่องสีน้ำเงินคือฟอร์แม็ตบูลเรย์
และกล่องสีแดงคือฟอร์แม็ต HD-DVD เหมือนกับเลือกเชียร์มวยมุมแดงหรือน้ำเงิน กล่องบูลเรย์ที่ใช้กันอยู่นั้นเป็นกล่องมาตรฐาน
ของฟอร์แม็ตบูลเรย์สีน้ำเงิน  แต่ก็มีแพ็คเกจกล่องอื่นๆด้วยแล้วแต่ค่ายหนังจะทำกันออกมาเพื่อดึงดูดเงินบริโภคพวกกิ๊ฟเซ็ทแบบดีวีดี
หรือแพ็คเกจสวยๆก็มีแยะไป กล่องโลหะสวยๆหรือกล่องกระดาษแข็งมีให้เลือกซื้อเหมือนเช่นยุดดีวีดี  เพียงแต่ว่าเราอาจจะยังไม่คุ้น
กับแพ็คเกจรุ่นมาตรฐานของกล่องบูลเรย์


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 28 มีนาคม 2012 | 09:37:32 PM
ถ้าอยากคุยหรืออ่านเรื่องหนังแบบที่คุยว่าลองเข้าไปดูที่ http://homecinema2010.blogspot.com เฮียสมบุญฯแวะเข้าไปคุยบ่อย
เจ้าของบ้านเป็นเพื่อนผมเองครับ

ขอบคุณครับผม เหมาะสำหรับคอหนังมากทีเดียว แค่เจอลิงค์ของ Criterion ก็ชอบแล้วครับ
ปล. ผมเกลียดมากเลย ปกแผ่นบลูเรย์แบบนี้ เมื่อตอนที่ผมไปซื้อแผ่นหนัง ซื้อเก็บ เห็นหนังที่ชอบปกสวยก็ซื้อเก็บ เช่นเรื่อง Seven years in tibet ,House of Flying Daggers เป็นต้น แต่มีหนังที่ชอบเรื่องหนึ่งเป็นบลูเรย์ แต่ปกฟ้าๆแบบนี้แหละครับ ผมเกลียดมากเลย ซื้อไม่ลงจริงๆ ออกแบบให้สวยๆกว่านี้ไม่ได้หรืออย่างไร.

(http://image.ohozaa.com/i/5cc/3lllnU.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/vYCz4Cour0wCAsEw)

หรือถ้าเป็นบลูเรย์ ก็ติดบอกแบบของ Criterion ยังงี้ยังได้ สวยกว่าแยะ

(http://image.ohozaa.com/i/b4a/XWkFQ8.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/vYCAImidOJ5lwZS8)

โซนี่คงคิดว่าการออกแบบแพ็คเกจกล่องใส่แผ่นบูลเรย์ให้ผู้บริโภคต้องเลือกข้างระหว่างกล่องสีน้ำเงินคือฟอร์แม็ตบูลเรย์
และกล่องสีแดงคือฟอร์แม็ต HD-DVD เหมือนกับเลือกเชียร์มวยมุมแดงหรือน้ำเงิน กล่องบูลเรย์ที่ใช้กันอยู่นั้นเป็นกล่องมาตรฐาน
ของฟอร์แม็ตบูลเรย์สีน้ำเงิน  แต่ก็มีแพ็คเกจกล่องอื่นๆด้วยแล้วแต่ค่ายหนังจะทำกันออกมาเพื่อดึงดูดเงินบริโภคพวกกิ๊ฟเซ็ทแบบดีวีดี
หรือแพ็คเกจสวยๆก็มีแยะไป กล่องโลหะสวยๆหรือกล่องกระดาษแข็งมีให้เลือกซื้อเหมือนเช่นยุดดีวีดี  เพียงแต่ว่าเราอาจจะยังไม่คุ้น
กับแพ็คเกจรุ่นมาตรฐานของกล่องบูลเรย์
+1 ครับ ก็นับเป็นความชอบเฉพาะตัวอย่างหนึ่งเช่นกันครับ :D


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 28 มีนาคม 2012 | 09:43:52 PM

แต่ก่อนผมก็เป็นคอ เรื่องประวัติศาสตร์อยู่บ้างพอสมควรเหมือนกันครับ ไม่ว่าจะวรรณคดี หรือ หนังสือตำรับตำรา ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และอื่นๆ แต่ทุกวันนี้ มีกิเลสชนิดใหม่ๆให้สนใจมากมาย จนแทบหลงลืมความอยากรู้อยากเห็นเหล่านั้นไปเสียหมดสิ้นแล้วละครับ เหตุปัจจัยเปลี่ยน ความสนใจก็เปลี่ยน สงสัยคงต้องสร้างเหตุและปัจจัยที่หนุนนำขึ้นมาใหม่บ้างแล้วหละ (สักวัน หวังว่า).   ;D
ขออนุญาตนำเสนอความเห็นของประธานฯ ดังนี้ครับ.....
กิเลสไม่มีใหม่ ในกาลไหนๆก็ไม่มีใหม่ เพราะมีบัญญัติเอาไว้ว่า กิเลสมี หนึ่งพันห้าร้อยอย่าง ตัณหามี 108 อย่าง แต่ที่คุณเข้าใจว่ามีกิเลสชนิดใหม่ๆนั้น น่าจะเป็นเหตุจูงใจพิเศษเท่านั้นเอง ขอโทษนะครับกิเลสและตัณหานั้นมีอยู่ในพระไตรปิฎกอยู่แล้วครับ ถ้าสนใจลองเสาะหามาอ่านนะครับ...ขอบคุณครับ :)

ขอบคุณครับผม ;) คำว่า "กิเลส" ของผม ใช้มุ่งหมายไปในเชิงโดยอรรถ มากกว่าโดยพยัญชนะ เป็นไปในเชิงสำนวนมากกว่าจะมุ่งหมายที่ตัวศัพท์ครับผม  ;D น่าจะเหมือนที่พี่สมบุญพูดนั่นแหละครับ "กิเลสและตัณหานั้นมีอยู่ในพระไตรปิฎก" ถ้าเอาแบบดื้อๆก็ต้องบอกว่า ในพระไตรปิฏกไม่มีกิเลสและตัณหา มีแต่อักขระที่จารึกธรรมคำสอน (เป็นรูป แค่รูปเฉยๆไม่ถือว่าเป็นกิเลสหรือตัณหา) กิเลสและตัณหานั้น หามีอยู่ในพระไตรปิฏกไม่ แต่มีต่อเมื่อตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ กระทบกันกับ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ แบบผิดๆ อะไรทำนองนั้นครับ หวังว่าจะพูดถูกนะครับ ;D
ประธานฯ ได้เสวนา มาดังนี้ครับ.-
ขอคารวะท่านหนึ่งจอก เพราะว่าท่านเป็นคนแก่กล้าทางอักษรศาสตร์และทางพระธรรมของพระพุทธองค์ด้วย ที่ท่านเสวนามานั้นถูกต้องทุกอย่าง เพราะว่าในพระไตรปิฎกนั้นไม่มีกิเลสตัณหาอย่างที่ท่านว่า เพราะมีแต่ตัวอักษรจารึกไว้เท่านั้น แต่ตัวอักษรคือ เครื่องหมายแทนคำพูดเปรียบประดุจเหมือนเทปอัดเสียงเพราะสมัยพุทธกาลไม่มีเครื่องบันทึกเสียงและเอดิสันยังไม่เกิด ตัวอักษรก็คือช่องทางสื่อสารที่มนุษย์ใช้แทนคำพูดเท่านั้นจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ล้าสมัย แล้วก็พระไตรปิฎกก็ไม่มี มีแต่กระดาษหรือใบลานที่จารไว้เพื่อกันลืมเท่านั้นล่ะครับ ...แล้วก็กิเลสกับตัณหาเกิดขึ้นเพราะคนมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้หรือมีไม่ครบ กิเลสตัณหามันก็เบาบางลง ว่างๆเขียนมาอีกนะครับ ขอบคุณครับ :)

พอดีมีโอกาสได้เคยบวชเรียน ได้เรียนภาษาบาลีอยู่ 2 ปี ครับ เลยพอได้พื้นฐานด้านภาษามานิดหน่อย ส่วนพระไตรปิฏกก็พอคุ้นเคยบ้าง เปิดอ่านหยิบอ่านพอสมควรครับ พื้นฐานทางพระธรรมคำสอนก็พอมีบ้างนิดหน่อยครับผม.

เห็นบ่นว่าไม่มีเรื่องคุย ชวนเฮียสมบุญฯคุยกับเรื่องเหล่านี้และเรื่องหนังนอกกระแสได้เลย  เพราะเฮียแกหาคนคุยเรื่องแบบนี้ยากอยู่
แวะเข้าคุยบ่อยนะ

ถ้าอย่างนั้น อยากจะขอรบกวนพี่สมบุญ ผู้กว้างขวางสักนิดหน่อยครับ  พี่สมบุญน่าจะอยู่ในแวดวงหนังสือเก่า หรืออะไรทำนองนั้น คือว่าผมสนใจหนังสือ "มิลินทปัญหา" ที่ตีพิมพ์ในสมัยราชการที่ 7 ในงานพระราชทานเพลิงศพของใครคนหนึ่ง (ที่พอๆจะจำได้ก็คือ แกน่าจะเป็นเจ้าของโรงพิมพ์) ผมพยายามหามาเป็นเจ้าของมาอย่างยาวนาน แต่หาไม่ได้สักที จะไปขโมยเอามาจากห้องสมุดของวัด (ที่เคยเจอเคยอ่าน) ก็ใช่ที่ แถมสภาพกระดาษก็ค่อนข้างเก่า จะเอาไปให้ร้านถ่ายจากต้นฉบับบ ทำเป็นอีกเล่มคงจะไม่ได้ ถ้ายังไงถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ก็ฝากพี่สมบุญช่วยๆ สอบถามเพื่อนฝูงในวงวรรณกรรมให้ด้วยครับผม ว่าพอจะหาซื้อหนังสือเก่าเล่มนี้ได้ที่ไหนบ้าง ;D ส่วนเรื่องหนังนอกกระแส ช่วงนี้ผมค่อนข้างไม่ได้ดูหนังเลยครับ แต่หนังที่ผมดูส่วนใหญ่ คงเอาไปคุยกับใครเค้าไม่ค่อยจะรู้เรื่องอยู่ดีนั่นแหละครับ เพราะหนังที่ผมดู ผมก็ฟังไม่รู้เรื่อง เป็นภาษาญี่ปุ่นบ้าง เยอรมันบ้าง อังกฤษบ้าง สวีเดน นอร์เวย์ ไปโน้น ดูสนุกดูเอาบรรยากาศ อาศัยจินตนาการล้วนๆ ไอ้จะไปคุยกับใคร ก็คุยกับเค้าไม่รู้เรื่องครับ.  :'(


ขอบคุณครับ อย่าเรียกผมว่าผู้กว้างขวางเลยครับ ถ้าเรื่องหนังล่ะก็ ผม พอได้/พอตัว พอสมควรครับ :D แต่ถ้าเป็นแวดวงหนังสือเก่าล่ะก็ผมยัง " สติปัญญาขาดแคลนอย่างแร้นแค้น " อยู่ครับ ยังต้องฝึกปรือเพลงกระบี่อีกแยะครับ :D...หนังสือเล่มนี้ เดี๋ยวผมจะถามไปทางประธานฯ ครับ ว่าพอจะทราบแหล่งหรือไม่  สำหรับผมขอแนะนำว่า วันที่ 29 มีค. - 8 เมย.55 นี้ไปที่ศูนย์ฯสิริกิตต์ นะครับ(เดินทางสะดวกมากๆด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน)มีงานหนังสือแห่งชาติครับ เมื่อไปถึงขอให้ไปที่ชั้นบนนะครับจะเป็นร้านขายหนังสือเก่ามีอยู่ประมาณ 5 - 10 ร้าน ผมคิดว่าอาจจะมีก็ได้ครับ ผมเองจะไปพรุ่งนี้ช่วงบ่ายครับ.....หนังนอกกระแสที่ว่าดูเรื่องอะไรมาบ้างครับ :)


อย่างที่บอกไปครับ ว่าผมไม่ค่อยได้ดูหนังมากนัก ดูแค่บางช่วง ช่วงไหนสนใจเป็นพิเศษก็หามาดูหลายๆเรื่องติดต่อกัน แต่ถ้าช่วงไหนไม่ได้สนใจก็จะปล่อยห่างหายไปเลย 4 เดือน 5 เดือน 6 เดือนไปโน้นเลยครับ หนังที่ผมหามาดูส่วนใหญ่จะเป็นหนังเก่าครับ ยกตัวอย่างหนังที่ผมชอบ ซึ่งดูนานมากแล้ว เช่น Beste Zeit , Rakugo Musume , Yukinojo Henge ,The Burmese Harp ,Fancy Dance, 10 Questions for the Dalai Lama , The Samurai Trilogy เป็นต้น พูดง่ายๆก็คือ ผมเ้น้นหาดูหนังญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ ทั้งเก่าทั้งใหม่ ถ้าดูรูปปกหรือตัวอย่าง มีรูปแบบที่พอจะดูได้ ไม่รู้สึกเกลียด ก็จะดูครับ ส่วนหนังต่างประเทศอื่นๆ แล้วแต่ว่าไปสะดุดเจอเรื่องใดครับ ถ้าสนใจขึ้นมาถึงจะหามาดูครับ.
ดูงาน/ชอบงานของ คูโรซาว่า + โอสุ ด้วยหรือไม่ครับ :)

Akira Kurosawa ต้องบอกว่าเป็นแฟนผู้กำกับคนนี้เลยครับ (ดาราชอบเป็นพิเศษก็ต้อง Toshiro Mifune) ชอบหลายเรื่องครับ เช่น Yojimbo , Seven Samurai, Dreams เป็นต้น ส่วน Yasujiro Ozu ไม่ีคอยชอบสักเท่าไหร่ครับ การดำเนินเรื่องของหนังดูนิ่งๆแปลกๆ ไม่ค่อยตื่นเต้นหรือมีสีสรรมากนัก เรียบร้อยเรียบง่ายแปลกๆ ที่ดูและพอจะจำได้ก็น่าจะมีเรื่อง Equinox Flower กับเรื่อง Floating Weeds เท่านั้นครับ.
+1 ครับ งานของทั้งสองท่านนี้ผมเน้นเก็บเป็นคอลเล็คชั่นเลยครับ...เราสามารถเห็นความเป็นมนุษย์แท้ๆได้จากงานของทั้งสองท่านนี้ :)


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: อั๋น501 ที่ 28 มีนาคม 2012 | 11:00:07 PM
เห็นไหมว่า "เรื่องคุยย่อมมีเสมอหากได้มิตรที่รู้ใจ" ผมเข้าใจที่บ่นว่าไม่มีเรื่องคุยเพราะในเว็บเรามีกระทู้กับเรื่องรา่วนับร้อยนับพันกระทู้
คงต้องมีบ้างที่มีเรื่องเป็น "คอเดียวเดียวกัน" ลองๆหากระทู้อื่นๆดูบ้างน่าจะมีเรื่องราวอีกมากมายที่มีคนอยากคุยด้วย


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 29 มีนาคม 2012 | 08:57:15 AM
เห็นไหมว่า "เรื่องคุยย่อมมีเสมอหากได้มิตรที่รู้ใจ" ผมเข้าใจที่บ่นว่าไม่มีเรื่องคุยเพราะในเว็บเรามีกระทู้กับเรื่องรา่วนับร้อยนับพันกระทู้
คงต้องมีบ้างที่มีเรื่องเป็น "คอเดียวเดียวกัน" ลองๆหากระทู้อื่นๆดูบ้างน่าจะมีเรื่องราวอีกมากมายที่มีคนอยากคุยด้วย
+1 ครับ ....สุรารสเลิศ เช่น เรมี่ มาร์แตง/ไวน์ขวดละ 3 แสน แบบ เสธฯ...ก็มิมีค่าอันใดเลย/เสพไม่รื่นรมย์  หากผู้ร่วมวงเสพมิใชุ่้ ผู้รู้ใจ/รู้คอ/คอเดียวกัน ตรงกันข้ามสุราราคาแพงนั้นอาจทำให้ทะเลาะเบาะแว้งจนถึงขั้นห้ำหั่นกันก็อาจเป็นได้....(ความเห็นเฉพาะตัวนะครับ) :)


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 29 มีนาคม 2012 | 09:02:49 AM
ขออนุญาตนำเสนอ " คำคม วันละคำ " ครับ :)

****การศึกษาประวัติศาสตร์ เรียนรู้งานกับตัวบุคคล เท่ากับเรียนที่จะรู้จักตัวเองอย่างลึกซึ้ง********

****ฯลฯ เมื่อเป็นอย่างนี้ถึงมีผู้รู้ทักท้วงการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ อย่ามีลักษณะ " สอนให้จำ ทำให้เชื่อ " ในที่สุดก็พากันเชื่ออย่างเชื่องๆ*****

- จากคอลัมน์ สยามประเทศไทย และ งานเป็นเงา ใน นสพ. มติชน ฉบับ 29 มีค.55


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: อั๋น501 ที่ 29 มีนาคม 2012 | 11:42:15 AM
คำคมวันนี้...ของผู้หญิงยุดไฮเทค

"ไม่หล่อ พอทน   แต่....จน...ห้ามจีบ!"

เอามาจาก Facebook ของสาวๆยุดแห่งวัฒนธรรมโลกออนไลน์


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: TRON ที่ 29 มีนาคม 2012 | 11:51:35 AM
คำคมวันนี้...ของผู้หญิงยุดไฮเทค

"ไม่หล่อ พอทน   แต่....จน...ห้ามจีบ!"

เอามาจาก Facebook ของสาวๆยุดแห่งวัฒนธรรมโลกออนไลน์


"สวยน้อย พอได้ ใส่บิ๊กอาย ไม่จีบ" ;D


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 29 มีนาคม 2012 | 11:54:01 AM
คำคมวันนี้...ของผู้หญิงยุดไฮเทค

"ไม่หล่อ พอทน   แต่....จน...ห้ามจีบ!"

เอามาจาก Facebook ของสาวๆยุดแห่งวัฒนธรรมโลกออนไลน์

แสดงว่า " ขาย " อ๊ะ!.. เข้าทาง ;D


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: อั๋น501 ที่ 29 มีนาคม 2012 | 12:24:03 PM
วันก่อนไปเข้าห้องน้ำที่ปั๊มน้ำมันแถวๆสาย 2  นั่งปล่อยทุกข์ไปอมยิ้มไปอะไรกันที่ประตูห้องน้ำกลายเป็นกระดานเว็บบอร์ดระบายอารมย์
ของคนจิตไม่ปกติที่ไม่เคยหมดไปจากสังคมเสียที  เขียนด่ากันไปมาเหมือนเคยโกธรแค้นฝั่งใจอะไรกันนักหนา  ผมว่าไม่เคยรู้จักกันส่วนตัวหรอกครับ
เพราะเล่นด่านักการเมืองเป็นสัตว์หรือด่าผู้หญิงเรื่องเพศ แถมมีการวาดรูปโป๊แบบลามกให้ดูด้วยนะ  เต็มหน้าประตูเต็มไปหมดยิ่งเบอร์โทรศัพท์
อะไรกันมากมายเหลือเกิน ว่าจะเก็บเบอร์โทรมาฝากเฮียสมบุญฯบ้าง


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 29 มีนาคม 2012 | 12:41:07 PM
วันก่อนไปเข้าห้องน้ำที่ปั๊มน้ำมันแถวๆสาย 2  นั่งปล่อยทุกข์ไปอมยิ้มไปอะไรกันที่ประตูห้องน้ำกลายเป็นกระดานเว็บบอร์ดระบายอารมย์
ของคนจิตไม่ปกติที่ไม่เคยหมดไปจากสังคมเสียที  เขียนด่ากันไปมาเหมือนเคยโกธรแค้นฝั่งใจอะไรกันนักหนา  ผมว่าไม่เคยรู้จักกันส่วนตัวหรอกครับ
เพราะเล่นด่านักการเมืองเป็นสัตว์หรือด่าผู้หญิงเรื่องเพศ แถมมีการวาดรูปโป๊แบบลามกให้ดูด้วยนะ  เต็มหน้าประตูเต็มไปหมดยิ่งเบอร์โทรศัพท์
อะไรกันมากมายเหลือเกิน ว่าจะเก็บเบอร์โทรมาฝากเฮียสมบุญฯบ้าง
ขอบคุณคร๊าบบบบ....ผมแสวงหาเองก็ได้คร๊าบบบบ :o ;D ;D ;D...กลัวเจอแบบโฆษณาแว่นท็อปเจริญ-สาวสวยนางหนึ่งส่งสายตายั่วยวนพร้อม เปล่งเสียง ถามชายหนุ่ม(ด้วยน้ำเสียงแบบสันติ ลุนเผ่ ตัวพ่อ!) ว่า คุณพี่ขาาาา  กี่โมงแล้วเค๊อะ ;D...พร้อมๆกับบริเวณใต้ท้องน้อยของเธอปรากฏ...ชฏาแหลมเปี๊ยบบบบ ;D


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 04 เมษายน 2012 | 03:41:00 PM
ขออนุญาตต่อนะครับ
ค. ประชุมพงศาวดารเล่ม 40 ฉบับพันจันทนุมาศ(เจิม) หน้า 74 – 79   มีหลักฐานบันทึกไว้ดังนี้
    ครั้นปีฉลูตรีศก จ.ศ.1143 พ.ศ. 2324 เดือนยี่ ดำรัสให้จัดทัพเป็น 6 ทัพให้เจ้าพระยาสุรสีห์เป็นทัพหน้า พระเจ้ากษัตริย์ศึก
เป็นจอมพลทัพหลวง  กขุนพินนุน เป็นทัพหน้า( เข้าใจว่าพิมพ์ผิด น่าจะเป็นกรมขุนพินนุนหรือชื่ออะไรสักอย่าง เพราะคำ
“ กขุน “ ไม่เข้าใจความหมาย ไม่มีในภาษาไทยที่เคยพบ – ผู้เขียน ) กรมเจ้าพระยานครสวรรค์เป็นยกบัตร กรมขุนรามภู
เบศ เป็นทัพหลัง พระยาธรรมา เป็นกองลำเลียง ยกไปตีเมืองพุทไธเพชร( คือกรุงกัมพูชา ) ฝ่ายการแผ่นดินข้างกรุงธนบุรีนั้นก็ผันแปรไปต่างๆเหตุเพราะเจ้าแผ่นดินเสียพระจริตฟั่นเฟือนไป ฝ่ายพุทธจักร อาณาจักรทั้งปวงเล่าก็แปรปรวนไปเป็นหมู่ๆมิได้เป็นปกติเหมือนแต่ก่อน เหตุเพราะพระเจ้าแผ่นดินนั้นทรงนั่งอุรุพัทธ์ ( นั่งขัดสมาธิเจริญพระกรรมฐานลักษณะเป็นการปฏิบัติธรรมขั้นสูง เป็นสำนวนใช้อยู่ในหนังสือวิสุทธิมรรค ) โดยกรรมฐานสมาธิ และจะยังให้ภิกษุทั้งปวงให้คารวะเคารพนมัสการแก่พระองค์ ฝ่ายการในอากาศเล่าก็วิปริตต่างๆคือมีอุกาบาตร และปทุมเกษ บันดาลตก เป็นต้น
-   2   -
   ณ วันเสาร์เดือน 4 แรม 11 ค่ำ จุลศักราช 1143 ปีฉลูตรีศก ( จ.ศ.1143  พ.ศ.2324 )ไพร่พลเมืองกำเริบคิดการใหญ่กัน จะยุทธนาการปล้นเข้าเมือง ด้วยพระเจ้าแผ่นดินมิได้ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม 10 ประการให้นัยแก่คนพาลให้ฟ้องร้องข้าทูลละอองฯใหญ่น้อย ข้างหน้าว่าข้างในประชาราษฎร์ทั้งหลายว่าขายข้าว ขายเกลือ ขายนอ งา เนื้อไม้ สิ่งของต้องห้ามทั้งปวง
ไม่ขายก็ว่าขายไม่ลักก็ว่าลักแต่พวกโจทก์ถึง 333 คนฯ ราษฎร์ได้รับความยากไปจนถึงหัวเมืองเอก โท ตรี จัตวา มีหน้าคล้ำไปด้วยน้ำตาที่หน้าชื่นตาบานแต่ฝ่ายคนพาลซึ่งเป็นโจทก์ อาสัยเหตุอาสัตย์ธรรมบังเกิดมีดังนี้ : -  นายบ้าน นายอำเภอ ไพร่
พลเมืองจึงคิดควบคุมกันเป็นหมวดเป็นกองพร้อมกันฆ่าอ้ายวิชิตณรงค์ผู้รักษา ซึ่งพระเจ้าแผ่นดินให้ไปพิจารณาเงินจีนนั้น
จึงเอาพระยาสรรค์ซึ่งรับสั่งใช้ขึ้นไปพิจารณาเอาตัวผู้ร้ายนั้นเป็นแม่ทัพยกลงมาตีเอาเมืองธนบุรี ณ เพลา 10 ทุ่ม เข้าล้อมกำแพงวังไว้รอบ พระยาสรรค์ตั้งอยู่ ณ บ้านกรมเมือง พระเจ้าแผ่นดินรู้เหตุ ก็เกณฑ์คนขึ้นรักษาหน้าที่ไว้ รุ่งขึ้น ณ วัน 1
ฯ(มีเลข 12 อยู่ข้างใต้) 4 ค่ำ ให้พระราชาคณะออกมาเจรจาความเมืองสารภาพว่าผิดขอชีวิตจะบรรพชาต่อพระยาสรรค์ในวันนั้น เวลา 3 ทุ่ม พระเจ้าแผ่นดินก็ทรงผนวช ณ พัทธสีมาวัดแจ้งอยู่ในราชสมบัติ 15 ปี  พระยาสรรค์จึงแต่งทหารไปพิทักษ์รักษาไว้ แล้วก็เข้าอยู่ในท้องพระโรงกับหลวงเทพน้องชาย จึงจับกรมขุนอนุรักษ์สงครามหลานเธอจำไว้แล้วเอาเงินในท้องพระคลังแจกทแกล้วทหารกรมฝ่ายในฝ่ายหน้า
     ณ. วัน 3 ฯ(มีเลข 6 อยู่ข้างบน) 5 ค่ำ จุลศักราช 1144 ปีขาล จัตวาศก( พ.ศ. 2325 ) เวลาเที่ยงเห็นดวงจันทร์ปรากฏกลาง
วัน ครั้นถึง ณ.วัน 6 ฯ(มีเลข 7 อยู่ข้างใต้) 5 ค่ำ พระยาสุริยอภัย ยกกองทัพไทย ลาว ประมาณ 1000 เศษ ลงมาจากเมืองนคร
ราชสีมา มาตั้งอยู่ ณ.บ้าน ครั้งนั้นข้าราชการเป็น 2 ฝ่าย เป็นพวกพระยาสรรค์บ้าง เป็นพวกพระยาสุริยอภัยบ้างการยุทธนาการมิได้สงบเลยฯ
      ณ. วัน 7 ฯ(มีเลข 9 อยู่ข้างใต้) 5 ค่ำ เวลาเช้า 2 โมง เสด็จพระราชดำเนินทัพมาจากเสียมราบ ประทับ ณ พลับพลาหน้าวัดโพธาราม ฝ่ายข้าทูลละอองฯ ผู้ใหญ่ ผู้น้อย พร้อมกันไปเชิญเสด็จลงเรือพระที่นั่งกราบข้ามมาพระราชวังสถิต ณ.ศาลาลูกขุน มีหมู่พฤฒามาตย์ ราชสกุล กวีมุข เฝ้าพร้อมกัน จึงมีพระราชบริหารดำรัสปรึกษาว่า เมื่อพระเจ้าแผ่นดินอาสัตย์ ละสุจริตธรรมเสีย ประพฤติการทุจริตฉะนี้ก็เห็นว่าเป็นเสี้ยนหนามหลักตออันใหญ่อยู่ในแผ่นดิน จะละไว้มิได้ ขอให้ปริวรรตออกประหารเสีย ฝ่ายทแกล้วทหารทั้งปวงมีใจเจ็บแค้นเป็นอันมาก ก็นำเอาพระเจ้าแผ่นดินและพวกโจทก์ทั้งปวงนั้นไปสำเร็จ ณ.ป้อมท้ายเมืองในทันใดนั้น แล้วสมณะชีพราหมณ์เสนาพฤฒามาตย์ราษฎรทั้งปวงก็ทูลอาราธนาวิงวอนอันเชิญเสด็จขึ้นปราบดาภิเศกเป็นอิศวรภาพผ่านภิภพสืบไปฯ
     ครั้น ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 10 อยู่ข้างใต้) 5 ค่ำ พระเจ้าหลานเธอให้ตำรวจคุมเอาตัวกรมขุนอนุรักษ์สงครามกับข้าหลวงซึ่งเป็นพรรคพวก 40 เศษ มีอ้ายพระยาเพชรพิชัย พระยากลางเมือง พระยามหาอำมาตย์และพระมหาเทพเหนือ หลวงคชศักดิ์ราชรินทร์เหนือ เป็นต้น เข้ามาหน้าพระที่นั่งแล้วกราบทูลความทั้งปวง จึงดำรัสให้เอาพรรคพวกไปฆ่าเสีย แต่กรมขุนอนุรักษ์สงครามสั่งให้งดไว้พิจารณา จึงให้การถึงพระยาสรรค์ พระมหาเสนา พระยารามัญวงศ์ และพระยาวิชิตณรงค์ หลวงพัศดีกลาง พระเจ้าอยู่หัวทรงพิโรธให้ประหารเสีย
ง. หลักฐานจากจดหมายเหตุโหรฉบับรามัญ ว่าไว้ : -  พระยาจักรีกลับจากเมืองญวนเข้าเมืองบางกอกแล้วฆ่าพระเจ้าแผ่นดินเก่าเสียอยู่มาสัก 10 วัน ก็ฆ่าพระยาสรรค์

***********มีต่อนะครับ โปรดอดใจรอครับ******************


    
            


ขออนุญาตแปะต่อครับ******

ง. หลักฐานจากจดหมายเหตุโหรฉบับรามัญ ว่าไว้ : -  พระยาจักรีกลับจากเมืองญวนเข้าเมืองบางกอกแล้วฆ่าพระเจ้าแผ่นดินเก่าเสียอยู่มาสัก 10 วัน ก็ฆ่าพระยาสรรค์เสียอีก ( ฟุตโน้ต (2) ประชุมพงศาวดารฉบับพันจันทนุมาศ(เจิม) หน้า 79 และฟุตโน้ต(1) หน้าเดียวกันว่าจดหมายเหตุโหรว่า “ ขุนหลวงดับขันธ์ ” ตรงกับวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2325 )
จ. หลักฐานจากจดหมายเหตุความทรงจำกรมหลวงนรินทรเทวีและพระราชวิจารณ์รัชชกาลที่ 5 มีดังนี้
เดือนอ้าย ลุศักราช 1139 ปีระกานพศกเจ้าฟ้ากษัตริย์ศึกยกพยุหทัพไปตีเมืองป่าศัก เมืองโขง เมืองอัตปือ กลับมาเดือน 10 ปีจอสัมฤทธิ์ศก ณ เดือนอ้ายปีจอกลับไปตีเมืองศรีสัตนาคนหุต ยังตั้งมั่นล้อมอยู่แรมปี ยังไม่เข้าเมืองได้
     ฝ่ายผู้รักษากรุงเก่าเชื่อถือมหาดาว่าผู้มีบุญจะมารื้อถ่ายการน้ำจะขนทรัพย์ขึ้นสร้างวัดพระราม ผูกโครงช้างเผือกผู้งาดำผ้าขาวคลุมโครง ผ้าดำหุ้มงาเพลาเย็นรอนๆชูรูปช้างไว้วัตถมุฆราช คนที่ไม่รู้ด้วยในกลเชื่อถือมาก เมืองมือต่างโกหกอยู่วัด
-   3   -
สังขจาย ซื้อน้ำยาเสน่ห์ล่วงอาญาจักร หม้อละ 5 ตำลึงไปประสมมหาดาวัดพระรามได้แจกลงมาถึงข้างในวิเศษต้นเฒ่าแก่แม่เจ้าได้ทาด้วยกันหลายคน ผู้รั้งกรมการหลงเชื่อถือหมดจะได้รื้อถ่ายการน้ำก็หามิได้ มหาดาคิดกลล่อลวงถ่ายเททรัพย์ผู้เชื่อถือมาบูรณะทำบุญด้วยเป็นอันมากจนได้ปิดทองหลังพระเกือบแล้วกิตติศัพท์รู้ลงมาถึงท่านราชาคณะพระพนรัตน์วัดระฆังถวายพระพร รับสั่งให้นิมนต์มหาดาลงมา ณ วัดแจ้ง ให้ชุมนุมสงฆ์ไล่เลียงดูถามตามกิจสมณะ มหาดาว่าจะบูรณะวัดที่ชำรุดพม่าเผาเสีย จะบูรณปฏิสังขรณ์พระวิหาร พระอุโบสถ พระพุทธรูป เจดีย์ฐานขึ้นดังเก่าโดยสติปัญญา พระพนรัตน์ถวายพระพร แผ่นดินต้นเห็นด้วย รับสั่งให้มหาดาขึ้นไปสร้างวัด อิ่มเอิบกำเริบอิทธิฤทธิ์ว่าจะฆ่าไม่ตายได้กลับขึ้นไปผู้คนหลงใหลเชื่อว่ามหาดามีบุญจริงจะขี่ช้างเผือกผู้งาดำขึ้นปราสาทสุริยาอมรินทร์ เมื่อมหาดากลับขึ้นไป รับสั่งให้สุริยภักดีธรมาแต่งขึ้นไปดูแยบคายให้แน่ สุริยภักดีธรมาแต่งเพลาสงัดถือดาบเดินขึ้นไปบนปรางค์วัดพระรามเห็นมหาดานอนตื่นอยู่ในปรางค์แต่ 2 คนกับที่เรียกพระท้ายน้ำมหาดาตกใจกลัวยกมือคำนับผิดกิจสมณะ เขาซักว่าได้เงินทองเอาไปเสียไหน มหาดาว่าถ่ายเทกันเก่าไปใหม่มา เห็นเป็นการโกหกแน่กลับลงมาทูล จึงรับสั่งให้เจ้าลูกเธอกรมอินทรพิทักษ์ขึ้นไปจับเธอเมตตาสัตว์ที่หลงทำบุญด้วยมหาดาให้ผีพายกระทุ้งโห่ร้องขึ้นไปที่ได้ยินเสียงอื้ออึงหนีได้มากที่ยังอยู่ในบริเวณวัดนั้นจับส่งลงมาทั้งผู้รั้งกรมการกรุงเก่า (ครั้งนั้นสั่งประหารชีวิตมหาดากับพรรคพวกข้าราชการเสียทั้งหมดเว้นแต่มารดาเจ้าถิ่นอยูงาน 4 คนด้วยกันลงพระอาญาคนละ 100 จำไว้....ที่คัดเอาเรื่องมหาดามาให้ทราบ เพราะเรื่องมหาดานี้เป็นหลักฐานพะยานสำคัญอีกเรื่องหนึ่งสามารถใช้เป็นพยานพิจารณาว่าพระเจ้ากรุงธนบุรีเสียพระจริตหรือไม่ – ผู้เขียน )


*********มีต่ออีกนะครับ โปรดอดใจรอครับ :)*******


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 10 เมษายน 2012 | 10:40:10 AM
ขออนุญาตต่อนะครับ
ค. ประชุมพงศาวดารเล่ม 40 ฉบับพันจันทนุมาศ(เจิม) หน้า 74 – 79   มีหลักฐานบันทึกไว้ดังนี้
    ครั้นปีฉลูตรีศก จ.ศ.1143 พ.ศ. 2324 เดือนยี่ ดำรัสให้จัดทัพเป็น 6 ทัพให้เจ้าพระยาสุรสีห์เป็นทัพหน้า พระเจ้ากษัตริย์ศึก
เป็นจอมพลทัพหลวง  กขุนพินนุน เป็นทัพหน้า( เข้าใจว่าพิมพ์ผิด น่าจะเป็นกรมขุนพินนุนหรือชื่ออะไรสักอย่าง เพราะคำ
“ กขุน “ ไม่เข้าใจความหมาย ไม่มีในภาษาไทยที่เคยพบ – ผู้เขียน ) กรมเจ้าพระยานครสวรรค์เป็นยกบัตร กรมขุนรามภู
เบศ เป็นทัพหลัง พระยาธรรมา เป็นกองลำเลียง ยกไปตีเมืองพุทไธเพชร( คือกรุงกัมพูชา ) ฝ่ายการแผ่นดินข้างกรุงธนบุรีนั้นก็ผันแปรไปต่างๆเหตุเพราะเจ้าแผ่นดินเสียพระจริตฟั่นเฟือนไป ฝ่ายพุทธจักร อาณาจักรทั้งปวงเล่าก็แปรปรวนไปเป็นหมู่ๆมิได้เป็นปกติเหมือนแต่ก่อน เหตุเพราะพระเจ้าแผ่นดินนั้นทรงนั่งอุรุพัทธ์ ( นั่งขัดสมาธิเจริญพระกรรมฐานลักษณะเป็นการปฏิบัติธรรมขั้นสูง เป็นสำนวนใช้อยู่ในหนังสือวิสุทธิมรรค ) โดยกรรมฐานสมาธิ และจะยังให้ภิกษุทั้งปวงให้คารวะเคารพนมัสการแก่พระองค์ ฝ่ายการในอากาศเล่าก็วิปริตต่างๆคือมีอุกาบาตร และปทุมเกษ บันดาลตก เป็นต้น
-   2   -
   ณ วันเสาร์เดือน 4 แรม 11 ค่ำ จุลศักราช 1143 ปีฉลูตรีศก ( จ.ศ.1143  พ.ศ.2324 )ไพร่พลเมืองกำเริบคิดการใหญ่กัน จะยุทธนาการปล้นเข้าเมือง ด้วยพระเจ้าแผ่นดินมิได้ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม 10 ประการให้นัยแก่คนพาลให้ฟ้องร้องข้าทูลละอองฯใหญ่น้อย ข้างหน้าว่าข้างในประชาราษฎร์ทั้งหลายว่าขายข้าว ขายเกลือ ขายนอ งา เนื้อไม้ สิ่งของต้องห้ามทั้งปวง
ไม่ขายก็ว่าขายไม่ลักก็ว่าลักแต่พวกโจทก์ถึง 333 คนฯ ราษฎร์ได้รับความยากไปจนถึงหัวเมืองเอก โท ตรี จัตวา มีหน้าคล้ำไปด้วยน้ำตาที่หน้าชื่นตาบานแต่ฝ่ายคนพาลซึ่งเป็นโจทก์ อาสัยเหตุอาสัตย์ธรรมบังเกิดมีดังนี้ : -  นายบ้าน นายอำเภอ ไพร่
พลเมืองจึงคิดควบคุมกันเป็นหมวดเป็นกองพร้อมกันฆ่าอ้ายวิชิตณรงค์ผู้รักษา ซึ่งพระเจ้าแผ่นดินให้ไปพิจารณาเงินจีนนั้น
จึงเอาพระยาสรรค์ซึ่งรับสั่งใช้ขึ้นไปพิจารณาเอาตัวผู้ร้ายนั้นเป็นแม่ทัพยกลงมาตีเอาเมืองธนบุรี ณ เพลา 10 ทุ่ม เข้าล้อมกำแพงวังไว้รอบ พระยาสรรค์ตั้งอยู่ ณ บ้านกรมเมือง พระเจ้าแผ่นดินรู้เหตุ ก็เกณฑ์คนขึ้นรักษาหน้าที่ไว้ รุ่งขึ้น ณ วัน 1
ฯ(มีเลข 12 อยู่ข้างใต้) 4 ค่ำ ให้พระราชาคณะออกมาเจรจาความเมืองสารภาพว่าผิดขอชีวิตจะบรรพชาต่อพระยาสรรค์ในวันนั้น เวลา 3 ทุ่ม พระเจ้าแผ่นดินก็ทรงผนวช ณ พัทธสีมาวัดแจ้งอยู่ในราชสมบัติ 15 ปี  พระยาสรรค์จึงแต่งทหารไปพิทักษ์รักษาไว้ แล้วก็เข้าอยู่ในท้องพระโรงกับหลวงเทพน้องชาย จึงจับกรมขุนอนุรักษ์สงครามหลานเธอจำไว้แล้วเอาเงินในท้องพระคลังแจกทแกล้วทหารกรมฝ่ายในฝ่ายหน้า
     ณ. วัน 3 ฯ(มีเลข 6 อยู่ข้างบน) 5 ค่ำ จุลศักราช 1144 ปีขาล จัตวาศก( พ.ศ. 2325 ) เวลาเที่ยงเห็นดวงจันทร์ปรากฏกลาง
วัน ครั้นถึง ณ.วัน 6 ฯ(มีเลข 7 อยู่ข้างใต้) 5 ค่ำ พระยาสุริยอภัย ยกกองทัพไทย ลาว ประมาณ 1000 เศษ ลงมาจากเมืองนคร
ราชสีมา มาตั้งอยู่ ณ.บ้าน ครั้งนั้นข้าราชการเป็น 2 ฝ่าย เป็นพวกพระยาสรรค์บ้าง เป็นพวกพระยาสุริยอภัยบ้างการยุทธนาการมิได้สงบเลยฯ
      ณ. วัน 7 ฯ(มีเลข 9 อยู่ข้างใต้) 5 ค่ำ เวลาเช้า 2 โมง เสด็จพระราชดำเนินทัพมาจากเสียมราบ ประทับ ณ พลับพลาหน้าวัดโพธาราม ฝ่ายข้าทูลละอองฯ ผู้ใหญ่ ผู้น้อย พร้อมกันไปเชิญเสด็จลงเรือพระที่นั่งกราบข้ามมาพระราชวังสถิต ณ.ศาลาลูกขุน มีหมู่พฤฒามาตย์ ราชสกุล กวีมุข เฝ้าพร้อมกัน จึงมีพระราชบริหารดำรัสปรึกษาว่า เมื่อพระเจ้าแผ่นดินอาสัตย์ ละสุจริตธรรมเสีย ประพฤติการทุจริตฉะนี้ก็เห็นว่าเป็นเสี้ยนหนามหลักตออันใหญ่อยู่ในแผ่นดิน จะละไว้มิได้ ขอให้ปริวรรตออกประหารเสีย ฝ่ายทแกล้วทหารทั้งปวงมีใจเจ็บแค้นเป็นอันมาก ก็นำเอาพระเจ้าแผ่นดินและพวกโจทก์ทั้งปวงนั้นไปสำเร็จ ณ.ป้อมท้ายเมืองในทันใดนั้น แล้วสมณะชีพราหมณ์เสนาพฤฒามาตย์ราษฎรทั้งปวงก็ทูลอาราธนาวิงวอนอันเชิญเสด็จขึ้นปราบดาภิเศกเป็นอิศวรภาพผ่านภิภพสืบไปฯ
     ครั้น ณ.วัน 1 ฯ(มีเลข 10 อยู่ข้างใต้) 5 ค่ำ พระเจ้าหลานเธอให้ตำรวจคุมเอาตัวกรมขุนอนุรักษ์สงครามกับข้าหลวงซึ่งเป็นพรรคพวก 40 เศษ มีอ้ายพระยาเพชรพิชัย พระยากลางเมือง พระยามหาอำมาตย์และพระมหาเทพเหนือ หลวงคชศักดิ์ราชรินทร์เหนือ เป็นต้น เข้ามาหน้าพระที่นั่งแล้วกราบทูลความทั้งปวง จึงดำรัสให้เอาพรรคพวกไปฆ่าเสีย แต่กรมขุนอนุรักษ์สงครามสั่งให้งดไว้พิจารณา จึงให้การถึงพระยาสรรค์ พระมหาเสนา พระยารามัญวงศ์ และพระยาวิชิตณรงค์ หลวงพัศดีกลาง พระเจ้าอยู่หัวทรงพิโรธให้ประหารเสีย
ง. หลักฐานจากจดหมายเหตุโหรฉบับรามัญ ว่าไว้ : -  พระยาจักรีกลับจากเมืองญวนเข้าเมืองบางกอกแล้วฆ่าพระเจ้าแผ่นดินเก่าเสียอยู่มาสัก 10 วัน ก็ฆ่าพระยาสรรค์

***********มีต่อนะครับ โปรดอดใจรอครับ******************


    
            


ขออนุญาตแปะต่อครับ******

ง. หลักฐานจากจดหมายเหตุโหรฉบับรามัญ ว่าไว้ : -  พระยาจักรีกลับจากเมืองญวนเข้าเมืองบางกอกแล้วฆ่าพระเจ้าแผ่นดินเก่าเสียอยู่มาสัก 10 วัน ก็ฆ่าพระยาสรรค์เสียอีก ( ฟุตโน้ต (2) ประชุมพงศาวดารฉบับพันจันทนุมาศ(เจิม) หน้า 79 และฟุตโน้ต(1) หน้าเดียวกันว่าจดหมายเหตุโหรว่า “ ขุนหลวงดับขันธ์ ” ตรงกับวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2325 )
จ. หลักฐานจากจดหมายเหตุความทรงจำกรมหลวงนรินทรเทวีและพระราชวิจารณ์รัชชกาลที่ 5 มีดังนี้
เดือนอ้าย ลุศักราช 1139 ปีระกานพศกเจ้าฟ้ากษัตริย์ศึกยกพยุหทัพไปตีเมืองป่าศัก เมืองโขง เมืองอัตปือ กลับมาเดือน 10 ปีจอสัมฤทธิ์ศก ณ เดือนอ้ายปีจอกลับไปตีเมืองศรีสัตนาคนหุต ยังตั้งมั่นล้อมอยู่แรมปี ยังไม่เข้าเมืองได้
     ฝ่ายผู้รักษากรุงเก่าเชื่อถือมหาดาว่าผู้มีบุญจะมารื้อถ่ายการน้ำจะขนทรัพย์ขึ้นสร้างวัดพระราม ผูกโครงช้างเผือกผู้งาดำผ้าขาวคลุมโครง ผ้าดำหุ้มงาเพลาเย็นรอนๆชูรูปช้างไว้วัตถมุฆราช คนที่ไม่รู้ด้วยในกลเชื่อถือมาก เมืองมือต่างโกหกอยู่วัด
-   3   -
สังขจาย ซื้อน้ำยาเสน่ห์ล่วงอาญาจักร หม้อละ 5 ตำลึงไปประสมมหาดาวัดพระรามได้แจกลงมาถึงข้างในวิเศษต้นเฒ่าแก่แม่เจ้าได้ทาด้วยกันหลายคน ผู้รั้งกรมการหลงเชื่อถือหมดจะได้รื้อถ่ายการน้ำก็หามิได้ มหาดาคิดกลล่อลวงถ่ายเททรัพย์ผู้เชื่อถือมาบูรณะทำบุญด้วยเป็นอันมากจนได้ปิดทองหลังพระเกือบแล้วกิตติศัพท์รู้ลงมาถึงท่านราชาคณะพระพนรัตน์วัดระฆังถวายพระพร รับสั่งให้นิมนต์มหาดาลงมา ณ วัดแจ้ง ให้ชุมนุมสงฆ์ไล่เลียงดูถามตามกิจสมณะ มหาดาว่าจะบูรณะวัดที่ชำรุดพม่าเผาเสีย จะบูรณปฏิสังขรณ์พระวิหาร พระอุโบสถ พระพุทธรูป เจดีย์ฐานขึ้นดังเก่าโดยสติปัญญา พระพนรัตน์ถวายพระพร แผ่นดินต้นเห็นด้วย รับสั่งให้มหาดาขึ้นไปสร้างวัด อิ่มเอิบกำเริบอิทธิฤทธิ์ว่าจะฆ่าไม่ตายได้กลับขึ้นไปผู้คนหลงใหลเชื่อว่ามหาดามีบุญจริงจะขี่ช้างเผือกผู้งาดำขึ้นปราสาทสุริยาอมรินทร์ เมื่อมหาดากลับขึ้นไป รับสั่งให้สุริยภักดีธรมาแต่งขึ้นไปดูแยบคายให้แน่ สุริยภักดีธรมาแต่งเพลาสงัดถือดาบเดินขึ้นไปบนปรางค์วัดพระรามเห็นมหาดานอนตื่นอยู่ในปรางค์แต่ 2 คนกับที่เรียกพระท้ายน้ำมหาดาตกใจกลัวยกมือคำนับผิดกิจสมณะ เขาซักว่าได้เงินทองเอาไปเสียไหน มหาดาว่าถ่ายเทกันเก่าไปใหม่มา เห็นเป็นการโกหกแน่กลับลงมาทูล จึงรับสั่งให้เจ้าลูกเธอกรมอินทรพิทักษ์ขึ้นไปจับเธอเมตตาสัตว์ที่หลงทำบุญด้วยมหาดาให้ผีพายกระทุ้งโห่ร้องขึ้นไปที่ได้ยินเสียงอื้ออึงหนีได้มากที่ยังอยู่ในบริเวณวัดนั้นจับส่งลงมาทั้งผู้รั้งกรมการกรุงเก่า (ครั้งนั้นสั่งประหารชีวิตมหาดากับพรรคพวกข้าราชการเสียทั้งหมดเว้นแต่มารดาเจ้าถิ่นอยูงาน 4 คนด้วยกันลงพระอาญาคนละ 100 จำไว้....ที่คัดเอาเรื่องมหาดามาให้ทราบ เพราะเรื่องมหาดานี้เป็นหลักฐานพะยานสำคัญอีกเรื่องหนึ่งสามารถใช้เป็นพยานพิจารณาว่าพระเจ้ากรุงธนบุรีเสียพระจริตหรือไม่ – ผู้เขียน )


*********มีต่ออีกนะครับ โปรดอดใจรอครับ :)*******

ขออนุญาตต่อตอนจบเลยนะครับ :)

     เจ้าฟ้ากษัตริย์ศึกเข้าเมืองได้ ณ วันจันทร์เดือน 10 ขึ้น 3 ค่ำ เจ้าเมืองหนีได้พระแก้วพระบาง ณ เดือนอ้ายมีศุภอักษรขึ้นไปถึงเจ้าฟ้ากษัตริย์ศึกว่า สำเร็จการศึกษาแล้วให้กลับลงมา อยู่ภายหลังกรุงธนบุรีเกิดโกลี พันศรีพันลาเป็นต้นฟ้องว่าขุนนางและราษฎรขายข้าวเกลือลงสำเภาโยธาบดีผู้รับฟ้องกราบทูล รับสั่งให้เร่งเงินที่ขุนนางราษฎรขาย ขายเกลือให้เฆี่ยนเร่งเงินเข้าท้องพระคลัง ร้อนทุกเส้นหญ้า สมณประชาราษฎรไม่มีสุขยุคเข็ญเป็นที่สุดในปลายแผ่นดิน เงินในคลังในหาย 2,000 เหรียญๆละ 1 บาท 3 สลึง  1 เฟื้อง รับสั่งให้เรียกหาไม่ได้ ชาวคลังต้องเฆี่ยนใส่ไฟอย่างแสนสาหัส ท่านสงสัยว่าข้างในขโมยเงินในคลังจนมาตุฉาพระพี่นางเธอให้จำหม่อมเจ้านัดดาแทนมารดาเจ้าแทนอยู่งานคนรำใหญ่ให้เฆี่ยนคนละ 150คนละ 100 คนละ 150 คนรำเล็กให้พ่อแม่พี่น้องทาสรับพระราชอาญา 100 ให้เจ้าตัวแต่คนละ 20 ที คนละ 10 ทีตามรับสั่ง
      หลวงประชาชีพ โจทก์ฟ้องว่าขายข้าวรับสั่งให้ตัดหัวศีรษะหิ้วเข้ามาถวายที่เสด็จออกทอดพระเนตร เหตุผลกรรมของสัตว์พื้นแผ่นดินร้อนราษฎรเหมือนผลไม้เมื่อต้นแผ่นดินเย็นด้วยพระบารมีชุ่มพื้นชื่นผลจนมีแก่นปลายแผ่นดินแสนร้อนรุมสุมรากโคน โค่นล้มถมแผ่นดินด้วยสิ้นพระบารมีแต่เพียงนั้น
      ผู้รักษากรุงเก่าพระชิดณรงค์ผูกขาดขึ้นไปจะเร่งเงินไพร่แขวงกรุงเก่าให้ได้โดยจำนวน 500 ชั่ง เร่งรัดไพร่เมืองยากครั้งนั้นสาหัส
       รับสั่งให้ขุนแก้วน้องพระยาสรรค์เอาปืนขึ้นไปต่อยศิลาปากนกปืน 1,000 ไปคบคิดกับกำนันบ้านแขวงกรุงเก่า ปักหนังสือชวนพวกรักษากรุงเก่าว่าจะเข้าด้วยกันหรือไม่เข้า เพลา 2 ยาม จะเข้าเผาบ้าน ผู้รักษากรุงว่าไม่เข้าจะเผาก็เผาเสียเพลา 2 ยามผู้ร้ายเข้าล้อมบ้านได้สู้รบกันเป็นสามารถ กองผู้ร้ายทิ้งพลุระดมเผาบุตรผู้รักษากรุงโจนน้ำหนี ผู้ร้ายพุ่งหอกซัดถูกบุตรพระยาอินทรอภัยผู้รักษากรุงเก่ากับบุตรภรรยาสิ้นชีวิตในไฟ 4 คน พระยาอินทรอภัยกลับมาทูล
        ลุศักราช 1143 ปีฉลูตรีศกรับสั่งให้พระยาสรรค์ไปจับผู้ร้ายที่เผาบ้านผู้รักษากรุงเก่า พระยาสรรค์ขึ้นไปน้องพระยาสรรค์เป็นกองผู้ร้าย จับพระยาสรรค์ตั้งเป็นแม่ทัพลงมาวันเสาร์เดือน 4 แรม 11 ค่ำ เพลาตี 10 ทุ่ม ตั้งค่ายมั่นคลองรามัญยิงระดมลูกปืนตกในกำแพงเสียงสนั่นหวั่นไหวข้างในตกใจร้องอื้ออึงประทมตื่นคว้าได้พระแสงทรงเสด็จขึ้นบนที่นั่งเย็นตรัสเรียกฝรั่งที่ประจำป้อมฝรั่งได้รับสั่งยิงปืนใหญ่ออกไปถูกเรือข้าศึกล่ม เข้าไปจับบุตรภรรยาฝรั่งมาให้ฝรั่งยิงพอรุ่งสว่างเห็นหน้าว่าไทยฝรั่งโจนกำแพงลงไปหากันผู้คนเบาบางร่วงโรยนัก เสด็จออกหน้าวินิจฉัย ทราบว่าพระยาสรรค์มาปล้นตีเมืองให้จำภรรยากับบุตรไว้ เสด็จเข้ามาฟันตะรางปล่อยคนโทษข้างใน พระยาธิเบศร์ พระยารามัญ พระยาอำมาตย์ ต่อสู้
-   4    -
ลากปืนจ่ารงขึ้นป้อม ข้าศึกถอยหนี เสด็จกลับออกไปมีรับสั่งห้ามว่าสิ้นบุญพ่อแล้ว อย่าให้ยากแก่ไพร่เลย พระยาธิเบศร์ พระยารามัญ พระยาอำมาตย์ มิให้สู้อยู่ตายด้วยเจ้าข้าวแดง
          พระยาสรรค์ให้นิมนต์พระราชาคณะให้ถวายพระพรให้ทรงบรรพชาชำระพระเคราะห์เมือง 3 เดือน ทรงพระสรวลตบพระเพลาว่าเอหิภิกขุลอยมาถึงแล้วให้เชิญพระกรรบิตออกไปเพลา 3 โมงเช้าทรงพระบรรพชา วันเดือน 4 แรม 12 ค่ำอยู่ในราชสมบัติ 14 ปีกับ 4 เดือน ทรงผนวช
          ณ วันพุธเดือน 4 แรม 15 ค่ำ พระยาสรรค์ขึ้นนั่งซังแจกเงินข้างในจะฟังแต่สำเนียง ครั้นคนเสียงคลอดบุตรพระยาสรรค์ให้ประโคม ท่านให้ไปห้ามว่าอย่าทำเลยมันสุดชาติแล้ว
          พระยาสรรค์มีเทศนาให้ข้างในออกไปฟังธรรมไฟเทียนเจ้าคุณใหญ่ไหม้ม่าน ได้ยินเสียงคนอื้ออึงจึงชักหอกดาบที่ท้องพระโรงข้างในกลับเข้ามาเวลา 2 ทุ่ม 2 ยามเกิดศึกกลางเมือง พระยาสรรค์ปล่อยเจ้ารามลักษณ์ออกไปเรียกท่านที่ทรงผนวชว่าประจุออกเถิด ท่านว่าสิ้นบุญเราแล้วอย่าทำเลย เจ้ารามลักษณ์ออกไปจุดไฟบ้านไหม้ตลอดลงมาถึงวังหลังได้สู้รบกันจนแสงทองขึ้นพระยาเจ่งขุนแก้วน้องพระยาสรรค์ลากปืนใหญ่มาช่วยวังหลัง เจ้ารามลักษณ์สู้แต่ผู้เดียวโดนโมหันต์เหลือกำลังแตกหนีไปอยู่วัดยางพระวังหลังติดตามจับได้ไต่ถามได้ความจริงว่าพระยาสรรค์ปล่อยเธอออก ความก็ติดอยู่พระยาสรรค์สิ้น
           สมเด็จพระอัยกาเจ้าฟ้ากษัตริย์ศึก เสด็จอยู่กรุงกัมพูชาถอยมาประทับด่านกระบินทร์ ทราบว่ากรุงธนข้นเข็ญเป็นศึกขึ้นกลางเมือง 2 ครั้งจึงเสด็จกลับมาเข้าพระนคร ณ วันเสาร์ เดือน 5 แรม 9 ค่ำ ลุศักราช 1144 ปีขาล จัตวาศก เพลา 2 โมงเศษ สุขสวัสดิ์ฤกษ์ เสด็จเข้าพระนครปราบดาภิเษก อดิเรกเฉกชมสมบัติจักรพรรดิราธิราช พร้อมถวาย 12 พรกำนัล 12 พระคลัง แล้วมีพระราชโองการรับสั่งให้ตั้งกรุงเทพมหานครยังฝั่งบุรพทิศ พระสุริยทรงกลด 7 วันเมื่อตั้งทวาราวดี อุดมโชคเข้าเหยียบกรุงธนบุรีแรกเสด็จยั้งประทับ ณ วัดควงไม้ พระมหาโพธิ์บัลลังก์ ประจญพญามารด้วยพระบารมี 30 ทัศเป็นปฐมกษัตริย์สมเด็จเอกาทศรฐ พระเจ้าปราสาททอง เสด็จข้ามฟากมหรณพเฉลิมภพกรุงเทพทวารวดี ฯ ลฯ
            ณ กลางปีเถาะในวังหลวง เพ็ง ทองคำ มอน งานที่ทำผิดคิดมิชอบ สืบสวนเป็นสัตย์เฆี่ยนคนละ 100 ประหารชีวิตทั้งขุนแก้ว น้องพระยาสรรค์
             ณ ปีมะโรงฉศก ถวายพระเพลิงแผ่นดินต้นที่วัดบางยี่เรือ มีกรมมหรศพสมโภชพร้อมเสร็จ ( บันทึกรายนี้ไม่พูดถึงว่าพระเจ้าตากถูกสำเร็จโทษเลย และไม่พูดถึงพระยาสรรค์ถูกสั่งให้ประหารชีวิตด้วยแต่พูดถึงน้องชายถูกสั่งประหาร ส่วนพระเจ้าตากอยู่ๆก็มาพูดถึงถวายพระเพลิงที่วัดบางยี่เรือ...แปลกดี – ผู้เขียน )
หมายเหตุ : เอาเท่านี้ก่อนนะครับ ยังมีหลักฐานตอนปลายสมัยพระเจ้าตากอีกหลายแห่งหลายเล่ม สมาชิก 003 อ่านแล้วต้องพิเคราะห์ให้ดี
      อนึ่ง เห็นสมควรตั้งปุจฉา เพื่อให้ผู้สนใจวิสัชนา เพื่อแลกเปลี่ยนทัศนะกันได้เลย วิสัชนาของท่านอาจเป็นข้อมูลที่นักประวัติศาสตร์ไม่เคยคิดถึงเลยก็ได้!
       ปุจฉาที่ 1   สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ถูกประหารจริงหรือไม่?  ถ้าจริงผู้ใดคือผู้สั่งประหาร?
        ปุจฉาที่ 2   สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีมีพระสติฟั่นเฟือนหรือเสียพระจริตจริงหรือไม่?
 


                                                                                    ไพสิฏฐ์ นวลสัมพันธ์
                                                                        ประธานชมรมคนรักประวัติศาสตร์เสรี
                                                                                      7   เมษายน  2555    
            


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 10 เมษายน 2012 | 10:42:00 AM
ขออนุญาตเพิ่มเติมครับ :)
จดหมายข่าว
ชมรมคนรักวรรณกรรม(เก่า)
        ม.ล. ปิ่น มาลากุล อดีต รมต.กระทรวงศึกษาธิการ ได้รับการยกย่องในวงวรรณกรรมของไทยให้เป็นนักเขียน นักประพันธ์ และเป็นนักปราชญ์ผู้หนึ่งของประเทศนี้ ท่านได้แต่งหนังสือไว้หลายเล่มและแต่งบทละครไว้ก็หลายเรื่อง มีเรื่องหนึ่งเป็นบทละคร ท่านแต่งไว้ ( ท่านใช้คำว่า “ เขียน ” ) เมื่อปี พ.ศ. 2488 ตอนนั้นเมืองไทยอยู่ระหว่างภาวะสงครามใหญ่ ท่านก็ปล่อยทิ้งไว้จนกาลเวลาผ่านไปๆ จนกระทั่งถึงปี พ.ศ.2501 ท่านบอกว่าข้าพเจ้าไม่มีกิจที่จะต้องทำมากนักตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคมเป็นต้นมา จึงค้นเอาต้นฉบับเดิมของข้าพเจ้าเอามาปรับปรุงเขียนใหม่ นอกจากนั้นท่านยังแสดงสปิริตนักเขียนไทยอันสูงส่งไว้อีกด้วยว่า ข้าพเจ้าได้แจ้งไว้ที่หน้าปกแล้วว่า ข้าพเจ้าเรียบเรียงบทละครเรื่องนี้ตามโครงเรื่อง MAN AND SUPERMAN ของ GEORGE BERNARDSHAW นักวรรณคดีทั้งหลายคงจะรู้จักท่าน ยอร์ช เบอร์นาดชอว์ และเรื่อง แมน แอนด์ ซูเปอร์แมน อยู่แล้ว
            ความประสงค์ของท่านนั้นเพียงว่า การรักษารูปเรื่องและโวหารของปราชญ์ไว้ตามเดิมนั้นมิใช่เป็นของง่าย ตอนใดที่จะรักษาไว้ได้ข้าพเจ้าก็พยายามรักษาไว้ ตอนใดที่ข้าพเจ้าเห็นว่าควรดัดแปลงก็ได้ดัดแปลงให้เหมาะสมกับส่วนใหญ่ เพื่อให้เข้ากับบ้านเมืองไทย และวัฒนธรรมไทย
             พิมพ์พิไล ของ ม.ล.ปิ่น มาลากุล พิมพ์ครั้งที่สอง 1 พันเล่ม พ.ศ.2518 องค์การค้าของคุรุสภา ศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ จัดพิมพ์จำหน่าย ราคา 23 บาท  ถ้าท่านได้อ่านและ “ ศึกษา ” สำนวนและ “ ความคิด ” ของผู้ประพันธ์แล้วก็ต้องยอม “ ฟันธง ” ได้ว่า ม.ล.ปิ่น มาลากุล สมควรแล้วที่จะได้รับการยกย่องไว้ในวงวรรณกรรมไทยอย่างแท้จริง
              ครั้งแรกที่ท่านแต่งเสร็จและพิมพ์ไปครั้งที่ 1 นั้น เรื่องนี้ไม่ได้ชื่อ “ พิมพ์พิไล ” แต่เมื่อท่านตรวจทานแก้ไขใหม่จัดพิมพ์ครั้งที่ 2 จึงได้เปลี่ยนให้เหมาะสมว่า “ พิมพ์พิไล ” สำนวนร้อยแก้วเป็นบทละครของท่านนั้น ถ้าท่านไม่บอกกล่าวไว้ก่อนว่า ได้ดัดแปลงมาจากเรื่องของ ยอร์ช เบอร์นาดชอว์ ก็คงไม่มีใครจับได้ว่าท่านเอาเรื่องฝรั่งมาเรียบเรียง เพราะท่านบรรยายไว้เป็นธรรมชาติชีวิตไทยๆได้อย่างไม่มีที่จะติ และสนุกด้วยอ่านแล้วก็วางไม่ลงรวมทั้งข้อคิดความเห็นของตัวละครที่ชอบล้อเลียน เสียดสีการเมืองและระบบการเมืองแบบประชาธิปไตยที่บังเอิญประเทศไทยกำลังตั้งไข่ล้มต้มไข่กินทั้งวาทะและอารมณ์ของตัวละครเมื่อวิจารณ์กันถึงสันดาน ธรรมชาติของมนุษย์ ความรัก ฯลฯ ก็แสนจะสาแก่ใจคนอ่านดีแท้แม้ว่าจะเป็นคารมของเบอร์นาดชอว์เป็นส่วนมากก็ตาม
               เรื่องย่อๆ มีดังนี้...วิเชียร   ทวี    พิมพ์พิไล  เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆเหมือน ขุนช้าง ขุนแผน กับพิมพิลาไลย จึงสนิทสนมกันจนโตเป็นหนุ่มสาว พิมพ์พิไลนั้นบิดาเป็นคุณหลวง มีเพื่อนสนิทคือคุณพระรามคชเสถียร ซึ่งเป็นคนหัวเก่านิยมอำมาตยาธิปไตย เป็นผู้ดีมีตระกูล ซึ่งบิดาของพิมพ์พิไลก็เป็นตระกูลอำมาตย์ผู้ดีเหมือนกัน พิมพ์ จึงถูกเลี้ยงดูมาอย่างผู้ดีไทยสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 คือ ตัดสินใจเองคิดเองไม่เป็น มีเรื่องอะไรก็อ้างคุณพ่อสั่งคุณแม่บังคับ ทวีนั้น หลวงไวท์พ่อของพิมพ์เอามาเลี้ยงเป็นลูก เพราะไม่มีลูกชาย มีแค่ธิดา 2 คน ทวีก็เป็นเด็กดี คุณหลวงไวท์และภรรยาก็รักยิ่งกว่าลูกตัวเองด้วยซ้ำไป เมื่อเป็นหนุ่มเป็นสาว ทวีก็หลงรักพิมพ์พิไล  พิมพ์พิไลก็ไม่ปฏิเสธความรักของทวี ส่วนวิเชียรกับพิมพ์นั้นเป็นคู่กัดกันมาแต่เด็กๆ เล่นอะไรกันก็ชิงไหวชิงพริบกันมาตลอด ต่างคนต่างทันเกมของกันและกัน พิมพ์นั้นใช้ความสวยและความเป็นสาวผู้ดีเป็นอาวุธ แต่วิเชียรรู้เท่าทัน วิเชียรจึงจงเกลียดจงชังพิมพ์เป็นอันมาก จนเข้าไปในเส้นเลือดก็ว่าได้ เมื่อหลวงไวท์ใกล้ตายจึงทำพินัยกรรมตั้งให้คุณพระรามฯ กับ วิเชียรเป็นผู้ปกครองลูกสาว 2 คน เพราะเห็นว่าพิมพ์ยังไร้เดียงสา อ่อนโลก แม้ว่าจะเป็นสาวแล้ว การที่หลวงไวท์ตั้งพระรามฯกับวิเชียรให้เป็นผู้ปกครองพิมพ์นั้นก็เพราะหลวงไวท์ปรึกษาวิเชียรว่าจะตั้งคุณพระรามเป็นผู้ปกครองพิมพ์ดีไหม วิเชียรแนะนำว่า คุณพระรามเป็นคนหัวโบราณไม่ทันโลกควรตั้งคนหนุ่มมาประสานความคิดด้วยเพราะโลกก้าวหน้ารวดเร็ว คนหนุ่มก็หัวก้าวหน้าจึงจะทันโลก หลวงไวท์เห็นด้วยก็เลยตั้งวิเชียรเป็นผู้ปกครองอยู่กับพระรามฯเสียเลย เพราะวิเชียรเป็นนักกฎหมายและนักเขียนบทความหัวรุนแรงทางการเมืองและการปกครองและเป็นที่ไม่พึงปราถนาของคุณพระราม
-   2   -
เหตุการณ์ที่ผู้ปกครอง 2 คน  ความคิดต่างกันเหมือนฟ้ากับดินต้องมาเป็นผู้ปกครองสาวสวยน้ำนิ่งไหลลึกเช่น   พิมพ์พิไล  จึงเกิดคารมปะทะกันระหว่างคนหัวหงอกอย่างคุณพระรามฯ กับคนหัวดำรุ่นใหม่ที่คลั่งประชาธิปไตยและการเมืองอย่างวิเชียรอย่างดุเด็ดเผ็ดมันเต็มไปด้วยคำคมและปรัชญาชีวิตหลายด้านเพราะวิเชียรจงชังพิมพ์พิไลมาแต่เด็ก เพราะพิมพ์รู้ทันวิเชียร แต่ใจเย็นสุขุมลุ่มลึกกว่าวิเชียร  วิเชียรจำต้องรับภาระที่ไม่อยากเป็นผู้ปกครองตามพินัยกรรม แต่ขัดไม่ได้เพราะเคารพรักหลวงไวท์มาตั้งแต่เด็กๆ จึงพยายามบ่ายเบี่ยงผลักไสภาระนั้นออกไปให้ได้ คุณพระรามก็ชังวิเชียรเพราะเป็นหนุ่มก้าวร้าวไม่ค่อยจะมีมารยาท จึงคิดจะทำพินัยกรรมใหม่โดยอ้างว่าขณะทำพินัยกรรมหลวงไวท์มีจิตไม่ปรกติ...
     ข้าพเจ้าอยากให้ตัวอย่างอีกองก์หนึ่งของละครเป็นฉากขุนช้าง ขุนแผน นางวันทองและยมบาลมาคุยกันสนทนากัน
ถึงวัฒนธรรมและประเพณีนิยมของนรก ที่เป็นฉากภาคขุนช้าง ขุนแผนภาคนรก ล้วนแต่มีคติและทัศนะโลกนิยม การเมือง
สังคมมนุษย์ ที่แสบร้อนในโวหารแต่ละคน สนุกอย่างไรไม่ขอยกมาเป็นตัวอย่างเพราะอยากให้ท่านลองพยายามไปเสาะแสวงหาอ่านเอง..... ขอบคุณครับ    
            
                                                                  ไพสิฏฐ์   นวลสัมพันธ์
                                                     ประธานชมรมคนรักวรรณกรรม(เก่า)
                                                                  27 มีนาคม   2555      






หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 11 เมษายน 2012 | 08:57:33 AM
ขออนุญาตเผยแพร่นะครับ :)....
จดหมายข่าว
ชมรมคนรักประวัติศาสตร์เสรี

ลำดับราชวงศ์ต่างๆที่ปกครองประเทศอังกฤษ
ก. ราชวงศ์แซกซัน  มีพระมหากษัตริย์ขึ้นครองราชบัลลังก์ 14 องค์
    1. พระเจ้าเอ็กเบิร์ต                            ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1370   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 1382
    2.  พระเจ้าลิเธลวอล์ฟ                        ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1382   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 1401
    3.  พระเจ้าอีเธลบอลด์                        ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1401   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 1403
    4.  พระเจ้าอีเธลเบิร์ต                          ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1403   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 1409
    5.  พระเจ้าอีเธลเรดที่ 1                       ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1409   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 1414
    6.  พระเจ้าอัลเฟรดมหาราช                 ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1414   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 1443
    7.  พระเจ้าเอเวิร์ต                               ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1443   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 1468
    8.  พระเจ้าเอเธนสแตน                        ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1468   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 1484
    9.  พระเจ้าเอ็ดมันที่ 1                          ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1484   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 1489
  10.  พระเจ้าเอดเรด                               ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1489    สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 1498
  11.  พระเจ้าเอดวี                                  ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1498    สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 1500 
  12.  พระเจ้าเอดการ์                               ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1500   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 1518
  13.  พระเจ้าเอดเวิด                                ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1518   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 1521
  14.  พระเจ้าอิลเธลเรด                            ขึ้นครองราชย์ พ.ศ.  1521  สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 1556
ข. ราชวงศ์เดนส์กับแซกซัน   ขึ้นครองประเทศอังกฤษ 8 องค์
     1.  พระเจ้าซุเอนอน                              ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1556   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 1557
     2.  พระเจ้าอีเธลเรด                              ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1557   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 1559
     3.  พระเจ้าเอดมันที่ 2                           ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1559   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 1560
     4.  พระเจ้าคานุต                                  ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1560   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 1579
     5.  พระเจ้าฮาโรลที่ 1                            ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1579   สิ้นสุดรัชกาล  พ.ศ. 1582
     6.  พระเจ้าฮาร์ดคานุต                          ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1582   สิ้นสุดรัชกาล  พ.ศ. 1584
     7.  พระเจ้าเอดเวิดคอนเฟลเซอร์            ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1584   สิ้นสุดรัชกาล  พ.ศ. 1609
     8.  พระเจ้าฮาโรลที่ 2                            ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1609   ครองได้ไม่ถึงปีสิ้นรัชกาล.
ค. ราชวงศ์นอร์แมน   ปกครองอังกฤษ 4 องค์
     1.  พระเจ้าวิลเลียมเดอะคองเกอเรอร์     ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1609   สิ้นสุดรัชกาล  พ.ศ. 1630
     2.  พระเจ้าวิลเลียมรูฟัส                        ขึ้นครองราชย์ พ.ศ.  1630  สิ้นสุดรัชกาล   พ.ศ. 1643
     3.  พระเจ้าเฮนรี่ ที่ 1                             ขึ้นครองราชย์ พ.ศ.  1649  สิ้นสุดรัชกาล   พ.ศ. 1668
     4.  พระเจ้าลาตเฟนออพบลอยส์            ขึ้นครองราชย์ พ.ศ.  1681  สิ้นสุดรัชกาล   พ.ศ. 1723
ง.  ราชวงศ์บลังตาเชอเนต์   ปกครองอังกฤษ 8 องค์
     1.  พระเจ้าเฮนรี่ ที่ 2                              ขึ้นครองราชย์ พ.ศ.  1697 สิ้นสุดรัชกาล   พ.ศ. 1732
     2.  พระเจ้าริชาร์ด ไลออนฮาร์ต               ขึ้นครองราชย์ พ.ศ.  1732 สิ้นสุดรัชกาล   พ.ศ. 1742
     3.  พระเจ้าจอห์นแลคแลนด์                    ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1742  สิ้นสุดรัชกาล   พ.ศ. 1759
     4.  พระเจ้าเฮนรี่ ที่ 3                               ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1749  สิ้นสุดรัชกาล   พ.ศ. 1815
     5.  พระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 1                           ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1815  สิ้นสุดรัชกาล   พ.ศ. 1850
     6.  พระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 2                           ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1850  สิ้นสุดรัชกาล   พ.ศ. 1870     
     7.  พระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 3                           ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1870  สิ้นสุดรัชกาล   พ.ศ. 1920
     8.  พระเจ้าริชาร์ดที่ 2                              ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 1940  สิ้นสุดรัชกาล   พ.ศ. 1942
จ.  ราชวงศ์แลงคาสเตอร์       ครองราชย์  3  องค์
     1.   พระเจ้าเฮนรี่ ที่ 4                               ขึ้นครองราชย์ พ.ศ.  1942 สิ้นสุดรัชกาล  พ.ศ. 1955
     2.   พระเจ้าเฮนรี่ ที่ 5                               ขึ้นครองราชย์ พ.ศ.  1955 สิ้นสุดรัชกาล  พ.ศ.  1965
-   2   -
      3.   พระเจ้าเฮนรี่ที่ 6                                 ขึ้นครองราชย์  พ.ศ. 1965  สิ้นสุดรัชกาล  พ.ศ. 2003
ฉ.  ราชวงศ์ยอร์ก                ครองอังกฤษ 3 องค์
       1.   พระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 4                           ขึ้นครองราชย์  พ.ศ. 2003  สิ้นสุดรัชกาล  พ.ศ. 2006
       2.   พระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 5                           ขึ้นครองราชย์  พ.ศ. 2006 ได้เพียง 2 เดือนครึ่ง
       3.   พระเจ้าริชาร์ดที่ 3                              ขึ้นครองราชย์  พ.ศ. 2006   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 2028
ช. ราชวงศ์ทิวดอร์        ปกครองอังกฤษ  6  องค์
       1.   พระเจ้าเฮนรี่ที่ 7                                 ขึ้นครองราชย์  พ.ศ. 2028   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 2052
       2.   พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8                                  ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2052   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 2090
       3.   พระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 6                             ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2090   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 2096
       4.   พระเจ้าเยนเกรย์                                  ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2096   ครองราชย์เพียง 10 วัน
       5.   พระนางแมรี่                                        ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2096   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 2101
       6.   พระนางเอลิซาเบธ                               ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2101   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 2146
ซ. ราชวงศ์สจ๊วต      ครองอังกฤษ 9 องค์
       1.   พระเจ้าเจมส์ที่ 1                                  ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2146   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 2167
       2.   พระเจ้าชาร์ลที่ 1                                  ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2167   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 2191
       3.   ปกครองแบบรีปัปลิก ระหว่าง พ.ศ. 2191 – 2195
       4.    โอลิเวอร์ ครอมเวลล์ ระหว่าง พ.ศ. 2195 -  2201   
       5.    ริชาร์ด ครอมเวลล์    ระหว่าง พ.ศ. 2201 – มีอำนาจอยู่ 8 เดือน
       ราชวงศ์สจ๊วตได้กลับมาใหม่ คือ
        6.   พระเจ้าชาร์ลที่ 2                                 ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2203   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 2227
        7.   พระเจ้าเจมส์ที่ 2                                 ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2227   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 2231
        8.   พระเจ้าวิลเลียมที่ 3 + พระนางแมรี่       ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2232   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 2245
        9.   พระนางแมรี่อานน์                               ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2245   สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 2257
ฌ. ราชวงศ์แฮนโนเวอร์       ครองราชย์  11  องค์
        1.   พระเจ้ายอร์ชที่ 1                                  ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2257  สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 2270
        2.   พระเจ้ายอร์ชที่ 2                                  ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2270  สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 2303
        3.   พระเจ้ายอร์ชที่ 3                                  ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2303  สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 2363
        4.   พระเจ้ายอร์ชที่ 4                                  ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2363  สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 2373
        5.   พระเจ้าวิลเลียมที่ 4                              ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2373  สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 2380
        6.   พระราชินีวิกโทเรีย                                ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2380  สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 2444
        7.   พระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 7                              ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2444  สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 2453
        8.   พระเจ้ายอร์ชที่ 5                                  ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2453  สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 2479
        9.   พระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 8                              ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2479 ไม่ถึงปีก็สละราชบัลลังก์
      10.   พระเจ้ายอร์ชที่ 6                                  ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2479  สิ้นสุดรัชกาล พ.ศ. 2495
      11.   พระนางเอลิซาเบธที่ 2                           ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2495 ถึงปัจจุบัน

                                    จะเห็นว่าการปกครองของอังกฤษ ระบบกษัตริย์วุ่นวายพอดู กว่าจะพบกับความมั่นคงดำรงตนเป็นจอมจักรพรรดิ
              ของโลกที่มีพระอาทิตย์ไม่ตกดิน และมีหลายชาติหลายเผ่าพันธุ์ปนเปกันไปใช้ชื่อเรียกเป็นทางการว่า เกรทบริตเตน หรือคิงดอม
              ออฟ บริตเตน เขาไม่ใช้คำว่า อิงแลนด์เรียกตัวเอง เพราะคำว่าอิงแลนด์คือเกาะใหญ่เกาะเดียว ได้เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็น
              ระบอบประชาธิปไตยมีกษัตริย์เป็นประมุขมาจนถึง ปี พ.ศ. 2495 นับได้ 100 ปี หมายความว่าใช้ระบอบประชาธิปไตยตั้งแต่ปี พ.ศ.2395
              คือตั้งแต่สมัยควีนวิกโทเรีย ตรงกับประเทศสยามรัชชสมัยรัชกาลที่ 4 และล้มลุกคลุกคลานแย่งชิงอำนาจกันแบบเงียบๆประสาเมือง
              ผู้ดี กว่าจะมีสถานะ “ เสถียร “ จนอยู่ตัวมั่นคงถึงทุกวันนี้ก็ร้อนแรงดุเดือดมาแล้วเหมือนกัน แต่ไม่ป่าเถื่อนมากนัก เพราะผ่านความ
              ป่าเถื่อนมาแล้วสมัยโอลิเวอร์ ครอมเวลล์มาพอแล้ว ดังนั้นวินัย การเมืองของอังกฤษจึงถึงขีดลงตัวมีพร้อมทั้งมารยาท+วินัย
-   3    -
              ส่วนประเทศที่เอาอย่างประเทศอังกฤษมาใช้หลายแผ่นดิน ยังมีสถานะการเมืองไม่นิ่ง ไม่เสถียร เพราะวินัย+มารยาททางการเมือง
              มีน้อย อำนาจตัณหาการเมืองครอบงำจิตใจมากกว่า เลยต้องมีการเข่นฆ่าประชาชนกลางเมืองจนเลือดนองแผ่นดิน กลายเป็นโศก
              นาฏกรรมของคนเมืองเช่นทุกวันนี้
                       ชมรมฯ ขอเปิดฉากแรกด้วยการแนะนำลำดับราชวงศ์อังกฤษเป็นการโหมโรงและเพื่อการศึกษาเพราะไทยใกล้ชิดกับอังกฤษมานานมีอะไรๆคล้ายๆกัน  ข้าฯเห็นว่าคนไทยที่จบจากประเทศอังกฤษหลายๆคนยังไม่รู้จักราชวงศ์ของอังกฤษ แต่คนผิวขาวตะวันตกมาเมืองไทยเขาศึกษาคนไทยถึงรากเหง้าและโคตร อายเขาไหม?.....ขอบคุณครับ

                                                                      ไพสิฏฐ์  นวลสัมพันธ์
                                                              ประธานชมรมคนรักประวัติศาสตร์เสรี
                                                                                                               9 เมษายน 2555 
                       


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 25 เมษายน 2012 | 02:26:55 PM
สวัสดีครับ ขอโปรยหัวเอาไว้ก่อนนะครับ

จดหมายข่าว  ชมรมคนรักประวัติืศาสตร์เสรี

กำพืืดอังกฤษ


ความจริงนั้นคือ...  ***มีต่อนะครับโปรดอดใจรอ***


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 17 พฤษภาคม 2012 | 04:09:44 PM
สวัสดีครับ ขอโปรยหัวเอาไว้ก่อนนะครับ

จดหมายข่าว  ชมรมคนรักประวัติืศาสตร์เสรี

กำพืืดอังกฤษ


ความจริงนั้นคือ...  ***มีต่อนะครับโปรดอดใจรอ***
ขออนุญาตต่อเลยนะครับ......
จดหมายข่าว
ชมรมคนรักประวัติศาสตร์เสรี

กำพืดอังกฤษ

ความจริงนั้นคือ คนอังกฤษไม่ได้อยู่ในอิงแลนด์เสมอไปอย่างที่พวกเราคิด เมื่อย้อนหลังไปในยุคที่ไม่สามารถนับเวลาได้นั้น ประเทศนี้มีคนอาศัยอยู่แล้วหลายเผ่าพันธุ์ เราเข้าใจได้ว่า ชนที่เข้ามาอยู่เกาะอังกฤษรุ่นล่าสุด คนอังกฤษเข้ามาอยู่ในเกาะนี้เมื่อประมาณไม่มากไปกว่า 1,500 ปี เท่านั้น
เมื่อคนอังกฤษเข้ามาอยู่ในแผ่นดินบริตเตนเมื่อแรกเริ่มนั้นทุกๆอย่างไม่เหมือนที่เป็นอยู่ในยุคปัจจุบันนี้เลย แล้วถ้าเรามองย้อนหลังกลับไปไกลออกไปและไกลออกไปสู่ยังยุคมืด คือยุคยังไร้ซึ่งอารยธรรมของมนุษย์ เราก็ยังพบเห็นสิ่งแปลกๆยังคงมีอยู่ในสภาพปัจจุบันคือ อังกฤษเต็มไปด้วยทุ่งข้าวโพดและเขียวชะอุ่มไปด้วยทุ่งหญ้ามีบึงบางและป่าดิบใหญ่ คนพื้นเมืองที่เป็นชาวูเขา ทิวเขาแห่งสก็อตปกคลุมทั่วไปกับต้นไม้ใหญ่ๆที่ยังไม่มีการตัดฟันสภาพเป็นป่าดงดิบใหญ่อุดมไปด้วยฝูงสัตว์ดุร้ายทั้งแผ่นดิน ซึ่งกระดูกของมันถูกฝังกลบอยู่ในดินมากมายมาแต่โบราณ เช่น หมี  ควายไบซัน และฝูงสุนัขป่าผู้หิวกระหาย มนุษย์เริ่มบุกรุกเข้ามาเป็นแขกของป่าดงดิบมหึมานี้เป็นครั้งแรกในตอนนั้น
            ช่วงเวลานั้นถูกเรียกว่ายุคก่อนประวัติศาสตร์( PREHISTORIC  ) ซึ่งมีความหมายว่า “ ช่วงเวลาอันยาวนานก่อนที่ประวัติศาสตร์จะเกิดมีขึ้น ” ไม่มีใครสามารถกำหนดหมายได้ว่ามันเป็นเวลาอันแน่นอนที่ผ่านมาแล้วได้สักเท่าใด แต่เป็นที่แน่นอนว่าไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นปีขึ้นไป เราพบทะเลสาบสร้างด้วยฝีมือมนุษย์ ก้อนหินตั้งเรียงหมู่ที่เรียกว่า สะโตนเฮนส์ และเครื่องมือ เครื่องใช้ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ฝังอยู่ในดินมากมาย เท่าที่พบมนุษย์ยุคแรกในอังกฤษนั้นเป็นยุคก่อนประวัติศาสตร์ตัวเล็กแต่ส่วนอกและไหล่กว้าง แขนยาว ลักษณะคล้ายลิงเอ๊ปคือลิงไม่มีหาง ขนเยอะ ส่วนมากไม่นุ่งห่มเสื้อผ้า ดวงตาเล็กเบ้าจมลึก มีกรามใหญ่ และยื่นด้วย ฟันใหญ่  นี่คือมนุษย์หรือชาวประชาของอังกฤษยุคแรก นักมานุษยวิทยาขนานนามว่าเป็น ชาวอังกฤษรุ่นแรก เรียกว่าเป็นพวกไบรตันส์( BRITONS )

********ยังไม่จบ  มีต่ออีกนะครับ *********


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 18 พฤษภาคม 2012 | 09:36:53 AM
ผมเองไม่ค่อยได้สนใจประวัติศาสตร์ของชาติอื่นนัก (ยกเว้นญี่ปุ่น แต่ก็ไม่มีหนังสือที่เป็นภาษาไทยให้อ่านเลย ไม่รู้จักเลยสักเล่ม) ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับอังกฤษ ก็เคยอ่านแต่เรื่อง พระราชินีนาถวิคตอเรีย (เพราะความที่หลงใหลกับนักเขียนผู้นี้ กับนิยายอีกสองเรื่องที่เกี่ยวกับต่างประเทศ ได้แก่ ฤิทธีราชินีสาว คลั่งเพราะรัก) แต่อะไรเป็นยังไง ประเพณีวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ค่านิยมเป็นยังไงบ้างนั้น ลืมหมดเสียแล้ว เพราะอ่านมานานมากแล้ว คงเกือบๆ 10 ปีได้ ไม่ทราบว่า พอจะมีพงศาวดารญี่ปุ่นให้อ่านบ้างมั๊ยครับ ?.
ขอบคุณที่ให้ความสนใจครับ  ผมจะนำเรียนประธานฯ ให้หาเรื่อง ปวศ. ญี่ปุ่น มานำเสนอนะครับ ในชั้นนี้ผมขอแนะนำให้เข้าเว็บไซด์ " วิกิพีเดีย  " หรือ เว็บไซด์ที่เป็นคลังความรู้ต่างๆ หรือพิมพ์คำว่า ปวศ.ญี่ปุ่น ลงในกูเกิ้ล นะครับ....ในความคิดเห็นของผม  ปวศ. อยู่รอบๆตัวเรา แม้แต่บนถุงกล้วยแขก :)


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 18 พฤษภาคม 2012 | 11:28:01 AM
เมื่อวานหาเสริช์เรื่องที่สนใจอยากรู้บางเรื่อง ไปเจอบอร์ดนี้เข้าครับ ไม่ทราบว่ามีใครเคยเข้าไปเล่นไปอ่านบ้างหรือเปล่า น่าสนใจดีมากครับ ชอบสมาชิกที่ชื่อ เทาสมพู เห็นใครๆเรียกแต่อาจารย์ อาจารย์  ;)

http://www.reurnthai.com/index.php?PHPSESSID=13b3d4c1f2aa46a22fb996611e997daa&
ขอบคุณครับ.....แผ่นดินนี้ยังมีกระบี่นิรนามอยู่อีกมากมาย :)....และวิธีการหนึ่งในการศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของตัวผมก็คือ การดูหนังครับ  เช่น ดูเรื่อง เบนเฮอร์  ก็ได้เรียนรู้ ปวศ. เรื่องนึง/ด้านนึง/แง่นึง/มุมนึง....ดูเรื่อง สปาร์ตาคัส ก็ได้อีกหลายๆความรอบรู้เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ครับ :)


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 18 พฤษภาคม 2012 | 03:02:02 PM
สวัสดีครับ ขอโปรยหัวเอาไว้ก่อนนะครับ

จดหมายข่าว  ชมรมคนรักประวัติืศาสตร์เสรี

กำพืืดอังกฤษ


ความจริงนั้นคือ...  ***มีต่อนะครับโปรดอดใจรอ***
ขออนุญาตต่อเลยนะครับ......
จดหมายข่าว
ชมรมคนรักประวัติศาสตร์เสรี

กำพืดอังกฤษ

ความจริงนั้นคือ คนอังกฤษไม่ได้อยู่ในอิงแลนด์เสมอไปอย่างที่พวกเราคิด เมื่อย้อนหลังไปในยุคที่ไม่สามารถนับเวลาได้นั้น ประเทศนี้มีคนอาศัยอยู่แล้วหลายเผ่าพันธุ์ เราเข้าใจได้ว่า ชนที่เข้ามาอยู่เกาะอังกฤษรุ่นล่าสุด คนอังกฤษเข้ามาอยู่ในเกาะนี้เมื่อประมาณไม่มากไปกว่า 1,500 ปี เท่านั้น
เมื่อคนอังกฤษเข้ามาอยู่ในแผ่นดินบริตเตนเมื่อแรกเริ่มนั้นทุกๆอย่างไม่เหมือนที่เป็นอยู่ในยุคปัจจุบันนี้เลย แล้วถ้าเรามองย้อนหลังกลับไปไกลออกไปและไกลออกไปสู่ยังยุคมืด คือยุคยังไร้ซึ่งอารยธรรมของมนุษย์ เราก็ยังพบเห็นสิ่งแปลกๆยังคงมีอยู่ในสภาพปัจจุบันคือ อังกฤษเต็มไปด้วยทุ่งข้าวโพดและเขียวชะอุ่มไปด้วยทุ่งหญ้ามีบึงบางและป่าดิบใหญ่ คนพื้นเมืองที่เป็นชาวูเขา ทิวเขาแห่งสก็อตปกคลุมทั่วไปกับต้นไม้ใหญ่ๆที่ยังไม่มีการตัดฟันสภาพเป็นป่าดงดิบใหญ่อุดมไปด้วยฝูงสัตว์ดุร้ายทั้งแผ่นดิน ซึ่งกระดูกของมันถูกฝังกลบอยู่ในดินมากมายมาแต่โบราณ เช่น หมี  ควายไบซัน และฝูงสุนัขป่าผู้หิวกระหาย มนุษย์เริ่มบุกรุกเข้ามาเป็นแขกของป่าดงดิบมหึมานี้เป็นครั้งแรกในตอนนั้น
            ช่วงเวลานั้นถูกเรียกว่ายุคก่อนประวัติศาสตร์( PREHISTORIC  ) ซึ่งมีความหมายว่า “ ช่วงเวลาอันยาวนานก่อนที่ประวัติศาสตร์จะเกิดมีขึ้น ” ไม่มีใครสามารถกำหนดหมายได้ว่ามันเป็นเวลาอันแน่นอนที่ผ่านมาแล้วได้สักเท่าใด แต่เป็นที่แน่นอนว่าไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นปีขึ้นไป เราพบทะเลสาบสร้างด้วยฝีมือมนุษย์ ก้อนหินตั้งเรียงหมู่ที่เรียกว่า สะโตนเฮนส์ และเครื่องมือ เครื่องใช้ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ฝังอยู่ในดินมากมาย เท่าที่พบมนุษย์ยุคแรกในอังกฤษนั้นเป็นยุคก่อนประวัติศาสตร์ตัวเล็กแต่ส่วนอกและไหล่กว้าง แขนยาว ลักษณะคล้ายลิงเอ๊ปคือลิงไม่มีหาง ขนเยอะ ส่วนมากไม่นุ่งห่มเสื้อผ้า ดวงตาเล็กเบ้าจมลึก มีกรามใหญ่ และยื่นด้วย ฟันใหญ่  นี่คือมนุษย์หรือชาวประชาของอังกฤษยุคแรก นักมานุษยวิทยาขนานนามว่าเป็น ชาวอังกฤษรุ่นแรก เรียกว่าเป็นพวกไบรตันส์( BRITONS )

********ยังไม่จบ  มีต่ออีกนะครับ *********
ขออนุญาตต่อตอนจบเลยนะครับ

......จากเวลาอันยาวนานแผ่นดินนี้ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับ ชาวโรมันในยุคประวัติศาสตร์เริ่มต้น สองพันกว่าปีมาแล้ว จูเลียส ซีซาร์ ผู้พิชิตได้เข้ายึดครองเกาะอังกฤษทั้งหมด หลังจากพิชิตยุโรปทั้งมวลไว้แล้ว กาลเวลาก่อนยุคประวัติศาสตร์จนมาถึงยุคประวัติศาสตร์ เมื่อเกาะอังกฤษเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรโรมันนั่นเองชาวไบรตันส์ได้พัฒนาการจนถงระดับซิวิไลซ์มากข้น มีการค้าขายไปมาระหว่างไบรตันกับฝรั่งเศสซึ่งยุคนั้นเรียกว่าพวกกอล( GAUL ) มีการประดิษฐ์ของใช้ด้วยเหล็ก(โลหะ)เกิดขึ้นและประดิษฐ์เสื้อผ้าใช้กันแล้ว ทั้งกอลและไบรตันต่างควบคุมกันเป็นกลุ่มๆมีหัวหน้าปกครองจนรวมเป็นกลุ่มใหญ่มากๆตั้งเป็นอาณาจักรเล็กๆของตนเอง แล้วรวมหัวกันรบพุ่งอย่างองอาจกล้าหาญจนขับไล่ชาวโรมันที่จูเลียส ซีซาร์ปกรองอยู่ได้สำเร็จ
            สมัยที่รวมกลุ่มกันต่อสู้ขับไล่อำนาจโรมันออกไปนั้น แต่ละกลุ่มมีชื่อเรียกขานกันต่างๆ เช่น พวกชาวพิคท์( PICTS ) สก็อตส์ , หรือชาวคาเลโดเนียนส์ อำนาจโรมันซึ่งเป็นจอมจักรวรรดิ์ของโลกค่อยๆเสื่อมอำนาจลงอย่างช้าๆ และก็ถึงเวลาล่มสลายตามมาอย่างรวดเร็ว กลุ่มชนชาวไบรตันซึ่งมีสก็อตส์ซึ่งยุคนั้นใช้คำว่า โลว์แลนด์สแห่งสก็อตแลนด์ เป็นแนวต่อต้านโรมันอย่างเข้มแข็งที่สุด
          เมื่อจักรวรรดิโรมันพังถล่มทลาย บริเตนของชาวไบรตันเป็นกลุ่มแรกที่หลุดออกมาเป็นอิสระ นั่นคือปีค.ศ. 410 อำนาจโรมันไม่เคยคืนชีพกลับมาสู่ชาวไบรตันอีกเลย
           แต่ว่าชาวไบรตัน ยังต้องผจญกับการรุกรานของชาวเหนือ ซึ่งมีกำลังรบทางเรือยกเข้าแย่งชิงแผ่นดินเป็นของตน พวกนี้คือชาวคาเลโดเนียนเข้ายึดครองไบรตันและผสมพันธุ์ชนชาวไบรตันกลายเป็นสายเลือดชาวทะเลไป ชาวไบรตันต้องหันหน้าเข้าหาผู้ช่วยกอบกู้ชาติพันธุ์ของตน จึงไปขอร้องให้ชาวอิงลิชซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ทรงอำนาจและไบรตันเกรงกลัวมานานได้ยินยอมเข้าช่วยเหลือขับไล่ชาวเหนือให้พ้นแผ่นดินไบรตันไป แต่ไม่ใช่ชาวอิงลิชผู้เดียวที่เข้ามาช่วยไบรตัน ยังมีชาวน้ำที่อยู่ทางทะเลเหนือที่ใช้เรือใบและเรือแจวเข้ามาร่วมวงขับไล่ศัตรูของไบรตันด้วยได้แก่ พวกแองเกลส์(ANGLES)  พวกแซกซัน( SAXONS)
และพวกจู๊ตส์(JUTES) พวกชาวทะเลเหนือที่เข้ามาขับไล่ศัตรูให้ไบรตันเมื่อเสร็จศึกก็ไม่กลับบ้านของตัว แต่ฝังตัวอยู่กับชาวไบรตันและออกรบขยายดินแดนออกไปทางทะเลและรุกขึ้นทางเหนือทางแผ่นดินสูงแผ่ไปทั้งทางตะวันตกและตะวันออกตลอดจนครอบครองชายฝั่งทะเลใต้หมดตลอดบริติชเบย์
           จากปี ค.ศ. 450 ถึงปี ค.ศ. 550 ชาวอิงลิชมีเรือรบใหญ่โตประจำอยู่ในแม่น้ำบริติชริเวอร์ตลอดอ่าวบริติชเบย์ ยุคนี้ไบรตัน
กลับสู่ความสงบและทำงานหนัก ความศิวิไลซ์เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1066 ชาวอิงแลนด์ก็ถูกกองกำลังของพวกนอร์แมนส์บุกโจมตีและเข้ายึดครองได้ทั้งแผ่นดินภายใต้การนำของกษัตริย์วิลเลี่ยมส์เดอะคองเกอเรอส์ หรือ วิลเลี่ยมส์ผู้พิชิตเป็นการโจมตีและยึดครองได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นอิงแลนด์ก็ถูกปกครองโดย วิลเลี่ยมส์ผู้พิชิต การเข้ายึดครองและปกครองของวิลเลี่ยมส์ผู้พิชิตนั้นทำให้ชาวอิงลิชมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ แต่เดิมชาวอิงลิชใช้ภาษาเยอรมันโบราณเป็นภาษาพูด เมื่อชาวนอร์แมนส์เข้าปกครองคนอิงลิชต้องเลิกใช้ภาษาเยอรมันมาใช้ภาษาของชาวนอร์แมนส์แทน มีการเปลี่ยนแปลงทั้งความเป็นอยู่ กฎหมาย และวิถีชีวิตดั้งเดิมมาเป็นแบบนอร์แมนส์ตั้งแต่บัดนั้น.-
                                 ----------------------------------------------------------------------------------------------------------

                                                                                          ไพสิฏฐ์  นวลสัมพันธ์
                                                                               ประธานชมรมคนรักประวัติศาสตร์เสรี
                                                                                            23 เมษายน 2555


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 21 พฤษภาคม 2012 | 10:31:20 AM
สวัสดีครับ...ขออนุญาตโปรยหัวเอาไว้ก่อนนะครับ
                                                                     จดหมายข่าว
                                                            ชมรมคนรักวรรณกรรม(เก่า)

            เดือนนี้คือเดือนพฤษภาคม 2555 ตามปฏิทินสุริยคติบอกว่าเป็นเดือน 6 ปีมะโรง คือวันที่ 1 พฤษภาคม ทว่าความจริงปีนี้เข้าเดือน 6 ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน ขึ้น 1 ค่ำ เป็นวันเสาร์นะครับ เดือน 6 นั้นประเพณีชนชาติไทยเขายกให้เป็นเดือนสำหรับหนุ่มสาวจะทำพิธีสมรสกัน เพราะโบราณเขากำหนดเป็นสูตรให้แต่งงานเดือน 6
**********มีต่อนะครับ โปรดอดใจรอ  ขอบคุณครับ**************



หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 31 พฤษภาคม 2012 | 08:47:22 AM
สวัสดีครับ...ขออนุญาตโปรยหัวเอาไว้ก่อนนะครับ
                                                                     จดหมายข่าว
                                                            ชมรมคนรักวรรณกรรม(เก่า)

            เดือนนี้คือเดือนพฤษภาคม 2555 ตามปฏิทินสุริยคติบอกว่าเป็นเดือน 6 ปีมะโรง คือวันที่ 1 พฤษภาคม ทว่าความจริงปีนี้เข้าเดือน 6 ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน ขึ้น 1 ค่ำ เป็นวันเสาร์นะครับ เดือน 6 นั้นประเพณีชนชาติไทยเขายกให้เป็นเดือนสำหรับหนุ่มสาวจะทำพิธีสมรสกัน เพราะโบราณเขากำหนดเป็นสูตรให้แต่งงานเดือน 6
**********มีต่อนะครับ โปรดอดใจรอ  ขอบคุณครับ**************


สวัสดีครับ ขออนุญาตต่ออีกนิดครับ :)
...เดือน 9   เดือน 12   เดือน 5   เดือนอื่นๆห้ามแต่ง แต่ท่านไม่บอกว่าทำไมจึงห้ามและทำไมจึงยุ เพราะพูดแล้วเรื่องมาก ท่านก็เลยไม่บอกเหตุ แต่ที่จริงคนโบราณหรือปราชญ์ยุคโบราณของไทยท่านคำนวณวิธีโคจรแห่งจักรวาฬแล้วว่า

****มีต่ออีกครับ ยังไม่จบครับ****


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 12 มิถุนายน 2012 | 12:04:07 PM
สวัสดีครับ  คำคมวันละคำ วันนี้ขอเสนอ
" ผิดกับอีกประเภทที่ทั้งรู้ว่าไม่ควรกินและเขารังเกียจคนกินกันทั้งโลก แต่บ้านเมืองด้อยพัฒนาก็ยากจะชักชวนให้ออกมาประท้วงกันจนเลิกได้เด็ดขาด คือ การกินบ้านกินเมือง  ที่บางแห่งก็ฟาดกันจนชาวบ้านหาความเจริญไม่ได้ ก็อดทนกันจัง ไม่ยอมไล่ไม่ยอมประท้วง  ยอมเป็นเหยื่อให้พวกยักษ์มารเขมือบอยู่นั่น "


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 26 มิถุนายน 2012 | 01:58:37 PM
สวัสดีครับ  วันนี้เป็นวันสุนทรภู่(วันเกิดของท่าน) นะครับ ท่านได้รับฉายาว่า เช็คสเปียร์ แห่งสยามประเทศ และเป็นบุคคลสำคัญของโลก ผมขอฝากกลอนนี้ของท่านไว้เพื่อร่วมฉลองในวันนี้นะครับ......
                      
                                  แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์
                                  มันสุดแสนลึกล้ำเหลือกำหนด
                                  ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด
                                  ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใึจคน



                           และ...เป็นวิสัยในภพธรณินทร์ ไม่สุดสิ้นสิ่งเสน่ห์ประเวณี

                           และ...ประเวณีมีทั่วทุกตัวสัตว์  ไม่จำกัดห้ามปรามตามวิสัย
                                    นาคมนุษย์ครุฑาสุราลัย สุดแต่ใจปรองดองจะครองกัน



หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: deja vu ที่ 26 มิถุนายน 2012 | 02:34:30 PM
สวัสดีครับ  คำคมวันละคำ วันนี้ขอเสนอ
" ผิดกับอีกประเภทที่ทั้งรู้ว่าไม่ควรกินและเขารังเกียจคนกินกันทั้งโลก แต่บ้านเมืองด้อยพัฒนาก็ยากจะชักชวนให้ออกมาประท้วงกันจนเลิกได้เด็ดขาด คือ การกินบ้านกินเมือง  ที่บางแห่งก็ฟาดกันจนชาวบ้านหาความเจริญไม่ได้ ก็อดทนกันจัง ไม่ยอมไล่ไม่ยอมประท้วง  ยอมเป็นเหยื่อให้พวกยักษ์มารเขมือบอยู่นั่น "

  ยุคนี้ถ้าออกมาประท้วงเดี๋ยวก็โดนข้อหาผู้ก่อการร้ายซิครับ  :-X

  ต้องออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยครับ ตายไปได้เงิน7.5 ล้าน ถ้าไม่ตายอาจมีโอกาสได้เป็นรัฐมนตรี  ;) :D ;D


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 26 มิถุนายน 2012 | 02:49:04 PM
สวัสดีครับ  คำคมวันละคำ วันนี้ขอเสนอ
" ผิดกับอีกประเภทที่ทั้งรู้ว่าไม่ควรกินและเขารังเกียจคนกินกันทั้งโลก แต่บ้านเมืองด้อยพัฒนาก็ยากจะชักชวนให้ออกมาประท้วงกันจนเลิกได้เด็ดขาด คือ การกินบ้านกินเมือง  ที่บางแห่งก็ฟาดกันจนชาวบ้านหาความเจริญไม่ได้ ก็อดทนกันจัง ไม่ยอมไล่ไม่ยอมประท้วง  ยอมเป็นเหยื่อให้พวกยักษ์มารเขมือบอยู่นั่น "

  ยุคนี้ถ้าออกมาประท้วงเดี๋ยวก็โดนข้อหาผู้ก่อการร้ายซิครับ  :-X

  ต้องออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยครับ ตายไปได้เงิน7.5 ล้าน ถ้าไม่ตายอาจมีโอกาสได้เป็นรัฐมนตรี  ;) :D ;D
ขอบคุณ สำหรับทัศนะ ครับ  ผมขอเสริมว่า ในบางบ้านเมือง อะไรๆคงจะเป็น ปัญหางูกินหาง ไปอีกนาน เชียว :'(


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 04 กรกฎาคม 2012 | 10:00:15 AM
สวัสดีครับ....ผมขอแจ้งย้อนหลังครับ (เพราะลืมไป  :-[).....วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน 2555 ที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบการก่อตั้ง ชมรมคนรักหนังเก่า ครบรอบ 9 ปี และก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 ครับ ขอบคุณครับ...ชมรมฯ นี้จะปิดดำเนินการในวันที่ตัวผมเดินทางไปอยู่ในอีกภพหนึ่งครับ :D


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: deja vu ที่ 04 กรกฎาคม 2012 | 11:13:13 AM
สวัสดีครับ....ผมขอแจ้งย้อนหลังครับ (เพราะลืมไป  :-[).....วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน 2555 ที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบการก่อตั้ง ชมรมคนรักหนังเก่า ครบรอบ 9 ปี และก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 ครับ ขอบคุณครับ...ชมรมฯ นี้จะปิดดำเนินการในวันที่ตัวผมเดินทางไปอยู่ในอีกภพหนึ่งครับ :D

  คุณสมบุญไม่หาทายาทมาดำเนินการสืบทอดเจตนารมณ์ต่อไปหรือครับ
  เอาแบบที่นักการเมืองชอบทำกันน่ะครับ  :D

 


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 04 กรกฎาคม 2012 | 11:21:06 AM
สวัสดีครับ....ผมขอแจ้งย้อนหลังครับ (เพราะลืมไป  :-[).....วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน 2555 ที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบการก่อตั้ง ชมรมคนรักหนังเก่า ครบรอบ 9 ปี และก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 ครับ ขอบคุณครับ...ชมรมฯ นี้จะปิดดำเนินการในวันที่ตัวผมเดินทางไปอยู่ในอีกภพหนึ่งครับ :D

  คุณสมบุญไม่หาทายาทมาดำเนินการสืบทอดเจตนารมณ์ต่อไปหรือครับ
  เอาแบบที่นักการเมืองชอบทำกันน่ะครับ  :D

  
ขอบพระคุณในคำแนะนำครับ ผมคิดเรื่องนี้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งแล้วล่ะครับ ขอเรียน ดังนี้ครับ.-
1. ต้องขอโทษก่อนนะครับ เพราะผมอาจจะใช้คำพูดตรงเกินไป...ทายาทอสูร ของผมนั้นผมจะต้องทำการสกรีนอย่างเข้มข้น เพื่อให้ได้คนที่มี สันดานเหมือนผม/มีดีเอ็นเอเหมือนผม/มีก้อนสมองเหมือนผม/มีก้อนหัวใจเหมือนผม
2. ถ้าหากว่า เมื่อถึงเวลาที่ผมอายุ 99 แล้วยังหาทายาทอสูรไม่ได้ และลูกชายทั้งสองคนของผมเขาไม่สนใจไม่เอาด้วย(เราเลี้ยงเขาได้แต่ตัวครับ สมองและจิตใจเลี้ยงเขาไม่ได้) ผมก็จะเขียนพินัยกรรมระบุเอาไว้ว่า ให้เผาทุกสิ่งทุกอย่างไปพร้อมกับตัวผม ถ้าโลงเดียวไม่พอก็ซื้อโลงเพิ่มอีก :)
 
3. เนื่องจากชมรม ทั้ง 3 ชมรมของผมนั้น เป็นชมรมที่ มีแต่รายจ่าย ดังนั้น ผมจึงทำแบบนักการเมืองไม่ได้ครับ เนื่องจากพวกเขาทำ่อาชีพนี้เพื่อหล่อเลี้ยง โคตร(คำนี้ไม่หยาบนะครับเพราะมีในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน) เหง้า ของพวกเขาให้มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้ต่อไป :)


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: อาโนลด์ เลนย์ ที่ 04 กรกฎาคม 2012 | 11:36:28 AM
สวัสดีครับ....ผมขอแจ้งย้อนหลังครับ (เพราะลืมไป  :-[).....วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน 2555 ที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบการก่อตั้ง ชมรมคนรักหนังเก่า ครบรอบ 9 ปี และก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 ครับ ขอบคุณครับ...ชมรมฯ นี้จะปิดดำเนินการในวันที่ตัวผมเดินทางไปอยู่ในอีกภพหนึ่งครับ :D

  คุณสมบุญไม่หาทายาทมาดำเนินการสืบทอดเจตนารมณ์ต่อไปหรือครับ
  เอาแบบที่นักการเมืองชอบทำกันน่ะครับ  :D

  
ขอบพระคุณในคำแนะนำครับ ผมคิดเรื่องนี้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งแล้วล่ะครับ ขอเรียน ดังนี้ครับ.-
1. ต้องขอโทษก่อนนะครับ เพราะผมอาจจะใช้คำพูดตรงเกินไป...ทายาทอสูร ของผมนั้นผมจะต้องทำการสกรีนอย่างเข้มข้น เพื่อให้ได้คนที่มี สันดานเหมือนผม/มีดีเอ็นเอเหมือนผม/มีก้อนสมองเหมือนผม/มีก้อนหัวใจเหมือนผม
2. ถ้าหากว่า เมื่อถึงเวลาที่ผมอายุ 99 แล้วยังหาทายาทอสูรไม่ได้ และลูกชายทั้งสองคนของผมเขาไม่สนใจไม่เอาด้วย(เราเลี้ยงเขาได้แต่ตัวครับ สมองและจิตใจเลี้ยงเขาไม่ได้) ผมก็จะเขียนพินัยกรรมระบุเอาไว้ว่า ให้เผาทุกสิ่งทุกอย่างไปพร้อมกับตัวผม ถ้าโลงเดียวไม่พอก็ซื้อโลงเพิ่มอีก :)
 
3. เนื่องจากชมรม ทั้ง 3 ชมรมของผมนั้น เป็นชมรมที่ มีแต่รายจ่าย ดังนั้น ผมจึงทำแบบนักการเมืองไม่ได้ครับ เนื่องจากพวกเขาทำ่อาชีพนี้เพื่อหล่อเลี้ยง โคตร(คำนี้ไม่หยาบนะครับเพราะมีในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน) เหง้า ของพวกเขาให้มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้ต่อไป :)

ถ้างั้นคงต้องขอให้คุณ Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า อยู่คู่กับชมรมฯ ไปนานๆครับ  ;)


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ท่านผีเพลง ที่ 04 กรกฎาคม 2012 | 11:38:56 AM
เรียนท่านประธานฯ ที่นับถือ

ข้อ1 ยากส์ หาหนวดเต่าเขากระต่าย จะง่ายกว่าครับ
ข้อ2 ยากสส์ อายุ99 คงลืมว่าเขียนพินัยกรรมไว้ว่ายังไงแล้วครับ กินบอกว่าไม่ได้นอน นอนบอกว่าไม่ได้กิน
ข้อ3 ยากสสส์ นักการเมืองที่ดีมีเยอะแยะครับ (บังเอิญไปเกิดประเทศอื่นนะซี่..)
 8)


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 04 กรกฎาคม 2012 | 11:43:19 AM
สวัสดีครับ....ผมขอแจ้งย้อนหลังครับ (เพราะลืมไป  :-[).....วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน 2555 ที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบการก่อตั้ง ชมรมคนรักหนังเก่า ครบรอบ 9 ปี และก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 ครับ ขอบคุณครับ...ชมรมฯ นี้จะปิดดำเนินการในวันที่ตัวผมเดินทางไปอยู่ในอีกภพหนึ่งครับ :D

  คุณสมบุญไม่หาทายาทมาดำเนินการสืบทอดเจตนารมณ์ต่อไปหรือครับ
  เอาแบบที่นักการเมืองชอบทำกันน่ะครับ  :D

 
ขอบพระคุณในคำแนะนำครับ ผมคิดเรื่องนี้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งแล้วล่ะครับ ขอเรียน ดังนี้ครับ.-
1. ต้องขอโทษก่อนนะครับ เพราะผมอาจจะใช้คำพูดตรงเกินไป...ทายาทอสูร ของผมนั้นผมจะต้องทำการสกรีนอย่างเข้มข้น เพื่อให้ได้คนที่มี สันดานเหมือนผม/มีดีเอ็นเอเหมือนผม/มีก้อนสมองเหมือนผม/มีก้อนหัวใจเหมือนผม
2. ถ้าหากว่า เมื่อถึงเวลาที่ผมอายุ 99 แล้วยังหาทายาทอสูรไม่ได้ และลูกชายทั้งสองคนของผมเขาไม่สนใจไม่เอาด้วย(เราเลี้ยงเขาได้แต่ตัวครับ สมองและจิตใจเลี้ยงเขาไม่ได้) ผมก็จะเขียนพินัยกรรมระบุเอาไว้ว่า ให้เผาทุกสิ่งทุกอย่างไปพร้อมกับตัวผม ถ้าโลงเดียวไม่พอก็ซื้อโลงเพิ่มอีก :)
 
3. เนื่องจากชมรม ทั้ง 3 ชมรมของผมนั้น เป็นชมรมที่ มีแต่รายจ่าย ดังนั้น ผมจึงทำแบบนักการเมืองไม่ได้ครับ เนื่องจากพวกเขาทำ่อาชีพนี้เพื่อหล่อเลี้ยง โคตร(คำนี้ไม่หยาบนะครับเพราะมีในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน) เหง้า ของพวกเขาให้มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้ต่อไป :)

ถ้างั้นคงต้องขอให้คุณ Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า อยู่คู่กับชมรมฯ ไปนานๆครับ  ;)
ขอบพระคุณครับ...ขอคารวะท่าน 1 จอกใหญ่ครับ ไม่ได้ชนจอก/แก้วกันนานแล้วนะครับ :D


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 04 กรกฎาคม 2012 | 11:48:37 AM
เรียนท่านประธานฯ ที่นับถือ

ข้อ1 ยากส์ หาหนวดเต่าเขากระต่าย จะง่ายกว่าครับ
ข้อ2 ยากสส์ อายุ99 คงลืมว่าเขียนพินัยกรรมไว้ว่ายังไงแล้วครับ กินบอกว่าไม่ได้นอน นอนบอกว่าไม่ได้กิน
ข้อ3 ยากสสส์ นักการเมืองที่ดีมีเยอะแยะครับ (บังเอิญไปเกิดประเทศอื่นนะซี่..)
 8)
ขอขอบพระคุณพี่ีแจ็คครับ
1. ถ้างั้นผมจะเตรียมการ โคลนนิ่ง ครับ :D
2. ถ้างั้นเดี๋ยวผมจะเขียนเดี๋ยวนี้เลยครับ รบกวนพี่แจ็ค ช่วยเซ็นเป็นพยานให้ผมด้วยนะครับ
3. +1 ครับ แต่ผมยังหวังไปในอนาคตว่า จะได้เห็นนักการเมืองที่แสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนด้วยการฮาราคีรีตัวเองครับ :'(


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: อาโนลด์ เลนย์ ที่ 04 กรกฎาคม 2012 | 12:05:28 PM
สวัสดีครับ....ผมขอแจ้งย้อนหลังครับ (เพราะลืมไป  :-[).....วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน 2555 ที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบการก่อตั้ง ชมรมคนรักหนังเก่า ครบรอบ 9 ปี และก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 ครับ ขอบคุณครับ...ชมรมฯ นี้จะปิดดำเนินการในวันที่ตัวผมเดินทางไปอยู่ในอีกภพหนึ่งครับ :D

  คุณสมบุญไม่หาทายาทมาดำเนินการสืบทอดเจตนารมณ์ต่อไปหรือครับ
  เอาแบบที่นักการเมืองชอบทำกันน่ะครับ  :D

 
ขอบพระคุณในคำแนะนำครับ ผมคิดเรื่องนี้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งแล้วล่ะครับ ขอเรียน ดังนี้ครับ.-
1. ต้องขอโทษก่อนนะครับ เพราะผมอาจจะใช้คำพูดตรงเกินไป...ทายาทอสูร ของผมนั้นผมจะต้องทำการสกรีนอย่างเข้มข้น เพื่อให้ได้คนที่มี สันดานเหมือนผม/มีดีเอ็นเอเหมือนผม/มีก้อนสมองเหมือนผม/มีก้อนหัวใจเหมือนผม
2. ถ้าหากว่า เมื่อถึงเวลาที่ผมอายุ 99 แล้วยังหาทายาทอสูรไม่ได้ และลูกชายทั้งสองคนของผมเขาไม่สนใจไม่เอาด้วย(เราเลี้ยงเขาได้แต่ตัวครับ สมองและจิตใจเลี้ยงเขาไม่ได้) ผมก็จะเขียนพินัยกรรมระบุเอาไว้ว่า ให้เผาทุกสิ่งทุกอย่างไปพร้อมกับตัวผม ถ้าโลงเดียวไม่พอก็ซื้อโลงเพิ่มอีก :)
 
3. เนื่องจากชมรม ทั้ง 3 ชมรมของผมนั้น เป็นชมรมที่ มีแต่รายจ่าย ดังนั้น ผมจึงทำแบบนักการเมืองไม่ได้ครับ เนื่องจากพวกเขาทำ่อาชีพนี้เพื่อหล่อเลี้ยง โคตร(คำนี้ไม่หยาบนะครับเพราะมีในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน) เหง้า ของพวกเขาให้มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้ต่อไป :)

ถ้างั้นคงต้องขอให้คุณ Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า อยู่คู่กับชมรมฯ ไปนานๆครับ  ;)
ขอบพระคุณครับ...ขอคารวะท่าน 1 จอกใหญ่ครับ ไม่ได้ชนจอก/แก้วกันนานแล้วนะครับ :D

 ;D คงได้ชนกันเร็วๆนี้ล่ะครับ  :D


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Pong-Wanchai ที่ 04 กรกฎาคม 2012 | 12:15:54 PM
เพื่อนๆ ลูกของผมทั้งสองคน ภายในสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ประสพอุบัติเหตุทางรถยนต์เข้าห้องไอ้ซียูไปสองคนแล้วครับ...

...เพราะฉะนั้น...ชนแก้วกันแล้วอย่าไปชนเสาไฟฟ้าต่อก็แล้วกันนะครับ !!!


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 04 กรกฎาคม 2012 | 12:28:37 PM
เพื่อนๆ ลูกของผมทั้งสองคน ภายในสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ประสพอุบัติเหตุทางรถยนต์เข้าห้องไอ้ซียูไปสองคนแล้วครับ...

...เพราะฉะนั้น...ชนแก้วกันแล้วอย่าไปชนเสาไฟฟ้าต่อก็แล้วกันนะครับ !!!
ขอขอบพระคุณพี่โป่งอย่างสูงด้วยครับ ....ผมปลอดภัยครับ เพราะเดินทางด้วยระบบราง และ ระบบบาทาของตัวเอง เป็นส่วนใหญ่ :D


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: อาโนลด์ เลนย์ ที่ 04 กรกฎาคม 2012 | 12:35:36 PM
เพื่อนๆ ลูกของผมทั้งสองคน ภายในสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ประสพอุบัติเหตุทางรถยนต์เข้าห้องไอ้ซียูไปสองคนแล้วครับ...

...เพราะฉะนั้น...ชนแก้วกันแล้วอย่าไปชนเสาไฟฟ้าต่อก็แล้วกันนะครับ !!!
ขอขอบพระคุณพี่โป่งอย่างสูงด้วยครับ ....ผมปลอดภัยครับ เพราะเดินทางด้วยระบบราง และ ระบบบาทาของตัวเอง เป็นส่วนใหญ่ :D

เสาไฟฟ้าไม่น่าสนใจเลยครับ แพงมั่กๆ... ::)


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: panyarak ที่ 04 กรกฎาคม 2012 | 04:03:50 PM
เพื่อนๆ ลูกของผมทั้งสองคน ภายในสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ประสพอุบัติเหตุทางรถยนต์เข้าห้องไอ้ซียูไปสองคนแล้วครับ...

...เพราะฉะนั้น...ชนแก้วกันแล้วอย่าไปชนเสาไฟฟ้าต่อก็แล้วกันนะครับ !!!
ขอขอบพระคุณพี่โป่งอย่างสูงด้วยครับ ....ผมปลอดภัยครับ เพราะเดินทางด้วยระบบราง และ ระบบบาทาของตัวเอง เป็นส่วนใหญ่ :D

ไม่ได้อยู่เมืองไทยเสียนาน ระบบรางที่เชื่อมระหว่างสนามบินกับในเมือง ยังดีอยู่มั้ยครับ


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: .. polotoon .. ที่ 04 กรกฎาคม 2012 | 08:39:37 PM
เพื่อนๆ ลูกของผมทั้งสองคน ภายในสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ประสพอุบัติเหตุทางรถยนต์เข้าห้องไอ้ซียูไปสองคนแล้วครับ...

...เพราะฉะนั้น...ชนแก้วกันแล้วอย่าไปชนเสาไฟฟ้าต่อก็แล้วกันนะครับ !!!
ขอขอบพระคุณพี่โป่งอย่างสูงด้วยครับ ....ผมปลอดภัยครับ เพราะเดินทางด้วยระบบราง และ ระบบบาทาของตัวเอง เป็นส่วนใหญ่ :D

ไม่ได้อยู่เมืองไทยเสียนาน ระบบรางที่เชื่อมระหว่างสนามบินกับในเมือง ยังดีอยู่มั้ยครับ
ได้ข่าวว่า เงียบเหงา และเป็นข่าวเรื่องตำแหน่งสถานีที่ไม่ค่อยเหมาะสมนัก ไปทั่วโลกครับ


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 05 กรกฎาคม 2012 | 09:54:21 AM
เพื่อนๆ ลูกของผมทั้งสองคน ภายในสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ประสพอุบัติเหตุทางรถยนต์เข้าห้องไอ้ซียูไปสองคนแล้วครับ...

...เพราะฉะนั้น...ชนแก้วกันแล้วอย่าไปชนเสาไฟฟ้าต่อก็แล้วกันนะครับ !!!
ขอขอบพระคุณพี่โป่งอย่างสูงด้วยครับ ....ผมปลอดภัยครับ เพราะเดินทางด้วยระบบราง และ ระบบบาทาของตัวเอง เป็นส่วนใหญ่ :D

ไม่ได้อยู่เมืองไทยเสียนาน ระบบรางที่เชื่อมระหว่างสนามบินกับในเมือง ยังดีอยู่มั้ยครับ
ได้ข่าวว่า เงียบเหงา และเป็นข่าวเรื่องตำแหน่งสถานีที่ไม่ค่อยเหมาะสมนัก ไปทั่วโลกครับ
+1 ครับ ผมเชื่อมั่นอย่างสุดใจขาดดิ้นว่า ภาษีของ ปชช.คนไทยทุกคน คุ้มค่าแน่นอนครับ :'(


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ท่านผีเพลง ที่ 05 กรกฎาคม 2012 | 12:10:10 PM
เพื่อนๆ ลูกของผมทั้งสองคน ภายในสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ประสพอุบัติเหตุทางรถยนต์เข้าห้องไอ้ซียูไปสองคนแล้วครับ...

...เพราะฉะนั้น...ชนแก้วกันแล้วอย่าไปชนเสาไฟฟ้าต่อก็แล้วกันนะครับ !!!
ขอขอบพระคุณพี่โป่งอย่างสูงด้วยครับ ....ผมปลอดภัยครับ เพราะเดินทางด้วยระบบราง และ ระบบบาทาของตัวเอง เป็นส่วนใหญ่ :D

ไม่ได้อยู่เมืองไทยเสียนาน ระบบรางที่เชื่อมระหว่างสนามบินกับในเมือง ยังดีอยู่มั้ยครับ
ได้ข่าวว่า เงียบเหงา และเป็นข่าวเรื่องตำแหน่งสถานีที่ไม่ค่อยเหมาะสมนัก ไปทั่วโลกครับ
+1 ครับ ผมเชื่อมั่นอย่างสุดใจขาดดิ้นว่า ภาษีของ ปชช.คนไทยทุกคน คุ้มค่าแน่นอนครับ :'(
แล้วร้องไห้ทำไมล่ะครับท่าน

ปล. เจอท่านรองฯเทอดชัย ฝากบอกว่าผมคิดถึงนะครับ 555


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 05 กรกฎาคม 2012 | 02:59:57 PM
เพื่อนๆ ลูกของผมทั้งสองคน ภายในสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ประสพอุบัติเหตุทางรถยนต์เข้าห้องไอ้ซียูไปสองคนแล้วครับ...

...เพราะฉะนั้น...ชนแก้วกันแล้วอย่าไปชนเสาไฟฟ้าต่อก็แล้วกันนะครับ !!!
ขอขอบพระคุณพี่โป่งอย่างสูงด้วยครับ ....ผมปลอดภัยครับ เพราะเดินทางด้วยระบบราง และ ระบบบาทาของตัวเอง เป็นส่วนใหญ่ :D

ไม่ได้อยู่เมืองไทยเสียนาน ระบบรางที่เชื่อมระหว่างสนามบินกับในเมือง ยังดีอยู่มั้ยครับ
ได้ข่าวว่า เงียบเหงา และเป็นข่าวเรื่องตำแหน่งสถานีที่ไม่ค่อยเหมาะสมนัก ไปทั่วโลกครับ
+1 ครับ ผมเชื่อมั่นอย่างสุดใจขาดดิ้นว่า ภาษีของ ปชช.คนไทยทุกคน คุ้มค่าแน่นอนครับ :'(
แล้วร้องไห้ทำไมล่ะครับท่าน

ปล. เจอท่านรองฯเทอดชัย ฝากบอกว่าผมคิดถึงนะครับ 555
ที่ร้องเพราะ รู้สึกซาบซึ้งครับ


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ปีศาจลายคราม ที่ 05 กรกฎาคม 2012 | 04:51:35 PM
เพื่อนๆ ลูกของผมทั้งสองคน ภายในสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ประสพอุบัติเหตุทางรถยนต์เข้าห้องไอ้ซียูไปสองคนแล้วครับ...

...เพราะฉะนั้น...ชนแก้วกันแล้วอย่าไปชนเสาไฟฟ้าต่อก็แล้วกันนะครับ !!!
ขอขอบพระคุณพี่โป่งอย่างสูงด้วยครับ ....ผมปลอดภัยครับ เพราะเดินทางด้วยระบบราง และ ระบบบาทาของตัวเอง เป็นส่วนใหญ่ :D

ไม่ได้อยู่เมืองไทยเสียนาน ระบบรางที่เชื่อมระหว่างสนามบินกับในเมือง ยังดีอยู่มั้ยครับ
ได้ข่าวว่า เงียบเหงา และเป็นข่าวเรื่องตำแหน่งสถานีที่ไม่ค่อยเหมาะสมนัก ไปทั่วโลกครับ
+1 ครับ ผมเชื่อมั่นอย่างสุดใจขาดดิ้นว่า ภาษีของ ปชช.คนไทยทุกคน คุ้มค่าแน่นอนครับ :'(
แล้วร้องไห้ทำไมล่ะครับท่าน

ปล. เจอท่านรองฯเทอดชัย ฝากบอกว่าผมคิดถึงนะครับ 555
ที่ร้องเพราะ รู้สึกซาบซึ้งครับ
ขอเซนซิถีฟว์ด้วยคน แต่ในฐานะที่เป็นคนจ่ายภาษีให้รัฐทุกปี แต่ภาษีถูกนำไปบริหารใช้จ่ายอย่างไม่เข้าท่าครับ :'( >:( :'(


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: panyarak ที่ 08 กรกฎาคม 2012 | 10:10:10 AM
เพื่อนๆ ลูกของผมทั้งสองคน ภายในสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ประสพอุบัติเหตุทางรถยนต์เข้าห้องไอ้ซียูไปสองคนแล้วครับ...

...เพราะฉะนั้น...ชนแก้วกันแล้วอย่าไปชนเสาไฟฟ้าต่อก็แล้วกันนะครับ !!!
ขอขอบพระคุณพี่โป่งอย่างสูงด้วยครับ ....ผมปลอดภัยครับ เพราะเดินทางด้วยระบบราง และ ระบบบาทาของตัวเอง เป็นส่วนใหญ่ :D

ไม่ได้อยู่เมืองไทยเสียนาน ระบบรางที่เชื่อมระหว่างสนามบินกับในเมือง ยังดีอยู่มั้ยครับ
ได้ข่าวว่า เงียบเหงา และเป็นข่าวเรื่องตำแหน่งสถานีที่ไม่ค่อยเหมาะสมนัก ไปทั่วโลกครับ

ยังดีที่ผู้โดยสารไม่มากเท่าที่อินเดียนะครับ

(http://i236.photobucket.com/albums/ff271/panyarak/194913-54-3659.jpg)


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 12 กรกฎาคม 2012 | 12:57:49 PM
เพื่อนๆ ลูกของผมทั้งสองคน ภายในสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ประสพอุบัติเหตุทางรถยนต์เข้าห้องไอ้ซียูไปสองคนแล้วครับ...

...เพราะฉะนั้น...ชนแก้วกันแล้วอย่าไปชนเสาไฟฟ้าต่อก็แล้วกันนะครับ !!!
ขอขอบพระคุณพี่โป่งอย่างสูงด้วยครับ ....ผมปลอดภัยครับ เพราะเดินทางด้วยระบบราง และ ระบบบาทาของตัวเอง เป็นส่วนใหญ่ :D

ไม่ได้อยู่เมืองไทยเสียนาน ระบบรางที่เชื่อมระหว่างสนามบินกับในเมือง ยังดีอยู่มั้ยครับ
ได้ข่าวว่า เงียบเหงา และเป็นข่าวเรื่องตำแหน่งสถานีที่ไม่ค่อยเหมาะสมนัก ไปทั่วโลกครับ

ยังดีที่ผู้โดยสารไม่มากเท่าที่อินเดียนะครับ

(http://i236.photobucket.com/albums/ff271/panyarak/194913-54-3659.jpg)
ดูภาพแล้วส่วนใหญ่จะหน้าตายิ้มแย้มนะครับ....ที่นี่อาจไม่เป็นเช่นนี้ :'(


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 12 กรกฎาคม 2012 | 01:02:53 PM
คำคมวันละคำ ครับ.....***หากไม่ต้องการทำผิดซ้ำก็ต้องเรียนรู้จากอดีต.....ความสำเร็จและความผิดพลาดเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์นั้น ส่วนใหญ่เกิดจากเหตุปัจจัยเดิมๆ แต่เพราะไม่เรียนรู้ จึงต้องทนรับวิบากจากผลกรรมของความผิดซ้ำ.....อดีตคือครูของปัจจุบัน***

****คนเลวที่สุด คือ คนดีที่วันทาคนชั่ว****


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: panyarak ที่ 12 กรกฎาคม 2012 | 01:12:22 PM
เพื่อนๆ ลูกของผมทั้งสองคน ภายในสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ประสพอุบัติเหตุทางรถยนต์เข้าห้องไอ้ซียูไปสองคนแล้วครับ...

...เพราะฉะนั้น...ชนแก้วกันแล้วอย่าไปชนเสาไฟฟ้าต่อก็แล้วกันนะครับ !!!
ขอขอบพระคุณพี่โป่งอย่างสูงด้วยครับ ....ผมปลอดภัยครับ เพราะเดินทางด้วยระบบราง และ ระบบบาทาของตัวเอง เป็นส่วนใหญ่ :D

ไม่ได้อยู่เมืองไทยเสียนาน ระบบรางที่เชื่อมระหว่างสนามบินกับในเมือง ยังดีอยู่มั้ยครับ
ได้ข่าวว่า เงียบเหงา และเป็นข่าวเรื่องตำแหน่งสถานีที่ไม่ค่อยเหมาะสมนัก ไปทั่วโลกครับ

ยังดีที่ผู้โดยสารไม่มากเท่าที่อินเดียนะครับ

ดูภาพแล้วส่วนใหญ่จะหน้าตายิ้มแย้มนะครับ....ที่นี่อาจไม่เป็นเช่นนี้ :'(

ถ้าเข้าไปอยู่ในตัวรถคงยิ้มไม่ออก เพราะทั้งกลิ่นตัว และไม่มีอากาศหายใจครับ


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 12 กรกฎาคม 2012 | 01:46:46 PM
เพื่อนๆ ลูกของผมทั้งสองคน ภายในสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ประสพอุบัติเหตุทางรถยนต์เข้าห้องไอ้ซียูไปสองคนแล้วครับ...

...เพราะฉะนั้น...ชนแก้วกันแล้วอย่าไปชนเสาไฟฟ้าต่อก็แล้วกันนะครับ !!!
ขอขอบพระคุณพี่โป่งอย่างสูงด้วยครับ ....ผมปลอดภัยครับ เพราะเดินทางด้วยระบบราง และ ระบบบาทาของตัวเอง เป็นส่วนใหญ่ :D

ไม่ได้อยู่เมืองไทยเสียนาน ระบบรางที่เชื่อมระหว่างสนามบินกับในเมือง ยังดีอยู่มั้ยครับ
ได้ข่าวว่า เงียบเหงา และเป็นข่าวเรื่องตำแหน่งสถานีที่ไม่ค่อยเหมาะสมนัก ไปทั่วโลกครับ

ยังดีที่ผู้โดยสารไม่มากเท่าที่อินเดียนะครับ

ดูภาพแล้วส่วนใหญ่จะหน้าตายิ้มแย้มนะครับ....ที่นี่อาจไม่เป็นเช่นนี้ :'(

ถ้าเข้าไปอยู่ในตัวรถคงยิ้มไม่ออก เพราะทั้งกลิ่นตัว และไม่มีอากาศหายใจครับ
ที่นี่อาจเป็นกลิ่นคาวเลือด เพราะเคยเกิดขึ้นมาแล้ว...กับอีแค่ เบียดกัน :'(


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 12 กรกฎาคม 2012 | 01:53:47 PM
คำคมจากคอลัมน์ สยามประเทศไทย ใน นสพ.มติชน  ฉบับ 19 มิ.ย. 55 ***....ทันสมัย แต่ไม่พัฒนา ยังเป็นปัญหาในสังคมไทยแล้วคงต้องเป็นต่อไปตราบที่สังคมเห็นแก่ตัวและไม่สั่งสมรักษามีวินัยเคร่งครัด ฯลฯ....สังคมไทยสร้างความทันสมัยด้วยการซื้อเทคโนโลยีทั้งรถไฟและรถยนต์จากประเทศผู้ผลิตทางตะวันตก ฝ่ายประเทศทางตะวันตกที่ขายรถไฟกับรถยนต์ให้ไทย เขาแถมวินัยการใช้รถใช้ถนนให้ด้วยฟรีๆ ไม่คิดเงิน แต่ไทยไม่หยิบมาด้วย เลยไม่พัฒนาความทันสมัยที่ซื้อมาราคาแพง***


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 12 กรกฎาคม 2012 | 02:21:17 PM
คำคมจาก คอลัมน์ งานเป็นเงา ใน นสพ. มติชน ฉบับวันที่ 12 มี.ค. 55 ฯลฯ....เราต้องนิยมยกย่องคนดี ยกย่องคนดีที่เป็นเศรษฐี ไหว้คนดี ไม่ใช่ไหว้คนมีเงิน อย่างมากที่ทำได้ตามธรรมเนียมก็คือไหว้ที่อาวุโสกว่า แต่ไม่ใช่ไหว้เพราะรวยกว่า แต่ถึงอย่างนั้นที่อาวุโสกว่าหลายรายก็ำไม่น่าไหว้ให้เสียมือ เพราะคลั่งที่จะรวย คลั่งที่จะหาเงินกันอย่างไม่คำนึงถึงที่มามิใช่หรือ สังคมจึงบริโภคกันแหลกลาญ ทำลายล้างผลาญโลกกันไม่ลืมหูลืมตาอย่างนี้ กระจายโอกาส ไม่ใช่กระจายรายได้ โอกาสที่เขาสามารถทำกิน ไม่ใช่ให้โอกาสไปอยู่ที่คนมีเงินหมด ทุกวันนี้ แม้แต่วิชาความรู้ก็ต้องซื้อหาด้วยเงินมหาศาล ดังนั้น คนจึงมีเงินกันอยู่ไม่กี่ตระกูลจะประหลาดอะไร   :'(

ณ...ร้านโกปี๊ ร้านหนึ่งในดินแดนอันไกลโพ้น...นายยาก = นี่ไอ้จน เอ็งรู้มั้ย เดี๋ยวนี้การศึกษาบ้านเราเขาเรียนกันแค่ แปดเก้าเดือน ก็จบได้รับกระดาษแปะข้างฝาแล้ว นะเฟ้ย!

นายจน= ฮ้า! มีอย่างนี้ด้วยหรือฟะ งั้นเดี๋ยวข้าจะไปกู้เงินกองทุน เสร็จแล้วจะได้รีบไปเรียนมั่ง เผื่อว่า จะได้เป็นเทวดา กับเขามั่ง ไชโย ฮ่า  ฮ่า  ฮ่า  จะได้เลิกเอาหลังสู้ฟ้า เอาหน้าสู้ขี้โคลนเสียที  แล้วอีเพิ้ง ที่บ้านข้าก็อาจจะได้เป็นไฮโซ ไฮซ้อ กับเขามั่ง!


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ท่านผีเพลง ที่ 12 กรกฎาคม 2012 | 03:24:06 PM
คำคมวันละคำ ครับ.....***หากไม่ต้องการทำผิดซ้ำก็ต้องเรียนรู้จากอดีต.....ความสำเร็จและความผิดพลาดเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์นั้น ส่วนใหญ่เกิดจากเหตุปัจจัยเดิมๆ แต่เพราะไม่เรียนรู้ จึงต้องทนรับวิบากจากผลกรรมของความผิดซ้ำ.....อดีตคือครูของปัจจุบัน***

****คนเลวที่สุด คือ คนดีที่วันทาคนชั่ว****

โอ้โฮ.. ขนาดนั้นเลยหรือครับ

ถ้า
 **** คนดีที่วันทาคนชั่ว**** คือ คนเลวที่สุด

งั้น
**** คนชั่วที่วันทาคนดี**** คือ คน...เลว
 
**** คนดีที่วันทาคนดี**** คือ คน...ดีที่สุด

**** คนชั่วที่วันทาคนชั่ว**** คือ คน...เลว

สรุป ตามสูตร
ในวินาที ที่พี่สมบุญยกมือ ไหว้วันทาใคร
มีโอกาส เป็นคนเลว ถึง 75 เปอร์เซ็นต์ หรือ 3 ใน 4

ถึงแม้ พี่สมบุญจะเป็นคนดีสมบูรณ์แบบ เกิดวันทาใครเข้า
ยัง 50-50 นะครับ คือ อาจจะกลายเป็นคนเลวที่สุด กับ คนดีที่สุด

ส่วนคนชั่ว ไม่ต้องพูดถึง
เพราะจะวันทาใคร ทั้งคนดี ทั้งคนชั่วด้วยกัน
ก็กลายเป็นเลวหมดอยู่แล้ว

ลองคิดเล่นขำๆนะครับ  :D


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 12 กรกฎาคม 2012 | 03:29:35 PM
คำคมวันละคำ ครับ.....***หากไม่ต้องการทำผิดซ้ำก็ต้องเรียนรู้จากอดีต.....ความสำเร็จและความผิดพลาดเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์นั้น ส่วนใหญ่เกิดจากเหตุปัจจัยเดิมๆ แต่เพราะไม่เรียนรู้ จึงต้องทนรับวิบากจากผลกรรมของความผิดซ้ำ.....อดีตคือครูของปัจจุบัน***

****คนเลวที่สุด คือ คนดีที่วันทาคนชั่ว****

โอ้โฮ.. ขนาดนั้นเลยหรือครับ

ถ้า
 **** คนดีที่วันทาคนชั่ว**** คือ คนเลวที่สุด

งั้น
**** คนชั่วที่วันทาคนดี**** คือ คน...เลว
 
**** คนดีที่วันทาคนดี**** คือ คน...ดีที่สุด

**** คนชั่วที่วันทาคนชั่ว**** คือ คน...เลว

สรุป ตามสูตร
ในวินาที ที่พี่สมบุญยกมือ ไหว้วันทาใคร
มีโอกาส เป็นคนเลว ถึง 75 เปอร์เซ็นต์ หรือ 3 ใน 4

ถึงแม้ พี่สมบุญจะเป็นคนดีสมบูรณ์แบบ เกิดวันทาใครเข้า
ยัง 50-50 นะครับ คือ อาจจะกลายเป็นคนเลวที่สุด กับ คนดีที่สุด

ส่วนคนชั่ว ไม่ต้องพูดถึง
เพราะจะวันทาใคร ทั้งคนดี ทั้งคนชั่วด้วยกัน
ก็กลายเป็นเลวหมดอยู่แล้ว

ลองคิดเล่นขำๆนะครับ  :D

ขอบคุณพี่แจ็ค ครับ ....น่าคิดดีครับ ในเวลาคอฟฟี่เบรค แบบนี้ :D


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ปีศาจลายคราม ที่ 13 กรกฎาคม 2012 | 08:50:40 AM
คำคมวันละคำ ครับ.....***หากไม่ต้องการทำผิดซ้ำก็ต้องเรียนรู้จากอดีต.....ความสำเร็จและความผิดพลาดเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์นั้น ส่วนใหญ่เกิดจากเหตุปัจจัยเดิมๆ แต่เพราะไม่เรียนรู้ จึงต้องทนรับวิบากจากผลกรรมของความผิดซ้ำ.....อดีตคือครูของปัจจุบัน***

****คนเลวที่สุด คือ คนดีที่วันทาคนชั่ว****

โอ้โฮ.. ขนาดนั้นเลยหรือครับ

ถ้า
 **** คนดีที่วันทาคนชั่ว**** คือ คนเลวที่สุด

งั้น
**** คนชั่วที่วันทาคนดี**** คือ คน...เลว
 
**** คนดีที่วันทาคนดี**** คือ คน...ดีที่สุด

**** คนชั่วที่วันทาคนชั่ว**** คือ คน...เลว

สรุป ตามสูตร
ในวินาที ที่พี่สมบุญยกมือ ไหว้วันทาใคร
มีโอกาส เป็นคนเลว ถึง 75 เปอร์เซ็นต์ หรือ 3 ใน 4

ถึงแม้ พี่สมบุญจะเป็นคนดีสมบูรณ์แบบ เกิดวันทาใครเข้า
ยัง 50-50 นะครับ คือ อาจจะกลายเป็นคนเลวที่สุด กับ คนดีที่สุด

ส่วนคนชั่ว ไม่ต้องพูดถึง
เพราะจะวันทาใคร ทั้งคนดี ทั้งคนชั่วด้วยกัน
ก็กลายเป็นเลวหมดอยู่แล้ว

ลองคิดเล่นขำๆนะครับ  :D

ไม่ขำครับ เพราะไม่รู้เรื่องที่อาจารย์แจ็คอธิบาย :D
สรุปว่าในโลกนี้ไม่มีคนดีหรือชั่วร้อยเปอร์เซ็นต์ใช่มั้ยครับ?


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 13 กรกฎาคม 2012 | 09:19:02 AM
สวัสดีครับ  ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ทำให้ " ขำๆ " กันไปหมด :'(<(ซาบซึ้งครับ)


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 13 กรกฎาคม 2012 | 09:43:22 AM
ขออนุญาต นะครับ...จาก คอลัมน์ สยามประเทศไทย ใน นสพ. มติชน ฉบับวันที่ 11 ก.ค.55...."ครูมนุษย์กับศิษย์"...ฯลฯ...สังคมไทยในอดีตไม่เคยมีประเพณีประจำปีให้ลูกศิษย์ลูกหาพากันกราบก้มประนมกรไหว้ครูปัจจุบัน เพราะคนแต่ก่อนเห็นว่าครูปัจจุบันเป็นมนุษย์ขี้เหม็น ยังมีโลภ-โกรธ-หลง-โกง-กิน ไม่น่าเคารพก็มาก ไม่รู้ว่าคนที่ลูกศิษย์กำลังกราบไหว้อยู่นั้น แท้จริงในกมลสันดานเป็นอย่างไร มีเบื้องหลังมืดดำอย่างไรก็ไม่รู้ ไหว้ครู ทุกวันนี้เป็นประเพณีประดิษฐ์สร้างใหม่(ก่อน/หลัง พ.ศ.2500) โดยกระทรวงศึกษาธิการให้ลูกศิษย์(ซึ่งอายุน้อย)เป็นรุ่นลูกหลานไหว้ครูปัจจุบัน ด้วยการคุกเข่าแล้วคลานเข่าถือดอกไม้ธูปเทียนคลานเข้าไปไหว้ครู เหมือนเข้าเฝ้าเจ้านายในรั้ววังและเหมือนกราบไหว้พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์หรือพระสงฆ์ผู้ทรงศีล แต่ในใจลูกศิษย์คิดยังไง? ครูไม่มีวันรู้


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 23 กรกฎาคม 2012 | 09:16:46 AM
สวัสดีครับ  ....คำคมวันนี้.... "  อ่านเพิ่ม  คิดเพิ่ม  ได้เพิ่ม  "


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 23 กรกฎาคม 2012 | 03:11:02 PM
สวัสดีครับ...ขออนุญาตโปรยหัวเอาไว้ก่อนนะครับ
                                                                     จดหมายข่าว
                                                            ชมรมคนรักวรรณกรรม(เก่า)

            เดือนนี้คือเดือนพฤษภาคม 2555 ตามปฏิทินสุริยคติบอกว่าเป็นเดือน 6 ปีมะโรง คือวันที่ 1 พฤษภาคม ทว่าความจริงปีนี้เข้าเดือน 6 ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน ขึ้น 1 ค่ำ เป็นวันเสาร์นะครับ เดือน 6 นั้นประเพณีชนชาติไทยเขายกให้เป็นเดือนสำหรับหนุ่มสาวจะทำพิธีสมรสกัน เพราะโบราณเขากำหนดเป็นสูตรให้แต่งงานเดือน 6
**********มีต่อนะครับ โปรดอดใจรอ  ขอบคุณครับ**************


สวัสดีครับ ขออนุญาตต่ออีกนิดครับ :)
...เดือน 9   เดือน 12   เดือน 5   เดือนอื่นๆห้ามแต่ง แต่ท่านไม่บอกว่าทำไมจึงห้ามและทำไมจึงยุ เพราะพูดแล้วเรื่องมาก ท่านก็เลยไม่บอกเหตุ แต่ที่จริงคนโบราณหรือปราชญ์ยุคโบราณของไทยท่านคำนวณวิธีโคจรแห่งจักรวาฬแล้วว่า

****มีต่ออีกครับ ยังไม่จบครับ****
สวัสดีครับ ขอร่ายต่อนะครับ.......

แต่ที่จริงคนโบราณหรือปราชญ์ยุคโบราณของไทยท่านคำนวณวิธีโคจรแห่งจักรวาฬแล้วว่าเดือนหกฝนมันตกฉ่ำไปทั้งแผ่นดินห้วยหนองคลองบึงเกิดชีวิตใหม่ เพราะปีใหม่ของคนตะวันออก(ORIENTAL)นั้นเขานับขึ้นปีใหม่ในเดือน 5 หรือเดือนเมษายนของทุกๆปีเมื่อดวงอาทิตย์ยกเข้าสู่ราศีเมษ
           เอาละครับ ทีนี้จะขอพูดถึงเรื่องศิลปะในการแต่งร้อยกรองในวรรณกรรมภาษาไทยของกวีและมหากวีของชาวสยามว่าเล่นคำเอามาเรียงร้อยเป็นความหมายและมีเนื้อหาตามที่อยากจะแต่งได้อย่างวิเศษ โดยเฉพาะถึงบทอัศจรรย์นั้นบรรยายไว้อย่างเลิศเลอในภาษาและเป็นศิลปะการเรียงร้อยถ้อยคำประดุจเขียนภาพเหมือนด้วยวาจาจนเห็นเป็นภาพได้อย่างชัดเจนไม่มีอะไรน่าสงสัย ซึ่งอาการอย่างนี้เขาเรียกว่า “ ภาพพจน์ “ คือวาดภาพด้วย วัจนะ หรือวาดภาพด้วยภาษาพูด เหมือนฝรั่งเขาบอกว่า ช่างถ่ายภาพหรือตากล้องว่าการถ่ายรูปคือการวาดภาพด้วยแสง(PAINTING WITH LIGHT )
            วาระนี้เราจะพาท่านมาพิจารณาภาษากวีอันแสนวิจิตรในภาพของการแต่งบทอัศจรรย์ซึ่งแฟนชมรมหลายท่านชื่นชอบอยากศึกษาสำนวนอีกเยอะๆ วาระนี้ขอเสนอความเป็นอัจฉริยะทางกวีของสุนทรภู่ ที่แต่งไว้ในเรื่องพระอภัยมณีเพราะมีบทอัศจรรย์มากมายหลายตอนเพราะตัวนำแสดงชายหญิงมีหลายคู่ คู่แรกที่จะนำแสดงก็ต้องขอเป็น CO-STAR ระหว่างพระอภัยฯกับนางยักษ์ผีเสื้อสมุทรก่อน ตอนนั้นพระอภัยยังเป็นวัยรุ่นอายุแค่ 15 หยกๆ16หย่อนๆเป็นไก่อ่อนไม่เคยขึ้นสังเวียนบังเอิญไปเป่าปี่เล่นชายหาด นางผีเสื้อได้ฟังปี่วิเศษเหมือนมนตร์ดลจิตให้วาบหวิวนักก็มาแอบดูเห็นพราห์มหนุ่มน้อยรูปงามกำลังเป่าปี่อยู่เกิดพิศวาสสุดทนจึงร่ายมนต์ให้สองหนุ่มพี่น้องพระอภัยกับศรีสุวรรณหลับไปนางผีเสื้อก็ขโมยอุ้มเอาพระอภัยมุดน้ำลงไปซุกไว้ในถ้ำแล้วแปลงกายเป็นมนุษย์หญิงรูปงาม ชวนเชิญให้ไก่ออ่นร่วมรสรักกัน...และอยากเปิดบริสุทธิ์ของพระอภัย พอถึงตอนเข้าพระเข้านาง สุนทรภู่บรรยายไว้อย่างนี้
          “  พระฟังคำจำจิตพิศวาส            ฝืนอารมณ์สมพาสทั้งโศกเศร้า  
             การโลกีดีชั่วย่อมมัวเมา            เหมือนอดข้าวกินมันกันเสบียง
             เกิดกุลาคว้าว่าวปักเป้าติด                      กระแซะชิดขากบกระทบเหนียง
             กุลาส่ายย้ายหนีตีแก้เอียง                       ปักเป้าเหวี่ยงยักแผละกระแซะชิด
             กุลาโคลงไม่สู้คล่องกระพร่องกระแพร่ง    ปักเป้าแทงตะละทีไม่มีผิด
             จะแก้ไขก็ไม่หลุดสุดความคิด                  ประกบติดตกผางลงกลางดิน
สมพาสยักษ์รักร่วมภิรมย์สม                   เหมือนเด็ดดอกหญ้าดมพอได้กลิ่น
              เป็นวิสัยในภพธรณินทร์                          ไม่สุดสิ้นสิ่งเสน่ห์ประเวณี ฯ ”
     เวลาท่านอ่านให้ลองขับเสภาไปด้วยนะครับจะได้ถูกตำราเสภาเรื่องพระอภัยมณี ขออธิบายให้หนุ่มสาวยุคนี้ที่
    ยังไม่ได้แต่งงานและกำลังจะได้แต่งกันในเดือน 6 นี้ด้วยว่า การเล่นว่าวของชาวสยามมีมาแต่โบราณและเล่นเป็นกีฬา
-   2    -
พนันกันได้ไม่ผิด เพราะเป็นประเพณีเหมือนดูมวยไทยก็พนันกันได้ ว่าวคู่กัดของคนไทยเราที่เอามาเป็นกีฬาหน้าร้อนก็คือ ตัวผู้สมมติเป็นจุฬา ตัวเมียสมมติเป็น อีเป้า  อีเป้าตัวจะเล็กกว่าจุฬามากมีหางยาวทำด้วยแถบผ้าและกัดคอซุงลงมามีเหนียงเป็นบ่วงเชือกกว้างยาวพอเหมาะที่จะให้จุฬาคว้ายัดหัวปักเป้าไปในบ่วง จุฬานั้นมีปีกกางออกไปสองข้างตรงๆเหมือนปีกเครื่องบิน เมื่อพลาดติดบ่วงหรือภาษาว่าวเรียกว่าติดเหนียงของอีเป้าก็เสียการทรงตัว คนชักว่าวอีเป้าก็จะรีบม้วนกระป๋องเชือกช่วยกันวิ่งลากให้จุฬาข้ามแดนมาอยู่แดนอีเป้า จุฬานั้นมีหัวมีปีกมีเอวและมีขาสองขาแยกจากกันเรียกว่าขากบ ขออธิบายย่อๆให้คนไทยที่ไม่เคยเล่นว่าวเข้าใจพอสังเขปนะครับ เมื่อจุฬาติดเหนียง อีเป้า
กระตุกให้ตัวว่าวอีเป้าตีกระทบตัวว่าวจุฬาให้เสียการทรงตัวเร็วขึ้น โดยมากว่าวจุฬาจะไม่รอดสันดอนไปได้ เมื่อถูกอีเป้าตีกระทบและตัวเองก็ติดเหนียงหมุนติ้วอยู่มันก็ต้องร่วงตกลงดินแทบทุกราย
      พระอภัยฯ นั้นยังเวอร์จิ้นบริสุทธิ์อยู่ท้าวเธอไม่เดียงสากับเรื่องคาวๆของนางยักษ์เลยและไม่เต็มใจ แต่นางยักษ์แปลงกายเป็นสาวสวยราวกับนางงามจักรวาลถูกเย้ายวนหยอกเอินถูกเนื้อต้องตัว เนื้อหญิงนั้นนิ่ม เนื้อชายมันแข็งเจอกันเข้าไฟฟ้าในตัวต่างขั้วกันไฟมันก็สป๊าคครับท่าน สุนทรภู่ท่านบรรยายว่า “ เป็นวิสัยในภพธรณินทร์  ไม่สุดสิ้นสิ่งเสน่ห์ประเวณี  “  อันนี้พวกเราต้องยอมรับว่าสุนทรภู่ท่านรอบรู้กลประเวณีระดับคุณหมอนพพรและระดับมาสเตอร์แอนด์จอห์นสันของชาวอเมริกันทีเดียวเชียว
       เมื่อหนุ่มเวอร์จิ้นอย่างเจ้าชายอภัยมณีถูกสอนรักเข้าทีเดียวก็ติดใจ นางผีเสื้อก็เพียรต่อเพลงบทต่อไปเรื่อยๆ จนพระอภัยเจนจบกลยุทธ์กามกรีธากีฬาของกามเทพระดับกระบี่มือหนึ่งของแผ่นดิน ฉะนั้นเมื่อเบื่อเมียยักษ์เพราะมีลูกโตพอคุยกันรู้เรื่องแล้วจึงชวนกันหนีนางผีเสื้อสมุทรไปให้พ้นๆเพราะขืนอยู่กันต่อไปของเก่าเป็นสนิมนางยักษ์อาจโกรธเคืองผิดใจขึ้นมาเธออาจเปลี่ยนตำแหน่งพระอภัยจากผัวเป็นสเต็กเนื้อหนุ่มจานโตขึ้นมาก็จะซวยไป ดังนั้น...เมื่อตอนว่ายน้ำหนีนางยักษ์เกิดมีผู้ช่วยคือนางสาวเงือกมาช่วยให้เกาะหลังนำส่งขึ้นฝั่ง ไม่ต้องบอกดอกนะท่านว่าเงือกรูปร่างเป็นยังไง พระอภัยกับนางเงือกเกิดดวงสมพงษ์กันก็เกิดบทอัศจรรย์ขึ้นกับนางเงือกเป็นรายที่ 2 ...สุนทรภู่ท่านบรรเลงไว้ดังนี้


******ยังไม่จบครับเหลืออีกนิดหนึ่ง โปรดอดใจรอนะครับ    ขอบคุณครับ*****







หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: deja vu ที่ 24 กรกฎาคม 2012 | 09:40:32 AM

  ไม่รู้จะอิจฉาหรือสงสารพระอภัยดี ขึ้นครูครั้งแรกกับนางยักษ์แถมต่อมายังได้นางเงือกเป็นเมียน้อยอีก  :'(  :D

     ถึงมีเพื่อน         ก็เหมือนพี่     ไม่มีเพื่อน
     เพราะไม่เหมือน  นุชนารถ       ที่มาดหมาย
     มีเพื่อนกิน         ก็ไม่เหมือน    มีเพื่อนตาย
     มีเพื่อนชาย        ก็ไม่เหมือน    มีเพื่อนชม

                                             - สุนทรภู่ -


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 24 กรกฎาคม 2012 | 10:25:37 AM
เอ!  ....ล......ก........าร ?


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: undeaʇh ที่ 24 กรกฎาคม 2012 | 10:42:44 AM
ขอรบกวนสอบถามพี่สมบุญครับ
สืบเนื่องจากคำว่า"จักรวาฬ"ครับ ไม่ทราบว่าคำๆนี้แท้จริงแล้วที่เขียนว่าจักรวาฬนั้นเป็นคำดั้งเดิมรึเปล่า
ผมสงสัยมานานแล้ว เคยอ่านเจอในหนังสืออะไรไม่รู้จำไม่ได้นานแล้ว นึกว่าเขียนผิด มาเห็นที่พี่สมบุญเขียนอีกเป็นครั้งที่สอง

เห็นข้อมูลในเว็บไซต์พันทิพย์ อธิบายไว้ว่า
"จักรวาล" ภาษาไทย อันที่จริง มาจากภาษาบาลี คือ "จกฺกวาฬ" (อ่านว่า "จักกะวาฬะ")
แล้วแท้จริงแล้วคำนี้ ในราชบัณฑิตยสถาน ระบุให้ใช้คำว่า "จักรวาล" หรือว่า "จักรวาฬ" ครับ

ขอถามเพื่อประดับความรู้ไว้หน่อยนะครับ

...ผมว่าผู้รอบรู้กลประเวณีนอกจาก คุณหมอนพพรและมาสเตอร์แอนด์จอห์นสัน ยังมีคุณอากังฟูอีกคนนะครับ ;D



หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 24 กรกฎาคม 2012 | 11:32:49 AM
ขอรบกวนสอบถามพี่สมบุญครับ
สืบเนื่องจากคำว่า"จักรวาฬ"ครับ ไม่ทราบว่าคำๆนี้แท้จริงแล้วที่เขียนว่าจักรวาฬนั้นเป็นคำดั้งเดิมรึเปล่า
ผมสงสัยมานานแล้ว เคยอ่านเจอในหนังสืออะไรไม่รู้จำไม่ได้นานแล้ว นึกว่าเขียนผิด มาเห็นที่พี่สมบุญเขียนอีกเป็นครั้งที่สอง

เห็นข้อมูลในเว็บไซต์พันทิพย์ อธิบายไว้ว่า
"จักรวาล" ภาษาไทย อันที่จริง มาจากภาษาบาลี คือ "จกฺกวาฬ" (อ่านว่า "จักกะวาฬะ")
แล้วแท้จริงแล้วคำนี้ ในราชบัณฑิตยสถาน ระบุให้ใช้คำว่า "จักรวาล" หรือว่า "จักรวาฬ" ครับ

ขอถามเพื่อประดับความรู้ไว้หน่อยนะครับ

...ผมว่าผู้รอบรู้กลประเวณีนอกจาก คุณหมอนพพรและมาสเตอร์แอนด์จอห์นสัน ยังมีคุณอากังฟูอีกคนนะครับ ;D


รับทราบครับ เดี๋ยวผมจะนำไปเรียนถาม ทั่น ประธานฯ แล้วจะมาเฉลยให้ทราบครับ .....ในความเห็นส่วนตัวของผม เราเป็นสามัญชน+ ปชช.พลเมืองที่ดีต้องเคารพบูชาและเชื่อฟังตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 ครับ


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: 喜 ? 多 ? 郎 ที่ 24 กรกฎาคม 2012 | 12:44:08 PM
ผมก็เป็นคนหนึ่ง ที่ชอบเขียน คำว่า จักรวาล มากกว่า จักรวาฬ เพราะดันไปจำแยกกันระหว่าง ปลาวาฬ (ให้เขียนแบบนี้) ส่วน จักรวาล (ใ้ห้เขียน ล ลิง สะกด) แต่เมื่อมองจากด้านภาษาบาลี น่าจะเป็นคำสมาสคือ จกฺก + วาฬ  หรือ จกฺก + วาล คำว่า จกฺก มีหลายความหมายนะครับ เป็นต้นว่า ทำอันตราย ,ความถึงพร้อม ,ลักษณะ , ล้อรถ ล้อเกวียน , จักร , อิริยาบถ เป็นต้น คำว่า วาฬ แปลว่า เรียก ส่วนคำว่า วาล แปลว่า เลี้ัยง , รักษา ก็ลองแปลกันดูครับ ว่าความหมายจะเป็นไปในเชิงไหน แต่ถ้าจะให้ได้ความหมายที่แท้จริง ก็คงต้องไปศึกษาเรื่องที่เกี่ยวกับจักรวาฬ ในคัมภีร์ทางพุทธสาสนาครับ เพื่อจะได้คำนิยามที่แท้จริง เช่น หมุนเวียน ไม่มีที่สิ้นสุด มืดมิด วิจิตรพิสดาร ดวงดาวต่างๆตั้งอยู่ได้อย่างไร เป็นต้น.


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: undeaʇh ที่ 24 กรกฎาคม 2012 | 01:11:08 PM
ผมก็เป็นคนหนึ่ง ที่ชอบเขียน คำว่า จักรวาล มากกว่า จักรวาฬ เพราะดันไปจำแยกกันระหว่าง ปลาวาฬ (ให้เขียนแบบนี้) ส่วน จักรวาล (ใ้ห้เขียน ล ลิง สะกด) แต่เมื่อมองจากด้านภาษาบาลี น่าจะเป็นคำสมาสคือ จกฺก + วาฬ  หรือ จกฺก + วาล คำว่า จกฺก มีหลายความหมายนะครับ เป็นต้นว่า ทำอันตราย ,ความถึงพร้อม ,ลักษณะ , ล้อรถ ล้อเกวียน , จักร , อิริยาบถ เป็นต้น คำว่า วาฬ แปลว่า เรียก ส่วนคำว่า วาล แปลว่า เลี้ัยง , รักษา ก็ลองแปลกันดูครับ ว่าความหมายจะเป็นไปในเชิงไหน แต่ถ้าจะให้ได้ความหมายที่แท้จริง ก็คงต้องไปศึกษาเรื่องที่เกี่ยวกับจักรวาฬ ในคัมภีร์ทางพุทธสาสนาครับ เพื่อจะได้คำนิยามที่แท้จริง เช่น หมุนเวียน ไม่มีที่สิ้นสุด มืดมิด วิจิตรพิสดาร ดวงดาวต่างๆตั้งอยู่ได้อย่างไร เป็นต้น.

ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 24 กรกฎาคม 2012 | 02:00:24 PM
คำคมวันนี้....( คัดตัดตอนจากบทความในหนังสือพิมพ์มติชน  )    " หากเราจับจุด คนโลภ ได้ หนทางที่จะหยิบยื่นไมตรีย่อมไม่ยากลำบากนัก โบราณว่า โยนชิ้นเนื้อออกไป จะรู้ว่าใช่มนุษย์หรือสุนัขจิ้งจอก มอบหน้าที่ ให้อำนาจ จะพบว่า เป็นหมาหรือราชสีห์!  คนโลภ ย่อมไม่สำรวจตัวเอง คนโลภ ไม่ประเมินตัวเอง ด้วยความโลภทำให้ชอบที่จะปล่อยให้เป็นไปตามอุปนิสัยดั้งเดิม ที่อยากมี อยากได้ อยากเป็น ไม่ว่าเรื่องใด ขอเพียงให้บรรลุุ เป้าหมาย เท่านั้น รูปแบบวิธีการไม่จำกัด  "


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ปีศาจลายคราม ที่ 25 กรกฎาคม 2012 | 10:20:29 AM
คำคมวันนี้....( คัดตัดตอนจากบทความในหนังสือพิมพ์มติชน  )    " หากเราจับจุด คนโลภ ได้ หนทางที่จะหยิบยื่นไมตรีย่อมไม่ยากลำบากนัก โบราณว่า โยนชิ้นเนื้อออกไป จะรู้ว่าใช่มนุษย์หรือสุนัขจิ้งจอก มอบหน้าที่ ให้อำนาจ จะพบว่า เป็นหมาหรือราชสีห์!  คนโลภ ย่อมไม่สำรวจตัวเอง คนโลภ ไม่ประเมินตัวเอง ด้วยความโลภทำให้ชอบที่จะปล่อยให้เป็นไปตามอุปนิสัยดั้งเดิม ที่อยากมี อยากได้ อยากเป็น ไม่ว่าเรื่องใด ขอเพียงให้บรรลุุ เป้าหมาย เท่านั้น รูปแบบวิธีการไม่จำกัด  "
อ่านแล้วนึกถึงคนบางคนครับ
โลภไม่สิ้น แม้จะรวยแค่ไหนหรือตัวจะตายก็ยังไม่วายโลภ
ดีนะที่เราไม่รวยกับเขาบ้าง เพราะไม่แน่ใจตัวเองว่ายิ่งรวยแล้วจะยิ่งโลภรึเปล่า (ฮา) :D


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 26 กรกฎาคม 2012 | 08:59:11 AM
คำคมวันนี้....การตั้งใจสอนให้"เชื่อ" แทนที่จะสอนให้ "คิดเป็น"  เมื่อสอนให้ "เชื่อ" อย่างเดียว โดยไม่สอนให้อ่านเป็น คิดเองเป็น เลิกเชื่อเป็น ก็อาจทำให้ "โง่" (ในความหมายคิดเองไม่เป็น) ได้ จะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม....คัดตัดตอนจากคอลัมน์ สยามประเทศไทย นสพ.มติชน 5 มี.ค.55


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ปีศาจลายคราม ที่ 26 กรกฎาคม 2012 | 09:32:02 AM
คำคมวันนี้....การตั้งใจสอนให้"เชื่อ" แทนที่จะสอนให้ "คิดเป็น"  เมื่อสอนให้ "เชื่อ" อย่างเดียว โดยไม่สอนให้อ่านเป็น คิดเองเป็น เลิกเชื่อเป็น ก็อาจทำให้ "โง่" (ในความหมายคิดเองไม่เป็น) ได้ จะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม....คัดตัดตอนจากคอลัมน์ สยามประเทศไทย นสพ.มติชน 5 มี.ค.55
รัฐบาลประเทศนี้เขาอยากให้ประชาชนโง่อยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ จึงต้องให้ครูอาจารย์สอนศิษย์ให้เชื่อมากกว่าที่จะคิดเองเป็น ;D


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 26 กรกฎาคม 2012 | 09:50:02 AM
คำคมวันนี้....การตั้งใจสอนให้"เชื่อ" แทนที่จะสอนให้ "คิดเป็น"  เมื่อสอนให้ "เชื่อ" อย่างเดียว โดยไม่สอนให้อ่านเป็น คิดเองเป็น เลิกเชื่อเป็น ก็อาจทำให้ "โง่" (ในความหมายคิดเองไม่เป็น) ได้ จะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม....คัดตัดตอนจากคอลัมน์ สยามประเทศไทย นสพ.มติชน 5 มี.ค.55
รัฐบาลประเทศนี้เขาอยากให้ประชาชนโง่อยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ จึงต้องให้ครูอาจารย์สอนศิษย์ให้เชื่อมากกว่าที่จะคิดเองเป็น ;D
ถ้าเราอยากเป็น ปชช. พลเมืองที่ดี เราต้อง "เชื่อ" ตามที่เขาบอกครับ :'(>ซาบซึ้ง


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ท่านผีเพลง ที่ 26 กรกฎาคม 2012 | 01:56:22 PM
เอามั่ง สนุกดี  :D

คำคมวันนี้

"มีดที่ไม่ได้ลับ จะทื่อ"

ปรากฏการณ์ดังกล่าวคือ
การเปลี่ยนแปลงกันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ไม่คม ก็คือการอ็อกซิเดชั่นที่โมเลกุลของเนื้อเหล็ก ทำให้บริเวณผิวโลหะเกิดเม็ดสนิมมาพอกนั่นเอง

หรืออีกนัยหนึ่ง คำพูดที่เรื่อยเปื่อยไร้สาระดังนี้แล  :D


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 26 กรกฎาคม 2012 | 02:06:05 PM
เอามั่ง สนุกดี  :D

คำคมวันนี้

"มีดที่ไม่ได้ลับ จะทื่อ"

ปรากฏการณ์ดังกล่าวคือ
การเปลี่ยนแปลงกันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ไม่คม ก็คือการอ็อกซิเดชั่นที่โมเลกุลของเนื้อเหล็ก ทำให้บริเวณผิวโลหะเกิดเม็ดสนิมมาพอกนั่นเอง

หรืออีกนัยหนึ่ง คำพูดที่เรื่อยเปื่อยไร้สาระดังนี้แล  :D

ผม "ลับ" สัปดาห์ละ 2 คืน ครับ  "ลับ" อยู่นานเชียว กลัวไม่คม ...กางตำราลับ กันเลย ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 30 กรกฎาคม 2012 | 09:13:24 AM
ขอรบกวนสอบถามพี่สมบุญครับ
สืบเนื่องจากคำว่า"จักรวาฬ"ครับ ไม่ทราบว่าคำๆนี้แท้จริงแล้วที่เขียนว่าจักรวาฬนั้นเป็นคำดั้งเดิมรึเปล่า
ผมสงสัยมานานแล้ว เคยอ่านเจอในหนังสืออะไรไม่รู้จำไม่ได้นานแล้ว นึกว่าเขียนผิด มาเห็นที่พี่สมบุญเขียนอีกเป็นครั้งที่สอง

เห็นข้อมูลในเว็บไซต์พันทิพย์ อธิบายไว้ว่า
"จักรวาล" ภาษาไทย อันที่จริง มาจากภาษาบาลี คือ "จกฺกวาฬ" (อ่านว่า "จักกะวาฬะ")
แล้วแท้จริงแล้วคำนี้ ในราชบัณฑิตยสถาน ระบุให้ใช้คำว่า "จักรวาล" หรือว่า "จักรวาฬ" ครับ

ขอถามเพื่อประดับความรู้ไว้หน่อยนะครับ

...ผมว่าผู้รอบรู้กลประเวณีนอกจาก คุณหมอนพพรและมาสเตอร์แอนด์จอห์นสัน ยังมีคุณอากังฟูอีกคนนะครับ ;D


ขอรบกวนสอบถามพี่สมบุญครับ
สืบเนื่องจากคำว่า"จักรวาฬ"ครับ ไม่ทราบว่าคำๆนี้แท้จริงแล้วที่เขียนว่าจักรวาฬนั้นเป็นคำดั้งเดิมรึเปล่า
ผมสงสัยมานานแล้ว เคยอ่านเจอในหนังสืออะไรไม่รู้จำไม่ได้นานแล้ว นึกว่าเขียนผิด มาเห็นที่พี่สมบุญเขียนอีกเป็นครั้งที่สอง

เห็นข้อมูลในเว็บไซต์พันทิพย์ อธิบายไว้ว่า
"จักรวาล" ภาษาไทย อันที่จริง มาจากภาษาบาลี คือ "จกฺกวาฬ" (อ่านว่า "จักกะวาฬะ")
แล้วแท้จริงแล้วคำนี้ ในราชบัณฑิตยสถาน ระบุให้ใช้คำว่า "จักรวาล" หรือว่า "จักรวาฬ" ครับ

ขอถามเพื่อประดับความรู้ไว้หน่อยนะครับ

...ผมว่าผู้รอบรู้กลประเวณีนอกจาก คุณหมอนพพรและมาสเตอร์แอนด์จอห์นสัน ยังมีคุณอากังฟูอีกคนนะครับ ;D


รับทราบครับ เดี๋ยวผมจะนำไปเรียนถาม ทั่น ประธานฯ แล้วจะมาเฉลยให้ทราบครับ .....ในความเห็นส่วนตัวของผม เราเป็นสามัญชน+ ปชช.พลเมืองที่ดีต้องเคารพบูชาและเชื่อฟังตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 ครับ
สวัสดีครับ  ผมสอบถามทั่น ประธานฯ ให้แล้วครับ...ในบทประพันธ์ดั้งเดิมใช้แบบนี้จริงๆครับ ยังมีคำอีกมากมายที่ถูกเปลี่ยนโดยไม่ชี้แจงแสดงเหตุผลที่ชัดเจนแจ่มแจ้งแดงแจ๋ และผู้คนในแผ่นดินก็ใช้ตามๆกันมา(ตามที่ถูก "สั่ง") มันก็เลยเป็นความเคยชิน...ความเห็นส่วนตัวของผมคิดว่า ก็ตามๆกันต่อไปเถอะครับ เราจะได้เป็น ปชช.พลเมืองที่ดีของแผ่นดิน :'(


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 30 กรกฎาคม 2012 | 09:15:01 AM
ขออนุญาต ปชส. ให้ทราบนะครับ
งานปล่อยหนังสือ (ทำจริง) ครั้งที่ 2
จัดโดย เครือข่ายเพื่อนหนังสือ และร้านหนังสือจุดประกาย
จัดขึ้นที่ชั้น 4 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
ในเวลา 14.00 น.วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม 2555
โดยมีผู้ร่วมงานมากกว่า 500 คน  มีหนังสือทั้งหมดที่มาปล่อย 3,832 เล่ม
มีบุคคล องค์กร หน่วยงานที่ร่วมปล่อยหนังสือ  61 ราย
โดยมีกิจกรรม ดนตรี อารักษ์ อาภากาศ,ฤทธิ์ ลำนำไพร,หนี่ง-โก้,หลวง ทีลอซู
อ่านบทกวี โดยอาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ
เสวนา       โดยอภิชาติ ศักดิ์ชลาธร , สมบุญ  เถกิงนาม,ไพสิฏฐ์ นวลสัมพันธ์ และอาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ
โชว์หุ่นกระบอก  โดย มานพ  นิลงาม
เครือข่ายเพื่อนหนังสือ ขอขอบคุณท่าน ที่ร่วมทำให้งานปล่อยหนังสือ(ทำจริง)ครั้งนี้สำเร็จอย่างงดงาม
หวังว่าในโอกาสต่อไป คงได้รับการสนับสนุนจากท่านอีก





                                                                                             ด้วยจิตคาราวะ
                                                                                (นายพลพิศิษฏ์ คงธนญาณ)
                                                                                ประธานเครือข่ายเพื่อนหนังสือ

******ครั้งที่ 3  วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม 2555 ผมไปร่วมงานเสวนาด้วยเช่นเคย ขอเรียนท่านสมาชิกผู้สนใจ ครับผม :)


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 30 กรกฎาคม 2012 | 03:08:33 PM
สวัสดีครับ...ขออนุญาตโปรยหัวเอาไว้ก่อนนะครับ
                                                                     จดหมายข่าว
                                                            ชมรมคนรักวรรณกรรม(เก่า)

            เดือนนี้คือเดือนพฤษภาคม 2555 ตามปฏิทินสุริยคติบอกว่าเป็นเดือน 6 ปีมะโรง คือวันที่ 1 พฤษภาคม ทว่าความจริงปีนี้เข้าเดือน 6 ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน ขึ้น 1 ค่ำ เป็นวันเสาร์นะครับ เดือน 6 นั้นประเพณีชนชาติไทยเขายกให้เป็นเดือนสำหรับหนุ่มสาวจะทำพิธีสมรสกัน เพราะโบราณเขากำหนดเป็นสูตรให้แต่งงานเดือน 6
**********มีต่อนะครับ โปรดอดใจรอ  ขอบคุณครับ**************


สวัสดีครับ ขออนุญาตต่ออีกนิดครับ :)
...เดือน 9   เดือน 12   เดือน 5   เดือนอื่นๆห้ามแต่ง แต่ท่านไม่บอกว่าทำไมจึงห้ามและทำไมจึงยุ เพราะพูดแล้วเรื่องมาก ท่านก็เลยไม่บอกเหตุ แต่ที่จริงคนโบราณหรือปราชญ์ยุคโบราณของไทยท่านคำนวณวิธีโคจรแห่งจักรวาฬแล้วว่า

****มีต่ออีกครับ ยังไม่จบครับ****
สวัสดีครับ ขอร่ายต่อนะครับ.......

แต่ที่จริงคนโบราณหรือปราชญ์ยุคโบราณของไทยท่านคำนวณวิธีโคจรแห่งจักรวาฬแล้วว่าเดือนหกฝนมันตกฉ่ำไปทั้งแผ่นดินห้วยหนองคลองบึงเกิดชีวิตใหม่ เพราะปีใหม่ของคนตะวันออก(ORIENTAL)นั้นเขานับขึ้นปีใหม่ในเดือน 5 หรือเดือนเมษายนของทุกๆปีเมื่อดวงอาทิตย์ยกเข้าสู่ราศีเมษ
           เอาละครับ ทีนี้จะขอพูดถึงเรื่องศิลปะในการแต่งร้อยกรองในวรรณกรรมภาษาไทยของกวีและมหากวีของชาวสยามว่าเล่นคำเอามาเรียงร้อยเป็นความหมายและมีเนื้อหาตามที่อยากจะแต่งได้อย่างวิเศษ โดยเฉพาะถึงบทอัศจรรย์นั้นบรรยายไว้อย่างเลิศเลอในภาษาและเป็นศิลปะการเรียงร้อยถ้อยคำประดุจเขียนภาพเหมือนด้วยวาจาจนเห็นเป็นภาพได้อย่างชัดเจนไม่มีอะไรน่าสงสัย ซึ่งอาการอย่างนี้เขาเรียกว่า “ ภาพพจน์ “ คือวาดภาพด้วย วัจนะ หรือวาดภาพด้วยภาษาพูด เหมือนฝรั่งเขาบอกว่า ช่างถ่ายภาพหรือตากล้องว่าการถ่ายรูปคือการวาดภาพด้วยแสง(PAINTING WITH LIGHT )
            วาระนี้เราจะพาท่านมาพิจารณาภาษากวีอันแสนวิจิตรในภาพของการแต่งบทอัศจรรย์ซึ่งแฟนชมรมหลายท่านชื่นชอบอยากศึกษาสำนวนอีกเยอะๆ วาระนี้ขอเสนอความเป็นอัจฉริยะทางกวีของสุนทรภู่ ที่แต่งไว้ในเรื่องพระอภัยมณีเพราะมีบทอัศจรรย์มากมายหลายตอนเพราะตัวนำแสดงชายหญิงมีหลายคู่ คู่แรกที่จะนำแสดงก็ต้องขอเป็น CO-STAR ระหว่างพระอภัยฯกับนางยักษ์ผีเสื้อสมุทรก่อน ตอนนั้นพระอภัยยังเป็นวัยรุ่นอายุแค่ 15 หยกๆ16หย่อนๆเป็นไก่อ่อนไม่เคยขึ้นสังเวียนบังเอิญไปเป่าปี่เล่นชายหาด นางผีเสื้อได้ฟังปี่วิเศษเหมือนมนตร์ดลจิตให้วาบหวิวนักก็มาแอบดูเห็นพราห์มหนุ่มน้อยรูปงามกำลังเป่าปี่อยู่เกิดพิศวาสสุดทนจึงร่ายมนต์ให้สองหนุ่มพี่น้องพระอภัยกับศรีสุวรรณหลับไปนางผีเสื้อก็ขโมยอุ้มเอาพระอภัยมุดน้ำลงไปซุกไว้ในถ้ำแล้วแปลงกายเป็นมนุษย์หญิงรูปงาม ชวนเชิญให้ไก่ออ่นร่วมรสรักกัน...และอยากเปิดบริสุทธิ์ของพระอภัย พอถึงตอนเข้าพระเข้านาง สุนทรภู่บรรยายไว้อย่างนี้
          “  พระฟังคำจำจิตพิศวาส            ฝืนอารมณ์สมพาสทั้งโศกเศร้า  
             การโลกีดีชั่วย่อมมัวเมา            เหมือนอดข้าวกินมันกันเสบียง
             เกิดกุลาคว้าว่าวปักเป้าติด                      กระแซะชิดขากบกระทบเหนียง
             กุลาส่ายย้ายหนีตีแก้เอียง                       ปักเป้าเหวี่ยงยักแผละกระแซะชิด
             กุลาโคลงไม่สู้คล่องกระพร่องกระแพร่ง    ปักเป้าแทงตะละทีไม่มีผิด
             จะแก้ไขก็ไม่หลุดสุดความคิด                  ประกบติดตกผางลงกลางดิน
สมพาสยักษ์รักร่วมภิรมย์สม                   เหมือนเด็ดดอกหญ้าดมพอได้กลิ่น
              เป็นวิสัยในภพธรณินทร์                          ไม่สุดสิ้นสิ่งเสน่ห์ประเวณี ฯ ”
     เวลาท่านอ่านให้ลองขับเสภาไปด้วยนะครับจะได้ถูกตำราเสภาเรื่องพระอภัยมณี ขออธิบายให้หนุ่มสาวยุคนี้ที่
    ยังไม่ได้แต่งงานและกำลังจะได้แต่งกันในเดือน 6 นี้ด้วยว่า การเล่นว่าวของชาวสยามมีมาแต่โบราณและเล่นเป็นกีฬา
-   2    -
พนันกันได้ไม่ผิด เพราะเป็นประเพณีเหมือนดูมวยไทยก็พนันกันได้ ว่าวคู่กัดของคนไทยเราที่เอามาเป็นกีฬาหน้าร้อนก็คือ ตัวผู้สมมติเป็นจุฬา ตัวเมียสมมติเป็น อีเป้า  อีเป้าตัวจะเล็กกว่าจุฬามากมีหางยาวทำด้วยแถบผ้าและกัดคอซุงลงมามีเหนียงเป็นบ่วงเชือกกว้างยาวพอเหมาะที่จะให้จุฬาคว้ายัดหัวปักเป้าไปในบ่วง จุฬานั้นมีปีกกางออกไปสองข้างตรงๆเหมือนปีกเครื่องบิน เมื่อพลาดติดบ่วงหรือภาษาว่าวเรียกว่าติดเหนียงของอีเป้าก็เสียการทรงตัว คนชักว่าวอีเป้าก็จะรีบม้วนกระป๋องเชือกช่วยกันวิ่งลากให้จุฬาข้ามแดนมาอยู่แดนอีเป้า จุฬานั้นมีหัวมีปีกมีเอวและมีขาสองขาแยกจากกันเรียกว่าขากบ ขออธิบายย่อๆให้คนไทยที่ไม่เคยเล่นว่าวเข้าใจพอสังเขปนะครับ เมื่อจุฬาติดเหนียง อีเป้า
กระตุกให้ตัวว่าวอีเป้าตีกระทบตัวว่าวจุฬาให้เสียการทรงตัวเร็วขึ้น โดยมากว่าวจุฬาจะไม่รอดสันดอนไปได้ เมื่อถูกอีเป้าตีกระทบและตัวเองก็ติดเหนียงหมุนติ้วอยู่มันก็ต้องร่วงตกลงดินแทบทุกราย
      พระอภัยฯ นั้นยังเวอร์จิ้นบริสุทธิ์อยู่ท้าวเธอไม่เดียงสากับเรื่องคาวๆของนางยักษ์เลยและไม่เต็มใจ แต่นางยักษ์แปลงกายเป็นสาวสวยราวกับนางงามจักรวาลถูกเย้ายวนหยอกเอินถูกเนื้อต้องตัว เนื้อหญิงนั้นนิ่ม เนื้อชายมันแข็งเจอกันเข้าไฟฟ้าในตัวต่างขั้วกันไฟมันก็สป๊าคครับท่าน สุนทรภู่ท่านบรรยายว่า “ เป็นวิสัยในภพธรณินทร์  ไม่สุดสิ้นสิ่งเสน่ห์ประเวณี  “  อันนี้พวกเราต้องยอมรับว่าสุนทรภู่ท่านรอบรู้กลประเวณีระดับคุณหมอนพพรและระดับมาสเตอร์แอนด์จอห์นสันของชาวอเมริกันทีเดียวเชียว
       เมื่อหนุ่มเวอร์จิ้นอย่างเจ้าชายอภัยมณีถูกสอนรักเข้าทีเดียวก็ติดใจ นางผีเสื้อก็เพียรต่อเพลงบทต่อไปเรื่อยๆ จนพระอภัยเจนจบกลยุทธ์กามกรีธากีฬาของกามเทพระดับกระบี่มือหนึ่งของแผ่นดิน ฉะนั้นเมื่อเบื่อเมียยักษ์เพราะมีลูกโตพอคุยกันรู้เรื่องแล้วจึงชวนกันหนีนางผีเสื้อสมุทรไปให้พ้นๆเพราะขืนอยู่กันต่อไปของเก่าเป็นสนิมนางยักษ์อาจโกรธเคืองผิดใจขึ้นมาเธออาจเปลี่ยนตำแหน่งพระอภัยจากผัวเป็นสเต็กเนื้อหนุ่มจานโตขึ้นมาก็จะซวยไป ดังนั้น...เมื่อตอนว่ายน้ำหนีนางยักษ์เกิดมีผู้ช่วยคือนางสาวเงือกมาช่วยให้เกาะหลังนำส่งขึ้นฝั่ง ไม่ต้องบอกดอกนะท่านว่าเงือกรูปร่างเป็นยังไง พระอภัยกับนางเงือกเกิดดวงสมพงษ์กันก็เกิดบทอัศจรรย์ขึ้นกับนางเงือกเป็นรายที่ 2 ...สุนทรภู่ท่านบรรเลงไว้ดังนี้


******ยังไม่จบครับเหลืออีกนิดหนึ่ง โปรดอดใจรอนะครับ    ขอบคุณครับ*****






ขอต่อตอนจบนะครับ.......


    “  ประเวณีมีทั่วทุกตัวสัตว์             ไม่จำกัดห้ามปรามตามวิสัย
           นาคมนุษย์ครุฑาสุราลัย             สุดแต่ใจปรองดองจะครองกัน
           เจ้ากับพี่นี้ก็เห็นเป็นกุศล             จึงหนีพ้นมารมาไม่อาสัญ
           จะเคียงคู่ชูชื่นทุกคืนวัน               โอ้เจ้าขวัญนัยนาจงปรานี “
สาวน้อยนางเงือกผู้อ่อนโลกเจอคำเล้าโลมออดอ้อนประกอบกับตัวเองก็ขาดที่พึ่งเพราะตอนพาพระอภัยให้เกาะหลังหนีนางผีเสื้อนั้น นางผีเสื้อตามมาทันโกรธนักก็ฆ่าบิดามารดาของสาวเจ้าเด็ดสะมอเร่หมด นางจึงหมดที่พึ่ง พระอภัยก็แสนจะหล่อเหลาเอาการ ก่อนอัศจรรย์จะบันดาลนั้น เงือกสาวนำส่งถึงชายหาดเกาะแก้วพิสดารแล้ว เมื่อถูกคารมหว่านล้อมมีเหตุผลของฝ่ายหนุ่ม สาวเจ้าก็เห็นคล้อยตาม...
          “  อัศจรรย์ครั่นครื้นเป็นคลื่นคลั่ง                เพียงจะพังแผ่นผาสุธาไหว
              กระฉอกฉาดหาดเหวเป็นเปลวไฟ           พายุใหญ่เขยื้อนโยกกระโชกพัด
              เมขลาล่อแก้วแววสว่าง                          อสูรขว้างเควี่ยงขวานประหารหัต
-   3    -
        พอฟ้าวาบปลาบแปลบแฉลบลัด              เฉวียงฉวัดวงรอบขอบพระเมรุ
         ปลาหกเทวบุตรก็ผุดพุ่ง                           เป็นฝนฟุ้งฟ้าแดงดั่งแสงเสน
         ศิขรินทร์อิลันธรก็อ่อนเอน                        ยอดระเนนแนบน้ำแทบทำลาย
         สมพาสเงือกเยือกเย็นเหมือนเล่นน้ำ         ค่อยเฉื่อยฉ่ำชื่นชมด้วยสมหมาย
         สัมผัสพิงอิงแอบเป็นแยบคาย                   ไม่เคลือบคลายคลึงเคล้าเยาวมาลย์ฯ...
ครั้งนี้ฉากเลิฟซีนสุนทรภู่ท่านจัดฉากไว้ที่หาดทรายแช่น้ำอยู่ครึ่งตัว เพราะต่ำกว่าเอวแม่เงือกสาวน้อยแกเป็นปลานี่นะทำไงได้ล่ะพระเดชพระคุณ เราเห็นว่าฉากนี้ถ้าสร้างเป็นภาพยนตร์ควรไปถ่ายทำกันที่ถ้ำมรกตกลางทะเลจังหวัดตรังกันเป็นเหมาะที่สุด เอ๊ะ! ไม่แน่ใจนะครับว่าถ้ำมรกตอยู่จังหวัดไหนแน่คงไม่หนีพังงา ถ้าไม่ใช่พังงาก็สตูล ถ้าสมัยที่สุนทรภู่ท่านแต่งเรื่องพระอภัยฯอยู่นั้น หากท่านรู้ว่ามีถ้ำมรกตอยู่และสุดแสนจะบรรเจิดลึกลับด้วยท่านคงพาคู่บ่าวสาวของท่านเปิดกล้องเลิฟซีนที่ถ้ำมรกตแน่ เพราะดีกว่าเปิดกล้องที่เกาะแก้วพิสดาร ไม่เชื่อท่านลองไปชมเอง งวดนี้ขอเท่านี้ก่อนแล้วกันนะครับ ยังมีอีกหลายคู่ต่อสู้กันด้วยชั้นเชิงประทับใจ เช่น พระอภัยปะทะกับนางวารี...!

                                                    ไพสิฏฐ์  นวลสัมพันธ์
                                                     ประธานชมรมคนรักวรรณกรรม(เก่า)






หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 15 สิงหาคม 2012 | 11:48:07 AM
ขออนุญาต ปชส. ให้ทราบนะครับ
งานปล่อยหนังสือ (ทำจริง) ครั้งที่ 2
จัดโดย เครือข่ายเพื่อนหนังสือ และร้านหนังสือจุดประกาย
จัดขึ้นที่ชั้น 4 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
ในเวลา 14.00 น.วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม 2555
โดยมีผู้ร่วมงานมากกว่า 500 คน  มีหนังสือทั้งหมดที่มาปล่อย 3,832 เล่ม
มีบุคคล องค์กร หน่วยงานที่ร่วมปล่อยหนังสือ  61 ราย
โดยมีกิจกรรม ดนตรี อารักษ์ อาภากาศ,ฤทธิ์ ลำนำไพร,หนี่ง-โก้,หลวง ทีลอซู
อ่านบทกวี โดยอาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ
เสวนา       โดยอภิชาติ ศักดิ์ชลาธร , สมบุญ  เถกิงนาม,ไพสิฏฐ์ นวลสัมพันธ์ และอาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ
โชว์หุ่นกระบอก  โดย มานพ  นิลงาม
เครือข่ายเพื่อนหนังสือ ขอขอบคุณท่าน ที่ร่วมทำให้งานปล่อยหนังสือ(ทำจริง)ครั้งนี้สำเร็จอย่างงดงาม
หวังว่าในโอกาสต่อไป คงได้รับการสนับสนุนจากท่านอีก





                                                                                             ด้วยจิตคาราวะ
                                                                                (นายพลพิศิษฏ์ คงธนญาณ)
                                                                                ประธานเครือข่ายเพื่อนหนังสือ

******ครั้งที่ 3  วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม 2555 ผมไปร่วมงานเสวนาด้วยเช่นเคย ขอเรียนท่านสมาชิกผู้สนใจ ครับผม :)
ขอ ปชส. เชิญชวนอีกครั้งนะครับ  เวลาเดิมครับ ขอบคุณครับ :)


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 15 สิงหาคม 2012 | 11:51:26 AM
และอีกช่องทางที่จะพูดคุย ติดตามข่าวสารของทั้ง 3 ชมรมฯ ก็เชิญที่ เฟซบุ๊ค นะครับ ในกลุ่ม " ชมรมคนรักหนังเก่า+ชมรมคนรักวรรณกรรม(เก่า)+ชมรมคนรักประวัตืศาสตร์เสรี "   ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 22 สิงหาคม 2012 | 01:26:51 PM
ขออนุญาต ปชส. ให้ทราบนะครับ
งานปล่อยหนังสือ (ทำจริง) ครั้งที่ 2
จัดโดย เครือข่ายเพื่อนหนังสือ และร้านหนังสือจุดประกาย
จัดขึ้นที่ชั้น 4 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
ในเวลา 14.00 น.วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม 2555
โดยมีผู้ร่วมงานมากกว่า 500 คน  มีหนังสือทั้งหมดที่มาปล่อย 3,832 เล่ม
มีบุคคล องค์กร หน่วยงานที่ร่วมปล่อยหนังสือ  61 ราย
โดยมีกิจกรรม ดนตรี อารักษ์ อาภากาศ,ฤทธิ์ ลำนำไพร,หนี่ง-โก้,หลวง ทีลอซู
อ่านบทกวี โดยอาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ
เสวนา       โดยอภิชาติ ศักดิ์ชลาธร , สมบุญ  เถกิงนาม,ไพสิฏฐ์ นวลสัมพันธ์ และอาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ
โชว์หุ่นกระบอก  โดย มานพ  นิลงาม
เครือข่ายเพื่อนหนังสือ ขอขอบคุณท่าน ที่ร่วมทำให้งานปล่อยหนังสือ(ทำจริง)ครั้งนี้สำเร็จอย่างงดงาม
หวังว่าในโอกาสต่อไป คงได้รับการสนับสนุนจากท่านอีก





                                                                                             ด้วยจิตคาราวะ
                                                                                (นายพลพิศิษฏ์ คงธนญาณ)
                                                                                ประธานเครือข่ายเพื่อนหนังสือ

******ครั้งที่ 3  วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม 2555 ผมไปร่วมงานเสวนาด้วยเช่นเคย ขอเรียนท่านสมาชิกผู้สนใจ ครับผม :)
ขอ ปชส. เชิญชวนอีกครั้งนะครับ  เวลาเดิมครับ ขอบคุณครับ :)
ขออนุญาต ปชส. อีกครั้งครับ สมาชิกท่านใดสนใจก็เชิญนะครับ ถ้าสมาชิกท่านใดไปก็คงได้พบกันครับ ขอบคุณครับ :)


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 06 กันยายน 2012 | 09:56:58 AM
ขออนุญาต ปชส. ให้ทราบนะครับ
งานปล่อยหนังสือ (ทำจริง) ครั้งที่ 2
จัดโดย เครือข่ายเพื่อนหนังสือ และร้านหนังสือจุดประกาย
จัดขึ้นที่ชั้น 4 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
ในเวลา 14.00 น.วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม 2555
โดยมีผู้ร่วมงานมากกว่า 500 คน  มีหนังสือทั้งหมดที่มาปล่อย 3,832 เล่ม
มีบุคคล องค์กร หน่วยงานที่ร่วมปล่อยหนังสือ  61 ราย
โดยมีกิจกรรม ดนตรี อารักษ์ อาภากาศ,ฤทธิ์ ลำนำไพร,หนี่ง-โก้,หลวง ทีลอซู
อ่านบทกวี โดยอาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ
เสวนา       โดยอภิชาติ ศักดิ์ชลาธร , สมบุญ  เถกิงนาม,ไพสิฏฐ์ นวลสัมพันธ์ และอาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ
โชว์หุ่นกระบอก  โดย มานพ  นิลงาม
เครือข่ายเพื่อนหนังสือ ขอขอบคุณท่าน ที่ร่วมทำให้งานปล่อยหนังสือ(ทำจริง)ครั้งนี้สำเร็จอย่างงดงาม
หวังว่าในโอกาสต่อไป คงได้รับการสนับสนุนจากท่านอีก





                                                                                             ด้วยจิตคาราวะ
                                                                                (นายพลพิศิษฏ์ คงธนญาณ)
                                                                                ประธานเครือข่ายเพื่อนหนังสือ

******ครั้งที่ 3  วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม 2555 ผมไปร่วมงานเสวนาด้วยเช่นเคย ขอเรียนท่านสมาชิกผู้สนใจ ครับผม :)
ขอ ปชส. เชิญชวนอีกครั้งนะครับ  เวลาเดิมครับ ขอบคุณครับ :)
ขออนุญาต ปชส. อีกครั้งครับ สมาชิกท่านใดสนใจก็เชิญนะครับ ถ้าสมาชิกท่านใดไปก็คงได้พบกันครับ ขอบคุณครับ :)
สวัสดีครับ  ขออนุญาตครับ ....ครั้งที่ 4 วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน นี้ เวลาเดิมครับ ขอเชิญชวนสมาชิกผู้สนใจนะครับ ครั้งนี้ผมไม่ได้ไปร่วมวงเสวนา ครับ :)


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ท่านผีเพลง ที่ 06 กันยายน 2012 | 06:47:07 PM
ได้ข่าวว่าท่านประธานฯไม่สบาย
อาการค่อยยังชั่วหรือยังครับผม  :D


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 09 กันยายน 2012 | 12:23:30 AM
ได้ข่าวว่าท่านประธานฯไม่สบาย
อาการค่อยยังชั่วหรือยังครับผม  :D

ดีขึ้นแล้วครับ ขอบคุณครับ :)


หัวข้อ: Re: ขออนุญาตส่งข่าวชมรมใหม่ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า ที่ 17 กันยายน 2012 | 09:10:10 AM
ขออนุญาต ปชส. ให้ทราบนะครับ
งานปล่อยหนังสือ (ทำจริง) ครั้งที่ 2
จัดโดย เครือข่ายเพื่อนหนังสือ และร้านหนังสือจุดประกาย
จัดขึ้นที่ชั้น 4 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
ในเวลา 14.00 น.วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม 2555
โดยมีผู้ร่วมงานมากกว่า 500 คน  มีหนังสือทั้งหมดที่มาปล่อย 3,832 เล่ม
มีบุคคล องค์กร หน่วยงานที่ร่วมปล่อยหนังสือ  61 ราย
โดยมีกิจกรรม ดนตรี อารักษ์ อาภากาศ,ฤทธิ์ ลำนำไพร,หนี่ง-โก้,หลวง ทีลอซู
อ่านบทกวี โดยอาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ
เสวนา       โดยอภิชาติ ศักดิ์ชลาธร , สมบุญ  เถกิงนาม,ไพสิฏฐ์ นวลสัมพันธ์ และอาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ
โชว์หุ่นกระบอก  โดย มานพ  นิลงาม
เครือข่ายเพื่อนหนังสือ ขอขอบคุณท่าน ที่ร่วมทำให้งานปล่อยหนังสือ(ทำจริง)ครั้งนี้สำเร็จอย่างงดงาม
หวังว่าในโอกาสต่อไป คงได้รับการสนับสนุนจากท่านอีก





                                                                                             ด้วยจิตคาราวะ
                                                                                (นายพลพิศิษฏ์ คงธนญาณ)
                                                                                ประธานเครือข่ายเพื่อนหนังสือ

******ครั้งที่ 3  วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม 2555 ผมไปร่วมงานเสวนาด้วยเช่นเคย ขอเรียนท่านสมาชิกผู้สนใจ ครับผม :)
ขอ ปชส. เชิญชวนอีกครั้งนะครับ  เวลาเดิมครับ ขอบคุณครับ :)
ขออนุญาต ปชส. อีกครั้งครับ สมาชิกท่านใดสนใจก็เชิญนะครับ ถ้าสมาชิกท่านใดไปก็คงได้พบกันครับ ขอบคุณครับ :)
สวัสดีครับ  ขออนุญาตครับ ....ครั้งที่ 4 วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน นี้ เวลาเดิมครับ ขอเชิญชวนสมาชิกผู้สนใจนะครับ ครั้งนี้ผมไม่ได้ไปร่วมวงเสวนา ครับ :)
ขอเชิญชวนอีกครั้งนะครับ  วันอาทิตยที่จะถึงนี้แล้วนะครับ ท่านใดจะนำหนังสือไปร่วมปล่อยด้วยก็ได้นะครับ :)