Thai Progressive Rock Community

ทำงานที่บ้าน และใช้เวลาอยู่กับบ้านมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ได้ทำอะไรบ้างครับ?

ถ้าไม่นับเรื่องลูกๆ กวน ใช้เวลาพูดคุย กับสมาชิกครอบครัวในบ้านมากขึ้น ช่วง 2 สับดาห์ที่ผ่านมาผมทำ..

1.ดูหนัง 007 all Daniel Craig, X-Men first class, Day of Future Pass, Apocalypse, Dark Phoenix
  ผมชอบ x-men มากกว่า avengers นะ

2.ดู Netflix กับครอบครัวมากขึ้น

3.จัดการเตรียมเสบียง alcohols ได้ทัน พอสมควร สำหรับ 10 วันที่ห้ามขาย

4.มีเวลาดูหนังใน HDD Dune Max มากกว่า เดิม บางเรื่อง บางไฟล์ มันเคยมีเก็บไว้ได้ไงวะ?

5.มีเวลาเอาพวกซีดี บ็อก มาปัดฝุ่น ฟัง ทำความสะอาดอีกครั้ง

... โพสครั้งต่อไป ขอให้สถานการณ์ดีขึ้น ๆ ตามลำดับนะครับ

ผมไปทำงานที่ออฟฟิศทุกวัน และถ้าให้ผม work from home ผมจะไม่ทำงาน ผมจะนอนและนั่งฟังเพลงทั้งวันเลยครับ 555 :D

ไม่แน่ว่าภายหลังสถานการณ์ COVID-19 หมดไปแล้ว อาจเกิดวัฒนธรรมใหม่ขึ้นก็ได้ เพราะคนที่เคยทำงานออฟฟิศจำนวนหนึ่งอาจติดใจทำงานจากที่บ้าน หรือ work from home ก็ได้ จำนวนรถราบนท้องถนนอาจน้อยลง การจราจรติดขัดไม่มาก เพราะคนส่วนหนึ่งทำงานอยู่บ้าน ไม่ได้เดินทางออกไปทำงานที่ออฟฟิศแล้วหรือไม่ได้ออกไปออฟฟิศทุกวัน หรือไม่ก็มีอีกประเภทหนึ่งคือ ไม่มีรถยนต์ให้เดินทางออกไปทำงาน เพราะรถโดนไฟแนนซ์ยึด ด้วยเหตุที่เจ้าของรถถูกนายจ้างเลิกจ้าง ว่างงาน และไม่มีเงินส่งค่างวดครับ 555 :D

"ไม่แน่ว่าภายหลังสถานการณ์ COVID-19 หมดไปแล้ว อาจเกิดวัฒนธรรมใหม่ขึ้นก็ได้ เพราะคนที่เคยทำงานออฟฟิศจำนวนหนึ่งอาจติดใจทำงานจากที่บ้าน หรือ work from home ก็ได้ จำนวนรถราบนท้องถนนอาจน้อยลง การจราจรติดขัดไม่มาก เพราะคนส่วนหนึ่งทำงานอยู่บ้าน ไม่ได้เดินทางออกไปทำงานที่ออฟฟิศแล้วหรือไม่ได้ออกไปออฟฟิศทุกวัน หรือไม่ก็มีอีกประเภทหนึ่งคือ ไม่มีรถยนต์ให้เดินทางออกไปทำงาน เพราะรถโดนไฟแนนซ์ยึด ด้วยเหตุที่เจ้าของรถถูกนายจ้างเลิกจ้าง ว่างงาน และไม่มีเงินส่งค่างวดครับ 555 ยิ้มกว้างๆ"

---> เป็นไปได้ครับ 555

ช่วงนี้มีข่าวว่า ห้างร้าน ห้างสรรพสินค้า เตรียมที่จะกลับมาเปิดใช้บริการอีกครั้งในวันที่ 1 พ.ค.
หลังจากหมด พ.ร.ก.

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงพิจารณาสถานการณ์อีกทีว่าจะขยายต่อหรือไม่

ก็ขอให้มีทิศทางที่ดีครับ

แต่ตอนนี้ เรื่องค่าไฟ กำลังหัวเสียกันทั้งประเทศครับ  :P :P :'( :'(

1 พ.ค. ศกนี้ ไม่แน่ว่าพวกห้างฯทั้งหลายจะได้เปิดกันหรือเปล่านะครับ เพราะฟังจากเจ้าหน้าที่ศูนย์บริหารสถานการณ์ COVID-19 เห็นเขาพูดทำนองว่าอาจต้องขยายกำหนดออกไปอีกเมื่อถึงเวลานั้น หากยอดจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อยังไม่เป็นศูนย์ (0) ส่วนค่าไฟเดือนนี้ผมยังไม่ได้เห็นบิลเลย เห็นหลายคนบ่นทำนองว่าถูกคิดเงินเกินไปมากครับ

ช่วงนี้สถานการณ์เริ่มจะดีขึ้น ผมทำงานที่บ้าน สลับกับมาทำที่ออฟฟิศวันเว้นวัน กำลังดี

ทำงานที่บ้าน 3 วันต่อเนื่องไม่ไหว ไม่สะดวก และร้อน

ช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด นอกจากจะเป็นการจัดระเบียบสังคมแล้ว ยังจัดระเบียบตัวผมเองด้วยครับ สถานที่บางแห่งหยุดไปใช้บริการโดยปริยายครับ

ผมว่าจะไปลงเทะเบียน "เราไม่ทึ้งกัน" เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19
เนื่องจากได้รับผลกระทบโดยตรง และรุนแรง จากมาตราการ งดจำหน่าย เครื่องดื่มแอลกอฮอล มาเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้ว
5000 ถ้าไม่ได้ ขอเป็นสัก ลังนึงก็ยังดี
ถ้าไม่ได้สิทธฺ์ คงต้องไปหน้ากระทรวงการคลังแล้วครับ... ??? :P

USA first !!!

ตัวเลขถึงเช้านี้   
ติดเชื้อ  1,032,962   
เสียชีวิต  58,986 !!!  มากกว่า 1/4 ของทั้งโลก

Go so Big !!!   :o :'(

ผมว่าจะไปลงเทะเบียน "เราไม่ทึ้งกัน" เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19
เนื่องจากได้รับผลกระทบโดยตรง และรุนแรง จากมาตราการ งดจำหน่าย เครื่องดื่มแอลกอฮอล มาเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้ว
5000 ถ้าไม่ได้ ขอเป็นสัก ลังนึงก็ยังดี
ถ้าไม่ได้สิทธฺ์ คงต้องไปหน้ากระทรวงการคลังแล้วครับ... ฮืม แลบลิ้น

=> พี่พกยาฆ่าแมลงไปด้วยนะครับ หาจังหวะดีๆ วิ่งเอาไปกรอกปากไอ้ จนท พวกนั้นซักคนสองคนนะครับ

ผมน่าจะโดนพวกนั้นจับกรอกปากซะมากกว่าครับ... :D :D :D

แต่ก่อน ก่อนที่ COVID-19 จะระบาด ผมเห็นคนเดินใส่หน้ากากอนามัยเดินตามท้องถนนและในทีวีแล้ว รู้สึกไม่ดีกับ "มนุษย์หน้ากาก" พวกนี้ที่ต้องปิดบังอำพรางหน้าตัวเอง แต่ครั้น COVID-19 มาเท่านั้น หน้ากากอนามัยกลับกลายเป็นสิ่งจำเป็นไม่แพ้เสื้อผ้าและเป็นสิ่งป้องกันตัวเมื่อต้องสวมใส่ก่อนออกจากบ้านครับ

หน้ากากอนามัย เป็นของสามัญประจำบ้านที่ต้องมีติดบ้านและติดตัวแล้วครับ ถึงแม้ว่าอีกหน่อยจะไม่มี covid แล้วก็ตาม

ต่อไปวิถีชีวิตคนเราในสถานที่สาธารณะคงจะไม่เหมือนก่อนแล้วกระมังครับ...

คู่หนุ่มสาวเดินควงกัน บ่อยครั้งที่พวกเขาต่างมองใบหน้าของแต่ละฝ่ายที่ถูกหน้ากากอนามัยปิดบัง พวกเขาสบตากัน แต่ไม่เห็นรอยยิ้มและอารมณ์ที่แสดงออกมาบนใบหน้าของกันและกัน

ผู้คนในงานเลี้ยงต่างใส่หน้ากากอนามัย ถือแก้วเหล้า จิบเหล้า คุยกันผ่านหน้ากากอนามัย ไม่เห็นอารมณ์ที่แสดงออกมาผ่านสีหน้าและรอยยิ้ม ในขณะที่สนทนากัน

... และกรณีอื่น ๆ อีกมากมาย

นี่หรือ ชีวิตของมนุษยชาติที่กำลังเป็นไปในปัจจุบันและจะเป็นไปในอนาคตอันใกล้ ??? ::) :P

ต่อไปวิถีชีวิตคนเราในสถานที่สาธารณะคงจะไม่เหมือนก่อนแล้วกระมังครับ...

คู่หนุ่มสาวเดินควงกัน บ่อยครั้งที่พวกเขาต่างมองใบหน้าของแต่ละฝ่ายที่ถูกหน้ากากอนามัยปิดบัง พวกเขาสบตากัน แต่ไม่เห็นรอยยิ้มและอารมณ์ที่แสดงออกมาบนใบหน้าของกันและกัน

ผู้คนในงานเลี้ยงต่างใส่หน้ากากอนามัย ถือแก้วเหล้า จิบเหล้า คุยกันผ่านหน้ากากอนามัย ไม่เห็นอารมณ์ที่แสดงออกมาผ่านสีหน้าและรอยยิ้ม ในขณะที่สนทนากัน

... และกรณีอื่น ๆ อีกมากมาย

นี่หรือ ชีวิตของมนุษยชาติที่กำลังเป็นไปในปัจจุบันและจะเป็นไปในอนาคตอันใกล้ ฮืม ขยิบตา แลบลิ้น

==> ขออย่าให้เป็นถึงขนาดนั้นเลยครับ  :-\ :-\

ห้างสรรพสินค้าเปิดแล้วเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2563 ด้วยมาตรการคุ้มเข้มลูกค้าที่เข้าออกห้าง ต้องยอมรับว่าตอนนี้ไม่เหมือนก่อนแล้ว แต่ก่อน เมื่อสักไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ลูกค้าต่างพากันเดินฉลุยเข้าห้างฯ ไม่มีการตรวจอะไร แต่ตอนนี้ จะเข้าห้างฯ ที ผมว่าหนักเสียยิ่งกว่าไปติดต่อสถานทูตหรือสถานกงสุลหลายแห่งในกรุงเทพเสียอีก เป็นผมเจอแบบนี้ งดเดินห้าง ยาววว... ไปเลยครับ 555 :D

ช่วงการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 ผมมีความรู้สึกว่า เมื่อมองน้องๆผู้หญิงใส่หน้ากาก "จะสวยทุกคน" 55555

หลายๆครั้งที่เดินไปในหมู่บ้าน เจอคนที่รู้จัก
พอทักไป เขาก็ทำหน้า งงๆ จนต้องเปิด หน้ากากออก เขาถึงร้องอ๋อ..

ช่วงการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 ผมมีความรู้สึกว่า เมื่อมองน้องๆผู้หญิงใส่หน้ากาก "จะสวยทุกคน" 55555

---> ไม่เห็นรอยยิ้มที่มุมปากและบนสีหน้าของพวกเธอ แล้วพวกเธอจะสวยได้อย่างไรครับ 555 :D

ช่วงการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 ผมมีความรู้สึกว่า เมื่อมองน้องๆผู้หญิงใส่หน้ากาก "จะสวยทุกคน" 55555

---> ไม่เห็นรอยยิ้มที่มุมปากและบนสีหน้าของพวกเธอ แล้วพวกเธอจะสวยได้อย่างไรครับ 555 ยิ้มกว้างๆ

---> พี่ Camen เค้าคงดูอย่างอื่นแทนน่ะครับ เช่น สัดส่วน เว้าโค้ง อะไรแบบนั้นน่ะครับ  ;D ;D

ทั้งเว้าทั้งโค้งครับ 5555 แค่เห็นตาคิ้ว เนียนๆ ก็ดูสวยไปหมดแล้วครับ

ตอนนี้รัฐบาลเริ่มผ่อนปรน หลายๆท่านก็ไม่มีการเว้นระยะห่างกันแล้ว ขอให้ "การ์ดอย่าตกกันนะครับ"

ตอนนี้รัฐบาลเริ่มผ่อนปรน หลายๆท่านก็ไม่มีการเว้นระยะห่างกันแล้ว ขอให้ "การ์ดอย่าตกกันนะครับ"

---> เห็นพฤติกรรมที่หลายคนทำ เช่น พวกพ่อค้าแม่ค้าที่ใส่หน้ากากใต้จมูกในตลาด พวกคนที่แห่ไปเที่ยวทะเลนั่งเบียดชิดกันร่วมวงกินอาหาร ฯลฯ ก็น่าเป็นห่วงว่า "คลื่นลูกที่สอง" มันคงจะมาในอีกไม่ช้านี้ครับ

ตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เป็นผลให้การงานของผมเยอะมากขึ้น จนแทบไม่มีเวลาส่วนตัว ปัจจุบันก็มิได้ลดลงแต่อย่างใดครับ

ตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เป็นผลให้การงานของผมเยอะมากขึ้น จนแทบไม่มีเวลาส่วนตัว ปัจจุบันก็มิได้ลดลงแต่อย่างใดครับ

---> มีงานมีการ มีภาระหน้าที่ให้ทำก็ดีแล้วครับ หลายคนไม่มีงานให้ทำ หลายคนจากที่เคยมีงานให้ต้องไปทำทุกวัน บัดนี้ไม่ได้ไปทำงานทุกวัน ถูกลดค่าจ้าง บ้างก็ถึงกับถูกเลิกจ้างก็มี เพราะพิษเศรษฐกิจจากผลพวงของ โควิด-19 มีคนออกมาพยากรณ์ว่าเที่ยวนี้อาจหนักหนาสาหัสและเลวร้ายยิ่งกว่าปี 2540 เตรียมตัวเตรียมใจไว้ อย่าประมาทกันนะครับ โดยเฉพาะเรื่องการใช้จ่าย เงิน ๆ ทอง ๆ

ไม่ได้เเวะเข้ามานาน บรรยากาศเปลี่ยนไปมาจากสมัยเรียนครับ ปัจุบันคนส่วนใหญ่ ไปเล่นกลุ่มไลน์เเละเฟสเเล้ว
เข้าเรื่องดีกว่า โควิดนี่น่าเบื่อจริงๆ เห็นขายดีเเต่พวกส่งอาหาร นอกนั้นชะงักหมด

ไม่ได้เเวะเข้ามานาน บรรยากาศเปลี่ยนไปมาจากสมัยเรียนครับ ปัจุบันคนส่วนใหญ่ ไปเล่นกลุ่มไลน์เเละเฟสเเล้ว
เข้าเรื่องดีกว่า โควิดนี่น่าเบื่อจริงๆ เห็นขายดีเเต่พวกส่งอาหาร นอกนั้นชะงักหมด

---> ขอบคุณครับที่ยังคอยติดตามและแวะเวียนมาทักทายชุมชนนี้อยู่เรื่อย ๆ แม้จะนาน ๆ ที ผมก็ยังรู้สึกยินดี ชุมชนแห่งนี้ก็ว่ากันไปเรื่อย ๆ แบบรถไฟชั้น 3 "ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง" ผมและเพื่อน ๆ ที่ยัง active กันอยู่ ถ้ามีข้อมูลหรือมีอะไรอยากจะคุยก็จะแวะเวียนกันเข้ามา หลายคนยังไม่ได้หายไปไหนนะครับ :D

ไม่ได้เข้ามาหลายวันครับ นอกจากภาระงานประจำแล้ว ผมยังมีงานพิเศษที่เพิ่มมากขึ้น จนเบียดเวลาส่วนตัวไปครับ

คนไทยด้วยกันเองที่อยู่ในประเทศไม่มีการติดเชื้อ จะมีก็แต่พวกที่เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศแล้วอิมพอร์ตเอาเชื้อโควิด-19 เข้ามาด้วย และต้องถูกกักกันอยู่ที่ state quarantine บ้านเมืองเราดูเหมือนน่าจะปลอดภัยดี แต่ยังไม่เป็นที่น่าไว้ใจอย่างยิ่ง เพราะอีกหลายประเทศทั่วโลกในขณะนี้ โดยเฉพาะพี่เบิ้มสหรัฐ ยังระบาดหนัก ป่วยหนักและตายหนักกันอยู่ครับ

ผมไม่เข้าใจพวกฝรั่งโดยเฉพาะชาวอเมริกันจริงๆครับ การใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันไวรัสโควิด 19 เป็นการริดรอนสิทธิเสรีภาพมากเลบหรือครับ กลายเป็นการใส่หน้ากากถือเป็นเรื่องละเมิดสิทธิขั้นร้ายแรงมากๆไปซะงั้น

ผมไม่เข้าใจพวกฝรั่งโดยเฉพาะชาวอเมริกันจริงๆครับ การใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันไวรัสโควิด 19 เป็นการริดรอนสิทธิเสรีภาพมากเลบหรือครับ กลายเป็นการใส่หน้ากากถือเป็นเรื่องละเมิดสิทธิขั้นร้ายแรงมากๆไปซะงั้น

---> นี่คือหนึ่งในอุปนิสัยหรือคาแรคเตอร์ที่ชั่วร้ายของคนอเมริกัน ไม่งั้นเขาจะมีคำพูดที่นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ว่า Ugly Americans หรือครับ 555 :D

ผมสังเกตุว่า แม้จำนวนผู้ติดเชื้อในอเมริกาจะเพิ่มมากขึ้นทุกวัน แต่จำนวนผู้รักษาหายก็มากขึ้นเช่นกัน และจำนวยผู้เสียชีวิตก็มีสัดส่วนที่ลดลงเรื่อยๆ นี้ก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ชาวอเมริกันไม่ค่อยจะกังวลเรื่องโควิดกัน แต่ที่เราๆ น่าจะกังวล คือ ประเทศรอบๆบ้านเรานี่แหล่ะครับ

ผมสังเกตุว่า แม้จำนวนผู้ติดเชื้อในอเมริกาจะเพิ่มมากขึ้นทุกวัน แต่จำนวนผู้รักษาหายก็มากขึ้นเช่นกัน และจำนวยผู้เสียชีวิตก็มีสัดส่วนที่ลดลงเรื่อยๆ นี้ก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ชาวอเมริกันไม่ค่อยจะกังวลเรื่องโควิดกัน แต่ที่เราๆ น่าจะกังวล คือ ประเทศรอบๆบ้านเรานี่แหล่ะครับ

---> พลเมืองอเมริกันมีมากมาย และเทคโนโลยีด้านการแพทย์และสาธารณสุขของเขาก็ดีกว่าของบ้านเราเยอะ หากจะเจ็บป่วยและล้มตายไปอีกมากกว่านี้ คนอเมริกันดูท่าทางจะไม่ค่อยยี่หระเท่าไหร่ อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวจากที่ได้เห็นและติดตามสถานการณ์ของเขานะครับ

ล่าสุด เห็นรัสเซียอ้างว่าคิดค้นวัคซีนโควิด-19 ได้แล้ว ไม่ทราบจะได้ผลจริงหรือเปล่าครับ

รัสเซียไฟเขียว อนุมัติใช้วัคซีน โควิด 19 ชาติแรกในโลก - ปูติน ลั่น ลองฉีดแล้ว

https://covid-19.kapook.com/view229821.html

อ้างว่าตัวเองลองฉีดแล้วยังไม่พอหรอกนะ นายปูติน นายต้องเอาตัวเองไปเกลือกกลั้วและสัมผัสกับคนที่ติดเชื้อโควิด แล้วรอไปอีกอย่างน้อย 14 วัน ถ้าไม่มีอาการหรือผลการตรวจเลือดไม่เป็นบวก ก็ค่อยน่าเชื่อถือหน่อย -- นายกล้าพอหรือเปล่า?

ลองนึกย้อนไปเมื่อตอนต้นปี 2563 ก่อนจะมีโรคโควิด-19 ระบาด กับหลังจากที่การระบาดเริ่มจะซาลงในบ้านเมืองเรา เพราะเราสามารถควบคุมโรคนี้ได้ดีกว่าหลายประเทศในโลก ท่านคิดว่าชีวิตประจำวันของท่านเปลี่ยนไปไหมครับ? ผมคิดว่าชีวิตประจำวันของผมเปลี่ยนไปบ้าง จากที่เมื่อก่อนต้องรีบออกจากบ้านไปทำงานแต่เช้า ตอนนี้ออกจากบ้านไม่ต้องรีบเหมือนเมื่อก่อน รถและเรือโดยสารก็มีผู้โดยสารน้อยลง วิ่งหรือแล่นช้าลง อย่างที่เขาเรียกว่าวิถีชีวิตแบบ slow life ซึ่งคงจะใช้เวลาค่อย ๆ ฟื้นตัวก่อนจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่โดยส่วนตัว ผมว่า slow life นี่ก็ดีไปอย่าง ไม่ต้องไปทำตัวเร็วแก่งแย่งกับคนอื่นในเรื่องกินเรื่องเดินทางตลอดจนการใช้ชีวิตประจำวันในแง่อื่น ๆ นอกบ้านครับ 555

สถานการณ์เริ่มจะไม่น่าไว้วางใจแล้วครับ

พวกที่ติดเชื้อจากประเทศเพื่อนบ้านแล้วลักลอบเข้ามาในประเทศเราครับ

https://www.thairath.co.th/news/local/north/1987203

"I'll be back!!!" คำพูดนี้ไม่ใช่ของ "คนเหล็ก" แต่เป็นของ COVID-19
ช่วงนี้ระวังกันด้วยนะครับ พี่น้อง

น่ากลัวว่า COVID-19 ระบาดรอบสองแล้ว แต่รัฐบาลก็เลี่ยงไปใช้คำพูดอื่น โรงเรียนปิด สถานบริการและร้านอาหารหลายแห่งปิด เมื่อเช้าผมนั่งรถตู้ออกจากบ้านมาทำงาน ปกติรถตู้จะมีผู้โดยสารนั่งเต็มรถเมื่อออกจากหมู่บ้าน แต่วันนี้ทั้งคันมีนั่งกันมาไม่กี่คน ตามป้ายรถเมล์ก็ไม่ค่อยมียืนรอรถ บางป้ายนี่ไม่มีคนยืนเลย บรรยากาศวังเวงมากครับ

ผมว่าอาจต้องยอมเจ็บ ปิดเมืองกันอีกรอบนะครับ

ผมว่าอาจต้องยอมเจ็บ ปิดเมืองกันอีกรอบนะครับ

---> ปิดกันไปหนหนึ่งแล้วเมื่อปลายเดือนมีนาคมต่อกับเดือนเมษายน 2563 หากจะปิดอีกทีเที่ยวนี้ คงคิดกันหนัก... สำหรับหน่วยงานของรัฐคงไม่เท่าไร เพราะเงินเดือน ค่าจ้าง รายได้ สวัสดิการ ฯลฯ ของพนักงานของรัฐมาจากภาษีของประชาชน แต่หน่วยงานภาคเอกชน บริษัทห้างร้านนี่สิครับ เขากลัวกันว่า ถ้าปิดทำการชั่วคราวและให้พนักงานทำงานอยู่บ้านกันเที่ยวนี้ หลายที่คงต้องให้พนักงานอยู่บ้านกันยาว ไม่ต้องกลับมาทำงานที่ออฟฟิศกันแล้วละครับ (เพราะกิจการไปต่อไม่ไหวแล้ว)

หลายวันมานี้ ผู้คนไม่น้อยคงจะทำงานอยู่บ้านหรือ work from home กันแล้วมั้งครับ เพราะผมนั่งรถออกมาจากบ้านตอนเช้า บรรยากาศเงียบมาก ไม่ค่อยมีคนยืนอยู่ตามป้ายรถเมล์ เห็นได้ชัดว่าผู้คนหายไปจากท้องถนนเยอะมากครับ

วันนี้ ตามข่าว มียอดผู้ป่วยในประเทศเพิ่มสูงขึ้น และมีคนตายด้วย ในขณะที่ข่าวการผลิตและจัดซื้อวัคซีนแพร่สะพัดเกลื่อน ผมสงสัยว่า ถ้าขณะนี้วัคซีนยังไม่ชัวร์ 100% แล้วมันจะรีบออกข่าวแข่งกันทำไม พวกผู้ผลิตยาก็มีหลายเจ้า ถ้าใครทำวัคซีนที่สามารถป้องกันโรคได้ 100% เจ้านั้นคงจะรวยเละ ตอนนี้คงต้องแย่งชิงพื้นที่สื่อกันไปก่อน หรือยังไงกัน...

ตั้งแต่หลังปีใหม่ 2564 มานี้ ผมไม่ตามข่าวโควิด เพราะเอียนกับมันแล้ว หันไปดูหนัง สิ่งบันเทิง และฟังเพลงดีกว่าครับ

ผมไปตรวจโควิดเรียบร้อยแล้วครับ ผลออกมาปกติไม่ติดเชื้อครับ

ได้ข่าวว่าแพทย์ไทยกำลังพัฒนาวัคซีนต้านโควิดได้เกือบสำเร็จแล้ว ภายในอีกสามหรือสี่เดือนข้างหน้า ก็ขอเอาใจช่วยให้ประสบความสำเร็จ เราจะได้มีวัคซีนที่ผลิตเองได้ในบ้านเราไว้ใช้และส่งออกด้วยครับ

ก่อนที่ COVID-19 จะระบาดรอบแรก หลังเลิกงาน ระหว่างทางกลับบ้าน ผมมักจะเดินผ่านหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งซึ่งมีตู้ ATM ของธนาคารต่าง ๆ ตั้งเรียงรายไว้ให้บริการ โดยมีผู้คนยืนต่อคิวใช้บริการ และคิวจะยิ่งยาวขึ้นในช่วงต้นเดือนที่เงินเดือนออกกัน แต่ปัจจุบัน (ม.ค. 2564) ไม่มีสภาพอย่างที่ว่านี้ให้เห็นแล้ว ยิ่งช่วงกลางเดือนถึงปลายเดือน เรียกได้ว่าเอทีเอ็มแทบทุกตู้กลายเป็นตู้ร้าง ไม่มีคนมาใช้บริการกันเลยก็ว่าได้ หน้าห้างฯมีสิ่งอื่นมาทดแทนคือ รถจักรยานยนต์ส่งสินค้าส่งอาหาร เช่น แก๊ป, ฟู้ด แพนด้า ฯลฯ ครับ

ตั้งแต่ โควิด-19 กลับมาระบาดรอบใหม่ การจราจรในกรุงเทพคล่องตัวขึ้น เพราะคนทำงานจากบ้านมากขึ้นและโรงเรียนสลับกันเรียนกันสอน แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าการจราจรชักจะเริ่มติดมากขึ้นอีกแล้ว นับแต่วันที่ 22 ก.พ. 2564 เป็นต้นมา เพราะโดยธรรมชาติคนคงไม่อยากจะ (ถูก) ขังตัวเองอยู่บ้านนาน ๆ และขอขอบคุณ โควิด-19 ที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีรัฐบาลใดของประเทศไทยที่แก้ปัญหาการจราจรในกรุงเทพได้สักรัฐบาลเดียวครับ 5555 :D ;D

มีท่านใดจะฉีดวัคซีนบ้างครับ ผมตั้งใจจะฉีดครับ ก็ไม่ทราบว่าจะได้รับจากบริษัทใด แต่ก็จะฉีดครับ

มีท่านใดจะฉีดวัคซีนบ้างครับ ผมตั้งใจจะฉีดครับ ก็ไม่ทราบว่าจะได้รับจากบริษัทใด แต่ก็จะฉีดครับ

---> วัคซีนยังไม่ 100% อย่าเสี่ยงเป็นหนูทดลองเลยครับ ใช้วิธีป้องกันตัวเองและดูแลสุขภาพตามที่สาธารณสุขแนะนำดีกว่า งดสังสรรค์เข้าสมาคมในหมู่คนจำนวนมากครับ

ถ้าเปรียบเทียบการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ถึงวันที่ 7 มีนาคม 2564 มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3,024 คน บาดเจ็บ 195,012 คน มากกว่าโควิด 19 หลายเท่าครับ

ถ้าเปรียบเทียบการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ถึงวันที่ 7 มีนาคม 2564 มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3,024 คน บาดเจ็บ 195,012 คน มากกว่าโควิด 19 หลายเท่าครับ

---> พวกเขาเดินทางกลับบ้านช่วงสงกรานต์แล้วเหรอครับ?

พรุ่งนี้วันที่ 11 มีนาคม 2564 ผมไปฉีดวัคซีนโควิด 19 ครับ เป็นของชิโนแวค เมืองจีนครับ เป็นไงเป็นกัน

พรุ่งนี้วันที่ 11 มีนาคม 2564 ผมไปฉีดวัคซีนโควิด 19 ครับ เป็นของชิโนแวค เมืองจีนครับ เป็นไงเป็นกัน

---> ขอให้โชคดีและไม่ได้รับผลข้างเคียงนะครับ

ฉีดเข็มแรกไปแล้ว วันแรกๆ มีเจ็บตามข้อบ้างแต่เจ็บนิดๆ เป็นช่วงๆ อาการอื่นไม่มี ฉีดเข็มที่ 2 วันที่ 1 เมษายน ครับ

อินเดียก็มีวัคซีน ฉีดวัคซีนให้ประชาชน แล้วทำไมไม่นานมานี้มีคนติดโควิดเพิ่มกันอีกสี่หมื่นกว่าละครับ?

วัคซีนยังไม่ 100% ถึงฉีดไป แต่ไม่รู้จักป้องกันตัวเอง ไม่สวมหน้ากาก ไม่หมั่นล้างมือ ไม่รู้จักรักษาสุขอนามัยของตัวเอง ยังไงก็เอาไม่อยู่ครับ

วันนี้เมื่อปีก่อน เป็นวันแรกที่บริษัทผมสั่งให้พนักงานทำงานจากบ้านหรือ work from home กัน ตามที่รัฐบาลขอความร่วมมือให้บริษัทห้างร้านและสถานประกอบการต่าง ๆ สั่งให้ลูกจ้างพนักงานทำงานจากบ้านเพื่อลดการระบาดของโรคโควิด-19 แต่ผมยังคงเดินทางไปทำงานที่ออฟฟิศตามปกติทุกวัน ราวกับว่าไม่กลัวโรคนี้เลย และช่วงนั้นก็ไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยด้วย นึกถึงสภาพบ้านเมืองในช่วงนั้น เดินทางสะดวกมาก การจราจรไม่ติดขัด ทำอะไรก็ไม่ต้องรีบร้อน การดำเนินชีวิตดูเหมือนช้าลงไปนิดนึง ออฟฟิศก็เงียบสงบ ทำงานได้อย่างมีความสุขมากครับ 555 :D

ผมฉีดเข็มที่ 2 เรียบร้อยแล้วครับ มีอาการเจ็บต้นแขน และร่างกายด้านซ้าย(ฉีดด้านซ้าย) อาจจะเป็นการวิตกไปเอง แต่มันเจ็บกว่าฉีดยาปกติครับ ประกอบกับมีอาการอ่อนเพลีย วูบๆ บางแต่ไม่มากครับ เมื่อผมเข้าไปแจ้งอาการในหมอชนะ ได้รับการแนะนำว่า ให้ไปพบแพทย์ภายใน 1 วัน 55555555

สงสัยประเทศไทยคงจะเจอสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่อีกแล้ว (ระลอกที่ 3) หลังจากมีข่าวเรื่องการแพร่ระบาดจากสถานบันเทิงย่านซอยทองหล่อเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ในขณะที่อินเดียมีจำนวนยอดผู้ติดโรคพุ่งเกินแสนราย ก็ขอให้ดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยนะครับช่วงนี้ ไม่มีวัคซีนใดช่วยท่านได้นอกจากวัคซีนที่สร้างขึ้นโดยตัวท่านเอง (ใส่หน้ากากอนามัยและหมั่นล้างมือ หลีกเลี่ยงการมั่วสุมและเที่ยวเตร่ตามสถานเริงรมย์ ผับ บาร์ ฯลฯ)

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2063775

ใจจริงผมอยากให้ล็อคดาวน์เหมือนเช่นการระบาดครั้งแรก ทนเจ็บเพียง 2-3 เดือน แต่อย่างว่าล่ะครับ มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

ใจจริงผมอยากให้ล็อคดาวน์เหมือนเช่นการระบาดครั้งแรก ทนเจ็บเพียง 2-3 เดือน แต่อย่างว่าล่ะครับ มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

---> ถ้าล็อคกันทั้งเมืองอย่างคราวแรก คราวนี้มีหวังหายนะกันแน่นอนครับ ผมว่าที่ผ่าน ๆ มาเราตั้งการ์ดดีในช่วงต้น และเราเริ่มการ์ดตก เราสะเพร่ากับการเข้าออกของคนต่างด้าวในการระบาดระยะที่สอง เราเริ่มย่อหย่อนในเรื่องวินัยในการระวังป้องกันตัวเอง เราเริ่มเที่ยวเตร่และกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมก่อนที่โควิดจะอุบัติครั้งแรก ฯลฯ เราจึงมาเจอการระบาดระลอกใหม่นี่ไงครับ

วันละ 1500 แล้วครับพี่ปีศาจ สำหรับการระบาดครั้งนี้เริ่มมีคนใกล้ๆตัว เช่น ลูกเพื่อน เพื่อนร่วมงานติดกันให้เห็นกันแล้วครับ

วันละ 1500 แล้วครับพี่ปีศาจ สำหรับการระบาดครั้งนี้เริ่มมีคนใกล้ๆตัว เช่น ลูกเพื่อน เพื่อนร่วมงานติดกันให้เห็นกันแล้วครับ

---> ใช่ครับ เมื่ออาทิตย์ก่อน ในช่วงสงกรานต์ ติดโรคกันเฉลี่ยวันละหนึ่งพันกว่าคน ตั้งแต่พันต้น ๆ ถึงพันกลาง ๆ จนพุ่งถึง 1700 กว่าคนแล้วครับ

ขอให้ทุกท่านผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยดีครับ

ผมนั่งรถตู้โดยสารออกจากบ้านไปทำงาน พบว่าตามรายทางและตามป้ายรถเมล์เงียบมาก ไม่ค่อยมีคน รถตู้ก็มีผู้โดยสารไม่เต็มรถ คงเป็นเพราะช่วงนี้เด็กนักเรียนปิดเทอมและคนทำงานหลายคนต่างทำงานกันอยู่ที่บ้านตามที่รัฐบาลประกาศขอความร่วมมือครับ

เปิดดูรายการ (คุย) ข่าวตามช่องโทรทัศน์ต่าง ๆ พิธีกรสัมภาษณ์หมอและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ดูแลสถานการณ์โควิด-19 เป็นเชิงถามนำว่าประชาชนควรจะอยู่บ้านไหม แน่นอนว่าทั้งหมอและเจ้าหน้าที่รัฐเขาก็ต้องบอกให้ประชาชนอยู่บ้านเพื่อเป็นการช่วยกันหยุดเชื้อและเซฟตัวเองเพื่อชาติ แต่คนที่หยุดเชื้อจะกินเกลือแทนข้าว หรือจะอดตาย หรือจะโดนสถานประกอบการลดค่าจ้างหรือให้ออกจากงานหรือไม่นั้น พวกหมอและเจ้าหน้าที่เขาไม่พูดถึงเรื่องนี้กัน เป็นเรื่องของแต่ละคนที่จะพิจารณาเอาเองเมื่อจะออกนอกบ้านไปทำงาน เขาไม่ได้ห้ามไม่ให้ไปทำงาน เพียงแต่แนะว่าทำงานอยู่บ้านเสี่ยงน้อยที่สุดครับ

โควิด-19 ระบาด ทำให้การดำเนินชีวิตประจำวันทั่วไปช้าลง นั่งเรือ เรือก็วิ่งช้า พอขึ้นรถตู้ นั่งอยู่ในรถ ก็ต้องรออยู่นานกว่ารถจะออก เพราะต้องรอให้ผู้โดยสารเต็มรถก่อน ไปติดต่อทำธุระที่ธนาคารก็รู้สึกว่ารอคิวนานกว่าจะได้รับบริการ ฯลฯ ในขณะที่เหตุการณ์ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ก่อนที่จะมี โควิด-19 มันเป็นเหตุการณ์ที่ตรงกันข้ามเลยครับ

สถานการณ์ช่วงนี้อันตรายมากจริงๆครับ ขอให้ทุกท่านผ่านพ้นไปได้ครับ

ขอให้ชุมชน Thai Prog ของเราปลอดภัยจาก โควิด-19 กันถ้วนหน้า อย่าให้เหมือนบางชุมชนในกรุงเทพที่เมื่อปลายเดือนเมษาถึงต้นเดือนพฤษภาที่ผ่านมานี้ได้กลายเป็นแหล่ง cluster แพร่เชื้อโควิดแห่งใหม่ไปแล้วครับ

ต้องบันทึกไว้ว่า วันนี้ 10 พ.ค. 2564 เป็นวันพืชมงคลที่ต้องยกเลิกพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เนื่องเพราะสถานการณ์โควิด-19 ครับ

ประเด็นร้อนช่วงนี้คือเรื่องการฉีดวัคซีน ใครสมควรฉีดก่อน วัคซีนยี่ห้ออะไรดี ผลข้างเคียงเป็นอย่างไร ทำไมรัฐบาลไม่เปิดโอกาสให้เอกชนสั่งวัคซีนเข้ามาเอง ฯลฯ โอ้ย... สารพัดปัญหา พวกกูรูและหมอเถื่อนหมอกำมะลอออกมาแสดงความเห็นกันเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด น่าเบื่อ... นึกถึงตอนเป็นเด็ก ปลูกฝี ฉีดวัคซีน ไม่เห็นจะต้องถามนางพยาบาลเลยว่าใช้วัคซีนยี่ห้ออะไร 5555

ตอนนี้แม้แต่คุกหรือเรือนจำก็ยังกลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อโควิดได้ ทั้ง ๆ ที่รู้กันอยู่ว่าคนที่อยู่ในคุกนั้นอยู่ในระบบปิดแน่นหนาเสียยิ่งกว่าคนที่อยู่นอกคุก ไม่น่าจะมีเชื้อระบาดเข้าไปถึงได้ แต่ก็ระบาดเข้าไปแล้ว มันก็ยัง งง ๆ กันอยู่ ::)

ยอดผู้ป่วยโควิดรายวันตอนนี้ สองพันกว่า สามพัน ต่อวัน และคนตายวันละเป็นหลักสิบ ถือเป็นเรื่องปกติ

พยายามลงทะเบียนเพื่อไปฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุดนะครับ... พี่น้อง

ทราบข่าวไวรัสกลายพันธุ์แล้ว ทำให้ผมนึกถึงดนตรีแนว Prog ซึ่งก็กลายพันธุ์เช่นกันครับ เป็นหลากหลายมากมายให้เลือกเสพได้ตามความชอบครับ 55555

ผมได้ลงทะเบียนฉีดวัคซีนไว้แล้ว มีนัดวันที่ 3 ก.ค. แต่ถึงวันนั้นไม่รู้จะถูกเลื่อนนัดหรือเปล่านะครับ

ขอให้ทุกท่านและครอบครัวผ่านเหตุการณ์นี้อย่างปลอดภัยครับ

28 มิ.ย. 2564 จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด 5,400 กว่าคน
รัฐบาลกำลังจะเปิด Phuket Sandbox วันที่ 1 ก.ค. นี้
ขอพระเจ้าคุ้มครองครับ

พี่ปีศาจ ไปฉีดที่ไหนครับ เข็มแรกหรือเข็มสองครับ

ไปฉีดที่ห้างบิ๊กซี สาขาใกล้บ้าน เพิ่งฉีดเป็นเข็มแรกครับ
วันนี้ผมถูกสั่งให้ทำงานอยู่บ้าน เพราะอาคารปิดทั้งหลัง และต้องพ่นยาฆ่าเชื้อครับ

จำนวนคนติดโควิดวันนี้ถึงหกพันกว่าคนแล้ว...
จากหนึ่งพันเป็นสองพัน สามพัน สี่พัน ห้าพัน แล้วก็หกพัน
อีกไม่นานคงถึงหลักหมื่นมั้งครับ :-\
ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองประเทศไทย

8 ก.ค. 2564 วันนี้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีถึงเจ็ดพันกว่าคน
ทำนายกันไว้ว่า สัปดาห์หน้า (ช่วงวันที่ 12-18 ก.ค.) อาจมียอดผู้ป่วยติดเชื้อแตะหมื่นคน
ไปไหนมาไหน อยู่ใกล้ใคร หน้ากากชั้นเดียวคงจะไม่พอแล้ว
ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์จงคุ้มครองประเทศไทยให้อยู่รอดปลอดภัยครับ

อันตรายอยู่รอบตัว และที่กำลังจะเป็นคือโรคหวาดระแวง เป็นอะไรนิดๆหน่อยๆ จิตใจวิตกกังวลไปไกลเลยครับ

ผมและภรรยาไปฉีดวัคซีนเข็มแรก AstraZeneka เมื่อวันศุกร์ที่ 9 ก.ค. 2564 ที่ ดิ เอ็มโพเรียม ถนนสุขุมวิท ช่วงเวลา 12.00 น. ถึง 14.00 น. (ไปก่อนเวลา) ขอขอบคุณโครงการไทยร่วมใจและผู้ชายซึ่งเป็นทั้งเจ้านายและพี่ชายที่อุตส่าห์ติดต่อประสานงานให้ได้ฉีดวัคซีนโดยสะดวก

เข็มต่อไป วันที่ 1 ต.ค. นี้ และไม่รู้จะต้องฉีดเข็มที่สามรึเปล่า เห็นข่าวออกมาว่ามีหมอหรือพยาบาลที่ไหนไม่รู้ต้องอัด AstraZeneka เข็มที่สามแล้ว เพราะหวั่นต้านเชื้อไม่อยู่ครับ :-\

ฟิตซ้อมร่างกายให้แข็งแรงไว้ครับ เท่าที่ทราบถ้าร่างกายแข็งแรง เชื้อจะไม่ลงปอด

ผมถูกสั่งให้ทำงานอยู่บ้าน ช่วงวันที่ 14-16 ก.ค. เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ประจำอาคารบางคนติดเชื้อและสงสัยว่าจะติดเชื้อ อาคารจึงต้องปิดเพื่อทำความสะอาดและพ่นยาฆ่าเชื้อ อยู่บ้านหลายวันเข้าชักจะติดใจ ไม่อยากกลับไปทำงานที่ออฟฟิศเลยครับ 5555

ผมเคยโดนกักตัว เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโรค ได้ไปตรวจหาเชื้อ ผลออกมาเป็นปกติ ติดใจเช่นกันครับ 5555

เมื่อปีก่อน ตอนที่โรคมันเพิ่งระบาดใหม่ ๆ ผมยังรู้สึกคึกคักที่จะเดินทางไปทำงานที่ออฟฟิศทุกวัน แต่ตอนนี้ผมรู้สึกอยากจะอยู่บ้านแล้ว เพราะหาอาหารการกินยากลำบากเหลือเกิน นั่งกินที่ร้านก็ไม่ได้ ต้องซื้อเข้าไปกินในสถานที่ทำงาน กว่าจะได้กินก็หายอยากแล้ว ชีวิตความเป็นอยู่นอกบ้านไม่รื่นรมย์เหมือนแต่ก่อนแล้ว เพราะนโยบายของรัฐตอนนี้คือให้ประชาชนอยู่บ้าน 100% ครับ

เมื่อเกิดการระบาดรอบแรกเมื่อปีที่แล้ว แฟนผมรู้สึกกังวลมาก จึงจัดทำอหารให้ผมไปกินที่ทำงานครบ 3 มื้อ เสริมด้วยผลไม้ กาแฟ ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงครับ จนผมขอลดเหลือ 2 มื้อ มื้อเย็นผมขอออกไปซื้อมาทานที่ทำงาน 55555

วันนี้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด 17669 คน
เมื่อวาน จำนวนผู้ติดเชื้อ 16000 กว่าคน
รัฐบาลบอกว่าอีกประมาณหกสัปดาห์ สถานการณ์จะดีขึ้น...
จะเชื่อเขาดีมั้ยครับ :-\

ประคองตัวให้อยู่รอดให้ได้ครับ ออกกำลังกาย ล้างมือ รักษาระยะ ผมตรวจแทบจะทุก 15 วันแล้วครับ

ใส่หน้ากาก 2 ชั้นด้วยนะครับ
ผมขังตัวเองอยู่ในบ้าน ฟังเพลง ถ้าไม่จำเป็นจะไม่ไปไหน ยกเว้นไปทำงานครับ

สมัยก่อน ตอนเด็ก ๆ ผมเคยได้ยินคุณดอกดิน กัญญามาลย์ โฆษณาหนังของเขาว่า "ล้านแล้วจ้า" หมายถึงยอดรายได้จากหนังของเขาพุ่งถึงหลักล้านแล้ว ซึ่งก็เป็นตัวเลขที่มากโขอยู่สำหรับหนังไทยในยุคนั้น...

แต่พอมาวันนี้ สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด "สองหมื่นแล้วจ้า" (20,200 คน) ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเลยครับ :(

ผมว่า ที่ผมจะตายคงไม่ใช่เพราะโรคโควิด-19 หรอกครับ หากแต่เป็นเพราะหน้ากากอนามัยที่สวมใส่อยู่ต่างหาก เพราะมันปิดกั้นไม่ให้หายใจได้สะดวก ปกติวัน ๆ เป็นคนเดินเยอะ เดินไกล เพื่อไปหาซื้ออะไรกิน ไปขึ้นรถ ลงเรือ เดินขึ้นสะพานลอย ฯลฯ พอสวมหน้ากากอนามัย กว่าจะเดินถึงที่หมาย เล่นเอาหอบเหนื่อยเลย หายใจลำบาก หายใจแทบไม่ทัน ทำให้ต้องเดินช้าลงด้วย เพราะจะได้ไม่ต้องเหนื่อยหอบมาก นึกถึงแต่ก่อน ก่อนจะมีโควิดระบาด ไม่ต้องสวมหน้ากากเดินไปไหนมาไหน ผมเดินไกลได้เป็นกิโลและสูดอากาศได้เต็มปอดโดยไม่ต้องเหนื่อยหอบอย่างนี้เลยครับ :P

เคยนึกบ้างไหมครับว่าช่วงที่โควิดกำลังระบาดอยู่นี้ มีธุรกิจหรืออุตสาหกรรมใดได้รับประโยชน์จากสถานการณ์นี้บ้าง?

- อุตสาหกรรมผลิตยาและวัคซีนเพื่อรักษาและต้านโควิด
- อุตสาหกรรมผลิตหน้ากากอนามัยและ face shield
- อุตสาหกรรมผลิต PPE
- อุตสาหกรรมผลิตแอลกอฮอล์ล้างมือ ไม่ว่าจะเป็นเจลหรือน้ำ
- โรงพยาบาลเอกชน (คนรวยที่ติดโควิดเข้าไปใช้บริการ)
- เกษตรกรปลูกพืชสมุนไพร เช่น ฟ้าทะลายโจร กระชาย
- ธุรกิจโลงศพ (คนตายมากขึ้น)

แล้วยังมีธุรกิจหรืออุตสาหกรรมอะไรอีกครับ?

นึกออกแล้ว... ธุรกิจ "ขนมเปี๊ยะขั้นเทพ" ของ ป๋าเทพ โพธ์งาม ไงครับ
เรื่องมีอยู่ว่า... เมื่ออาทิตย์สองอาทิตย์ก่อน ธุรกิจขนมเปี๊ยะของป๋าเทพรายได้พุ่งกระฉูดเป็นหลักแสนบาทต่อวัน จากที่เคยได้วันละไม่กี่พันบาท
เหตุที่เป็นเช่นนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับสถานการณ์ระบาดของโควิด หากแต่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง เพราะจู่ ๆ ป๋าเทพไม่รู้นึกยังไง แกไลฟ์สดออกสื่อ นั่งอุ้มแมว แล้วพูดนั่นพูดนี่เกี่ยวกับการเมืองในยุคปัจจุบัน (ซึ่งประจวบเหมาะพอดีกับสถานการณ์โควิด) และพูดอยู่ตั้งหลายนาที (ไปหาคลิปดูได้) ทำให้หลายคนหลายฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับป๋าแกไม่พอใจ ชวนกันแบนสินค้าคือขนมเปี๊ยะของป๋า ในขณะที่ข้างฟากฝั่งที่เห็นด้วยกับสิ่งที่ป๋าพูด (บ่น) ต่างพากันเฮโลสาระพาไปอุดหนุนขนมของป๋าเทพจนแกทำขนมส่งไม่ทันและรายได้พุ่งกระฉูดดังกล่าว...
สรุปว่า ธุรกิจของป๋าไม่ได้เกี่ยวข้องหรือสืบเนื่องอะไรจากสถานการณ์โควิด แต่อยากนำเสนอให้ดูกันแก้เครียดในยามนี้ ยินดีกับป๋าด้วยนะครับ 5555 :D ;D :D

ผมสังเกตูว่าหมู่บ้านจัดสรรโครงการใหญ่ๆ ยังเปิดโครงการกันอย่างต่อเนื่อง และมีลูกค้ามาซื้ออยู่ตลอด ผมอ่านในบทความว่าโครงการราคา 3-5 ล้านขึ้นไป ยังพอไปได้ แต่ต่ำกว่า 3 ล้านแทบตายสนิท

ผมสังเกตูว่าหมู่บ้านจัดสรรโครงการใหญ่ๆ ยังเปิดโครงการกันอย่างต่อเนื่อง และมีลูกค้ามาซื้ออยู่ตลอด ผมอ่านในบทความว่าโครงการราคา 3-5 ล้านขึ้นไป ยังพอไปได้ แต่ต่ำกว่า 3 ล้านแทบตายสนิท

---> เมืองไทยบ้านเรามีเศรษฐีคนรวยที่มีกำลังซื้อทรัพย์สินระดับไฮเอนด์และซูเปอร์ไฮเอนด์อยู่ทุกสถานการณ์ แม้ในยามข้าวยากหมากแพง มีโรคระบาด และเศรษฐกิจตกต่ำครับ

แล้วยังมีธุรกิจหรืออุตสาหกรรมอะไรอีกครับ?

---> ธุรกิจผลิตและหรือจำหน่าย antigen test kit (ATK) หรือชุดตรวจหาโควิด-19 แบบเร่งด่วน (ซึ่งได้รับการรับรองจาก อย. แล้ว)

ร้านขายราดหน้าแถวบ้านผม เมื่อก่อนจะมีโควิด 4 ทุ่มกว่ายังพอหาซื้อได้ครับ แต่ปัจจุบัน 2 ทุ่มกว่าๆ หมดเรียบร้อยครับ ตอนแรกผมนึกว่าเขาคงทำมาน้อย แต่เมื่อสอบถามแล้วก็ยังคงเตรียมมาเท่าเดิม แต่เป็นเพราะมีบริการไรเดอร์มาซื้อกันทีหลายๆถุงครับ

ร้านขายราดหน้าแถวบ้านผม เมื่อก่อนจะมีโควิด 4 ทุ่มกว่ายังพอหาซื้อได้ครับ แต่ปัจจุบัน 2 ทุ่มกว่าๆ หมดเรียบร้อยครับ ตอนแรกผมนึกว่าเขาคงทำมาน้อย แต่เมื่อสอบถามแล้วก็ยังคงเตรียมมาเท่าเดิม แต่เป็นเพราะมีบริการไรเดอร์มาซื้อกันทีหลายๆถุงครับ

---> งานอีกอย่างหนึ่งที่มีโอกาสทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ (ถ้าขยัน) ในยุคโควิดคือ มอเตอร์ไซค์ไรเดอร์ส่งของส่งอาหารครับ

คงจะจำกันได้ใช่ไหมครับ โรคโควิค-19 เริ่มระบาดหนักในประเทศไทยเมื่อต้นปี 2563 (ราวเดือนมีนาคม 2563 เป็นต้นมา) ก่อนหน้าที่โรคนี้มันจะระบาด ประมาณปลายปี 2562 และก่อนหน้านั้นถอยหลังลงไป คงจะจำกันได้ว่าวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของท่านโดยทั่วไปเป็นอย่างไร เช่น เวลาออกจากบ้าน เดินทางไปไหนมาไหน จะต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเหมือนตอนนี้หรือเปล่า ขึ้นรถลงเรือจะต้องงัดเอาแอลกอฮอล์ขึ้นมาล้างมือหรือเปล่า เข้าบ้านเข้าสำนักงาน และเวลาจะรับประทานอะไรทุกครั้ง จะต้องล้างมือก่อนทุกครั้งอย่างเคร่งครัดหรือเปล่า ฯลฯ ผมว่า โดยส่วนใหญ่คง "เปล่า" ใช่ไหมครับ

คำถามคือ ถ้าต่อไปในอนาคต โรคนี้มันถูกควบคุมหรือกำราบได้ เพราะมียาหรือวัคซีนป้องกันรักษา คิดว่าการดำเนินชีวิตประจำวันของคนเราจะเปลี่ยนไปไหมครับ เมื่อเทียบกับวิถีชีวิตก่อนที่โรคจะระบาดเมื่อต้นปี 2563

ผมว่าวิถีชีวิตประจำวันของคนเราคงจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว มันจะต้องเปลี่ยนแปลงไป ไม่มากก็น้อย เช่น เมื่อก่อนท่านเคยไปออกงานเลี้ยง งานสังสรรค์ ที่นั่นที่นี่ แล้วไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัย แต่ต่อไปในอนาคต ท่านอาจจะทำแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว เพราะท่านจะต้องสวมหน้ากากอนามัยออกงานทุกครั้ง

การดำเนินวิถีชีวิตหลายอย่างและการเข้าสังคมในปัจจุบันและอนาคตจะต้องเปลี่ยนไปเพื่อให้สมกับวิถีชีวิตแบบ new normal ถ้าเผลอเมื่อไหร่ ท่านและแหล่งที่ท่านปรากฏตัวอยู่จะกลายเป็นแหล่งคลัสเตอร์ในการระบาดของโรคทันทีครับ

ธนาคารในยุคโควิด-19 การให้บริการก็เปลี่ยนไปเยอะ ลูกค้าต้องเจอมาตรการตรวจอุณหภูมิและให้สวมถุงมือ ลงชื่อ ฯลฯ ก่อนเข้ารับบริการที่ธนาคาร และต้องนั่งรอคิวเป็นเวลานานขึ้นกว่าจะได้รับบริการ ซึ่งผิดกับช่วงเวลาก่อนที่โควิดจะระบาด จำนวนพนักงานธนาคารก็ลดลง สรุปว่าไม่สะดวกครับ

แม้แต่ธนาคารเล็กๆที่โดยปกติจะมีลูกค้าไม่มาก ใช้เวลาดำเนินการด้านธุรกรรมไม่นาน แต่ปัจจุบันนี้เปลี่ยนไปครับ ต้องใช้เวลานานพอสมควร ส่วนธนาคารใหญ่ๆไม่ต้องพูดถึงครับ และผมมีภาระต้องชำระค่าผ่อนบ้านที่ธนาคารออมสิน ซึ่งคนเยอะมากครับ

แม้แต่ธนาคารเล็กๆที่โดยปกติจะมีลูกค้าไม่มาก ใช้เวลาดำเนินการด้านธุรกรรมไม่นาน แต่ปัจจุบันนี้เปลี่ยนไปครับ ต้องใช้เวลานานพอสมควร ส่วนธนาคารใหญ่ๆไม่ต้องพูดถึงครับ และผมมีภาระต้องชำระค่าผ่อนบ้านที่ธนาคารออมสิน ซึ่งคนเยอะมากครับ

---> ลองเปลี่ยนมาจ่ายบิลค่าผ่อนบ้านผ่านแอปของธนาคารทางมือถือสิครับ รวดเร็วและไม่ต้องต่อคิว ผมว่าแอปของธนาคารน่าจะมีบริการนี้อยู่ หรือว่ากลัวจะไม่ปลอดภัยครับ เพราะยอดเงินสูง 5555 :D

ดูเหมือนบรรดาธนาคารต่างพยายามให้ลูกค้าปรับตัวมาทำธุรกรรมต่าง ๆ เช่น จ่ายบิล โอนเงิน ฯลฯ ผ่านแอปของธนาคารทางอินเทอร์เน็ตให้มากขึ้น มากกว่าที่จะต้องเดินทางไปแบงก์ แล้วยิ่งถ้าไปแบงก์แล้วเจอพวก messenger สะพายเป้สะพายกระเป๋ามาอยู่คิวก่อนหน้าเรานะ เตรียมตัวนั่งเซ็งรอนานเลยครับ :P เพราะพวกนี้หอบเอกสารหอบบิล เช็ค ตั๋วแลกเงิน ฯลฯ ของบริษัทห้างร้านมาเป็นปึก พนักงานธนาคารต้องใช้เวลานานมากกว่าจะทำเสร็จ ระยะหลังมานี้ผมก็พยายามปรับตัวในการทำธุรกรรมบางอย่าง เช่น โอนเงิน จ่ายบัตรเครดิต ฯลฯ โดยจะจ่ายผ่านแอปธนาคารให้มากขึ้น เพื่อลดเวลาที่จะต้องไปนั่งรอคิวที่ธนาคารครับ

เลิกไปแบงค์มา 5 ปีได้แล้วครับ ทำธุรกรรมทางมือถือได้หมด โอน ถอน ซื้อกองทุน

น้องๆสาวแบงค์ออกจะหน้าตาน่ารัก น่าเอ็นดู การจะไม่ไปทำธุรกรรมที่แบงค์เลยก็กระไรอยู่ครับ 5555

ผมไปเข้าโครงการช่วยเหลือของแบงค์ในช่วงโควิด ผลของการเข้าโครงการ คือ จ่ายค่าผ่อนบ้านทางแอปจะส่งแต่ดอกเบี้ย ไม่ตัดเงินต้นเลยครับ หากต้องการชำระเงินต้นด้วย ต้องมาจ่ายที่หน้าเคาว์เตอร์เท่านั้น แต่ผมชอบจ่ายหน้าเคาว์เตอร์ เหตุผล คือ ได้พูดคุยกับน้องๆ สาวแบงค์ครับ 55555

ผมก็ชอบการไปทำธุรกรรมที่แบงก์ เพราะมีโอกาสได้พบเจอผู้คน (โดยเฉพาะพนักงานสาว ๆ ;D) แต่การต้องไปนั่งรอคิวนาน ๆ ก็ทำให้เสียเวลามากเกินไปครับ

ยิ่งนานๆๆ ก็ยิ่งได้พูดคุย(จีบ)นานๆๆ ผมว่ามองในแง่บวกไว้ โลกสดใสครับ 5555

มีแพทย์บางคนทำนายว่าประเทศไทยกำลังจะเข้าระลอกที่ 5 ของการระบาด ซึ่งการระบาดระลอกนี้จะหนักกว่าเดิม คือมีผู้ป่วยจำนวนมากกว่าในขณะนี้อีกหลายเท่าตัว แต่ใครที่ได้ยินข่าวนี้แล้วก็อย่าเพิ่งตระหนก เพราะถ้าถึงตอนนั้น ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนกันโดยส่วนใหญ่หรือเป็นจำนวนมากพอแล้ว หากมีการติดเชื้อก็จริง แต่อาการจะไม่ถึงขั้นรุนแรงและจะไม่ถึงตายครับ

นักเรียนนักศึกษาไม่ได้ไปเรียนหนังสือในห้องเรียนนานเท่าไหร่แล้วครับ... กี่เดือน? หรือว่าถึงปี? หรือปีกว่าแล้ว? อันนี้ผมไม่ทราบ เพียงแต่รู้สึกว่านานมากแล้วที่โรงเรียนและมหาวิทยาลัยปิด และให้เด็กเรียนทางออนไลน์อยู่บ้านกัน ระบบการศึกษาของบ้านเราจะล่มสลายหรือเปล่าครับ ถ้าจะต้องหยุดเรียนกันนานเกินไปเพราะโควิดระบาด ???

จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดค่อย ๆ ลดลง และจำนวนผู้ได้รับการฉีดวัคซีนก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ประเทศไทยเตรียมเปิดประเทศนำร่อง 5 จังหวัดแรกแล้วครับ ถนนในกรุงเทพรถเริ่มติด ผู้คนตามสถานที่ต่าง ๆ ตามห้างสรรพสินค้า ฯลฯ เริ่มกลับมาปรากฏตัวกันมากขึ้นครับ

ผมว่าผมจะตายไม่ใช่เพราะโรคโควิด-19 หรอก หากแต่จะตายเพราะ "หน้ากากอนามัย" ที่สวมใส่ไปไหนมาไหนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนี้ต่างหาก... ที่พูดเช่นนี้ก็เพราะว่า ถ้ามองย้อนไปในอดีต ก่อนโรคนี้จะเริ่มระบาดในบ้านเราเมื่อประมาณช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2563 ผมไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย (และคนเราทั่วไปส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยเช่นกัน) เวลาเดินไปไหนมาไหนรู้สึกกระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่า ปกติผมเดินออกไปทานข้าวกลางวันนอกสำนักงานทุกวันและเดินไปลงเรือและต่อรถตู้เข้าบ้าน ก็ยังโอเค แต่พอโรคเริ่มระบาด รัฐบาลสั่งให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้านและตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ สำนักงาน ฯลฯ เมื่อผมใส่หน้ากากอนามัยเดินไปไหนมาไหน โดยเฉพาะเวลาเดินระยะไกล จะรู้สึกเหนื่อยหอบง่าย เหมือนอากาศเข้าไปเลี้ยงปอดไม่พอ บางทีเดินขึ้นสะพานลอยแทบจะหน้ามืดเลย ผมคิดว่าหน้ากากอนามัยมีส่วนทำให้ผมต้องเหนื่อยง่ายเวลาเดินไปไหนมาไหนอย่างนี้ ทั้ง ๆ ที่แต่ก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้เลย แล้วท่านลองคิดดูนะครับ หน้ากากอนามัยอย่างที่ว่านี้ มันมีอนามัยสำหรับผู้สวมใส่จริงหรือเปล่า เพราะเวลาท่านสูดหายใจเข้าก็โอเคอยู่ มันสามารถป้องกันฝุ่นป้องกันเชื้อโรคได้ในระดับหนึ่ง แต่พอท่านหายใจเข้าแล้ว ท่านต้องหายใจออกเพื่อปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา แล้วช่วงจังหวะที่ปล่อยอากาศเสียออกมา ถ้าท่านเป็นคนหายใจเข้าออกเร็ว ปล่อยอากาศเสียออกมาได้ไม่ทันไร ก็สูดอากาศเสียของเดิมเข้าปอดไปอีกแล้ว เพราะหน้ากากอนามัยมันกั้นอากาศเสียอยู่ อากาศเสียที่ท่านปลดปล่อยออกมามันยังไม่ได้ไปไหน แต่กลับถูกสูดเข้าปอดอีกครั้ง พอนึกภาพออกไหมครับ เรื่องนี้ไม่ทราบว่าท่านคิดอย่างไร แต่ผมคิดของผมอย่างนี้ ผมไม่ใช่หมอ แต่ผมคิดตามหลักตรรกะพื้นฐานทั่วไป คาร์บอนไดออกไซด์ที่หายใจออกมามันยังไม่ได้จางหายไปไหนหมด ยังมีหลงเหลืออยู่บริเวณจมูก เพราะถูกหน้ากากอนามัยอุดกั้นเอาไว้ แล้วจมูกของเราก็สูดดมมันกลับเข้าไปใหม่ ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่ามัน "อนามัย" สมชื่อหรือเปล่า เพราะทุกวันนี้เวลาเดินไปไหนมาไหนหรือขยับจะทำโน่นทำนี่ ผมรู้สึกไม่ค่อยแข็งแรงเหมือนตอนก่อนที่จะสวมหน้ากากอนามัยแล้ว เวลาที่ผมมีความสุขที่สุดคือ เวลาอยู่คนเดียวและเวลาที่รับประทานอาหาร เพราะไม่ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยไงครับ

วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ผมและภรรยาจะไปรับวัคซีนเข็มที่ 2 แต่ว่า ตั้งแต่ได้รับวัคซีน AstraZeneka เข็มแรกมา ผมรู้สึกว่าเคมีในร่างกายมันปั่นป่วนอย่างไรชอบกล เหมือนถูกผลกระทบข้างเคียงของวัคซีน รู้สึกได้ถึงความแตกต่างระหว่างก่อนฉีดและหลังจากฉีดเข็มแรกแล้ว และถ้าไปฉีดเที่ยวนี้อีกจะเป็นอย่างไรอีกบ้างก็ไม่รู้ครับ :-\

ผมรับวัคซีนเข็ม 1,2 เป็นของซิโนแว็ค ซึ่งไม่มีความรู้สึกเจ็บอะไรเลย อาจจะมีวูบๆบ้าง(น่าจะวิตกจริตไปเอง) เมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมา ผมได้ไปรับเข็ม 3 เป็นของไฟเซอร์ ความรู้สึกคือเจ็บแขนมากครับ  แต่ไม่มีอาการวูบ หรืออาการอื่นใดเลยครับ

หลังจากฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้ว ประมาณสักอาทิตย์หรือสองอาทิตย์ ผมเป็นไข้หวัด มีน้ำมูกไหล และไอเล็กน้อย นอนซมเหงื่อออกอยู่บ้านสองวัน ตอนแรกนึกว่าติดโควิดซะแล้ว แต่ไม่ใช่ คงอาจเป็นเพราะเดินให้หัวโดนละอองฝน เข้าบ้านแล้วอาบน้ำแต่ไม่สระผม ซึ่งก็น่าจะเป็นสาเหตุหนึ่ง และอีกสาเหตุหนึ่งที่อาจเป็นไปได้ก็คือ อาการแพ้วัคซีนต้านโควิดที่ฉีดเข้าไปเข็มแรก ซึ่งมาพร้อมกับอาการปวดหลังอยู่นานจนต้องไปหาหมอ ผมเล่าอาการให้หมอฟัง แต่หมอบอกว่าไม่น่าจะใช่ เพราะถ้าเป็นผลข้างเคียงของวัคซีน มันต้องสำแดงอาการไม่นานหลังจากฉีดวัคซีน แต่นี่มันทิ้งช่วงห่างเป็นอาทิตย์ ผมก็ได้แต่ฟัง ๆ ไว้ ยังไงก็คงเชื่อหมอไว้ก่อนครับ

ไม่อยากบ่นก็ต้องบ่นละครับงานนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ 1 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา ผมและภรรยาเดินทางไปรับวัคซีนเข็มที่ 2 ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านถนนสุขุมวิทตามนัดหมาย แต่ปรากฏว่าพอไปถึงห้าง รปภ.และประชาสัมพันธ์ของห้างแจ้งว่าไม่มีการฉีดวัคซีนในวันนั้นและต้องเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปโดยทางห้างเองก็ไม่ทราบว่าเลื่อนออกไปเป็นเมื่อใด ผมงี้ยัวะเลย แต่ไม่ได้แสดงออก เพราะไม่ใช่ความผิดของห้างฯ แต่เป็นความผิดของโครงการฉีดวัคซีนของรัฐบาลต่างหากที่ไม่ได้แจ้งประชาชนทราบล่วงหน้าว่าเปลี่ยนกำหนดการฉีดวัคซีนเป็นวันอื่น ประชาชนคนอื่น ๆ ที่มาติดต่อเพื่อขอรับวัคซีนไล่ ๆ กันกับผมต่างพากันเงิบไปตาม ๆ กัน และต้องพากันกลับบ้านไปด้วยความผิดหวัง วันนั้นผมต้องลางานทั้งวันเพื่อไปฉีดวัคซีนกับภรรยา แต่ก็ไม่ได้ฉีด หน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องฉีดวัคซีนทำงานกันอย่างนี้ไม่ "โปร" เลยนะครับ ผมเล่าให้ใครฟัง ใคร ๆ เขาก็ว่าทำงานแย่มาก น่าจะได้แจ้งให้ประชาชนทราบล่วงหน้าทาง SMS อย่างน้อยวันสองวันก็ยังดี ไม่ใช่ทำเงียบแล้วให้พวกเขาต้องเสียเวลาและเสียค่ารถไปโดยเปล่าประโยชน์ ฮ่วย! >:(

เมื่อวาน 5 ต.ค. 2564 ผมไปรับวัคซีนเข็มที่ 2 ณ ที่เก่าเวลาเดิม คราวนี้ไม่มีโดน "เท" เหมือนวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมาครับ

แม้ว่าผมจะรับวัคซีน 3 เข็มแล้ว แต่ผมตรวจหาเชื้อโควิดอยู่เป็นประจำครับ ล่าสุดที่ รพ.มิตรประชา เพชรเกษม 39 รับตรวจ ATK ทุกวัน ตั้งแต่ 09.00 - 16.00 น.ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ สรุปว่าผมตรวจหาเชื้อทุก 7 วันครับ

8 ต.ค. 2564 ผู้คนเริ่มออกมาทำงานกันนอกบ้านมากขึ้น รถราเริ่มติด และโรงเรียนใกล้จะเปิด
เวลาแห่งความสุขในการเดินทางบนท้องถนนในกรุงเทพค่อย ๆ หมดไปครับ

รัฐบาลกำลังจะเปิดประเทศแล้วในวันที่ 1 พ.ย. ศกนี้ ไม่ทราบพร้อมกันหรือยังครับ พี่น้อง :D

16 ต.ค. 2564 เคอร์ฟิว 5 ทุ่ม ถึงตี 3 ครับ

ใกล้แล้วนะครับ เรากำลังจะเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย. ศกนี้ พร้อมกับโรงเรียนอีกหลายแห่งที่กำลังจะเปิดวันนั้นด้วย
สภาพการจราจรบนท้องถนนก็คงจะกลับไปเป็น (ติด) เหมือนเดิมละครับ พี่น้อง เผื่อเวลาในการเดินทางด้วยนะครับ

ถ้าสถานการณ์กลับสู่ปกติเมื่อไหร่คงได้คิดจัดมีตติ้งกันอีก

วันนี้เป็นวันแรกของการ "เปิดประเทศ" ตามนโยบายของรัฐบาล สภาพการจราจรทั่วไปในตอนเช้าก็ยังเหมือนวันก่อน ๆ ที่ผ่านมา ก็รอดูกันต่อไปครับ ว่าหลังจากเปิดประเทศแล้ว จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ทุกคนต้องช่วยฝ่าฟันกันไปให้ได้ครับ

28 ธ.ค. 2564 กรุงเทพผู้คนเริ่มบางตา หลายคนคงได้หยุดหลายวันและออกไปเที่ยวต่างจังหวัดกันแล้ว หลังจากอัดอั้นไม่ได้เที่ยวกันมานาน เพราะการควบคุมสถานการณ์โรคระบาดโควิด ก็ขอให้เที่ยวกันอย่างมีสติภายใต้มาตรการควบคุมการติดเชื้อ เพราะน่าเป็นห่วงว่า หลังปีใหม่ไปแล้วจำนวนยอดผู้ป่วยติดเชื้อจะเพิ่มสูงขึ้นอีกมากครับ

รัฐบาลสั่งให้พวกข้าราชการทำงานอยู่บ้านเป็นเวลา 14 วันนับแต่ขึ้นปีใหม่ 2565 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน แต่เมื่อเช้านี้ผมเห็นเด็กนักเรียนแถวบ้านโหนรถสองแถวไปเรียนหนังสือ...

รู้สึกขัด ๆ ในใจยังไงชอบกลอยู่ครับ ::)

โควิดสายพันธุ์โอมิครอนชักจะระบาดรุนแรงขึ้น จำนวนยอดผู้ป่วยรายวันเพิ่มจำนวนมากขึ้นแล้วครับ

เราอยู่กับโควิด-19 มาตั้งแต่ต้นปี 2563 บัดนี้ก็จะร่วม 2 ปีแล้ว ยังกลัวมันอยู่หรือเปล่าครับ? ผมเลิกกลัวมันแล้ว แต่ก็ไม่ประมาท เพราะยังต้องรักษาอนามัยส่วนตัว "การ์ดอย่าตก" อยู่เช่นเดิม ที่ผ่านมา ผมเดินทางไปทำงานที่ออฟฟิศแทบจะทุกวัน แต่มีอยู่ 2 วันที่จำใจต้องทำงานอยู่บ้าน เพราะถูกร้องขอโดยนโยบายขององค์กร แล้วก็ไม่รู้เป็นอะไร เวลาทำงานอยู่ออฟฟิศไม่ค่อยโดนผู้ใหญ่เรียกหรือตามจิก แต่พอทำงานอยู่บ้านแค่สองวัน จิกเอา ตามเอา จนผมมาทำงานที่ออฟฟิศเหมือนเดิม สบายใจกว่าครับ 5555 :D

วันนี้ผมไปรับวัคซีนเข็ม 4 ความจริงไปโรงบาลตั้งแต่วันจันทร์ แต่ยังกลัวๆ ก็เลยถอยกลับมาตั้งหลัก วันนี้ได้รับคำสั่งจากคุณแม่ของลูกให้ไปฉีด ก็จัดไปครับเข็ม 4

โอ้โฮ... เข็มที่ 4 แล้วเหรอครับ :o ผมเพิ่งรับไป 2 เข็มเอง

วันนี้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นเป็นหมื่นห้าพันกว่า ๆ หลังจากที่คงระดับจำนวนไม่ถึงหมื่นมาได้ระยะหนึ่ง ต่อมาก็กระโดดขึ้นเป็นหลักหมื่น หมื่นต้น ๆ และหมื่นห้าพันกว่า ๆ ในวันนี้ เขาว่าสายพันธุ์โอมิครอนติดเชื้อง่ายและคนติดเชื้อไม่แสดงอาการ แต่ความร้ายแรงไม่เท่าสายพันธุ์เดลต้าครับ

เมื่อวานผมกับภรรยาไปฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 กันที่ห้างโรบินสันฉะเชิงเทรา โดยสามารถ walk in เข้าไปฉีดได้เลย กระบวนการรวดเร็ว ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ห้านาทีก็เสร็จ และไปนั่งพักได้แล้วก่อนจะกลับบ้าน ส่วนวัคซีนที่ฉีดก็เป็น Pfizer เพราะก่อนหน้านี้ฉีดแอสตร้าไปแล้ว 2 เข็มครับ

กลับมาพบกันใหม่หลังเทศกาลปีใหม่ไทยหรือสงกรานต์ประจำปี 2565 ผมได้หยุดทำงานตั้งแต่วันที่ 13-17 เมษายน ไม่ได้ไปเที่ยวไหนกับเขา นอนพักผ่อนอยู่บ้าน อิ่มเลย 5555 :D เพื่อน ๆ สมาชิก Thai Prog ไปเที่ยวไหนกันมาบ้างหรือเปล่า สองปีแล้วที่เราอยู่กับ COVID-19 มา ยังไงก็ต้องอยู่กับมันให้ได้นะครับ

จำนวนผู้ป่วยโควิดทยอยลดลงเป็นอันมาก ดูเหมือนผู้คนเริ่มไม่กลัวโควิด ออกไปทำงานตามปกติกันมากขึ้น โรงเรียนกำลังจะเปิดเต็มรูปแบบในวันที่ 17 พ.ค. 2565 และการจราจรตามท้องถนนชักเริ่มจะติดขัด เพราะรถรามีมากขึ้น และจอดติดไฟแดงนานขึ้น เรากำลังค่อย ๆ กลับสู่ภาวะที่เคยเป็นอยู่เดิม (รึเปล่า)

ชักคิดถึงคุณงามความดีของโควิดที่ช่วยแก้ปัญหาจราจร ทำให้ในกรุงเทพรถไม่ติดได้เป็นปี ๆ ครับ (อ้าว ยังไงกันเนี่ย 5555) ;D

17 พ.ค. 2565 วันเปิดเทอมเต็มรูปแบบวันแรก ซึ่งเราจะได้เห็นเด็กนักเรียนเดินทางออกไปเรียนหนังสือตามโรงเรียนและสถาบันการศึกษาต่าง ๆ หลังจากที่ห่างหายไปนาน เพราะเรียนระบบออนไลน์อยู่บ้าน ข่าวจากวิทยุรายงานว่ารถติดช่วงเช้า วันนี้ผมออกจากบ้านเช้ากว่าปกตินิดหน่อย จึงเลี่ยงปัญหาจราจรติดขัดบนท้องถนนไปได้ ต่อไปคงต้องออกเดินทางเช้าขึ้น และจะโอ้เอ้เถลไถลเหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้วครับ

เผลอแป็บเดียวผมฉีดเข็ม 4 ไปตั้งแต่เดือนมกราคม 65 ทราบข่าวว่าฉีดเข็มที่ 5-6 กันแล้วครับ แต่ผมยังลังเลว่าจะฉีดเข็ม 5 ดีมั้ย

อายุยังไม่ถึง 60 สามเข็มก็พอแล้วครับ ฉีดอะไรมากมาย เดี๋ยวมันจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดีนาครับ 5555 :D

ผมเดินไปสอบถามที่รพ.เพื่อจะฉีดเข็มที่ 5 คุณพยาบาลบอกว่าถ้าอยากฉีดก็ฉีดได้ค่ะ แต่พยาบาลยังไม่ฉีดนะค่ะ ผมถอยกลับมาตั้งหลักทันทีเลยครับ

ในที่สุดก็ติดจนได้ครับ ระมัดระวังตัวแล้ว แต่ก็ติดจากคนในครอบครัวครับ สรุปติดทั้งพ่อ แม่ ลูก ครับ

ในที่สุดก็ติดจนได้ครับ ระมัดระวังตัวแล้ว แต่ก็ติดจากคนในครอบครัวครับ สรุปติดทั้งพ่อ แม่ ลูก ครับ

---> รักษาตัว ดูแลสุขภาพ และขอให้ปลอดภัย หายไว ๆ ทั้งครอบครัวครับ

ขอบคุณมากๆครับ พี่ปีศาจ ขอให้ปลอดภัยเช่นกันครับ

การจราจรตามสี่แยกที่ไม่ค่อยติดขัดในช่วงโควิดระบาด ตอนนี้กลับมาติดขัดเหมือนเดิมแล้ว และผู้คนคงจะไม่ได้ทำงานอยู่บ้านหรือ WFH กันแล้ว ถ้าขืนยัง WFH กันอยู่ นายจ้างคงจะให้อยู่บ้านกันอย่างถาวรแน่เลยครับ 5555 :D

ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และศบค. ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. 2565 เป็นต้นไป เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยขณะนี้ดีขึ้น

ต่อไปนี้กิจกรรมอะไร ๆ หลายอย่างคงจะได้รับการผ่อนคลายมากขึ้น รวมทั้งการสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งอาจจะไม่จำเป็นต้องสวมก็ได้ นัยว่าไม่โดนบังคับตามกฎหมายแล้ว

แต่ออกนอกบ้านทุกครั้ง สวมแมสก์ไว้เถอะครับ เชื่อผม เพราะท่านไม่รู้หรอกว่าคนที่ท่านพบปะเสวนาหรือเดินผ่านในที่สาธารณะหรือนั่งข้างท่านหรือยืนเบียดท่านบนรถหรือพาหนะโดยสารประจำทางนั้นจะเป็นพาหะโรคโควิดหรือเปล่า เพราะเราเห็นคนแต่ไม่เห็นเชื้อโรค ป้องกันตัวเองไว้ก่อนดีที่สุดครับ

https://www.hfocus.org/content/2022/09/26013

ปกติผมจะเปิดวิทยุทิ้งไว้ระหว่างทำงานเพื่อฟังเพลงหรือรายการอื่น ๆ ระหว่างทำงาน วันหนึ่งผมได้ยินรายการสนทนาเรื่องสุขภาพ มีใครไม่ทราบในรายการบอกว่า โรคโควิดจะอยู่กับเราไปอีกนาน แม้คนที่ยังไม่เคยเป็น โรคนี้มันจะพยายามทำให้เราเป็น ทำให้เราติดเชื้อให้ได้...

ได้ยินแล้วใจแป้วเลย ::) ทำไมพูดอย่างนี้ ??? ผมคนหนึ่งละครับที่ยังไม่เคยเป็นโควิด :D

ถึงแม้ในขณะนี้สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 จะบรรเทาเบาบางลง ก็อย่าได้นิ่งนอนใจ ประจวบเหมาะกับฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ซึ่งกำลังโจมตีกรุงเทพและอีกหลายพื้นที่อย่างหนักอยู่ในตอนนี้ คำว่า "การ์ดอย่าตก" ยังใช้ได้อยู่เสมอ ออกนอกบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และตอนนี้ที่ออฟฟิศผมมีคนติดโควิดไปแล้วอีกสองคน คนหนึ่งเคยเป็นโรคนี้แล้วยังเป็นซ้ำอีก ส่วนอีกคนหนึ่งยังไม่เคยเป็นไม่เคยติด แต่ก็ติดจนได้ แถมยังนั่งอยู่ใกล้บริเวณที่ผมนั่งทำงานด้วย...

รู้สึกว่ามันชักจะรุกคืบใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้วครับ ยังไง ๆ ก็ละเว้นกันไว้บ้างสักคนนา 5555 :D

ช่วงหลังผมก็เริ่มประมาทครับ หน้ากากเริ่มไม่ใส่แล้ว คงต้องกลับมาตั้งการ์ดใหม่อีกครั้งครับ

วันพฤหัสบดีที่ 23 มี.ค. 2566 ผมนั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ เริ่มไอ ระคายคอ มีน้ำมูกเล็กน้อย รู้สึกชักไม่ค่อยจะดี จึงรีบขอยา Decolgen จากในออฟฟิศมากิน รุ่งขึ้นวันศุกร์ยังพอไปทำงานได้ ไม่มีอาการปวดหัวหรือครั่นเนื้อครั่นตัว ระหว่างนี้อัดยา Decolgen สามเวลาหลังอาหารทุกมื้อ เสาร์อาทิตย์นอนยาวแทบทั้งวัน น่าจะโดนไข้เล่นงาน และเพิ่งจะดีมีเรี่ยวแรงขึ้นเมื่อเย็นวานนี้ คงไม่น่าจะใช่โควิด อาจจะเป็นแค่ไข้หวัดเปลี่ยนฤดูก็ได้ ซึ่งผมมักจะเป็นโรคนี้เวลาที่อากาศเปลี่ยนแปลงฉับพลันครับ

เกือบสี่ปีแล้วนะครับที่โรคโควิด-19 อยู่กับเรา ถ้านับตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2563 เป็นต้นมา ไม่ทราบว่าท่านทั้งหลายชินกับมันแล้วยัง ตอนนี้ออฟฟิศของผมยังมีคนติดโควิดกันอยู่ประปราย ทีละคนสองคน ติดง่าย หายเร็ว แต่จะให้ดีที่สุด อย่าเป็นหรืออย่าติดจะดีกว่า ในเมืองหลวงตอนนี้ไม่ใส่หน้ากากกันแล้วก็หลายคน โดยเฉพาะพวกนักท่องเที่ยวหรือคนต่างชาติ คนไทยก็มีเยอะที่ไม่ใส่หน้ากาก แต่ผมไม่เอาด้วยหรอกครับ โดยเฉพาะตอนที่นั่งรถนั่งเรือโดยสารหรืออยู่ในที่สาธารณะ เช่นห้างสรรพสินค้า ท้องถนนที่มีผู้คนขวักไขว่ ฯลฯ เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนที่นั่งโดยสารข้างเราหรือใกล้เราหรือเดินสวนกับเราจะเป็นโควิดหรือเปล่า ทางที่ดีที่สุดคือป้องกันตัวเองไว้ก่อน ถึงแม้ตอนนี้จะติดง่ายหายไวก็ตาม แต่ไม่เป็นเลยจะดีที่สุดครับ "การ์ดอย่าตก" ท่องเอาไว้เสมอ