แผ่นเสียง Pink Floyd ที่ Reissue ยุคหลังจากปี 2016 เป็นต้นมา ใช้แหล่งไฟล์ดิจิตัลมาทำ Mastering ครับ คุณภาพเสียงของ 50th Anniversary ไม่ต่างจาก 2016 Reissue เท่าใดนัก อาจจะทึบๆ กว่านิดๆ ด้วยซ้ำ

ถ้าหากฟังอยากไม่เปรียบเทียบกับปั๊มเก่า ถือว่าคุณภาพเสียงมาตรฐาน Enjoy Music ได้ ไม่แย่ครับ แต่ถ้าเทียบกับปั๊มเก่าๆ Analog ยังห่างไกลพอสมควรครับ

ส่งไปให้อีกครั้งแล้วนะครับ

เมื่อเช้าวันนี้ ผมส่งเมล์แจ้งทาง Naxza เรื่องการเปลี่ยนผู้ดูแลเว็บ ไปเป็นพี่ Kanoksak เรียบร้อยแล้วนะครับ
ในเมล์จะมีรายละเอียดของบัญชี พร้อมจำนวนเงิน 1,500 บาท เมื่อโอนแล้วรบกวนตอบเมล์แจ้งกลับไปด้วยนะครับ
ขอบคุณพี่ Kanoksak มากๆ ครับผม

บริษัทที่เราเช่า Hosting อยู่ชื่อ Naxza นะครับ ผมจะส่งรายละเอียดของการชำระเงิน และแจ้งทางเว็บ Naxza ให้ทราบว่าเปลี่ยนจากชื่อผม เป็นชื่อของพี่ Kanoksak (eric carmen) นะครับ โดยผมจะส่งเมล์ไปที่ eloy2009@windowslive.com นะครับ ขอบคุณครับ

ข้างล่างนี้เป็นเว็บไซต์ของ Hosting ที่เราใช้งานอยู่นะครับ
https://www.naxza.com/newweb/

สวัสดีครับ ขอแจ้งผู้ใช้เว็บทุกท่านทราบ ดังนี้ครับ

ตอนนี้ผมขออนุญาตปลดระวางตัวเองจากเจ้าของและผู้ดูแลเว็บ ในปีหน้าที่จะถึงนี้แล้วนะครับ สาเหตุหลักมาจาก จำนวนผู้ใช้เว็บที่น้อยลง และเรามี Community ที่ใหม่คือ Facebook ที่สมาชิกใหญ่ไปรวมตัวกันอยู่ที่นั่น บวกกับเงินที่ผมเปิดบัญชีจากการสมทบทุนเว็บหมดลงตั้งแต่สองปีที่แล้ว เลยคิดที่จะขอยุติบทบาทของตัวเอง สำหรับเว็บเพียงเท่านี้ครับ

สำหรับสมาชิกท่านใด ที่ยังคิดว่า เว็บ Thaiprog.net แห่งนี้ควรจะยังเดินหน้าต่อ สามารถอาสาและแจ้งความจำนงมาในกระทู้นี้เลยครับ Hosting ของเราจะหมดอายุ ในวันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายนนี้แล้ว สามารถจ่ายค่าโฮสติ้งล่าช้าได้ไม่เกิน 1 สัปดาห์ ซึ่งผมคิดว่าเราน่าจะมีเวลาเคลียร์กันทัน

คำถาม : จะอาสารับหน้าที่ดูแลเว็บต่อ ต้องทำอะไรบ้าง?
คำตอบ : ถ้าจะเอาแบบง่ายๆ ดูแลเว็บให้รันต่อไปได้เฉยๆ โดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็แค่ติดต่อกับทาง Hosting และคอยชำระค่าใช้จ่ายรายปีเท่านั้น ปีละ 1,500 บาท เว็บของเราก็จะอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ ได้ หากมีปัญหาใดๆ กับ Webboard ก็สามารถติดต่อ Hosting ให้เค้าช่วยแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้

คำถาม : ไม่มีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ หรือเว็บไซต์ สามารถทำได้ไหม?
คำตอบ : ทำได้เช่นกัน เพราะเราแค่จ่ายเงินรายปีเท่านั้น สมัยก่อนที่ผมสร้างเว็บขึ้นมา ผมมีความรู้มากกว่านี้ แต่ตอนนี้ความรู้เหล่านั้นหายไปหมดแล้วครับ หน้าเพจของเราที่ถูกสร้างขึ้นด้วย Engine Mambo มันก็เก่าแก่มากๆ แล้ว จนไม่น่ามีใครพัฒนาต่อไปได้แล้วล่ะ

หากมีท่านใดสนใจจะรับอาสาสมัครทำหน้าที่นี้ แจ้งความจำนงมาในกระทู้นี้ได้เลยนะครับ หากสรุปกันได้แล้ว ผมจะโทรไปอธิบายเรื่องราวเพิ่มเติมแล้วจะแจ้งครับ ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อ ขอบคุณครับ

คิดว่าไม่มีอะไรผิดพลาด คงไปร่วมงานเหมือนเดิมนะครับ

แต่เรื่องการโหวตวัน ต้องขอบอกว่าผมยังไม่กล้าโหวต วันมันไกลไปนิดนึง แต่จริงๆ ผมก็โอเคกับทั้งสามวัน เพราะคาดว่าสงกรานต์ปีนี้ไม่ได้มีโปรแกรมจะไปเที่ยวไหนครับ

ร้านโดเรมี เปิด 4 โมงเย็นครับ มายืนยันอีกเสียง

วันเสาร์เพิ่งแวะไปอุดหนุนมาเลยครับ

วันนี้ได้โอนเงินค่าโฮสต์ติ้งสำหรับเว็บไปให้แล้วนะครับ (จะหมดอายุ วันที่ 5 พ.ย. ของทุกปี ประมาณนี้) จำนวน 1,500 บาท



เราก็มีเงินเหลืออยู่ในบัญชีของเว็บ ประมาณ 2,300 บาท ซึ่งจะพอเหลือเป็นค่าโฮสต์ของเว็บไปอีกหนึ่งปีนะครับ

ไปครับ

แคลปตันมาไทยอีกแล้วครัช

อยากดูนะ แต่ว่าบัตรแพงจัง (แพงกว่าเดิมอีก)

Rhodes หวานกว่า ใสกว่า มีความกังวาลและให้ฟีล Bell-Like มากกว่าครับ ฟังดู Jazz กว่า

ส่วน Wurlitzer ขุ่นกว่า เสียงกลางเยอะกว่า Bark ได้มากกว่า (เวลากดคีย์แรงๆ)

ถ้่าให้ผมเทียบ Rhodes กับ Wurlitzer เป็นชาซักถ้วย
Rhodes >> ชาน้ำผึ้ง ผสมมะนาว
Wurlitzer >> ชานม ใส่วนิลานิดๆ

อยากได้ครับ แต่เทียบกับราคาแล้ว ผมมองว่าเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลยครับ ในราคาหนึ่งแสนสามหมื่นบาท กับคีย์บอร์ดที่เล่นได้แค่เสียงเมโลตรอนเท่านั้น โปรแกรมอะไรก็ไม่ได้เลย ผมว่าโหดไปหน่อยครับ ไว้ผมมีเงินมากๆ แล้วค่อยว่ากันครับ

จริงๆ ผมปันใจให้วินเทจคีย์บอร์ดหลายตัวมากๆ ครับ หลังๆ ผมติดเจ้า Wurlitzer มากกว่าเสียอีก เปียโนไฟฟ้าอะไรก็ไม่รู้ หวาน นุ่ม หนา อุ่น เท่ห์เป็นบ้าเลยครับ (ความเห็นส่วนตัว บวกความพิศวาศที่มีให้กับ Norah Jones ล้วนๆ)

ลองฟังเพลงนี้ของ Wilco ดูนะครับ Wurlitzer แทบละลายไปเป็นเนื้อเดียวกับเพลงเลย แต่มันกลมกล่อม หวานหอมมากๆ เลยครัช
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=59CDQb1wtV8" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=59CDQb1wtV8</a>

มีเรื่องเล่าว่า วันนี้ผมแวะไปลองคีย์บอร์ดที่ร้าน Auditalpro ย่านสุขุมวิทมา คุยกับเจ้าของร้านเพลินมากๆ ที่ร้านนี้เป็นร้านที่มีขายทั้ง Moog และล่าสุด Mellotron M4000D ก็นำเอาเข้ามาขายด้วย เจ้าของร้านเล่าว่า Mellotron ขายยากมากๆ และแน่นอน มาถึงที่แล้วก็ต้องขอโอกาสลองเล่นดูเสียหน่อย

ต้องบอกว่า เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีโอกาสได้จับและสัมผัสของจริงเป็นครั้งแรก (ถึงจะเป็นดิจิตอลเมโลตรอนก็เถอะ) ประทับใจจริงๆ ครับ เสียงแซมปลิ้งมาได้หม่นสมกับเป็นเสียงเทปมาก โดยเฉพาะเสียง Flute นี่ยอดเยี่ยมจริงๆ

แกเล่าให้ฟังว่า สั่งมาแค่สองตัวเท่านั้น และขายไปได้แค่ตัวเดียว คนที่ซื้อตัวนั้นไปคือวง Bodyslam ส่วนเหลืออยู่ตัวเดียวคือตัวโชว์ไว้จะปล่อยขายเป็นตัวเดโมในอนาคต

คนเราเวลารักอะไร ก็จะรักจริงๆ ครับ โดยไม่แคร์ว่ามันจะขายได้หรือขายไม่ได้ เหมือนเจ้าของร้านท่านนี้ครับ สั่งของมาเพราะรักเพราะชอบจริงๆ เห็นอย่างนี้แล้วก็นึกถึงตัวเองเหมือนกันครับ อิอิ

แก้ไขให้แล้วนะครับ โพสต์ได้ละครับผม

เทสต์ๆๆๆ