ขอจองด้วยคนครับ

ขอบคุณทุกท่านมากครับ  ตอนนี้อายุ18ปีแล้วครับ

      วง Within Temptation เป็นวงซิมโพนิคร็อคจากประเทศเนเธอร์แลนด์ที่เกิดในช่วงปี 1996  ซึ่งแนวซิมโพนิคเมทัลกำลังเป็นที่นิยม  โดยอัลบั้มแรก “Enter”(1997) ได้สร้างความนิยมจากสาวกเมทัลอย่างมาก ด้วยแนว โกธิคเมทัล เมื่อออกอัลบั้มที่สอง “Mother Earth”(2000) ก็ได้ความนิยมด้วยแนว ซิมโฟนิคเมทัล  แต่เมื่อออกอัลบั้มที่สามคือ “The Silent Force”(2004) ได้เกิดกระแสนิยมและผิดหวังขึ้นอย่างมาก อัลบั้ม The Silent Force ลดความเป็นกอธิค ซิมโฟนิคเมทัลไปอย่างมาก  อัลบั้มนี้สามารถทำให้วงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก  เพราะเพลงในอัลบั้มนี้ฟังง่ายและมีความป๊อปมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้สาวกเมทัลผิดหวังอย่างมาก  ต่อมาทางวงก็ได้ออกอัลบั้มที่สี่ “The Heart of Everything”(2007) อัลบั้มนี้เพลงไม่ได้ป๊อปเหมือนอัลบั้มที่แล้วแต่ก็ไม่ได้มีความเป็นเมทัลเหมือนแต่ก่อนซึ่งเพลงในอัลบั้มนี้เป็นแนวที่ค่อนข้างร็อกมากกว่า เมทัล และในปี 2011 ทางวงก็ออกอัลบั้มที่ห้า คืออัลบั้ม “The Unforgiving”


Detail
Artist: Within Temptation
Album: The Unforgiving
Released: 25/03/2011
Genre: Symphonic rock
Label: Roadrunner Records


     หลังจากที่หายไป4ปี วงซิมโฟนิคร็อคแดนกังหัน(Netherlands) ก็ออกสตูดิโออัลบั้มที่มีคอนเซปต์ อัลบั้มเน้นเนื้อเรื่องซึ่งจะทำภาพยนตร์ประกอบ  ซึ่งเริ่มโปรโมตอัลบั้มตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว  ซึึ่งในอัลบั้มประกอบไปด้วย

Why Not Me
Shot In The Dark
In The Middle Of The Night
Faster
Fire And Ice
Iron
Where Is The Edge
Sinéad
Lost
Murder
A Demon's Fate
Stairway To The Skies

      ซิงเกิลแรกของอัลบั้มคือเพลง “Faster” 21/01/2011 เมื่อได้ฟังครั้งแรกก็รู้สึกใจหายเพราะมีความหวังมาตลอดว่าวงจะกลับไปทำกอธิคเหมือนเดิมถึงจะรู้ว่ามันเป็นไปได้ยาก หลังจากได้ฟังก็ไม่เคยเปิดฟังอีกเลย



อัลบั้มหลุดก่อน1อาทิตย์!!!! (อีกแล้ว)
    ทางวงประกาศวางจำหน่ายวันที่ 25/03/2011 แต่ก็ไม่รอดหลุดมาก่อนอยู่ดี  ซึ่งผมยอมรับว่าก็ได้มาก่อนวันวางจำหน่าย หลังจากนั้นก็โดนลบเกือบหมด


งงง่วยกับมือกลองปริศนา
     หลังจากที่มือกลอง Stephen van Haestregt ได้ประกาศแยกไปอยู่กับวง My Favorite Scar ในปี2010  ทางวงจึงได้ขาดมือกลองไป  ชื่อมือกลองที่ได้อัดเสียงอัลบั้ม The Unforgiving คือNicka Hellenberg แต่ ในปี2011 ทางวงประกาศว่ามือกลองคนใหม่ของวงคือ Mike Coolen ซึ่งยังไม่ทราบเหมือนกันว่ามีฝีมือหรือเอกลักษณ์อย่างไร แต่ในช่วงอัดMV กันนั้นท่าทางจะยังหามือกลองไมไ่ด้หรืออย่างไร  จึงเอาคนตีกล่องใส่ไอ้โม่งสะอย่างนั้น



แฟนเพลงประท้วงซื้อเพลงผ่าน iTunes ได้เพลงแถมมากกว่า!!
       หลังจากอัลบั้มวางจำหน่ายก็มีแฟนเพลงที่สนับสนุนCD ลิขสิทธิ์ออกมาโวยวายว่าทำไม ซื้อCD ถึงไม่มีเพลงโบนัสแถม แต่ซื้อผ่าน iTunes มีเพลงแถมถึง3เพลง คือเพลง
1. I Don’t Wanna (Japanese, iTunes bonustracks)
2. Empty Eyes (Japanese, iTunes bonustracks)
3. The Last Dance (iTunes bonustracks)
       
        ต้องยอมรับว่า ณ ปัจจุบันการขายแบบ Digital นั้นเป็นช่องทางทำกำไรให้กับผู้ผลิตของลิขสิทธิ์ได้มากกว่าการขายแบบ CD/DVD หลายเท่า ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ เพลง โปรแกรม เกม หรือE-Book  จึงไม่น่าแปลกว่าทำไมปัจจุบันจึงมี iTunes bonustracks จะมีแถบทุกวง








      ภาพยนตร์ประกอบอัลบั้มนั้นดูเหมือนจะเป็นที่น่าจับตามองและน่าติดตามมาก  ซึ่งทางวงโปรโมตมากกว่าเพลงเสียงอีก  แต่ว่า ณตอนนี้ทางวงได้ออกเป็น หนังสือคอมมิก เป็นเชปเตอร์1 และภาพยนตร์ก็ยังไม่สมบูรณ์  ต้องติดตามต่อไปว่าภาคต่อจะเป็นอย่างไร  ผมดูในDVD แล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ครับ



         สำหรับอัลบั้มนี้มีเสียงตอบรับกลับ2ขั้วเหมือนอัลบั้มที่ผ่านมาของวง  คือชอบมากและไม่ชอบ  ในส่วนของคนที่ไม่ชอบก็ยังคงเป็นผู้ที่ชื่นชอบช่วงแรกของวงเหมือนเคย  ในอัลบั้มนี้ยอมรับว่าฟังครั้งแรกก็ไม่ค่อยชอบครับ  แต่ฟังไปฟังมาติดเลย  อัลบั้มนี้มีเพลงเร็ว และแนวการตีกลองที่ไม่เหมือนเดิม  ซึ่งอาจเพราะเปลี่ยนมือกลองใหม่  โดยส่วนตัวแล้วชอบสตายล์การตีกลองใหม่มากกว่าของ Stephen van Haestregt ซึ่งดูไม่ค่อยมีลูกเล่นอะไรมากครับ  เพลงที่ผมชอบในอัลบั้มนี้ได้แก่ Shot In The Dark, In The Middle Of The Night, Iron, A Demon's Fate และ Stairway To The Skies ครับ  โดยเพลงเร็วที่กล่าวถึงคือเพลง In The Middle Of The Night โดยในอัลบั้มนี้ สิ่งที่เพิ่มเติมมาอย่างเห็นได้ชัดเลยคือมีโซโล่กีต้าครับ ซึ่งถ้าเราไม่ย้อนดูอัลบั้มเก่าๆหาแถบไม่เจอเลยถึงมีก็ช้าๆ แต่อัลบั้มนี้  มีกีต้าโซโล่หลายเพลงมากซึ่งสไตย์การโซโล่ถึงจะไม่โดดเด่นแต่ก็น่าสนใจมาก ซึ่งมือกีต้าโซโล่ Ruud Adrianus Jolie ก็มากับลุกใหม่คือทรงหัวล้าน ซึ่งตอนนี้ทั้งมือกีต้าสองคนและมือเบสก็ไว้ผมทรงเดียวกันแล้ว

          ถึงแม้ว่า หลายคนจะรับไม่ได้กับการเปลี่ยนแนวเพลงของวงนี้  แต่โดยส่วนตัวผมยังรับได้และชื่นชอบทุกอัลบั้มของพวกเขาซึ่งแตกต่างแต่ก็เพราะไปตามแนวนั้นครับ  โดยส่วนตัวแล้วก็ยังให้อภัยวงนี้อยู่และติดตามผลงานของพวกเขาไปเรื่อยๆครับ

สุขสันต์วันเกิด พี่ปัญญารักษ์ครับ
ขอให้สุขภาพแข็งแรงและมีความสุขมากๆครับ

        สวัสดีครับผม  หายหน้าหายตาไปนานอยู่พอสมควรเลย  ต้องขออภัยด้วยนะครับ  กำลังอยู่ในช่วงเข้ามหาวิทยาลัย   

        วันนี้มานำเสนอเด็กไทย ที่ถูกตาต้องใจชาวต่างชาตินะครับ  ชื่อของเขาก็คือ  บิวชื่อจริงว่าปิยทัศน์ เหมสถาปัตย์ครับ  ซึ่งบิวนั้นอายุเพียง 16 ปีเท่านั้นครับ  ได้ทำการ รีวิว  คีบอร์ดหลายต่อหลายรุ่นลงใน Youtube  โดยใช้ชื่อจากร้านขายเครื่องดนตรี soundchef ซึ่งบิวก็เป็นส่วนหนึ่งของ soundchef  โดยทาง soundchef มีนิยายว่า  "เีราไม่ใช่ร้าน เราไม่ใช่ศูนย์ข้อมูล แต่ว่าเราเป็นครัวปรุงเสียง ที่จะช่วยคุณให้ปรุงเสียงให้อร่อย เป็นคนเล่นดนตรีเหมือนกับคุณ เราจึงเข้าใจว่าคุณต้องการอะไร ดังนั้นที่นี่จึงสวรรค์ของคนเล่นคีย์บอร์ดอย่างแท้จริง" ผมเคยได้ไป soundchef อยู่ครั้งหนึ่งครับ ใกล้ๆบ้านนี้เอง  เรียกได้ว่า  สุดยอดมากเพราะสามารถเล่นเครื่องดนตรีเท่าไหร่ก็ได้จริงๆ    มาต่อเรื่องของบิวครับ  วิดีโอที่บิวถูกสนใจมากคือ  วิดีโอโซโล่คีย์บอร์ดยาวถึง 16นาที  ซึ่งบริษัทที่มาสนใจบิก็คือ  S4K หรือ  Space4keys   นั้นเองครับ   เราจะเห็นหรือคุ้นๆชื่อนี้ใน  Youtube  เพราะว่าบริษัท  Space4keys  นั้นคือกลุ่มองค์กรจาก อิตาลี  ที่ขายซาวหรือเสียงโปรแกรมต่างๆ  ซึ่งทาง S4K ได้สนใจให้ บิว เป็นส่วนหนึ่งของ องค์กร  ซึ่งนับว่าเป็นคนไทยคนเดียวด้วย!!!
        ตอนนี้ผลงานแรกของบิว  ได้ออกมาแล้วครับในชื่อ Sparkling Mountain  ซึ่งเป็นซิงเกิลแรกของเขานะครับ  เป็นโซโล่คีบอร์ดครับ


เพลงนี้กลองตีโดย วัชรวิทย์ ยาอินตา ครับ ส่วนบิวเป็นคนเล่นคีบอร์ดทั้งหมดครับ



        เป็นอย่างไรกันบ้างครับ  โดยส่วนตัวยอมรับและทึ้งในความสามารถของบิวมาเลย  โดยเขาอายุเพียง 16 เท่านั้นเอง นับว่าเป็นคนที่มีความสามารถมากครับ


linkสนับสนุน: http://www.space4keys.com/
                   http://www.thesoundchef.com/

สนุกไหมครับ

Nice !!

 

   ภาคนี้เหมือนพยายามให้กลับเข้าเกมครับหลังจากภาค 3 พยายามให้ต่างจากเกมให้มากที่สุด โดย Resident Evil ที่เป็นหนังนั้นเปลี่ยนผู้กำกับทุกภาคเลย  ผู้กำกับภาค4 Paul W.S. Anderson นั้นเป็นคนเขียนบทภาค 3 ก็เลยทำให้งงว่าทำไมเนื้อเรื่องงถึงกลับเข้าหาเกม (หรืออาจจะเล่นภาค 5 แล้วชอบ )

   ภาคนี้ผมคิดว่า ok ในระดับหนึ่ง (ตอนสุดท้ายติดตลกตรง เวสเกอร์หน่อย  ) ท่าทางในฉากต่อสู้นั้นก๊อป จากเกมสะเกือบหมด  และการตัดฉากในภาคนี้ดูแปลกมากๆ ลักษณะที่เด่นๆของ Resident Evil ไม่ว่าหนังหรือเกมที่เด่นๆเลยก็คือ  มักจะให้ตัวละครที่ไม่สำคัญในเนื้อเรื่องหลักมาก ตายทั้งหมด แต่ผมสังเกตได้ว่า ในภาคนี้ Luther West ตัวละครผู้ชาย ผิวดำรอดในตอนหลัง หลังจากที่คิดว่าตายไปแล้ว  มันเหมือนกับในเกม Resident Evil 5 ที่มีตัวประกอบรอดมาหนึ่งคนเหมือนกันคือ Josh Stone



   หนังพยายามกลับเข้าหาเกมอย่างมากไม่ว่าจะดึง ตัวหลักละครในเกมกลับมา แบบเหลือเชื่อจริงๆ  อย่างเช่น คริส จิล   ตอนที่คริส เจอกับแคร์  แต่คงทำเนื้อเรื่องให้ลำบาก เพราะจริงๆแล้ว คริสเป็นพระเอกในเกมภาคแรกเลย แต่กลับมีขึ้นมาในหนังภาค 4 เลยดูแปลกมากๆ  และการที่นำจิลกลับมาด้วย ก็แปลกอีกเหมือนกันว่าเอามาทำไมเพราะ เนื้อเรื่องจริงๆของจิล คือเป็นคู่หูของคริส  แต่ในหนังถูกกล่าวถึงคล้ายกับเป็นหัวหน้าหน่วยทหารของ อัมเบรร่า โดยถูกควบคุมจิตใจอยู่  มันจะเข้ากับเกมยังไงน่า 

    Tonto เท่าที่มองจาก Workstation แล้ว คงเป็นเสียงจากคีบอร์ด ไม่ก็ MIDI Controller ครับ
        ถ้าเข้าใจง่ายๆกับ MIDI Controller ก่อนครับ MIDI  คือ Musical Instrument Digital Interface ง่ายๆเลย MIDI Controller เหมือนกับ เครื่องดนตรีอิเล็กโทรนิก ที่เป็นตัวควบคุมในการสร้างเสียง โดยต่อกับตัวสร้างเสียง ไม่ว่าจะเป็น คีบอร์ดใบ้ หรืออะไรต่างๆที่เป็นเครื่องดนตรีที่เป็นดิจิตอล ครับ

    Atlas เป็น Vocoder อย่างที่พี่กิจบอกครับ ตัวอย่างที่เห็นได้ใกล้ตัวเลย คือพี่ phil_wc นั้นเอง



Elephant talk และ Superstar ไม่เห็นว่าอันไหนครับ

              In The End เป็นอย่างที่พี่กิจบอกครับ คือเป็น MIDI Controller ในเพลงนี้ ใช้ PAD ครับ ในส่วนของ PAD นั้นเห็นได้2อย่างคือ สร้างเสียงในเครื่องได้กับ เป็น MIDI Controller คือเป็นตัวควบคุมเสียง และใช้ Rack สังเคราะห์เสียงขึ้นมาครับ แต่ในส่วยของ Pad ก็เป็น Drum Pad Controller ได้เหมือนกันครับ เป็นกลองไฟฟ้าก็ได้






ตัวอย่างการใช้ เห็นได้ชัดใกล้ตัวเลยคือ พี่ฟิว อีกแล้วครับ  ครับ

เป็นการอธิบายคราวๆให้ พี่ฟิวที่เรียนมาโดยตรงมาต่อดีกว่า 

ขอจองไว้แล้วกันครับ รอคิดหาแผ่นที่ 3 ก่อน 
Bjork - Selmasong (Japan no obi) 500 Baht
Titanic Soundtrack (EU) 400 Baht

ท่าทางจะคิดนานไม่ได้แล้ว 

ถูกต้องครับที่ apple เป็นบริษัทที่ชอบพูดขาด แต่จริงๆ อย่างที่คุณ Tisanai เคยพูดว่าตอนนี้apple พยายามพัฒนา Hardware ของตัวเองขึั้นมาก็ต้องติดตามกันต่อไปครับ

ปล.ว่าแต่ใครซื้อเครื่องละ2แสนไปละเนี่ย 

ขอให้หายไวๆครับ 

+1