ต่อไป »

[Sombunประธานชมรมคนรักหนังเก่า]

เพิ่งดู the hill have eyes ฉบับปี 1977 ของเวส  คราเวน จบครับ ได้สาระความรู้ บทเรียน อุทาหรณ์ มากมาย ภายใต้บรรยากาศและรูปแบบ....เลือดสาด ครับ

[ปีศาจลายคราม]

เพิ่งดู the hill have eyes ฉบับปี 1977 ของเวส  คราเวน จบครับ ได้สาระความรู้ บทเรียน อุทาหรณ์ มากมาย ภายใต้บรรยากาศและรูปแบบ....เลือดสาด ครับ

หนังสยองขวัญที่ออกก่อนยุค 80's ผมดูแล้วไม่ค่อยน่ากลัวหรือหวาดเสียวมาก (ใช้เทคนิคกราฟิค) เหมือนในยุคปัจจุบัน หนังสยองขวัญที่ออกตั้งแต่ยุค 80's บางเรื่องดูแล้วน่ากลัว น่าหวาดเสียว ปัจจุบันคงใช้เทคนิคช่วยในการถ่ายทำมากขึ้น ซึ่งก็ทำให้ดูน่าสยองและน่ากลัวสมจริงยิ่งขึ้นไปอีก อย่างเช่นหนังแฟรนไชส์เรื่อง Wrong Turn และ Hatchet เป็นต้นครับ

[eric camen]

Fracture

การที่คนร้ายแอบสลับปืนกล็อคกับเจ้าหน้าที่ โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่ผิดสังเกตเลย แสดงว่าปืนกล็อคเป็นปืนยอดนิยม และมีผู้ใช้แพร่หลายอย่างมาก แต่ต้องยอมรับว่าของเขาดีจริงๆ ครับ

[อั๋น501]

Interstellar (Blu-ray)

หนังไซไฟแฟนตาซี่ดราม่าที่มีเนื้อหาจินตนาการอันลุ่มลึก เล่าถึงเหตุการณ์ในอนาคตที่โลกมนุษย์ใบนี้เริ่มเสื่อมสลาย เพราะการเพาะปลูกผลนั้นไม่สามารถทำได้แล้ว ภายใต้ชั้นบรรยากาศของโลกเริ่มเป็นพิษ มีแต่ฝุ่นในอากาศลำพังมนุษย์เริ่มจะอยู่กันยากลำบากขาดแคลนทั้งอาหารพื้นดินเพราะปลูกอะไรไม่ได้อาชีพชาวไร่มีความสำคัญยิ่งกว่าวิศวกร การทำลายทรัพย์กรธรรมชาติของมนุษย์จึงทำให้ ต้องไปสำรวจอวกาศให้แก่ชาวโลกเพื่อแสวงหาดาวดวงใหม่เป็นที่อยู่อาศัยแทน ภารกิจนี้ตกอยู่กับกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ของดร.แบรน รับโดยไมเคิล เคน (Michael Caine) นักแสดงคุณภาพคู่บุญของ คริสโตเฟอร์ โนแลน พร้อมลูกสาวดร. เอมิเลีย แบรน รับบทโดยแอนน์ แฮทธาเวย์” (Anne Hathaway) “คูปเปอร์” รับบทโดย แมทธิว แม็คคอนาเฮย์” (Matthew McConaughey) ชาวไร่ วิศวกร ครอบครัวสูญเสียภรรยาอาศัยอยู่กับลูกสาว “เมิร์ฟ” แสดงโดย Jessica Chastain ตอนโต ดาราฝีมือระดับออสการ์ (Zero Dark Thirty) ,Mackenzie Foy ช่วงเด็กอายุ 10 ขวบ หน้าตาคล้ายกันมากกับลูกชายและพ่อตา (John Lithgow) ความสัมพันธ์ของครอบครัวทั้งความรักที่คูปเปอร์มีต่อลูกๆทำให้หนังค่อนข้างเป็นดราม่าหรือดร.แบรน ความรักกับลูกสาวดร. เอมิเลีย แบรน ความเป็นมนุษย์เพื่อเอาตัวรอด ความหวังของมนุษย์ชาติ หนังเข้มข้นด้วยเนื้อหาทางวิทยาศาสตร์และจินตนาการในแบบนิยายไซไฟแฟนตาซี่อาจจะต้องข้ามเรื่องเหตุผลไปบ้าง ต้องเข้าใจว่าเรากำลังดูภาพยนตร์กันอยู่ไม่ใช่เรียนวิชาฟิสิกส์เหมือนหลายๆคนพยายามหาเหตุผลมารองรับ

ในขณะที่ตัวหนังเองก็พยายามให้เหตุผลต่างๆ ทั้งเรื่องการเดินทางผ่านมิติหรือช่วงเวลาที่แตกต่างกันมาก 1 ชั่วโมงเทียบเท่าเวลาในโลก 7 ปีเป็นจินตนาการมาผสมประสานอ้างอิงกับทฤษฎีสัมพัทธภาพวิทยาศาสตร์ โดยมีตัวละครหลักๆชี้แจงเป็นช่วงๆ หากถามผมว่าชอบเรื่อง Interstellar ไหมเมื่อได้ดูครั้งแรกอาจจะยังไม่ค่อนเข้าใจ เพราะตั้งความหวังไว้สูงกับผลงานเรื่องนี้ของคริสโตเฟอร์ โนแลน พอได้ดู 3 รอบรวมทั้งฟีเจอร์เบื้องหลังอย่างที่บอกไว้ ทำให้เข้าใจและชื่นชอบประทับใจ แม้ว่าไม่ได้เป็นหนังแฟนตาซี่แอ็คชั่นแบบเรื่อง Inception หรือหนังแอ็คชั่นทริลเลอร์อย่างเรื่อง Batman ทั้ง 3 ภาค ผมอาจจะมีข้อสงสัยเหมือนหลายๆคนที่หาเหตุผลเช่นกันว่าทำไม คูปเปอร์,ดร. เอมิเลีย แบรน และดร.อีก 2 คนขณะที่ยานอวกาศเดินทางกว่าจะผ่านดวงอังคาร ดาวเสาร์ใช้เวลาเกือบ 2 ปีนอนหลับจำศิลอยู่ในตู้แช่ แต่ทำไมทรงผมของดร. เอมิเลีย แบรน ไม่ยาวขึ้นอะไรเลยยังสั้นเหมือนตอนที่เริ่มเดินทางทั้งผมและหนวดเคราของคูปเปอร์และดร.อีก 2 คนก็ไม่ได้ยาวสั้นเท่าเดิม เพราะการเดินทางในช่วงนี้ยังไม่หลุดออกจากระบบสุริยะจักรวาล แม้ว่าตอนจบคูปเปอร์ เดินทางกลับมายังโลก“เมิร์ฟ”ลูกสาวมีอายุ 90 กว่าปีแล้วคูปเปอร์ หน้าตาเหมือนเดินโดยเฉพาะทรงผม อันนี้พยายามเข้าใจช่วงเวลาที่หนังอธิบายความไว้ตั้งแต่แรก อย่างน้อยๆทรงผมน่าจะยาวขึ้นบ้าง ตามปกติคนเราไม่ตัดผม 2 – 3 เดือนก็ยาวแล้ว หนังไซไฟอวกาศหลายๆเรื่องมักจะมีฉากการเดินทางที่ต้องนอนจำศิลแบบนี้ พอตื่นมาหน้าตาผมยาวเท่าเดิมเป็นแบบนี้แทบทุกเรื่อง แต่มีเรื่อง Planet of the Apes (1968) ฉบับดั่งเดิมของ Charlton Heston ที่มีฉากนอนจำศิลเหมือนกัน พอตื่นมาทรงผมของ Charlton Heston และหนวดเครายาวขึ้นเป็นหนังเรื่องโปรด ซึ่งเป็นประเด็นข้อสงสัยเล่นๆของผม เพราะผมอ่านรีวิวต่างๆ ไม่เห็นมีใครสงสัยประเด็นนี้เหมือนผมเลย

 ในแง่คำวิจารณ์หนังได้รับคำชื่นชมกันมาก แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่ชอบเพราะดูแล้วไม่สนุกเท่ากับหนังเรื่องก่อนๆ ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน อาทิเช่น Inception (2010) หรือผลงานไตรภาค Batman อาจจะเป็นเพราะเนื้อหาที่ซับซ้อนเกินไปยากกับความเข้าใจหลายฝ่ายพยายามตีความกับเรื่องราวที่ คริสโตเฟอร์ โนแลน นำเสนอด้วยหลักทฤษฎีรูหนอน โดยศาสตราจารย์ทางฟิสิกส์คิพ ธอร์น (Kip S. Thorne) เป็นผู้ทั้งให้การปรึกษาและข้อมูลต่างๆที่สำคัญ ทางด้านทฤษฎีกับหนัง ต้องยอมรับถึงความตั้งใจความพยายามของคริสโตเฟอร์ โนแลน ที่ต้องการให้เนื้อหาอยู่บนฐานของความสมจริงทางวิทยาศาสตร์มากที่สุด หรืออ้างอิงได้จริงมาเชื่อมโยงตามทฤษฎีทางฟิสิกส์ของศาสตราจารย์คิพ ธอร์น (ศาสตราจารย์คิพ ธอร์น มีผลงานเขียนหนังสือเรื่อง Black Hole and Time Warps ไว้ด้วย) ข้อดีอย่างหนึ่งของการดูหนังเรื่อง Interstellar จากบูลเรย์นั้นจะทำให้เราเข้าใจกับตัวหนังมากขึ้นกว่าการดูจากโรงภาพยนตร์ ทำไมผมจึงบอกเช่นนี้ เพราะรายละเอียดการขยายเรื่องราวต่างๆจะอยู่ในฟีเจอร์ของบูลเรย์แผ่นที่ 2 เริ่มต้นตั้งแต่ คริสโตเฟอร์ โนแลน มาเล่าถึงการศึกษาข้อมูลเบื้องหลังการสร้างโดยให้ศาสตราจารย์คิพ ธอร์น เลคเชอร์วิชาฟิสิกส์วิทยาศาสตร์เรื่องทฤษฎีสัมพันธ์ภาพ แรงโน้มถ่วง หลุมดำ สลับการฉากในหนังประกอบความเข้าใจรวมทั้งมีนักวิชาการท่านอื่นๆมาขยายเรื่องราวราว แถมมีหนังสารคดีให้ดูจึงทำให้เข้าใจมากขึ้น ศาสตราจารย์คิพ ธอร์น จะอ้างอิงทฤษฎีสัมพัทธภาพของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ น่าจะถือว่าเป็นเมนหลักของเรื่อง ฉากที่สำคัญในหนังกระดานดำที่จดสูตรสมการเพื่อแก้ไขทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของดร.แบรน (ตัวละครในหนัง) นั้นเป็นลายมือจริงๆของศาสตราจารย์คิพ ธอร์น หนังให้ทั้งสาระและความรู้ทางฟิสิกส์วิทยาศาสตร์ไปด้วยแฮะ

[eric camen]

Prisoners

พึ่งได้ดูครับ หนังแนวดราม่า เรียบๆ นิ่งๆ ค่อยๆ เพิ่มความแรงขึ้นเรื่อยๆ สรุปว่ารวบรวมหลายๆ อารมณ์แต่สามารถสะกดให้ดูอย่างไม่รู้เบื่อครับ 

ในหนังเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ปืนกล็อคครับ.....

[JKNoremorse]

Interstellar  เนื้อเรื่อง เนื้อหาทำออกมาดีครับ ช่วงแรก ๆ ชวนเบื่อ ๆ เหมือนกัน ตอนท้าย ๆ เว่อร์ดีครับ ตอนที่พระเอกตกลงไปหลุมดำ
Unbroken สนุกดีครับ

[eric camen]

สุดแค้นแสนรัก เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาผมไม่สบาย จึงไม่สามารถดูหนัง(ออนไลน์) ตลอดจนฟังเพลงได้ แต่เมื่อเข้านอนภริยาผมเปิดดูละครเรื่องดังกล่าว ผมจึงซึมซับไปด้วยครับ 55555

[TRON]

Boyhood

หนังที่ใช้เวลาถ่ายทำ 12 ปี ถ่ายการเติบโตของนักแสดงตั้งแต่ยังเด็กยันเข้ามหาลัย นับถือไอเดียเลย

[eric camen]

A Walk Among The Tombstones

กำลังมองหานาฬิกา  Hamilton รุ่น Khaki Field มาใส่ทำงานลุยๆ สลับกับ Tissot PRC 200  บังเอิญไปเห็นภาพ Liam Neeson ใส่ Hamilton Khaki Field 38 MM ในหนังเรื่องดังกล่าวครับ สรุปว่า เกี่ยวกับหนังมั้ยเนี้ย 55555

[eric camen]

ไม่ได้ดูหนังในโรง หลายปีแล้วครับ ว่าจะไปดูเรื่อง Billy Lynn's Long Halftime Walk เนื่องเรื่องเป็นอย่างไรผมไม่ทราบ แต่มาติดใจโดยบังเอิญ ตรงเครื่องแบบทหารสหรัฐพรางทะเลทราย 3 สี นิละครับ 5555

[eric camen]

Platoon
We Were Soldiers

เรื่องแรกดูในโรง น่าจะเป็น OA เมื่อจบ ม.6 ใหม่ๆ ส่วนเรื่องหลังดูซีดี ทั่งนี้ ผมสังเกตว่า ผู้สร้างหนังทั้ง 2 เรื่อง ใส่ใจในเรื่องเครื่องแบบทหารมาก ดังนี้

We Were Soldiers เป็นยุคเริ่มแรกสงครามเวียตนาม ปี 1965 เครื่องแบบทหารสหรัฐจะเป็นแบบสองกระเป๋า กระดุ้มแบน ป้ายชื่อสีขาว ป้ายยูเอส อาร์มมีสีเขียว

Platoon ยุคสงครามเวียตนาม ปี 1967 ซึ่งเริ่มเข้มข้น เครื่องแบบทหารสหรัฐเปลี่ยนเป็นกระเป๋าเฉียง เก็บกระดุ้ม ป้ายชื่อและป้ายยูเอส อาร์มมี่สีเขียว ถ้าไม่มีอินทนูจะเป็นรุ่นที่ 3 ในหนังผมเห็นมีทั้งมีและไม่มีอินทนู

เนื่องจากเครื่องแบบทหารสหรัฐในยุคสงครามเวียตนาม มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ การที่ผู้สร้างใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เหล่านี้ ย่อมแสดงถึงความตั้งใจของผู้สร้างจริงๆ ครับ

 

[ปีศาจลายคราม]

Norwegian Wood (2010) ภาพยนตร์ญี่ปุ่นแนวรักโรแมนติกระหว่างหนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยกับเพื่อนหญิงซึ่งเป็นแฟนของเพื่อนที่ฆ่าตัวตายไป และนอกจากนี้ยังมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งเข้ามาพัวพันในชีวิตของตนเองอีกด้วย ฉากของเรื่องนี้อยู่ในปลายยุค 1960's (ประมาณปี 1967-1968) ชื่อเรื่องนำมาจากเพลง Norwegian Wood ของ The Beatles ในอัลบั้ม Rubber Soul และเพลงนี้ยังเป็นเพลงประกอบในภาพยนตร์ด้วย ผมดูเรื่องนี้ทางทีวีเคเบิลครั้งเดียวต้องไปหาซื้อแผ่น DVD มาเก็บไว้ดูเลย เพราะชอบครับ หนังเรื่องนี้น่าจะเหมาะกับคนดูอายุ 18 ขึ้นไป เพราะมีหลายฉากที่ใช้คำพูดและ acting ส่อไปในเรื่องเพศ บางฉากดูแล้วก็น่าสนใจ เช่น ฉากที่พระเอกทำงานพิเศษโดยเป็นผู้ช่วยในร้านขายแผ่นเสียง ในร้านเห็นแผ่นเสียงมี obi บางแผ่นที่เอามาประกอบฉากก็เป็นแนว psychedelic อันเป็นที่นิยมในยุคนั้น ซึ่งผมเห็นว่าผู้กำกับหนังใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อยดีมาก รวมทั้งเรื่องเครื่องแต่งกายในยุคนั้นด้วย เรื่องนี้สร้างจากนวนิยายของ Haruki Murakami ซึ่งออกตีพิมพ์จำหน่ายเมื่อปี 1987 นะครับ

[ปีศาจลายคราม]

หนังที่ผมชอบดูมากที่สุดเป็นแนวพระเอกโคตรอึดและเก่ง ประเภทข้ามาคนเดียว ไล่ยิงหัวผู้ร้ายตายเป็นฝูง เท่าที่นึกออกก็เช่น

1. Last Man Standing นำแสดงโดย Bruce Willis
2. Shoot 'Em Up นำแสดงโดย Clive Owen
3. John Wick 1 และ 2 นำแสดงโดย Keanu Reeve
4. Give 'Em Hell, Malone นำแสดงโดย Thomas Jane
5. The Hitman นำแสดงโดย Chuck Norris
6. The Exterminator นำแสดงโดย Robert Ginty (เสียชีวิตแล้ว R.I.P.)

น่าจะยังมีอีกหลายเรื่อง แต่ยังนึกไม่ออก เรื่อง The Mechanic 1 และ 2 ซึ่งนำแสดงโดย Jason Statham และ Dredd (2012) ซึ่งนำแสดงโดย Karl Urban ก็น่าจะเข้าข่าย ใครมีเรื่องอื่นที่ออกแนวนี้มาแนะนำบ้างไหมครับ จะได้ไปตามหามาดู

[eric camen]

Eye in The Sky

มีหลายสิ่งที่ให้แง่คิดครับ

[eric camen]

หนัง Eye in The Sky ให้แง่คิดร้ายประเด็น แต่ที่แน่ๆ ต้องมีคำถาม ต่อไปนี้ถ้าท่านเป็นจนท.ผู้ต่อต้านการก่อการร้าย ท่านจะเลือกกระทำสิ่งใด ถ้าท่านมีโอกาสที่จะกำจัดผู้ก่อการร้าย
1.กำจัดกลุ่มผู้ก่อการร้ายประมาณ 4 - 5 คน แม้ว่าอาจต้องแลกกับเด็กชีวิตผู้บริสุทธิ์ 1 คน
2.เพื่อแลกกับชีวิตผู้บริสุทธิ์ 1 คน ยอมปล่อยให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายหลบหนี และไปก่อเหตุ อาจมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก แต่ในแง่จิตวิทยา ถือว่าเราชนะ เราได้มวลชน
เพียงแค่ 2 ข้อนี่ก็ยากแล้วครับ

อีกแง่คิดหนึ่ง พ่อเแม่ด็กหญิง ค่อนข้างมีอคติกับกลุ่มผู้ก่อการร้าย และมีใจไปทางตะวันตก เมื่อสหรัฐและอังกฤษใช้โดรนยิงจรวดถล่มค่ายผู้ก่อการร้าย  ทั้งๆที่ รู้อยู่เต็มอกว่า ต้องมีผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิต เป็นเหตุให้เด็กหญิงได้รับบาดเจ็บ(เสียชีวิตในเวลาต่อมา)แต่เป็นกลุ่มติดอาวุธที่พ่อเด็กหญิงมีอคติ ยอมทิ้งอาวุธเพื่อพาเด็กหญิงไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล จะมีคำถามตามมาว่า พ่อแม่เด็กหญิง จะยืนอยู่ฝ่ายไหนครับ รวมถึงครอบครัวและชาวบ้านย่านนั้น