ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
การค้นหาขั้นสูง

149664 กระทู้ ใน 4435 หัวข้อ- โดย 847 สมาชิก - สมาชิกล่าสุด: axlrose

25 เมษายน 2024 | 06:00:19 PM
Thai Progressive Rock CommunityThaiProgKeep Talkingกิจกรรม : Thaiprogers Top 2008 Albums
หน้า: [1] 2 3 4
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: กิจกรรม : Thaiprogers Top 2008 Albums  (อ่าน 46216 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Layla F Mulder
Administrator
Blackfield
*****
เพศ: ชาย
กระทู้: 3604


Without appreciation, the music isn't worth.

basnaphon@hotmail.com
ดูรายละเอียด อีเมล์
« เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2008 | 08:56:58 AM »

เนื่องจากช่วงนี้ใกล้สิ้นปีแล้วครับ ผมก็ขอหากิจกรรมมาให้ทำกันเล่นๆ หน่อยนะครับ
โดยปรกติทุกท่านคงคุ้นกันดีสำหรับ Top 2008 Albums ที่จัดกันตามเว็บบ้าง ตามนิตยสารต่างๆ บ้าง รวมถึงเว็บเราก็มีเหม่งที่เคยเขียนบทความ Top 2007 Albums ของตัวเองลงในหน้าเว็บไปแล้วเหมือนกัน และผมคิดว่าปีนี้เว็บของเราก็น่าจะลองดูมั่งก็ไม่เลว โดย

- ให้สมาชิกท่านที่สนใจร่วมกิจกรรม เขียนเป็นสกู๊ปหรือบทความ Top 2008 Albums ของตนเองขึ้นมา โดยจะเขียนในสไตล์ของตนเองอย่างไรก็ได้ ไม่มีข้อจำกัด แต่ควรมีความยาวพอประมาณ อัลบั้มในลิสต์ควรจะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละท่าน ท่านไหนฟังเพลงใหม่อาจจะไม่เยอะเท่าไหร่ ก็เขียนจำนวนอัลบั้มไม่ต้องเยอะมากนัก แต่ถ้าฟังเยอะๆ อย่างน้องเหม่ง ก็อาจจะเขียนได้หลายอัลบั้ม โดยผมขอตั้งไว้ว่า Minimum ที่คนละ 5 อัลบั้ม Maximum ที่คนละ 20 อัลบั้มนะครับ โดยเมื่อเขียนถึงแล้วก็คอมเมนต์กันได้ตามใจชอบ ตามถนัดของตนเอง อาจจะแยกเป็นๆ ก็ได้ เช่น แยกเป็นฝั่ง Prog กับ Non-Prog อะไรทำนองนี้

- อัลบั้มที่เขียนถึงต้องเป็นอัลบั้มในที่ออกวางจำหน่ายในปี 2008 เท่านั้น แต่จะเป็นงานสตูดิโออัลบั้ม งานแสดงสด อัลบั้มรวมเพลง หรือแม้แต่จะเป็นพวกรีอิชชูอัลบั้มแบบ Deluxe Edition ก็ได้ แต่ขอข้อจำกัดคือออกในช่วงปี 2008 เท่านั้นครับ

- สำหรับการเขียนและการส่งบทความ ให้สมาชิกที่สนใจร่วมกิจกรรม ลงชื่อที่กระทู้นี้ได้เลย และเขียนหรือส่งบทความลงในกระทู้นี้เลย ในลักษณะที่ว่าตอบกระทู้เขียนไว้ในนี้เลย แล้วค่อยๆ มาเขียนในกระทู้นี้ โดยใช้การ Edit/Modify กระทู้ของตัวเองใน Topic นี้ก็ได้ จนกว่าจะเสร็จ หรือว่าจะเขียนจากที่อื่นให้เสร็จเรียบร้อยแล้วนำมาโพสต์ในนี้ก็ได้ครับ โดยหมดเขตส่งบทความในวันที่ 25 ธันวาคม 2551 นี้ เพื่อที่ช่วงสิ้นปีผมจะได้เอาไปโพสต์ที่หน้าเว็บได้พอดีครับ

ไปก่อนนะครับ เด๋วมาเขียนต่อ ต้องไปแล้วครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 ธันวาคม 2009 | 09:08:03 AM โดย Agent Fox Mulder » บันทึกการเข้า

 
Tsundere (ツンデレ?) (pronounced /(t)sʌnˈdɪə(r)/ in English or /t͡sun.de.ɽe/ in Japanese) is a Japanese concept of a character archetype which describes a person with a conceited, irritable, and/or violent personality that suddenly becomes modest and loving when triggered by some sort of cause (such as being alone with someone)
JKNoremorse
Voyage Of The Acolyte
*********
เพศ: ชาย
กระทู้: 4654


8 years later, woke up with two kids

jknoremorse@hotmail.com
ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2008 | 10:01:47 AM »

เขียนตามสไตล์ของตัวเอง? กำลังคิดอยู่เล่น ๆ เหมือนกันครับ  ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
Fog
Blade Runner
*******
เพศ: ชาย
กระทู้: 2071



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2008 | 11:51:21 AM »

งั้นก็รอเดือนหน้าได้เลย มีแน่นอนจ้า...
บันทึกการเข้า

ǝɹoɔǝsıɐuuoʎɐɯʎɹbuɐ
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 8547


nagoya_mega_snake@windowslive.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2008 | 04:12:42 PM »

ตอนนี้ขอเวลาลิสต์และคัดเลือกก่อนนะครับ เพราะปีนี้มีงานดีๆออกมาเยอะมากจริงๆ เลือกไม่หวาดไม่ใหว รักพี่แต่ก็เสียดายน้อง (แต่ถ้าพี่หรือน้องเป็นผู้หญิงผมจะเลือกน้องครับ)  ยิ้มกว้างๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 พฤศจิกายน 2008 | 04:21:21 PM โดย LiliumNation™ » บันทึกการเข้า


Stay cheap, praise the explicit, embrace the scuzz, be true to art and yourself, eat shit, keep music evil.
lilivm's self-indulgence: https://rateyourmusic.com/~potatahtapapoh
JKNoremorse
Voyage Of The Acolyte
*********
เพศ: ชาย
กระทู้: 4654


8 years later, woke up with two kids

jknoremorse@hotmail.com
ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2008 | 05:14:26 PM »

ตอนนี้ขอเวลาลิสต์และคัดเลือกก่อนนะครับ เพราะปีนี้มีงานดีๆออกมาเยอะมากจริงๆ เลือกไม่หวาดไม่ใหว รักพี่แต่ก็เสียดายน้อง (แต่ถ้าพี่หรือน้องเป็นผู้หญิงผมจะเลือกน้องครับ)  ยิ้มกว้างๆ

ของ Lilium คงต้องแต่งและทำออกเป็นพ็อคเก็จบุ๊คเลยครับ  ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า
ShadowServant
Images & Words
****
กระทู้: 631


TROLLKASTEL!


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #5 เมื่อ: 15 พฤศจิกายน 2008 | 04:49:20 PM »

น่าสนใจครับ อยากเข้าร่วมด้วย เดี๋ยวลองดู ๆ ก่อนว่ามีอัลบั้มที่ออกตอน 2008 ครบหรือไม่  ยิ้ม
บันทึกการเข้า



กลับมาด้วยความเพี๊ยนกว่าเดิม
ǝɹoɔǝsıɐuuoʎɐɯʎɹbuɐ
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 8547


nagoya_mega_snake@windowslive.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #6 เมื่อ: 15 พฤศจิกายน 2008 | 04:50:45 PM »

ตอนนี้คัดเลือกไว้แล้ว Prog สิบชุด Non-Prog สิบชุด ทีนี้ก็เหลือแต่รอดูว่าจะมีอัลบั้มดีๆรีลีสออกมาอีกและจะดีพอสามารถเบียดเข้าลิสต์ได้หรือไม่  ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า


Stay cheap, praise the explicit, embrace the scuzz, be true to art and yourself, eat shit, keep music evil.
lilivm's self-indulgence: https://rateyourmusic.com/~potatahtapapoh
Terryl
Selling England By The Pound
**
เพศ: ชาย
กระทู้: 294



ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 16 พฤศจิกายน 2008 | 12:23:53 PM »

ถ้ามีเวลาจะแจมด้วย ไม่ได้เขียนอะไรทำนองนี้มาเกือบปีแล้วครับ
บันทึกการเข้า

I will write my words upon the door...
♫ phil_wc ♫
Phi
Blade Runner
*****
เพศ: ชาย
กระทู้: 2083


นักดนตรีบ้าบอ

chupawicht@hotmail.com
ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #8 เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2008 | 07:55:19 PM »

ถ้ามีเวลา อาจจะเขียน non prog ได้ไม่เกิน 10 ชุดครับ
บันทึกการเข้า

panyarak
The Snow Goose
**********
กระทู้: 9716



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #9 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2008 | 03:36:36 PM »

ผมได้ฟังอัลบั้มใหม่จริงๆ น้อยมาก เพราะไม่อยากผิดหวังซ้ำซาก จึงหันไปซื้อแต่พวก reissues (mini lp cd) เป็นส่วนใหญ่ ตอนนี้เลยนึกออกแค่ 5ชุด (แล้วจะมาเติมอีกครับ)
1. Keith Emerson Band featuring Mark Bonilla - ฟังแล้วหายคิดถึงเสียง Hammond กับออร์แกนที่เป็นเอกลักษณ์ของ ELP ที่ห่างหายไปเสียนาน เสียงกีตาร์และร้องนำของ Bonilla ก็พอรับได้ เพราะถึงยังไง คงไม่มีวันที่ Greg Lake จะกลับมาร่วมงานกับ Emerson อีกแล้ว และเสียงร้องของ Lake เองก็ด้อยคุณภาพลงไปตามอายุ ไม่ก้องกังวานเหมือนสมัยหนุ่มๆ แล้ว ระบบเสียงโดยรวม (แผ่นญี่ปุ่น) ถูกใจมาก  ส่วน DVD ที่เป็นแผ่นแถมซึ่งเป็นบันทึกการแสดงสดจากฮังการี แม้ว่าจะหาดูได้จาก Youtube แต่ก็น่ามีไว้เป็นเจ้าของ จะได้เห็นความไวของนิ้วของ Emerson เหมือนไปยืนดูอยู่บนเวที และนักดนตรีในวงก็เล่นเข้าขากันดี

2. Enya - And Winter Came - ไม่ได้ตั้งความหวังไว้มากสำหรับผลงานเพลงคริสต์มาสของ Enya เพราะนึกว่าจะนำเพลงคริสต์มาสเก่าๆ มาเล่นในสไตล์ Enya แต่กลับมีเพลงที่แต่งใหม่เพียบ ส่วนการเรียบเรียงเสียงประสานก็ยังเป็น Enya และทีมงานเดิมอยู่ครับ มีเพลงที่กล่าวถึง The Beatles แบบซ่อนมุกตลกไว้ด้วย

3. Jordan Rudess - The Road Home - ความที่บ้าเพลง cover เป็นทุนเดิม ทำให้อดซื้อชุดนี้มาฟังไม่ได้ และพบว่า ยอดเยี่ยมกว่าที่คิด โดยเฉพาะเพลง JR Medley ที่นำเพลง Soon, Supper's Ready, I Talk to the Wind, And You and I มาเล่นร้อยเป็นเพลงเดียวกันอย่างกลมกลืน แถมแทรกด้วยท่อนโซโลเด็ดๆ ของเขาเอง อีกเพลงที่ประทับใจสุดๆ คือ Tarkus จึงขอยกย่องให้ชุดนี้เป็น tribute album แนว prog ที่ประทับใจที่สุดที่ได้ฟังในปีนี้ (ขอผิดกติกา เพราะแม้ว่าออกมาปีที่แล้ว แต่กว่าจะรอให้ได้แผ่นราคาย่อมเยาว์ ก็ล่วงมาต้นปีนี้แล้ว)

4. Ministry - Cover up - วงที่ได้ชื่อว่าขายตัวก่อนดัง (ในขณะที่วงอื่นๆ ดังก่อนแล้วถึงขายตัว) นี้ ตามกันมาทุกอัลบั้ม มาถูกใจที่สุดก็ตอนเล่นเพลง cover ล้วนนี้ โดยเฉพาะเพลง Space Truckin', Radar Love, Bang a Gong และ What a Wonderful World ซึ่งในแผ่นญี่ปุ่น เพลงหลังนี้จะเป็นเพลงที่แถมเพิ่มเข้ามาใน version ที่เล่นช้าๆ แต่เหี้ยมโหดตลอดเพลง กับแบบแสดงสด ในขณะที่แผ่นอเมริกาและยุโรปจะมีแต่ version ที่เล่นช้าและเร็วในเพลงเดียวกันเท่านั้น ส่วนเพลง Supernaut ของ Black Sabbath ก็เล่นได้ยอดเยี่ยม แต่เคยออกจำหน่ายในนาม 1,000 Homo DJs มาแล้ว ฟังจบอัลบั้มแล้ว คิดอยู่อย่างเดียวว่า อยากให้ทำอัลบั้มแบบนี้อีก เพราะยังไม่จุใจเลย

5. Van der Graaf Generator - Trisector - เป็นอัลบั้มที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น เพราะพอมือแซ็กซ์ David Jackson ออกจากวงไปหลัง reunion tour ก็นึกว่า VDGG จะปิดฉากลงอีกแล้ว แต่พวกเขาก็ยังเดินหน้ากันต่อแบบวง Trio ที่ยังเต็มไปด้วยพลังเครียด สมก้บความเป็นจ้าวแห่งเพลงเครียด
(แต่น่าฟัง)

6. Mountain - Live - The Road Goes Ever on - ขอเป็นพวก reissue บ้าง ชุดนี้เคยมีเป็นแผ่นเสียงอยู่ แต่เป็นแผ่นมือสองเก่า มีเสียงรบกวนรำคาญหูเลยไม่ได้ฟังบ่อย พอได้ฟังจากซอฟท์ที่สะอาดๆ (Japan mini lp cd) แล้วทึ่งมาก ทั้งแผ่นมีแค่ 4 เพลง เพลงที่เป็นสุดยอดของ Mountain คือ Nantucket Sleighride ถูกขยายจนยาว 17 นาที แต่เป็น 17 นาทีของสวรรค์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบกีตาร์หนักๆ เบส/กลองมันส์ๆ เสียงออร์แกนแบบย้อนยุคที่หาฟังได้ยาก สมกับฉายาที่รายการวิทยุ Top Teen Talent เคยตั้งให้ว่า "Mountain จอมภูผา" จริงๆ ชุดนี้ออกครั้งแรกเมื่อปี 1972 ฟังแล้วอดคิดไม่ได้ว่า ทำไมวงสมัยนี้เขาไม่เล่นดนตรีแบบนี้กันแล้ว

7. Gregory Allan Fitzpatrick - Bildcirkus - ขอยกย่องชุดนี้ในฐานะออกแบบปกแบบ gimmick ได้สร้างสรรค์ยอดเยี่ยมมากกว่าความประทับใจในด้านดนตรี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04 ธันวาคม 2008 | 08:35:17 AM โดย panyarak » บันทึกการเข้า

TRON
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 12866



ดูรายละเอียด
« ตอบ #10 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2008 | 04:54:48 PM »

ดูพี่ panyarak จะเป็นแฟนตัวยงเพลง cover เลยนะครับ  ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
.. polotoon ..
The Snow Goose
**********
กระทู้: 18602



ดูรายละเอียด
« ตอบ #11 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2008 | 07:03:30 PM »


นึกถึงสมัยที่ซื้อหนังสือมาอ่านอยู่ไม่กี่หน้าจัง  ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า

ท่านผีเพลง
Voyage Of The Acolyte
*********
กระทู้: 4733


Phantom of the Paradise


ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #12 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2008 | 08:31:40 PM »

เอาอีก เอาอีก เอาอีกก๊าบ

ชุดจอร์แดน ผมจดๆจ้องๆอยู่
พี่เขาว่าดี เราต้องเชื่อ
ลุย...
(หลังหนามบินเปิด)

เอ๊ะ!! ใครสอนพี่เค้าแปะรูปนะ
เอาไป 1+
บันทึกการเข้า

ǝɹoɔǝsıɐuuoʎɐɯʎɹbuɐ
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 8547


nagoya_mega_snake@windowslive.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #13 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2008 | 09:04:38 PM »

Lilium's Top 10 Prog Albums of 2008



1. Frost* - Experiments in Mass Appeal (Neo-Progressive Rock)
ไม่น่าเชื่อนะครับว่าบุคลากรในอุตสาหกรรมเพลงป๊อปอย่าง Jem Godfrey ที่สรรค์สร้างเพลงฮิตหลายต่อหลายเพลงให้กับ Atomic Kitten, Blue, Ronan Keating และ Shayne Ward มาแล้ว (บรึ๋ยยส์...!!!) จะสนใจและคิดที่จะทำดนตรีแนวโปรเกรสสีฟด้วย ซึ่ง Frost* (ของแท้ต้องมีดอกจันทร์) ก็คือโปรเจคต์ของเขานั่นเอง โดยเขารับหน้าที่ควบทั้งคีย์บอร์ดและร้องสนับสนุน ส่วนนักดนตรีคนอื่นก็ล้วนแต่เป็นระดับบิ๊กเนมทั้งมือกีตาร์ Joni Mitchell (Arena, Kino), มือเบส John Jowitt (IQ), มือกลอง Andy Edwards (IQ) จะมีก็แค่ Dec Burke ที่เป็นนักร้องนำโนเนมแต่เสียงดีมาก ซึ่งในอัลบั้มชุดที่สองนี้ก็ยังคงไว้ซึ่งความเป็นโปรเกรสสีฟสมัยใหม่ที่มีภาคดนตรีแข็งแรงและสวยงามไว้ได้อย่างเหนียวแน่น และที่โดดเด่นมากๆคือการเขียนเมโลดี้ของ Jem Godfrey นั้นทำได้ติดหูราวกับเพลงป๊อปเลยทีเดียว นอกจากนั้นเสียงร้องของนักร้องนำก็ยอดเยี่ยมราวกับ Ronan Keating มาร้องเพลงโปรเกรสสีฟก็มิปาน!!! ซึ่งเมื่อนำมาสังวาสกับดนตรีอันละเอียดซับซ้อนที่มีลูกเล่นแพรวพราวแต่พอควร จึงทำให้อัลบั้มนี้เป็นเป็นงานโปรเกรสสีฟรสหวานหอมที่ชวนฟังเสียจริงๆครับ



2. Panic Room - Visionary Position (Neo-Progressive Rock)
อัลบั้มเต็มชุดแรกของวงโปรเกรสสีฟน้องใหม่ (แต่หน้าเก่า) ที่มีสมาชิกกว่าครึ่งสมองไหลมาจากวง Karnataka โดยได้ Anne-Marie Helder สาวเสียงสวยจาก Mostly Autumn มารับหน้าที่กระบอกเสียง ซึ่งดนตรีของ Panic Room จะแตกต่างจาก Karnataka และ Mostly Autumn พอสมควร คือจะค่อนไปทางโปรเกรสสีฟสมัยใหม่ที่เน้นความไพเราะล่องลอยเป็นหลัก (แต่ก็ยังไม่วายมีกลิ่นอายโฟล์คและอคูสติกแทรกเข้ามาอยู่ดี) ดนตรีไม่ซับซ้อนมากนัก ฟังได้สบายๆ บทเพลงมหากาพย์ปิดอัลบั้มอย่าง The Dreaming นั้นค่อนข้างเรียบง่ายแต่ทรงพลังมาก เสียงร้องของ Anee-Marie Helder คุณภาพคับแก้วจริงๆครับ ราวกับเสียงของเทพธิดายังไงยังงั้นเลย ซึ่งขอบอกเลยว่าผมชอบงานของวงนี้มากกว่าวงหลักของพวกเขาอย่าง Karnataka และ Mostly Autumn เสียอีกครับ



3. Lunatic Soul - s/t (Progressive / Neo-Folk / Dark Ambient)
ไซด์โปรเจคต์ของ Mariusz Duda นักร้องนำ, มือเบส และมันสมองหลักของวง Riverside ซึ่งในผลงานเดี่ยวชุดแรกของเขานี้ก็ยังคงไว้ซึ่งซาวนด์อันมืดหม่นอนธกาลที่เสมือนเป็นลายเซ็นของเขาและ Riverside ไปแล้ว เพียงแต่ในงานนี้เขากลับทำมันบนพื้นฐานของดนตรีโปรเกรสสีฟร๊อคที่แฝงกลิ่นอายโฟล์คและดาร์คแอมเบียนท์แทน โดยใช้การเรียบเรียงดนตรีที่ละเอียดประณีตบรรจง และมันก็ออกมาดูดีมากๆ ซึ่งถ้าฟังดูดีๆแล้วจะพบว่าเขาได้รับอิทธิพลจากวง Dead Can Dance อยู่ไม่น้อยทีเดียว งานนี้ถูกใจคอพร๊อกสายหม่นแน่นอนครับ



4. Into Eternity - The Incurable Tragedy (Progressive Metal / Melodic Death Metal)
หลังจากที่เปลี่ยนนักดนตรีแบบยกเครื่องใหม่เกือบหมดในรวมถึงการเปลี่ยนนักร้องนำจาก Chris Krall มาเป็น Stu Block ที่มีเรนจ์เสียงที่หลากหลาย สามารถร้องได้ทั้งเสียงโหนสูงแบบเพาเวอร์เมทั่ล สำรอกแบบเดธ หรือตะคอกแบบแธรช ทำให้อัลบั้มที่แล้วฟังดูหนักหน่วงซับซ้อนและเข้มข้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แกนนำของวงอย่าง Tim Roth จึงนำพาวงเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นใจด้วยการออกผลงานคอนเสปต์อัลบั้มอย่าง The Incurable Tragedy ที่พูดถึงประสบการณ์และความโศกเศร้าของ Tim Roth เองที่ต้องสูญเสียคนใกล้ชิดไปแบบไม่มีวันกลับด้วยโรคร้าย ดนตรีในอัลบั้มนี้จึงฟังดูเหมือนการระบายความอัดอั้นสิ่งต่างๆในใจออกมาเป็นดนตรีโปรเกรสสีฟเมทั่ลผสมเมโลดิคเดธที่รวดเร็ว รุนแรงและทรงพลัง แฝงไว้ด้วยความขมขื่นจากการสูญเสียอย่างรู้สึกได้ Stu Block ถ่ายทอดความรู้สึกผ่านทางน้ำเสียงออกมาได้อย่างเกรี้ยวกราดมีพลังเหมือนคนที่กำลังปลดปล่อยความโศกเศร้าที่อัดอั้นมานาน นี่คือผลงานที่เป็นตัวแทนความรู้สึกและพลังความเกรี้ยวกราดของทางวงอย่างแท้จริงครับ



ึ7. Sinew - The Beauty of Contrast (New-Prog / Alternative Rock)
วงอัลเทอร์เนทีฟหน้าใหม่จากประเทศเยอรมันที่ประกาศตนว่าพวกเขาได้รับอิทธิพลในการทำงานจากวงอย่าง Dredg, Tool และ Muse ซึ่งเมื่อหันหลับมามองที่งานของพวกเขาแล้วก็จะพบว่ามันเป็นงานอัลเทอร์ร๊อคที่มีความซับซ้อนทางอารมณ์ค่อนข้างสูง
และค่อนข้างซีเรียสทั้งในด้านดนตรีและเนื้อหามากทีเดียว ท่วงทำนองหลักๆในชุดนี้จะเป็นร๊อคสมัยใหม่ที่กระตุ้นอารมณ์ให้พุ่งไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา แต่ก็มีความซับซ้อนอยู่พอสมควร มีริฟฟ์กีตาร์เมโลดิกให้เสพย์ เสียงร้องสามารถถ่ายทอดอารมณ์ที่เก็บกดอยู่ภายในได้ดี และที่ต้องชมเป็นพิเศษคือการเรียบเรียงเพลงที่ให้อารมณ์ต่อเนื่องดีมาก ทำให้ฟังเพลินจนจบอัลบั้มโดยไม่รู้ตัวเลยล่ะครับ

               

6. Steven Wilson - Insurgentes (Progressive / Art Rock / Drone / Experimental)
ในปัจจุบันคงไม่มีคอโปรเกรสสีฟคนใหนไม่รู้จัก Steven Wilson หรือที่รู้จักกันดีในนามพี่ตีฟคนนี้อย่างแน่นอน ซึ่งเราจะรู้จักเขาดีในฐานะที่เป็นมันสมองหลักของวง Porcupine Tree และโปรเจคต์อีกหลากหลาย รวมถึงยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของวงดนตรีเยี่ยมๆอีกหลายวงอีกด้วย ซึ่งงานแต่ละชิ้นที่เขาทำก็ล้วนแต่เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมทั้งนั้น และนี่คือครั้งแรกที่เขาจะได้ออกอัลบั้มเดี่ยวในนามของตนเองจริงๆเสียที
ซึ่งผลงานชุดนี้เหมือนเป็นจุดศูนย์กลางของทุกๆ Project ที่พี่ตีฟเคยทำมาทั้ง Porcupine Tree (ความเป็นโปรเกรสสีฟ ซาวนด์มืดมน), No-Man (ซาวนด์ล่องลอย นุ่มนวล), Incredible Expanding Mindfuck (การทดลองอีเล็กทรอนิกส์), Bass Communion (แอมเบียนท์/โดรน/น้อยส์) และ Blackfield (อารมณ์ดนตรีเหงา อ้างว้าง) เขาได้นำกลิ่นอายอย่างละเล็กละน้อยของโปรเจคต์เหล่านั้นมาผสมกัน ลดทอนส่วนเกินออก ทำออกมาให้เนียน แล้วจึงเป็น Insurgentes ชุดนี้แหละครับ ซึ่งอาจจะเข้าถึงและติดหูได้ยากในคราวแรกที่ฟัง แต่ถ้าให้เวลากับมันสักหน่อยก็จะพบว่ามันมีเสน่ห์ให้ชวนค้นหาและขุดคุ้ยรายละเอียดของแต่ละเพลงมากมายเลยทีเดียว และสุดท้ายคุณก็จะตกหลุมรัก Insurgentes ชุดนี้โดยไม่รู้ตัวครับ



7. Mutyumu - Il Ya (Progressive / Experimental / Post-Metal / Classical)
แค่ปกอัลบั้มก็โดนแล้วครับ (ผมยกให้เป็นปกอัลบั้มยอดเยี่ยมประจำปีนี้เลย) เห็นแล้วก็อดที่จะหามาฟังไม่ได้เลยจริงๆ ซึ่งเมื่อได้ฟังบทเพลงแล้วก็ยิ่งขนลุกครับ เพราะผมไม่เคยได้ยินอะไรอย่างนี้มาก่อนเลยจริงๆ มันเป็นดนตรีโพสต์เมทั่ลที่สลับซับซ้อน (มากๆ) มีการเปลี่ยนสัดส่วนดนตรีที่หลากหลายแบบโปรเกรสสีฟ มีแนวทางเมโลดี้แบบเพลงคลาสสิค และที่โดดเด่นมากๆคือเสียงเปียโนและไวโอลินที่คอยสอดประสานสร้างความสวยงามให้กับบทเพลงได้อย่างลงตัว ทางด้านเสียงของนักร้องสาวก็ร้องออกมาในสไตล์โซปราโน่นิดๆ ฟังดูไพเราะดี แถมยังมีเสียงตะโกนโหวกเหวกแบบฮาร์ดคอร์คอยเสริมเป็นระยะอีกตังหาก เรียกว่านี่คือผลงานที่แปลกใหม่และสมบูรณ์แบบเกินคาด ฟังแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าวงจากญี่ปุ่นแต่ละวงนี่ช่างทำเพลงมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองมากเสียจริงๆ



8. RPWL - The RPWL Experience (Neo-Progressive Rock)
นี่คืองานนีโอ-พร๊อกชั้นดีจากค่ายเพลงที่ไว้ใจได้เสมออย่าง Inside Out Records ซึ่งต้องยอมรับว่าผลงานชุดนี้มีกลิ่นอายของ Pink Floyd ยุคหลังๆ อยู่ไม่น้อยเลย ทั้งเสียงคีย์บอร์เน้นสร้างบรรยากาศและลีดกีตาร์หวานบาดใจ (ท่อนโซโล่เพลง Master of War นี่คล้ายเพลง On the Turning Away มากๆ) มาผสมเข้ากันอย่างแนบเนียนกับซาวนด์ร๊อคสมัยใหม่ แต่ก็ยังมีเสียงคีย์บอร์ดประเภทวินเทจอย่าง Moog และ Mellotron เข้ามาสร้างสีสันอยู่ด้วยเช่นกัน เสียงร้องก็นุ่มนวลดีทีเดียว เรียกว่าเน้นหนักกันที่ความไพเราะล้วนๆเลยล่ะ มันเป็นงานโปรเกรสสีฟที่ฟังง่าย เข้าถึงง่าย และติดหู จึงทำให้ผมประทับใจได้ในเวลาอันรวดเร็วครับ



9. Opeth - Watershed (Progressive Death Metal)
ยังคงเป็นที่น่าจับตามองอยู่เสมอทุกครั้งที่ออกอัลบั้มใหม่สำหรับยอดวงโปรเกรสสีฟเมทั่ลวงนี้ ซึ่งนอกจากจะทำงานคงเส้นคงวาไม่เคยต่ำกว่ามาตรฐานแล้ว การดำเนินดนตรีในแต่ละอัลบั้มก็มีเสน่ห์ให้ชวนติดตามอยู่มากล้นเลยทีเดียว และในอัลบั้มชุดใหม่นี้ก็เช่นกัน นาย Mikael Akerfeldt และเพื่อนพ้องก็ยังคงบรรเลงดนตรีโปรเกรสสีฟเมทั่ลอันหดหู่ เศร้าหมอง แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายของวงโปรเกรสสีฟรุ่นเก่าอย่าง Camel ที่ถูกนำมาใช้อย่างไม่ปิดบัง รวมถึงเสน่ห์ของ Mellotron ที่ยังคงใช้สร้างบรรยากาศวินเทจอันเศร้าหมองได้อย่างเต็มรสชาติ ภาคริธึ่มในชุดนี้ค่อนข้างดุเดือดทีเดียวเพราะได้มือกลองยอดฝีมือคนใหม่ (แต่หน้าเก่า) อย่าง Martin Axenrot (Witchery, Bloodbath etc.) มาร่วมสังฆกรรมด้วย ในชุดนี้มีทั้งแทร๊คสุดโหดอย่าง Heir Apparent และแทร๊คสุดหวานอ่อนช้อยอย่าง Burden แต่มันกลับมารวมอยู่ในอัลบั้มเดียวกันได้อย่างไม่เคอะเขินและฟังรื่นหูมาก สัดส่วนดนตรีในชุดนี้ฟังดูละเอียดลออมากกว่าชุดก่อนๆ นี่คืองานมาสเตอร์พีซของพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัยครับ



10. Eyefear - The Unseen (Progressive Metal)
ไม่ปล่อยให้รอนานกันเลยทีเดียวสำหรับ Eyefear วงโปรเกรสสีฟเมทั่ลจากแดนจิงโจ้ที่ตีคู่กันมากับวงรุ่นพี่ร่วมชาติอย่าง Vanishing Point ซึ่งผลงานของพวกเขาก็ไว้ลายได้เฉียบขาดไม่แพ้วงรุ่นพี่เลย (ออกจะซับซ้อนดุดันกว่าด้วยซ้ำ) ดนตรีใน The Unseen ชุดนี้จะเป็นโปรเกรสสีฟเมทั่ลสไตล์ยุโรปที่ติดสำเนียงเพาเวอร์เมทั่ลเล็กน้อย ภาคดนตรีซับซ้อนกำลังดี มีคีย์บอร์ดคอยสร้างบรรยากาศมืดมนอยู่ตลอดเวลา มีเมโลดี้สวยงามติดหู ท่อนโซโล่ก็เล่นกันแบบพออิ่มอร่อย โดยรวมแล้วฟังไม่ยากนัก แฟนๆของวงอย่าง Circus Maximus, Vanden Plas หรือ Anubis Gate คงจะชอบได้ไม่ยาก  ความยาวเฉลี่ยของแต่ละเพลงในชุดนี้อยู่ที่ 4-6 นาที ซึ่งก็ฟังกระชับและไม่เยิ่นเย้อดีครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11 กุมภาพันธ์ 2009 | 01:36:50 PM โดย Lilium™ » บันทึกการเข้า


Stay cheap, praise the explicit, embrace the scuzz, be true to art and yourself, eat shit, keep music evil.
lilivm's self-indulgence: https://rateyourmusic.com/~potatahtapapoh
ǝɹoɔǝsıɐuuoʎɐɯʎɹbuɐ
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 8547


nagoya_mega_snake@windowslive.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #14 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2008 | 09:21:24 PM »

Lilium's Top 10 Non-Prog Albums of 2008



1. Elbow - The Seldom Seen Kid (Indie Rock / Art Rock)
จำได้ว่าไม่เคยชอบผลงานของวงนี้เลยแม้แต่ชุดเดียว เพราะฟังกี่ชุดๆก็ยังรู้สึกว่าพวกเขาทำงานเพลงค่อนข้างเลื่อนลอย หาจุดยืนไม่ถูก และยังขาดจุดเด่นให้เป็นที่จดจำเป็นอย่างมาก แต่เมื่อได้ฟัง The Seldom Seen Kid ชุดนี้ ผมก็ต้องเปลี่ยนใจใหม่ครับ เพราะรู้สึกได้เลยว่าคราวนี้พวกเขาทำงานกันแบบ "เน้น" จริงๆ และงานก็ออกมาน่าฟังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยครับ ซึ่งดนตรีในอัลบั้มนี้ก็จะเป็นอินดี้ร๊อคที่เน้นในเรื่องความประณีตของการเรียบเรียงเครื่องดนตรี ซึ่งหลายๆเพลงก็มีความซับซ้อนอยู่พอตัวครับ ฟังออกเป็น New- Prog กลายๆอยู่เหมือนกัน แต่พวกเขากลับเรียบเรียงมันออกมาให้ฟังดูง่ายและเข้าถึงได้ไม่ยากนัก ทางด้านเสียงร้องก็ออกไปคล้ายคลึงกับ Peter Gabriel อย่างน่าประหลาด ซาวนด์ในชุดนี้ค่อนข้างละเอียดและลงตัวมากๆ ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาจะคว้ารางวัล Mercury Prize ประจำปีนี้ไปครองครับ



2. Mai Kuraki - One Life (J-Pop / R & B)
อัลบั้มล่าสุดของหนูไม ผู้ซึ่งเป็นศิลปินเจป๊อปคนโปรดของผมมานานแสนนาน ซึ่งหลังจากที่เธอทำให้ผมผิดหวังอย่างแรงกับสองอัลบั้มก่อนหน้านี้อย่าง Fuse of Love ที่เป็นป๊อปจืดสนิทและ Diamond Wave ที่แดนซ์หนักผิดวิสัย มาคราวนี้หนูไมเลยขอแก้ตัวด้วยการทำผลงานเพลงที่ลดความโฉ่งฉ่างลง และใส่ความประณีตเข้าไปมากยิ่งขึ้น ดังจะเห็นได้ว่าอัลบั้มนี้แทบไม่มีเพลงใหนติดหูได้ตั้งแต่รอบแรกที่ฟังเลย แต่เสียงสังเคราะห์ที่นุ่มนวลและรายละเอียดเครื่องดนตรีที่แทรกเข้ามาเพิ่มความน่ารักให้กับบทเพลงอยู่ตลอดก็ทำให้อัลบั้มนี้มีเสน่ห์ชวนให้ฟังได้บ่อยๆอยู่เหมือนกัน ส่วนเสียงร้องของหนูไมก็ฟังดูสุขุมมากขึ้น ไม่ได้โชว์พลังเสียงหรือลูกคออะไรมากนักแต่ก็ไปกันได้ดีกับดนตรีสวยๆน่ารักๆ ซึ่งก็น่าเสียดายครับที่อัลบั้มนี้กลับเป็นอัลบั้มที่มียอดขายตกต่ำที่สุดของเธอไปซะงั้น



3. Beach House - Devotion (Dream Pop)
ดนตรีดรีมป๊อปอาจจะเป็นอะไรที่ตายไปแล้ว (สิ้นชีพไปพร้อมๆกับชูเกส) เพราะความที่มันค่อนข้างให้อารมณ์ที่ง่วงหงาวหาวนอนไม่สะใจคออินดี้ร๊อครุ่นใหม่ที่ยินดีเสพย์อะไรที่มันคึกคะนองมากกว่าอย่าง Post-Punk หรือ Garage Rock แต่อย่างไรก็ตามคู่ดูโอหนุ่มสาวจากบัลติมอร์ก็ยังคงยินดีที่จะแหกคอกทำดนตรีดรีมป๊อปชวนฝันตามแบบฉบับที่ตนเองรักอยู่ต่อไป ซึ่งสุ้มเสียงต่างๆใน Devotion นั้น ล้วนแต่ให้อารมณ์แบบดรีมป๊อปชั้นเยี่ยม ไล่ตั้งแต่ซาวนด์กีตาร์ที่อ่อนโยนและล่องลอย เสียงร้องเข้มๆของนักร้องสาว Victoria Legrand ที่เข้ากันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับดนตรี รองพื้นอีกชั้นด้วยเสียงออร์แกนสวยๆและเสียงกลองบางเบา บวกกับเนื้อหาที่พูดถึงความรักอบอุ่นแบบเรียบง่าย ทำให้ผลงานชุดนี้ทรงเสน่ห์อย่างร้ายกาจ เหมาะที่จะนำไปเปิดฟังที่ริมชายหาดยามเย็นตามชื่อวงจริงๆครับ (หรือถ้าจะมีคนรักนั่งกุมมืออยู่ด้วยก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่)



4. Dreamend - The Long Forgotten Friend (Shoegaze / Folk / Post-Rock)
ใครว่า Shoegaze จะต้องหลอน มืดหม่น ฟังยากอยู่ร่ำไป? ถ้าใครคิดแบบนั้นก็ขอให้ลองฟังผลงานล่าสุดของ Dreamend ชุดนี้ดูครับ เพราะพวกเขาได้ยกระดับดนตรีชูเกสขึ้นไปอีกขั้นด้วยการนำแนวทางดนตรีโฟล์คอันแสนอ่อนหวานมาผสมผสานเข้ากับซาวนด์ลอยหม่นและกำแพงกีตาร์หนาแน่นของ Shoegaze ได้อย่างเข้าที่เข้าทางและสวยงามเกินคาด มีเสียงเครื่องดนตรีหลากหลายที่หาฟังได้ยากจากวงแนวนี้ทั้งอคูสติกกีตาร์ แบนโจ เปียโนและออร์แกน กลายเป็นงานดนตรีที่สวยงามบรรเจิดเกินบรรยาย นอกจากนี้ซาวนด์ดิบๆในแบบ Lo-Fi ก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างที่ทำให้อัลบั้มนี้ฟังดูติดดิน อบอุ่น ไม่ห่างไกลเกินจินตนาการแบบวง Shoegaze วงอื่นๆครับ



5. Shearwater - Rook (Folk / Indie / Art Rock)
ไม่น่าเชื่อว่าวงอินดี้ร๊อคหลายๆวงในยุค 00's จะเล่นดนตรีโฟล์คกันได้ไพเราะเสนาะจิตถึงเพียงนี้ และ Shearwater ก็เป็นอีกหนึ่งวงที่ทำเพลงโฟล์คได้งดงามและน่าจับตามองจริงๆ ซึ่งในอัลบั้ม Rook ชุดนี้ เราจะได้พบกับดนตรีโฟล์คร๊อคสุดประณีตที่มีเสียงเครื่องดนตรีหลากหลายทั้ง Piano, Harp, Hammer Dulcimer, Glockenspiel และเครื่องเป่าเครื่องสายหลากชนิด สอดแทรกเข้ามาเป็นเนื้อเดียวกับภาคดนตรีที่เป็นโฟล์คขับเคลื่อนด้วยอคูสติกกีตาร์ (มีกีตาร์ไฟฟ้าแซมบ้างเล็กน้อย) ภาคริธึ่มเบสและกลองอันเข้มแข็ง เสียงร้องที่คมเข้มแต่แฝงไว้ด้วยความอ่อนไหว อารมณ์โดยรวมของอัลบั้มนี้อาจจะออกไปในโทนหม่นเศร้าอยู่สักหน่อย แต่เชื่อแน่ว่าคุณจะได้รับความรื่นรมณ์จากภาคดนตรีที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพระดับล้นแก้วของพวกเขาอย่างแน่นอนครับ



6. Eiko Shimamiya - Hikari Nadeshiko + [Single] Wheel of Fortune (J-Pop / Electronica / Art Rock)
"The Darkest J-Pop Album Ever Made" น่าจะเป็นคำนิยามที่ดีที่สุดของอัลบั้ม Hikari Nadeshiko ชุดนี้ เพียงแค่หน้าปกที่ให้อารมณ์หมองหม่นและไม่ได้โชว์หน้าตานักร้องเหมือนอัลบั้ม J-Pop ทั่วๆไปก็คงบอกอะไรได้หลายๆอย่างแล้ว ซึ่ง Eiko Shimamiya นั้นเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้ขับร้องเพลงประกอบอนิเมะเขย่าขวัญเรื่อง Higurashi no Naku Koro ni งานเพลงของเธอจึงมีความมืดมนตามไปด้วย ซึ่งในอัลบั้มชุดที่สองของเธอ Hikari Nadeshiko เราจะได้พบกับบทเพลงป๊อปมีระดับที่เต็มไปด้วยบีทอีเล็กทรอนิกส์อันแข็งแรง เสียงซินธ์หลากหลายที่ถูกเรียบเรียงอย่างประณีตบรรจง และที่ขาดไม่ได้เลยคือ Soundscape อันล่องลอย เวิ้งว้าง และมืดมน ราวกับถูกรังสรรค์โดยศิลปิน Ambient ชั้นนำ บางเพลงมีเสียงกีตาร์แรงๆเข้ามาสร้างสีสันด้วย เมโลดี้ในชุดนี้สวยงามและไพเราะทุกเพลง เมื่อนำมาผสมผสานกับเสียงร้องที่คมชัดมีพลังของ Eiko ทำให้งานชุดนี้เป็นงานที่ทรงคุณค่าและชวนให้ย้อนกลับมาฟังได้บ่อยๆอย่างไม่รู้เบื่อ แถมท้ายด้วยซิงเกิ้ล Wheel of Fortune ที่เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ Higurashi no Naku Koro Ni (Live Action) เป็นเพลงอีเล็กโทรป๊อปที่มีบีทและกีตาร์แรงๆใกล้เคียงอินดัสเตรียล โดดเด่นด้วยท่อนคอรัสติดหู เสียงเครื่องสายถูกนำมาผสมได้อย่างสวยงามชวนขนลุก ส่วนเพลง B-Side อย่าง Diorama นั้นมีจังหวะค่อนไปทางดาวน์เทมโปที่หดหู่ชวนเครียด ค่อนข้างเน้นบรรยากาศพอสมควร ซึ่งแน่นอนว่าทั้งสองเพลงนี้ก็ยังเปี่ยมไปด้วยความมืดมนไม่เปลี่ยนแปลง คงไม่เกินไปเลยที่จะบอกว่าผลงานคู่นี้ของ Eiko Shimamiya จะเป็นงานเพลงเมนสตรีมของญี่ปุ่นที่ดีที่สุดในรอบหลายปีนี้ครับ



7. Dahlia's Tear - Under Seven Skies (Dark Ambient)
การจะหาดนตรีแอมเบียนท์ที่ฟังแล้วติดหูจนฝังลึกลงไปในสมองได้นั้นคงจะเป็นเรื่องยากเต็มที เพราะศิลปินแอมเบียนท์ส่วนใหญ่ก็มักจะทำเพลงเพื่อเน้นบรรยากาศล้วนๆไม่สนเมโลดี้กันอยู่แล้ว ยิ่งเป็น Dark Ambient ที่เน้นแต่อารมณ์มืดมนวังเวงนี่ยิ่งแล้วใหญ่ แต่เราคงต้องยกเว้น Dahlia's Tear โปรเจคต์แนว Dark Ambient ของนาย Anil E. Dedeoglu ไว้สักครั้งหนึ่ง เพราะดนตรีแอมเบียนท์ที่เขาได้สร้างขึ้นมามันช่างเป็นอะไรที่ติดหูและเป็นที่น่าจดจำเสียเหลือเกิน โดยเฉพาะในผลงานชุดที่สอง Under Seven Skies ที่เขาได้พาเราไปท่องโลกแห่งท้องฟ้าอาถรรภ์ทั้งเจ็ดรูปแบบ เขาได้สร้าง Soundscape ที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง เสียงซินธ์ที่ให้ความรู้สึกราวกับสายหมอกแผ่ซ่านและเสียงเปียโนที่เบาบางนั้นได้ให้เมโลดี้ที่น่าจดจำมากมาย มีบรรยากาศเพลงที่หนาวเหน็บสุดขั้วหัวใจ นี่คือผลงานแอมเบียนท์ที่ยากจะหาใครมาโค่นลงได้ และจะติดตรึงอยู่ในใจของผู้ที่ได้สดับฟังไปอีกนานเท่านาน



8. Marcin Wasilewski Trio - January (Contemporary Jazz)
อัลบั้มทรีโอแจ๊สสุดละเมียดจากประเทศโปแลนด์ที่ใช้เสียงเปียโนพริ้วไหวเป็นตัวดำเนินเรื่อง บรรยากาศของอัลบั้มนี้ให้ความรู้สึกแบบดนตรีแจ๊สที่บรรเลงในโรงแรมชั้นหนึ่ง ฟังสบายละมุนหู ชวนอิงหมอนหลับไปพร้อมกับไวน์ชั้นดี ฝีมือเปียโนของนาย Marcin Walewski นั้นไม่ธรรมดา การพรมนิ้วลงบนลิ่มเปียโนของเขาทำให้เกิดเมโลดี้ที่ไพเราะ นุ่มละมุน และอ่อนหวาน เหมาะอย่างยิ่งที่จะเปิดฟังในเวลายามเย็นหรือเช้าตรู่ที่อากาศเย็นสบาย เป็นงานเพลงเพื่อการพักผ่อนอย่างแท้จริง ระบบเสียงคมกริบรับประกันโดย ECM Records



9. Subheim - Approach (Ambient / Downtempo)
โปรเจคต์ Subheim ของนาย Kostas K เป็นที่กล่าวขวัญกันมากพอสมควรในวงการดนตรีอีเล็กทรอนิกส์ในปีนี้ และได้รับการการันตีจากหลายท่าน (รวมทั้งผมด้วย) ว่า Approach น่าจะเป็นหนึ่งในสุดยอดอัลบั้มอีเล็กโทร/แอมเบียนท์ประจำปีนี้เลยครับ ซึ่งรูปแบบดนตรีของ Subheim นั้นเป็นดาร์คแอมเบียนท์ที่เยือกเย็น หมองหม่น แต่ไม่แน่นหนากดประสาทมากนัก มีเมโลดี้เปียโนที่เปราะบาง อ่อนใหว และให้ความรู้สึกเศร้าหมองในเวลาเดียวกัน โดยทั้งหมดได้ถูกรองรับไว้ด้วยบีทอีเล็กทรอนิกส์ที่ลุ่มลึก เรียบร้อย สะอาดสะอ้าน กลายมาเป็นบทเพลงที่ไพเราะและลึกล้ำดั่งสายธารหลั่งใหลในยามค่ำคืน ถ่ายทอดความรู้ศึกเศร้า เปลี่ยวเหงา หวาดกลัวของมนุษย์ออกมาได้อย่างมีระดับ ผลงานชิ้นนี้ถือเป็นงานอีเล็กโทรชั้นดีที่ไม่ควรมองข้ามจริงๆครับ



10. The Abbasi Brothers - Something Like Nostalgia (Ambient / Downtempo)
ถ้าโปรเจคต์ Subheim คืองานที่สะท้อนความรู้สึกเศร้าโศกและหวาดกลัวของมนุษย์ออกมาล่ะก็ ผลงานของสองพี่น้องคู่นี้ก็คือสิ่งที่ช่วยเติมความอบอุ่นและความสุขให้กลับมาอีกครั้งนั่นเอง ด้วยความที่ดนตรีของทั้งสองโปรเจคต์นี้เป็นแอมเบียนท์ที่รองพื้นด้วยบีทอีเล็กทรอนิกส์ที่เบาบาง สะอาดสะอ้านเหมือนกันไม่มีผิด เพียงแต่เมโลดี้และ Soundscape ที่สองพี่น้อง Abbasi ได้รังสรรค์ขึ้นมานั้นมันช่างอ่อนโยน อบอุ่น และชวนจรรโลงใจเสียนี่กะไร แถมยังมีท่อนบิวท์อารมณ์แบบโพสต์ร๊อคอยู่เป็นระยะด้วย หากจะจินตนาการถึงอัลบั้มนี้แบบมโนภาพมันก็คงจะเป็นภาพทิวทัศน์ยามเย็นที่สวยงาม มีแสงอ่อนๆของดวงอาทิตย์อัสดงและอากาศที่เย็นสบาย ฟังแล้วรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจไม่มีเสื่อมคลายเลยจริงๆ 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 กุมภาพันธ์ 2009 | 09:58:09 AM โดย Lilium™ » บันทึกการเข้า


Stay cheap, praise the explicit, embrace the scuzz, be true to art and yourself, eat shit, keep music evil.
lilivm's self-indulgence: https://rateyourmusic.com/~potatahtapapoh
หน้า: [1] 2 3 4
พิมพ์
กระโดดไป:  

ThaiProg.net Ver 4.0 by tisanai,Shineon,kongbei
Top 10 Best Sellers in Kindle eBooks Reviewer 2016 Top 10 Best Sellers In Automotive Parts And Accessories Reviewer 2016 Top 10 Best Sellers in Tools and Home Improvement Under $10, Reviewer 2016
Top 10 Best Sellers in Clothing for 2017 Top 10 Best Sellers in Clothing Best Sellers in Clothing
Top 10 Best Sellers in Books reviewer 2017 Top 10 Best Sellers in Books Best Sellers in Books
Top 10 Best Sellers In Best Sellers In Grocery Reviewer 2017 Top 10 Best Sellers In Best Sellers In Grocery Best Sellers In Grocery