ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
การค้นหาขั้นสูง

149664 กระทู้ ใน 4435 หัวข้อ- โดย 847 สมาชิก - สมาชิกล่าสุด: axlrose

25 เมษายน 2024 | 08:40:30 PM
หน้า: 1 ... 320 321 [322] 323 324 325
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ตาดู-หูฟัง  (อ่าน 1593675 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ท่านผีเพลง
Voyage Of The Acolyte
*********
กระทู้: 4733


Phantom of the Paradise


ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #4815 เมื่อ: 30 กันยายน 2015 | 10:33:18 AM »

ขอบคุณพี่un501และสาวสวยผู้พิมพ์
ขอบคุณพี่พัณณาศิสที่อนุญาต
บันทึกการเข้า

อั๋น501
Voyage Of The Acolyte
*********
กระทู้: 4240



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4816 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2015 | 06:08:40 PM »

 "เปลวเพลิงแห่งร็อค แอนด์ โรลล์ ลุกโชติช่วง"

TRIUMPH
SURVEILLANCE (1987)

อัลบั้ม Surveillance นี้ได้ปลุกเอาเถ้าถ่านของร็อค แอนด์ โรลล์ ที่กำลังมอดไหม้ให้ลุกโชติช่วงขึ้นมาอีกครั้ง และในครั้งนี้ ไฟพลังของการสร้างสรรค์มันลุกขึ้นอีกเป็นทวีคูณ ผลงานอัลบั้มนี้มีมือกีตาร์รับเชิญมีนามว่า Steve Morse มาร่วมงานด้วย มือกีตาร์ผู้นี้เรื่องฝีมือนั้น “ไร้เทียมทาน” เป็นการร่วมงานกันของมือกีตาร์ที่คู่ควรจริงๆ Steve Morse เป็นนักกีตาร์ที่มีความสามารถสูงมากคนหนึ่งของวงการ เล่นกีตาร์ได้อย่างไม่จำกัดแนวทางไม่ว่าจะเป็น ร็อค,บูลส์,แจ๊ส หรือแม้แต่เฮฟวี่ เมื่อมือกีตาร์ทั้งสองโคจรมาพบกันเช่นนี้ย่อมจะไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ มีคำถามที่ผมมักจะได้ยินเสมอเกี่ยวกับเรื่องฝีมือกีตาร์ ว่าใครเป็นมือกีตาร์ที่เก่งที่สุดหรือระหว่าง JIMMY PAGE กับ JOE SATRIANI ใครจะเก่งกว่ากันอะไรทำนองนี้ ผมคิดว่าในบรรดามือกีตาร์ชั้นแนวหน้าทั้งหลาย ไม่มีใครเก่งกว่ากันหรอกครับ เรื่องฝีมือนั้นพอๆกัน ลองขึ้นมาได้ถึงขั้นนี้แล้ว ไอ้ที่จะแพ้กันจริงๆอยู่ที่มันสมองในการประพันธ์เพลงมากกว่าใครที่จะแต่งเพลงได้เก่งกว่ากัน ผลงานพิสูจน์ได้ แต่เรื่องฝีมือการเล่นกีตาร์จะพิสูจน์ค่อนข้างยาก อันนี้ผมพูดถึงมือกีตาร์ระดับโลกนะครับไอ้ประเภทโซโล่ด้วยความไวของนิ้วมือนั้นมือกีตาร์ระดับนี้ทุกคนทำได้ด้วยกันทั้งนั้น Rik Emmett เป็นมือกีตาร์อีกคนหนึ่งที่ผมจะขอพูดถึง Rik Emmett เป็นกีตาร์ที่มีความสามารถเล่นกีตาร์ได้หลากรูปแบบ จะเห็นได้จากโครงสร้างดนตรีของ TRIUMPH ที่มีความหลากหลายทั้งเฮฟวี่, บลูส์ และคลาสสิค นักกีตาร์รุ่นใหญ่ในอดีต ไม่ว่าจะเป็น JIMI HENDRIX, MIKE BLOOMFIELE, JIMMY PAGE หรือแม้แต่ ERIC CLAPTON เหล่านี้มีพื้นฐานมาจากดนตรีบลูส์แทบทั้งสิ้น ผลงานดนตรีที่ออกมาจากมือกีตาร์ระดับนี้จึงมีลักษณะแพทเทรินของดนตรีบลูส์เจือปนอยู่เสมอ ดนตรีเฮฟวี่แสดงพลังที่ออกมาจากความดิบ เถื่อนของมนุษย์ ดนตรีแจ๊สให้ความสดใส ดนตรีคลาสสิคให้จินตนาการที่กว้างไกล ไร้ซึ่งขอบเขตงดงาม ประดุจดั่งธรรมชาติและ “ดนตรีบลูส์ให้อะไร” ให้ความเจ็บปวด ความขมขื่น รากฐานที่มาจากคนดำเคยได้รับมาแล้วถ่ายทอดลงในเสียงดนตรี เพลงบลูส์จึงเป็นเพลงที่คนเล่นจะต้องใช้อารมณ์และวิญญาณสอดใส่เข้าไปด้วย จึงจะเห็นได้ว่ามือกีตาร์รุ่นใหญ่ที่กล่าวมานี้ เล่นกีตาร์ในสไตล์บลูส์ ไม่เลือกเล่นในสไตล์อื่นๆ ผมคิดว่านักกีตาร์อย่าง Rik Emmett ในอนาคตข้างหน้านี้คงจะต้องหาทางออกสำหรับสไตล์การเล่นกีตาร์แบบอย่างรุ่นพี่ๆ นี้แน่หรือ อาจจะออกอัลบั้มบรรเลง อคูสติกกีตาร์ อย่างเดียวแบบ STEVE HACKETT จากอัลบั้ม BAY OF KINGS ก็ได้ใครจะรู้ ผมเชื่อแน่ว่า Rik Emmett จะต้องทำได้ดี ฟังจากทุกอัลบั้มที่มีเพลงบรรเลงกีตาร์คลาสสิคนั้น Rik Emmett เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน


ดนตรีในอัลบั้มชุดนี้ย้อนกลับไปหาอัลบั้มชุด NEVER SURRENDER แต่ทำได้ดีกว่าในทุกๆด้าน TRIUMPH ได้สลัดกลิ่นไอของ LED ZEPPELIN ออกได้อย่างหมดจด สร้างดนตรีที่ต่อเนื่องทางอารมณ์ในการรับฟังเพลงอินโทร เสียงกีตาร์ที่กรีดร้องเป็นเพลงเปิดอัลบั้มได้อย่างงดงาม มันเหมือนกับการเข้าสู่จินตนาการที่ TRIUMPH กำลังจะพาเราไปสัมผัสกับดนตรีที่ประณีตและสวยงาม สัดส่วนของดนตรีในอัลบั้มชุดนี้มันลงตัวกันหมดทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นเสียงกีตาร์ของสองยอดมือกีตาร์ที่แจมกันในเพลง Headed for Nowhere ทำได้อย่างยอดเยี่ยม นี่ล่ะครับถึงจะเรียกว่ามืออาชีพจริงๆการที่ Steve Morse ได้มาร่วมเล่นกีตาร์ในฐานะมือกีตาร์รับเชิญ ไม่ได้แสดงอีโก้ตัวเองออกมาข่ม Rik Emmett แถมยังช่วยส่งฝีมือให้กับ Rik Emmett โดดเด่นขึ้นอีกด้วย เป็นการรู้จักหน้าที่ของตัวเองดีว่า “ผลงานชิ้นนี้ไม่ใช่เป็นของตน” ไม่ว่า Steve Morse จะร่วมงานกับใครก็ไม่เคยแสดงอัตตาตัวเองข่มศิลปินเจ้าของผลงานนั้นเลยการร่วมงานกับ TRIUMPH ในอัลบั้มชุดนี้แค่สองเพลงนั้น เหมือนกับอาหารที่อร่อยอยู่แล้วยังได้เครื่องชูรสเสริมเข้าไปอีก ยิ่งน่ารับประทานมากขึ้น ผลงานในอัลบั้มนี้ TRIUMPH พิถีพิถันทุกส่วน ใช้นักดนตรีรับจ้างเข้าเสริมกำลังหลายคนรวมทั้งนักร้องประสานเสียงด้วยรู้สึกว่าเนื้อหาในเชิงปรัชญาผมดีใจที่ TRIUMPH หันกลับมาเล่นดนตรีตามแบบฉบับเดิม เป็นตัวของตัวเองหลังจากที่หลงทางเมื่ออัลบั้มชุดก่อน เล่นทำเอาผมเกือบจะตัดญาติเสียแล้ว และนี่เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าพลังไฟแห่งความคิดที่สร้างสรรค์มันไม่ได้ดับมอดลงอย่างที่ใครๆคิด มันพร้อมจะลุกโชติช่วงขึ้นอีกครั้ง หากว่าสามหนุ่มแห่งแคนาดานี่ต้องการที่จะจุดเปลวเพลิงจากสมองนี้ต่อไปผมได้แต่หวังว่า พวกเขาทั้งสามจะไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจสีสันเงินตราอีก สู้ต่อไปเถอะ TRIUMPH สักวันหนึ่งคงจะสมหวังเหมือนเช่นดังชื่อวง

หนังสือ VOICE
คอลัมน์ COLLECTIONS
โดย มังกรผยอง
เมื่อปี 1989
บันทึกการเข้า
อั๋น501
Voyage Of The Acolyte
*********
กระทู้: 4240



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4817 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2015 | 06:10:23 PM »

 “อยากบ่งบอกจิตสำนึกให้โลกทราบ”

Jackson Browne Collections Part 9
World in Motion (1989)
คอลัมน์ Collections
หนังสือ Voice
เมื่อปี 1989
โดย “ปณิธาน”

ในฐานะคนฟังเพลงที่มีความโน้มเอียงไปในเชิงเนื้อหาสาระ หรือเพลงในแนวที่เคยเรียกกันว่า เพื่อชีวิตในยุคหนึ่ง และเพลงสร้างสรรค์สังคมหรือสะท้อนสังคมในอีกยุคหนึ่ง ผมเคยมีคำถามให้กับตัวเองเสมอเมื่ออ่านบทวิจารณ์ของนักวิจารณ์ต่างชาติ ว่าทำไมงานในแนวนี้จึ่งได้คะแนนนิยมจากนักวิจารณ์ค่อนข้างต่ำ โดยเฉพาะถ้าเป็นบทวิจารณ์ระบบติดดาวให้ก็ยิ่งสังเกตเห็นกันได้ชัดขึ้น ว่ายากเย็นที่จะมีงานชุดไหนได้สี่ดาว ในขณะที่เพลงป๊อปง่ายๆ เพลงเต้นรำสนุนสนาน ติดดาวกันเป็นว่าเล่น


เวลาผ่านไปต้องค่อยๆยอมรับว่านักวิจารณ์ก็เหมือนคนทั่วไป และในความเป็นเพลง ความเป็นดนตรีในเบื้องต้นก็แยกไม่ออกจากการเป็นสิ่งซึ่งคนเราฟังเพื่อความบันเทิงเพื่อผ่อนคลาย ความจริงอีกอย่างหนึ่งก็คือคนทำเพลงแนวเนื้อหาสาระก็มักจะมุ่งมั่นไปกับเรื่องราว ความคิดที่ต้องการนำเสนอ จนบ่อยครั้งละเลยในเรื่องสีสันทางดนตรี ซึ่งจะเป็นสิ่งนำไปสู่การยอมรับของผู้คนทั่วไป บ้างก็มีกรอบทางดนตรีอยู่จำกัดเกินไปเรื่องราวที่หนักหนาไม่น่ารื่นรมย์อยู่แล้วเมื่องรองรับโดยดนตรีที่ขาดสีสันก็มักจะกลายเป็นงานที่ไม่มีชีวิตชีวา ไม่ว่าเนื้อหา ความคิดในบทเพลงจะสำคัญและมีความหมายเพียงไรถ้าผมนั่งอยู่และต้องการเพียงแค่ให้มีเสียงเพลงในบริเวณนั้น เทปที่วางอยู่สองม้วนให้ผมเลือกฟังได้ โอกาสที่ผมจะหยิบ “ร็อคเหน่อๆ”ของสามารถ พยัคฒ์อรุณ มาเปิดฟังคงมีมากกว่า “คนไร้ราก” ของ มงคล อุทก


ผมจึงยอมรับนับถือคนอย่าง แอ๊ด คาราบาว ที่สามารถทำให้เรื่องราวที่เขาอยากเสนอแสดงออกมาง่ายเข้าต่อการรับรู้ของผู้คนทั่วไป ในลีลาดนตรีที่ฟังกันง่ายๆ รับกันง่ายๆมีสีสันของความเป็นป๊อปอยู่เต็มที่ เพราะโดยกลวิธีนี้ทำให้เสียงเพลงมีโอกาสกระจายกว้างสู่มวลชลนได้มากกว่า ดีกว่า ผลที่ได้อาจจะไม่เต็มที่ แต่ผมก็แน่ใจว่าเราคงไม่คาดหวังที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมกันด้วยเพลงๆเดียว หรือเทปหนึ่งชุด แค่แง่คิดบางอย่างที่สะกิจใจคนฟังได้บ้างมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง และเวลาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า เสียงของแอ๊ดเป็นเสียงที่ดังกว่าทุกคนในวงการเพลงไทย และเป็นเสียงที่คนฟังไม่ถึงระดับคนอย่าง บ๊อบ ดีแลน ซึ่ง คุณกิตติศักดิ์ เคยเขียนว่า “เมื่อ บ๊อบ ดีแลน พูกทุกคนต้องฟัง” แต่ก็ใกล้เคียง และสำหรับเมืองไทย ไม่มีใครทำได้ดีกว่านี้แล้วแจ๊กสัน บราวน์ น่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนพอสมควรว่า วิธีการนำเสนอ เมื่ออัลบั้มชุดที่แล้วของเขา LIVES IN BALANCE ที่มุ่งเข้าสู่แนวสังคมกรเมืองเต็มตัว เป็นงานที่ค่อนข้างล้มเหลวทางการขาย ไม่ต้องอื่นไกลหรอก ตัวผมเองซึ่งคนใกล้ชิดรู้กันว่า มีฉันทาคติสูงมากกับงานของแจ็คสัน บราวน์ ยังฟังไม่กี่ครั้งแล้วก็ลืมไปเลย
และเพราะไม่ได้ติดอกติดใจอะไรกับงานชุดก่อน ผมจึงไม่ได้เอามาฟังเปรียบเทียบกับงานใหม่ของเขา แต่โดยความรู้สึกจากการฟังครั้งแรกแล้ว WORLD IN MOTION” ชุดนี้มีสิ่งที่น่าติดตาม ฟังซ้ำมากกว่าในเชิงดนตรี ผมไม่คาดหวังว่าเพลงและเสียงของ แจ็คสัน บราวน์จะมีพลังเหมือนบ๊อบ ดีแลน ในยุคเคลื่อนไหวต้านสงความช่วงปี’60 ซึ่งเป็นคนที่บราวน์เคยบอกว่ามีอิทธิพลต่อความคิดและการเขียนเพลงของเขามากที่สุด และตัวเขาก็ไม่ได้อยู่ในสถานะโดนเด่นเหมือนดีแลน ที่เมื่อเอาเรื่องราวของ รูบิน คาร์เตอร์ เฮอร์ริเคน มาร้องเล่าก็มีส่วนทำให้เกิดการรื้อฟื้นพิจารณาคดีกันใหม่ หรือตอนเอ่ยปากในคอนเสิร์ตไลฟ์ เอด ว่าน่าจะแบ่งรายได้มาช่วยเกษตรกรอเมริกากันบ้าง ก็มีการขารับทันทีด้วยคอนเสิร์ตฟาร์มเอด ดนตรีของเขาอาจจะไม่เร้าใจอย่าง บรูซ สปริงสทีนเพื่อนสนิทคนหนึ่งของเขา ซึ่งงานอย่าง BORN TO RUN โดยเฉพาะ BORN IN THE U.S.A. สร้างผลกระทบทางสังคมได้มาก ผมเพียงหวังว่างานเพลงของแจ็คสัน บราวน์ที่มาจากสำนึกทางสังคมของเขาจะสามารถกินลึกเข้าไปในใจคนฟังได้มากกเท่ากับที่เขาเคยทำได้ในยุคที่ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิต ความรัก ความปวดร้าว ความขมขื่น ความหวังที่ไม่ลดละออกมาได้อย่างลุ่มลึกWORLD IN MOTOIN ไม่ได้ทำให้ความคาดหวังนั้นคลาดเคลื่อน


WOORLD IN MOTION เป็นเพลงเปิดอัลบ้มมาด้วยความคึกคักในลีลาฟังกี้ ดนตรีมีชีวิตชีวาดีเนื้อหาของเพลงสมกับที่ดึงออกมาเป็นชื่อชุดเป็นแกนกลางความคิดของแจ็กสัน บราวน์ที่กินความกว้างที่สุดเหนือเพลงอื่น พูดถึงความแตกต่างระหว่างความมีและไม่มีที่มีอยู่ในทุกระดับจากชั้นฐานะระหว่างผู้คน จนถึงระหว่างประเทศ HOW LONG เป็นการตั้งคำถามถึงสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ในสังคมโลกว่า จะดำรงไปเช่นนี้อีกนานเพียงไร โดยมีเรื่องราวที่ปลีกย่อยลงมาไปมากกว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้เงินจำนวนมหาศาลไปกับการพัฒนาสะสมอาวุธสงความท่ามกลางภาวะความอดอยากหิวโหยของคนเป็นล้านที่งบของกระทรวงกลาโหมสามารถทำให้พวกเขาอิ่มได้ ขีปนาวุธแห่งการทำลายล้างที่พร่ำบอกกันว่าสร้างมาเพื่อสันติภาพ โทนดนตรีออกมาซึกเซาอยู่ในวังวนของคำถามเหมือนกับชื่อเพลง โดยไม่มีคำตอบที่ชัดเจน เรื่องราวมาชัดเจนขึ้นกับเรื่องราวการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของ เนลสัน แมนเดลา ใน WHEN THE STONE BEGINS TO TURN เพลงแนวเร็กเก้ที่แจ็คสัน บราวน์ นำออกแสดงครั้งแรกในคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นเรียกหาความยุติธรรมให้กับแมนเดลา เมื่อไม่นานมานี้และถือได้ว่าเป็นเพลงแนวประท้วง คัดค้านที่แรงที่สุดของแจ็คสัน บราวน์ เท่าที่มีในแผ่นนี้แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีพลังมากพอสำหรับการรณรงค์เคลื่อนไหว ซึ่งแม้ว่าแจ็คสัน บราวน์จะเป็นนักสู้จริงจัง ไม่ยอมลดละในสิ่งที่เขาเชื่อมั่นดังที่เคยเห็นได้จากกรณีต่อต้านการใช้พลังงานนิวเคลียร์ ทั้งการเขียนเพลง การเป็นแกนนำของกลุ่มรณรงค์และการจัดคอนเสิร์ตใหญ่ จนถึงการเดินขบวนถึงขั้นโดนจับมาแล้วแต่บุคลิกของบราวน์และเพลงของเขา ไม่ใช่แบบธงนำขบวน ประเด็นที่เขาตอกย้ำอย่างกรณี อิหร่าน คอนทรา ตั้งแต่อัลบั้มก่อนมาถึงเพลง THE WORLD JUSTICE ในคราวนี้ก็ไม่ได้นำเสนอในโทนที่ก้าวร้าวรุนแรงอะไร และเมื่อถึงเพลงเร็กเก้ของ ลิตเลิ้ล สตีเว่นส์ I AM A PATRIOT ก็ยิ่งเป็นสิ่งที่รู้นึกได้ชัดเจนว่า เสียงของเขา ตัวของเขาไม่ใช่แบบของคนที่จะปลุกม๊อบ นำการเคลื่อนไหวเหมือนเพลงของลิตเติ้ล สตีเว่นส์ ต้นฉบับเหมือนดีแลน เหมือน โจนบาเอช ยุคก่อน บนจังหวะทำนองแบบเร็กเก้ของเพลงนี้ เสียงแจ็คสัน บราวน์ ดูขาดความเข้มข้นอย่างที่น่าจะเป็น แต่สิ่งหนึ่งซึ่งแจ็คสัน บราวน์ ชดเชยให้ได้ก็คือเสียงในแบบของเขาเองเสียงที่ตรงตามบุคลิคของเขา นั่นคือความซื่อตรงจริงใจที่เรารู้สึกได้เสมอจากเพลงทุกแบบ และได้พิสูจน์เสมอด้วยความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างความคิด คำพูด บทเพลง การกระทำ จุดนี้เองที่เป็นจุดเด่นในงานเพลงของ แจ็คสัน บราวน์ ไม่ว่าเขาจะเขียนถึงชีวิตของเขาเอง หรือสังคมโลกอันไพศาล มันล้วนหลั่งไหลถ่ายเทจากสำนึก จากความรู้สึกอันแท้จริงที่ไม่มีอะไรแปลกปลอม


เพลงที่เหมาะกับ แจ็คสัน บราวน์จริงๆ ในความรู้สึกของผม เป็นเพลง MY PERSONAL REVENGE ทีแปลมาจากภาษาสเปน ไม่เพียงแต่ทำนองดนตรีในแบบละติน ซึ่งเคยปรากฏในงานของ แจ็กสัน บราวน์ อยู่บ่อยๆ แต่ยังรวมถึงเนื้อเพลง ซึ่งผู้เขียน โทมัส บอร์เก้ นักโทษการเมืองใต้อำนาจเผด็จการของรัฐบาลโมโมซ่า ในนิคารากัว บอกว่าในการต่อสู้ทางการเมืองอย่างไม่ลดละ เพื่อชัยชนะของประชาชน ความหมายที่แท้จริงของชัยชนะและการล้างแค้น ไม่ได้หมายถึงการเข่นฆ่าเลือดเนื้อและชีวิตของฝ่ายตรงข้าม แต่หมายถึงสันติสุขของทุกคน บุคลิคของแจ็คสัน บราวน์ที่ได้แสดงออกมาในเพลงของเขาก็เป็นเช่นเดียวกันนี้ในเรื่องราว ในอารมณ์เพลงมีความขมขื่น มีความสะเทือนใจ แต่ไม่เกี้ยวกราด รุนแรง บางเพลงนุ่มนวล ซึมเซา แต่ไม่ยอมลดละ,จำนน, หรือสิ้นหวัง นอกจากเพลงที่แสดงโลกทรรศน์ทั้งหมดนี้ เพลงเกี่ยวกับแง่มุมของชีวิตและสัมพันธภาพ ก็ปรากฏออกมาด้วยท่าทีเดียวกันไม่ว่า ENOUGH OF THE LIGHT กับ CHASING YOU INTO THE LIGHT ที่มีความต่อเนื่องกันในที ทั้งทางดนตรี เนื้อหา ซึ่งลุ่มลึกตามแบบของเขา และเพลง ANGTHING CAN HAPPEN ที่เป็นบัลลาดนุ่มนวลมากเพลงหนึ่ง ล้วนเกี่ยวกับความรัก ความหวัง การะกระตุ้นให้ชีวิตดำเนินไป ไม่จ่อมจมในความสิ้นหวัง มุ่งสู่แสงสว่าง และความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ที่ดีกว่าและเพลงสุดท้า LIGHT AND VIRTUCS ก็คือบทสรุปรวบยอดสำหรับความคิดและความเป็น แจ็คสัน บราวน์ เป็นความเชื่อมั่นในสัจจะ ความรัก ความหวัง ความดีงาม ดนตรีอ่อนโยน ให้ความรู้สึกที่สงบ แต่ก็แน่วแน่และมั่นคงแม้จะต้องอยู่เพียงลำพังคนเดียวเพราะความเชื่อมั่นนั้นก็ตาม

“ปณิธาน”
บันทึกการเข้า
อั๋น501
Voyage Of The Acolyte
*********
กระทู้: 4240



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4818 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2015 | 06:12:13 PM »

 Mad Max: Fury Road (Blu-ray)

“ถนนนรกโลกันตร์”

"........ในรอบปีมีหนังแอ็คชั่นทริลเลอร์ที่ได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ทุกสำนักในแง่บวกมากที่สุดต้องยกให้เรื่อง Mad Max: Fury Road หนังแฟรนไชส์สุดมันส์สร้างมาตั้งแต่ภาคแรกเมื่อปี 1979 (Mad Max / The Road Warrior และ Mad Max Beyond Thunderdome) ของผู้กำกับ George Miller หนังแจ้งเกิดให้กับพระเอก Mel Gibson อันที่จริง Mad Max: Fury Road ไม่ใช่หนังภาคต่อจาก Mad Max Beyond Thunderdome ปี 1985 เพราะหนังดำเนินเรื่องไม่ได้เกี่ยวข้องกับภาคก่อนๆ แม้ว่าใครที่ไม่เคยดูหนังเรื่อง Mad Max ทั้ง 3 ภาคมาก่อนก็จะดูภาคนี้ได้สนุกเช่นกัน

หนังเปิดด้วยเรื่องราวในอนาคตซึ่งสภาพแวดล้อมกลายเป็นพื้นทะเลทราย ผู้คนมีชีวิตกันอย่างป่าเถื่อน แย่งชิงน้ำและน้ำมันเหมือนกลับไปสู่โลกยุคอดีตสภาพเป็นคนป่าเถื่อนอย่างยุดหิน แมกซ์ รับบทโดยทอม ฮาร์ดี้ (Tom Hardy) โดนตามล่าถูกจับตัวโดยกลุ่มของอิมมอร์แทน โจ (Hugh Keays-Byrne) พล็อตเรื่องหลักจริงๆน่าจะอยู่ที่ตัวละครหญิงเหล็กฟิวริโอซา รับบทโดยนักแสดงสาวสวยมากฝีมือ Charlize Theron แต่เรื่องนี้เธอหาความสวยไม่เจอแถมยังแขนขาดข้างหนึ่งด้วย เธอต้องพยายามวางแผนหลบหนีและพาหญิงสาวบรรดานางสนมทั้ง 5ของอิมมอร์แทนโจ ที่ถูกกดขี่ข่มเหงยึดครองดินแดนทะเลทราย ให้พ้นจากเงื้อมมือของอิมมอร์แทน โจ เธอพยายามหนีกลับไปยังดินแดนบ้านเกิดสมัยเด็กๆก่อนที่เธอจะถูกจับตัวมา โดยไม่รู้ว่ามันล่มสลายไปแล้ว แต่ดูเหมือนภารกิจนี้จะไม่ง่ายหากเธอไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพระเอกแมกซ์ที่ถูกจับมาเป็นเชลย วอร์บอยเป็นกลุ่มชายหนุ่มที่คลั่งไคลกับตัวผู้นำ อิมมอร์แทนโจ ยอมตายอย่างบ้าระห่ำ หนังแทบไม่ให้หยุดหายใจกับฉากบู๊แอ็คชั่นใส่กันไม่ยั้งบู๊วินาศสันตะโร ต้องบอกเลยผู้กำกับ George Miller คุมองค์ประกอบของหนังได้อยู่หมัด โชว์ความเหนือนชั้นในการกำกับหนังแอ็คชั่นสุดมันส์เรื่องได้อย่างสุดขั้ว George Miller ปีนี้ก็ 70 ปีแล้วอายุเป็นแค่ตัวเลข..............." คอลัมน์ HD Review หนังสือ Audiophile/Videophile ฉบับเดือนกันยายนนี้ โดย "มังกรผยอง"

Video
Codec: MPEG-4 AVC
Resolution: 1080p
Aspect ratio: 2.40:1
Original aspect ratio: 2.39:1

Audio
English: Dolby Atmos
English: Dolby TrueHD 7.1

Special Features:
Maximum Fury: Filming Fury Road Featurette
Mad Max: Fury on Four Wheels Featurette
The Road Warriors: Max and Furiosa Featurette
The Tools of the Wasteland Featurette
The Five Wives: So Shiny, So Chrome Featurette
Fury Road: Crash & Smash Featurette
Deleted Scenes
บันทึกการเข้า
อั๋น501
Voyage Of The Acolyte
*********
กระทู้: 4240



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4819 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2015 | 06:13:00 PM »

 Avengers: Age of Ultron (Blu-ray)

จักรวาลมาร์เวล รวมซูเปอร์ฮีโร่ Avengers หนังจากค่ายมาร์เวลสตูดิโอ ภาคล่าสุดทีม Avengers ซึ่งประกอบด้วย โทนี่ สตาร์ค มหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจอุตสาหกรรมที่ร่ำรวยผู้สร้างชุดเกราะแข็งแกร่งในนามว่า Iron Man สตีฟ โรเจอร์ส อดีตหนุ่มตัวเล็กที่มีความมุ่งมั่นอยากจะรับใช้ชาติอย่างพยายามเข้าไปสมัครเป็นทหารหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่ผ่านการตรวจสภาพร่างกาย เข้าโครงการทดลอง โครงการลับ "ซูเปอร์-โซลด์เยอร์" เปลี่ยนให้สตีฟ โรเจอร์ส กลายเป็น Captain America หนุ่มร่างกายล่ำทรงพลังมากกว่ามนุษย์ธรรมดาหลายเท่า คลินท์ บาร์ตัน สุดยอดเจ้าหน้าพิเศษที่ฝีมือเก่งกาจของหน่วย S.H.I.E.L.D. ชื่อในนามของ Hawkeye ซึ่งมีอาวุธประจำกายธนู (ยังสงสัยอยู่ทำไมจึงมีลูกธนูแยะมากใช้ไม่เคยหมดทั้งๆที่มีใส่หลังอยู่เพียงไม่กี่ลูกเหมือนลูกปืนยิงกันไม่มีหมด) นาตาชา โรมานนอฟฟ์ เป็นเจ้าหน้าที่สาวสวยของ หน่วย S.H.I.E.L.D. หรือรู้จักกันดีในนามว่า Black Widow สายลับมือสังหารฝีมือดีที่สุดทั้งเก่งและสวยด้วย (สงสัยอีกแล้ว ว่าทำไมเก่งกาจเหลือเกินทั้งๆเป็นแค่ผู้หญิงสามารถอัดกับผู้ชายตัวใหญ่ๆนับสิบๆคนได้อย่างสบาย) ดร.บรูซ แบนเนอร์ ได้ประสบอุบัติเหตุในการทดลองได้รับเอารังสีแกรมม่า ทำให้สภาพร่างกายเปลี่ยนไปมีอาการประหลาดเกิดขึ้น หากเวลาโกรธจะเปลี่ยร่างกาย กลายร่างเป็นอสูรกายยักษ์ตัวเขียวกำลังมหาศาลที่ไม่สามารถควบคุมได้ชื่อ ในนามว่า The Hulk ธอร์ ไม่ได้เป็นมนุษย์ธรรมดาแต่เป็นเทพเจ้าสายฟ้าเจ้าชายแห่งแอสการ์ด ที่ถูกพ่อ (โอดิน) เนรเทศลงมายังโลกมนุษย์ Thor เข้าเป็นสมาชิกทีมซูเปอร์ฮีโร่ Avengers นิค ฟิวรี่ หัวหน้าหน่วยรักษาสันติภาพระหว่างประเทศ S.H.I.E.L.D. ย่อมาจาก "Strategic Homeland Intervention Enforcement and Logistics Division"

ทั้งหมดคือที่มาของ The Avengers (2012) ภาคแรก ในปีนี้การกลับมาของ Avengers: Age of Ultron หนังแอ็คชั่นไซไฟแฟรนไชส์ภาคต่อของค่ายมาร์เวลสตูดิโอ ต้องขอบอกก่อนผมไม่ได้เป็นแฟนการ์ตูนมาร์เวลคอมมิคจึงอาจจะไม่ค่อยรู้จักที่มาที่ไปของตัวละครต่างๆมากนัก ติดตามและรู้จักก็มาจากหนังของมาร์เวสตูดิโอตั้งแต่เรื่อง Iron Man (2008) เป็นต้นมา Avengers: Age of Ultron การกลับมารวมทีมซูเปอร์ฮีโร่กันอีกครั้งหลังจากภาคแรก หนังโฟกัสไปที่โทนี่ สตาร์ค (Iron Man) เหมือนเป็นตัวละครสำคัญมากที่สุดของเรื่อง ก็น่าจะเป็นเข่นนั้นเพราะโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ รับค่าตัวมากมายกว่าดาราคนอื่นๆ แสดงว่าบทของโทนี่ สตาร์คนั้นสำคัญกว่านั้นเอง สตีฟ โรเจอร์สบทของ Captain America คริส อีแวนส์บทอาจจะเป็นรองอยู่บ้าง ต้องถือว่าตัวละครทั้ง Iron Man และ Captain America เป็นตัวชูโรงทำเงินทำทองเป็นกอบเป็นกำให้กับค่ายมาร์เวสตูดิโออย่างมาก การแตกไลน์ตัวละครต่างๆออกไปสร้างเป็นหนังของแต่ละเรื่องจึงทำให้มาร์เวสตูดิโอ มีหนังอีกมากมายในแต่ละปีให้พวกเราดูกันตาแฉะ ปีหน้าเราจะได้ดูเรื่อง Captain America: Civil War (2016) กันอีกแล้ว ภาคนี้ของ Captain America รวมเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ของทีม Avengers อยู่ด้วยอย่างเช่น Iron Man, Black Widow, Hawkeye แถมยังมี Spider-Man และ Ant-Man เข้ามาแจมด้วยอีก Avengers: Age of Ultron นั้นเป็นหนังบู๊แอ็คชั่นที่ฉากส่วนใหญ่จะเป็นการต่อสู้กันแทบทั้งเรื่อง เนื้อหาไม่มีอะไรซับซ้อนใครที่เป็นแฟนหนังของมาร์เวลคงจะรู้จักตัวละครต่างๆดีกันอยู่แล้ว เทคนิค CG ทั้งเรื่องดูเหมือนการ์ตูนมากกว่าให้ความสมจริง ทุนมหาศาลหมดไปกับค่าตัวดารานำและเทคนิค CG หนังเปิดตัวทำรายได้ประสบความสำเร็จตามคาด Avengers: Age of Ultron วางพล็อตเรื่องมีความขัดแย้งของทีม Avengers เองเพราะความมีอีโก้ของโทนี่ สตาร์ค ที่มักจะเป็นเหมือนผู้นำของทีม ดร.บรูซ แบนเนอร์ เป็นตัวละครที่น่าสงสารมากที่สุดในทีมแทบไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง ทั้งๆที่ดร.บรูซ แบนเนอร์ นั้นเป็นคนฉลาดจากเรื่อง The Hulk ทั้ง 2 ภาคไม่ได้น่าสงสาร แต่บทวางไว้ให้เป็นแบบนั้น ในภาคนี้ดันมีดราม่าความรักกับนาตาชา โรมานนอฟฟ์เสริมทำให้เหมือนกับเป็นผู้ชายที่ไม่คู่ควรกับสาวสวยอย่างนาตาชา โรมานนอฟฟ์ ซึ่งเธอให้ท่าดร.บรูซ แบนเนอร์ ตลอด แปลกเมื่อเรื่อง Captain America: Winter Soldier เธอยังมีกุ๊กกิ๊กกับสตีฟ โรเจอร์ส Captain America มาเรื่องนี้ไปมีใจกับดร.บรูซ แบนเนอร์ แทน ทีม Avengers กลายเป็นศูนย์รวมของปัญหาที่ควบคุมไม่ได้ แม้ว่าจะช่วยโลกก็ตาม การที่คอยปกป้องโลกต่อสู้กับเหล่าร้ายทั้งในโลกและการรุกรานจากภายนอกโลก แต่การที่เมืองต้องถูกทำลายล้าง แม้ว่าจะปกป้องชาวโลกได้ สิ่งที่ตามมาก็ “การอพยพประชาชน จำกัดวงความเสียหายเมืองแหลกเป็นจุลเหมือนเกิดสงคราม ทำให้ประชาชนไม่พอใจกับทีม Avengers ตั้งแต่ผมดูหนังของมาร์เวลมาทุกเรื่องฉากการต่อสู้ทำลายล้างเมืองนั้น หากเป็นจริงคงไม่มีใครรัก ซูเปอร์ฮีโร่ เหล่านี้หรอก กลายเป็นว่าภัยคุกคามต่อโลกก็คือเหล่าซูเปอร์ฮีโร่นี้เอง...............คอลัมน์ HD Review หนังสือ Audiophile/Videophile ฉบับเดือนตุลาคมนี้ โดย "มังกรผยอง"

Video
Codec: MPEG-4 AVC
Resolution: 1080p
Aspect ratio: 2.40:1
Original aspect ratio: 2.39:1

Audio
English: DTS-HD Master Audio 7.1
บันทึกการเข้า
TRON
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 12866



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4820 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2015 | 09:50:56 AM »

เรื่องที่พี่มองว่าฮีโร่เป็นภัยุคกคามนี้ผมเห็นด้วยว่าสมจริงกว่า และดูเหมือนค่าย DC จะเอาประเด็นนี้เป็นธีมหลักใน Man of Steel : The Dawn of Justice ที่จะออกฉายปีหน้า ผมชอบหนังฮีโร่ที่ให้น้ำหนักความสมจริงในหลายๆมุมมองของค่าย DC มากกว่าหนังฮีโร่ค่าย Marvels ที่เหมือนหนังบู๊แหละลาญเหมือนการ์ตูนเด็กๆ
บันทึกการเข้า
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14364


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4821 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2015 | 10:54:43 AM »

ช่วงนี้มีกนักเล่นเครื่องเสียงของไทยกลุ่มหนึ่งพยายามรื้อฟื้นการเล่นเทปรีล ที่เห็นอยู่ในรูปคือเครื่องเล่นเทปรีล Telefunken Magnetophon 15A ซึ่ง refurbished หรือปรับปรุงใหม่ ผมเคยได้มีโอกาสฟังเสียงมาแล้วสองสามหน เสียงดีมากครับ ชัดเจนและใสสะอาดในแบบที่ดิจิตอลไม่มีวันจะทำได้





บันทึกการเข้า
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14364


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4822 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2015 | 03:23:50 PM »

ในขณะที่มีนักเล่นอีกกลุ่มหนึ่งกำลังคลั่งลำโพงฮอร์น และในขณะเดียวกันก็ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่กระเป๋าหนัก เพราะเล่นทั้งลำโพงฮอร์นและเครื่องเล่นเทปรีล อนึ่ง เครื่องเล่นเทปรีลที่ว่านี้ไม่ใช่ธรรมดานะครับ เพราะเป็นเครื่องระดับ studio professional ที่นำมาปรับปรุงหรือ refurbished กันที่เมืองนอก แล้วมีบริษัทห้างร้านในบ้านเรานำเข้ามาขายครับ
บันทึกการเข้า
ท่านผีเพลง
Voyage Of The Acolyte
*********
กระทู้: 4733


Phantom of the Paradise


ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #4823 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2015 | 06:50:49 PM »

ใครคือ มังกรผงาด เอ้ย มังกรผยอง ครับผม
แล้วก็ ปณิธาน ด้วยครับ
ผมรู้จักเขาไหนเนี่ย..
บันทึกการเข้า

ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14364


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4824 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2015 | 05:08:07 PM »

ขั้วต่อสายลำโพงแบบไหนให้เสียงดีที่สุด?
- ไม่ต้องมีขั้วต่อ ปอกสายเปลือยแล้วเสียบต่อเลย
- หัวก้ามปูหรือหางปลา
- หัวบานาน่าแจ็ค
- ฯลฯ

คิดไปคิดมาแล้ว ผมว่าปอกสายเปลือยแล้วเสียบต่อนี่ล่ะ ให้เสียงดีที่สุด ส่วนพวกที่ใช้ connectors ประเภทก้ามปูหรือหัวบานาน่าทั้งหลายนั้นมีแต่ความสวยงามและความสะดวก ส่วนประสิทธิภาพของเสียงที่แท้จริงจะลดลง เพราะเหมือนมีอะไรมาขวางกั้นระหว่างสายและขั้วต่อลำโพง ดังนั้น ขั้วต่อสายลำโพงจากเครื่องเสียงที่ใช้คลิปหนีบหรือเอาสายเปลือยยัดเสียบแบบที่ใช้กันอยู่ในเครื่องเสียงรุ่นเก่าทั้งหลาย ผมว่าออกแบบได้เบสิคและถูกต้องแล้ว เพราะระหว่างขั้วต่อกับสายมันไม่ควรจะมีวัสดุอื่นใดมาขวางกั้น

ท่านว่าจริงมั้ยครับ?
บันทึกการเข้า
อั๋น501
Voyage Of The Acolyte
*********
กระทู้: 4240



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4825 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2015 | 06:35:10 AM »

ขั้วต่อสายลำโพงแบบไหนให้เสียงดีที่สุด?
- ไม่ต้องมีขั้วต่อ ปอกสายเปลือยแล้วเสียบต่อเลย
- หัวก้ามปูหรือหางปลา
- หัวบานาน่าแจ็ค
- ฯลฯ

คิดไปคิดมาแล้ว ผมว่าปอกสายเปลือยแล้วเสียบต่อนี่ล่ะ ให้เสียงดีที่สุด ส่วนพวกที่ใช้ connectors ประเภทก้ามปูหรือหัวบานาน่าทั้งหลายนั้นมีแต่ความสวยงามและความสะดวก ส่วนประสิทธิภาพของเสียงที่แท้จริงจะลดลง เพราะเหมือนมีอะไรมาขวางกั้นระหว่างสายและขั้วต่อลำโพง ดังนั้น ขั้วต่อสายลำโพงจากเครื่องเสียงที่ใช้คลิปหนีบหรือเอาสายเปลือยยัดเสียบแบบที่ใช้กันอยู่ในเครื่องเสียงรุ่นเก่าทั้งหลาย ผมว่าออกแบบได้เบสิคและถูกต้องแล้ว เพราะระหว่างขั้วต่อกับสายมันไม่ควรจะมีวัสดุอื่นใดมาขวางกั้น

ท่านว่าจริงมั้ยครับ?

อันที่การเปลือยสายลำโพงแบบที่เฮียปีศาจฯ บอกมานั้นอาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเพราะไม่ต้องมีจุดเชื่อมต่อสา่ยหลายช่วง
การใช้พวกขั้วต่อสายลำโพงเช่น หัวแบบก้ามปู หางปลาหรือแบบบานาน่าแจ็ค ไม่ใช่แค่ความสวยงามและความสะดวก
ในการต่อกับตู้ลำโพงเท่านั้น การเปลือยสายลำโพงโดยที่ไม่เชื่อมต่อกับขั้วต่อลำโพงนั้นซึ่งเป็นสื่อการนำพาสัญญาณเสียง
จะมีข้อเสีย เพราะการเปลือยสายทองแดงซึ่งเป็นโลหะหากถูกอากาศนานๆจะทำให้สายลำโพงเเกิดออดไซด์เสื่อมประสิทธิ์ภาพ
ลงของการเป็นตัวนำสัญญาณเสียง ขนาดว่าพวกขั้วต่อสัญญาณต่างๆเช่นหัวแจ๊ค RCA หรือหางปลาที่ชุบทองถูกๆใช้วัสดุโลหะผสมคุณภาพต่ำ
ใช้ไปนานๆยังเกิดออดไซด์ดำๆยังต้องทำความสะอาดขั้วต่อเหล่านี้บ้าง ยิ่งพวกขั้วต่อหลังตู้ลำโพงหรือแอมป์ที่เป็นคลิปหนีบเอาสายเปลือยใส่นั้น
คุณภาพต่ำมาก ขั้วคลิปหนีบแบบนี้จะต่อสายลำโพงไม่แน่นเหมือนชนิดไบดิ้งโพสต์ที่สามารถต่อสายลำโพงได้แน่นหนาลำโพงหรือแอมป์ดีๆ
ใช้ขั้วต่อลำโพงชนิดไบดิ้งโพสต์ด้วยกันทั้งนั้น และอีกข้อขั้วลำโพงชนิดคลิปหนีบไม่สามารถใช้สายลำโพงขนาดหน้าตัดใหญ่ได้แฮะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 ธันวาคม 2015 | 05:51:55 AM โดย อั๋น501 » บันทึกการเข้า
อั๋น501
Voyage Of The Acolyte
*********
กระทู้: 4240



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4826 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2015 | 06:50:51 AM »

ใครคือ มังกรผงาด เอ้ย มังกรผยอง ครับผม
แล้วก็ ปณิธาน ด้วยครับ
ผมรู้จักเขาไหนเนี่ย..

หนังสือวอยซ์‬ นั้นมีนักเขียนหลายๆคนไม่ใช่แต่ พัณณาศิส ศิลาพันธุ์ เท่านั้น
"ปณิธาน" ก็คือคุณปณิธาน หล่อเลิศวิทย์ เป็นนักเขียนนักวิจารณ์ที่มีชื่อเสียงในยุดนั้นมีงานเขียนอยู่ในหนังสือสีสัน ฯลฯ
อาจารย์แดงหรือคุณกิตติศักดิ์ สุวรรณโภคิน,ขุนทอง อสุนี ณ อยุธยา และอีกหลายๆท่านก็เป็นนักเขียนของหนังสือวอยซ์‬
ซึ่งหลายๆคนอาจจะโฟกัสแต่พัณณาศิส ศิลาพันธุ์ เพียงคนเดียว อย่างเช่น "มังกรผยอง" นักเขียนลึกลับไม่ยอมเปิดเผยตนเอง
ก็มีงานเขียนอยู่ตั้งหลายคอลัมน์ ซึ่งบางคอลัมน์ก็ไม่ใส่นามปากกาแฮะ
บันทึกการเข้า
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14364


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4827 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2015 | 11:37:23 AM »

ใครคือ มังกรผงาด เอ้ย มังกรผยอง ครับผม
แล้วก็ ปณิธาน ด้วยครับ
ผมรู้จักเขาไหนเนี่ย..

หนังสือวอยซ์‬ นั้นมีนักเขียนหลายๆคนไม่ใช่แต่ พัณณาศิส ศิลาพันธุ์ เท่านั้น
"ปณิธาน" ก็คือคุณปณิธาน หล่อเลิศวิทย์ เป็นนักเขียนนักวิจารณ์ที่มีชื่อเสียงในยุดนั้นมีงานเขียนอยู่ในหนังสือสีสัน ฯลฯ
อาจารย์แดงหรือคุณกิตติศักดิ์ สุวรรณโภคิน,ขุนทอง อสุนี ณ อยุธยา และอีกหลายๆท่านก็เป็นนักเขียนของหนังสือวอยซ์‬
ซึ่งหลายๆคนอาจจะโฟกัสแต่พัณณาศิส ศิลาพันธุ์ เพียงคนเดียว อย่างเช่น "มังกรผยอง" นักเขียนลึกลับไม่ยอมเปิดเผยตนเอง
ก็มีงานเขียนอยู่ตั้งหลายคอลัมน์ ซึ่งบางคอลัมน์ก็ไม่ใส่นามปากกาแฮะ
หนังสือดังออกขนาดนี้ แถมสมาชิก Thai Prog หลายคนก็เคยอ่านมาแล้ว แต่ผมไม่เคยได้อ่านสักเล่ม ไม่รู้ไปพลาดท่าเสียทีเอาตอนไหนครับ 555 ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
ท่านผีเพลง
Voyage Of The Acolyte
*********
กระทู้: 4733


Phantom of the Paradise


ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #4828 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2015 | 10:06:09 PM »

ไม่ต้องเสียใจไปครับ
ผมเองก็ไม่รู้จักสักเล่มเลยครับ
ใครมียืมอ่านบ้างครับ
บันทึกการเข้า

TRON
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 12866



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4829 เมื่อ: 03 ธันวาคม 2015 | 10:12:34 PM »

ผมซื้อทุกเล่มเลยสมัยนั้น ^^
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 320 321 [322] 323 324 325
พิมพ์
กระโดดไป:  

ThaiProg.net Ver 4.0 by tisanai,Shineon,kongbei
Top 10 Best Sellers in Kindle eBooks Reviewer 2016 Top 10 Best Sellers In Automotive Parts And Accessories Reviewer 2016 Top 10 Best Sellers in Tools and Home Improvement Under $10, Reviewer 2016
Top 10 Best Sellers in Clothing for 2017 Top 10 Best Sellers in Clothing Best Sellers in Clothing
Top 10 Best Sellers in Books reviewer 2017 Top 10 Best Sellers in Books Best Sellers in Books
Top 10 Best Sellers In Best Sellers In Grocery Reviewer 2017 Top 10 Best Sellers In Best Sellers In Grocery Best Sellers In Grocery