ถ้ายังจำเหตุการณ์พฤษภาทมิฬปี 2535 กันได้ ตอนนั้นพวก "ม็อบมือถือ" มีบทบาทมาก แสดงว่ายุคนั้น (เกือบยี่สิบปีมาแล้ว) โทรศัพท์มือถือเริ่มได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง เพราะมีพวกชุมนุมประท้วงจำนวนมากที่ใช้โทรศัพท์มือถือสื่อสารถึงกันและกัน รัฐบาลจึงปิดหูปิดตาประชาชนไม่ได้ ตอนนั้นเพื่อนผมคนหนึ่งซื้อโทรศัพท์มือถือโนเกียใหม่ ราคา 25,000 บาท เจ้านายของผมใช้โมโตโรล่า ราคา 40,000 บาท คิดดูเอาเองก็แล้วกันว่าค่าเงินจำนวน 25,000 กับ 40,000 บาทเมื่อเกือบ 20 ปีก่อนนั้นมันใหญ่หรือมากแค่ไหน เงินเดือนผมตอนนั้น 7000 บาทเท่านั้นเอง กินข้าวกลางวันจานละไม่เกิน 15 บาท ค่าอาบน้ำครั้งละ 500-600 บาทสำหรับอ่างระดับปานกลาง คนที่เคยซื้อโทรศัพท์แพง ๆ ในยุคนั้นพอมาถึงยุคนี้เจอโทรศัพท์ขนาดเล็กและบอบบางลง ขายราคาเครื่องละ 800-1000 บาท แล้วจะรู้สึกอย่างไร? ผมคิดว่าเขาคงไม่รู้สึกอะไรหรอก และคงบอกว่าความจำเป็นของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน เรื่องมันผ่านมาแล้ว ก็ให้มันผ่านไป
ในชีวิตนี้ผมดีใจอยู่อย่างหนึ่งที่ไม่เคยได้ซื้อโทรศัพท์มือถือราคาแพง และไม่เคยเสียเงินให้พ่อค้านายทุนโทรคมนาคมบางเจ้าที่ขูดรีดเพราะผูกขาดธุรกิจ ตั้งแต่ใช้โทรศัพท์มือถือมาราว ๆ สิบปี ผมใช้ไปแล้วสามเครื่อง เครื่องแรกซื้อใหม่ และสามารถต่อรองราคากับคนขายได้อย่างเหมาะสม ใช้งานอยู่สองสามเดือนแล้วยกให้ภรรยาไปใช้ ทุกวันนี้เธอก็ยังใช้งานอยู่ (โนเกีย รุ่น 8310 จอขาวดำ) อีกสองเครื่องต่อมาก็เป็นโนเกียรุ่น 8850 ซื้อต่อคนอื่นราคา 7000 เพราะชอบความสวยของมัน ตอนนั้นใช้แล้วรู้สึกว่าหรูและเท่ห์มาก และเครื่องล่าสุดเป็นรุ่น N81 ซึ่งก็ซื้อต่อเขามาอีกทีในราคา 4000 บาท เป็นจอสีและมีกล้องถ่ายรูปด้วย แต่ผมก็ไม่เคยใช้กล้อง นอกจากใช้โทรเข้าออกอย่างเดียวครับ