ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
การค้นหาขั้นสูง

149643 กระทู้ ใน 4435 หัวข้อ- โดย 847 สมาชิก - สมาชิกล่าสุด: axlrose

29 มีนาคม 2024 | 05:29:05 AM
Thai Progressive Rock CommunityThaiProgKeep Talkingสันนิษฐานเรื่อยเปื่อย... จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง... อะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับพร็อก
หน้า: [1]
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: สันนิษฐานเรื่อยเปื่อย... จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง... อะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับพร็อก  (อ่าน 1902 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14349


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 18 กันยายน 2014 | 12:52:01 AM »

เมื่อก่อน ตอนที่ยังเป็นเด็ก ได้ยินเสียง Jon Anderson แห่ง Yes แล้ว ก็พาล "มโน" หรือจินตนาการไปว่าตาคนนี้ต้องเป็นเทวดารูปหล่อแน่ ๆ เพราะเสียงของเขาช่างไพเราะเพราะพริ้งและใสกังวานเหมือนเสียงเทวดาจากฟากฟ้าสุราลัย ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเห็นรูปของเขามาก่อน ได้ยินแต่เสียงเพลงที่เขาร้องเท่านั้น...

ต่อมาก็ได้มีโอกาสเห็นรูปของเขาทางหนังสือบ้าง ซึ่งเป็นภาพขาวดำ ก็จัดว่าเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีคนหนึ่ง และตอนนั้นเขาก็ยังอายุไม่มากเช่นทุกวันนี้ ก็เป็นอันว่า "มโน" หรือ พรีคอนเซ็พชั่น ของผมได้มีคำตอบมาคลี่คลายบ้างแล้ว

ดนตรี prog มีคุณสมบัติเด่นอยู่อย่างหนึ่งคือ มันมักจะชักนำให้ผู้ฟังเข้าสู่ห้วงจินตนาการอย่างที่ศิลปินเจ้าของงานต้องการให้เป็นเช่นนั้น ซึ่งจินตนาการของผู้ฟังอาจไม่ตรงกับของผู้สร้างสรรค์ผลงานก็ได้ กล่าวคือ ผู้ฟังอาจจะ "มโน" ไปไม่ถึง หรือบางทีก็อาจจะฟุ้งซ่าน คิดไปไกลกว่าผู้สร้างสรรค์ผลงานเสียอีก แล้วแต่ว่าศิลปินหรือคนฟัง ใครจะบ้ากว่ากัน (ฮา) ท่านฟังเพลงประเภทนี้แล้วเคยรู้สึกอย่างนี้หรือไม่?

เมื่อได้ฟังอัลบั้ม Tubular Bells ของ Mike Oldfield ครั้งแรก ตอนนั้นยังเป็นเด็กวัยรุ่นอยู่ ผมคิดว่าโทนดนตรีของผลงานชุดนี้มันช่างมืด ลึกลับ และน่ากลัว โดยเฉพาะ Part II ที่ตอนมีเสียงคนหรือสัตว์หอน มันชวนให้ขนลุกจริง ๆ เลยคิดไปว่า Mike Oldfield คงจะชอบนิยายประเภทลึกลับ เขย่าขวัญ จำพวกคนหอนคืนโหดหรือ Werewolf of London อะไรทำนองนี้ แต่ดูจากเครดิตปกอัลบั้มแล้ว เห็นเขาระบุว่าเป็นเอฟเฟ็คท์เสียงของ Piltdown Man จินตนาการของผมอาจจะใกล้เคียงก็ได้ เพราะท่อนอินโทรของ Tubular Bells เคยถูกตัดไปประกอบภาพยนตร์ผีเรื่อง The Exorcist และเมื่อดูภาพบนปกหลังของอัลบั้ม จะเห็นโครงกระดูกมนุษย์กองอยู่ริมทะเล ผมจึงจินตนาการไปว่าดนตรีอาจเกี่ยวกับเรื่องคนที่ถูกมนุษย์กินคนเขมือบอยู่ริมทะเลก็ได้ (ช่างฟุ้งซ่านไม่เลิกจริงนะเรา)

จนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้หยิบผลงานชุด Crises ของเขาออกมาฟัง ก็ให้รู้สึกสะดุดใจเพลง Taurus III ซึ่งสร้างมาได้สามภาคแล้ว นับตั้งแต่ Taurus I ในอัลบั้ม QE2 ตอนแรกก็ไม่ฉงนนักหรอกครับว่า Taurus มันคืออะไร ทำไม Oldfield จึงชอบชื่อนี้ และไม่เคยสนใจจะค้นคว้าเสียด้วยซ้ำว่าคำนี้มีที่มาจากอะไร ซึ่งมันอาจมีข้อมูลที่ถูกต้องอยู่ก็ได้ แต่ผมกลับคิดไปเองว่า Taurus เป็นชื่อราศีของคนที่เกิดเดือนพฤษภาคม โดยมีสัญลักษณ์ประจำราศีเป็นรูปวัว และ Mike Oldfield ก็เกิดเดือนนี้ ดังนั้น เขาจึงอาจนำชื่อราศีเกิดของเขา คือ Taurus มาตั้งเป็นชื่อเพลงไตรภาคนี้ก็ได้ อันนี้จะจริงหรือไม่ ผมไม่ทราบ เพราะผมมโนไปเอง ส่วนข้อเท็จจริงต้องไปสอบถามจากพี่ Oldfield เขาเอาเอง หรือหาข้อมูลเอาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ส่วนผมไม่เกี่ยว ไม่ต้องมาเอาผิดผม เพราะผมคิดมั่ว ๆ ไปเอง ยิงฟันยิ้ม

ก็สนุกและฟุ้งซ่านดีครับ... กับการฟังดนตรี prog ที่ชวนให้จินตนาการของเราได้ไหลไปเรื่อยเปื่อย

ไม่ทราบใครฟังดนตรี prog แล้วคิดประเด็นอะไรไปเรื่อยเปื่อย จริงบ้างไม่จริงบ้าง อย่างที่ผมยกตัวอย่างมาแล้วบ้าง? เอามาเล่าสู่กันฟังหน่อยก็ดีครับ
บันทึกการเข้า


Daybreak Painting by Maxfield Parrish
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14349


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2020 | 05:00:53 PM »

สองเพลงนี้ ผมมองว่าอยู่ในอารมณ์เดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน โดยประมาณ
อารมณ์แบบใด? บางท่านอาจถามด้วยความสงสัย...
ก็ให้ดูปีที่เพลงทั้งสองนี้ออกเผยแพร่
เพลงแรก ปี 1967 ส่วนเพลงที่สอง ปี 1968
ก็ถือว่ายังพอร่วมยุคสมัยเดียวกันได้อยู่
เพลงแรกถือเป็นเพลงคลาสสิกและเพลงครูเพลงหนึ่งของวงการเพลงร็อค จุดเด่นคือเสียงออร์แกนที่อบอวลและวังเวง ส่วนเพลงที่สองนั้นเป็นเพลง previously unreleased ซึ่งไม่เคยปรากฏอยู่ในอัลบั้มชุดใดของเจ้าของเพลงนี้ เหมือนเป็นเพลงที่ถูกตัดออก แล้วนำกลับมาใส่ไว้ในอัลบั้มรวมเพลงในภายหลัง สรุปว่าเป็นเพลงที่ไม่ดังและแฟนเพลงของวงนี้หลายคนอาจไม่รู้จักว่าวงนี้มีเพลงนี้อยู่ ถึงแม้ไม่ดังและไม่คลาสสิก แต่เสียง mellotron ที่โดดเด่นเป็นพระเอกในเพลงนี้ ถือว่าเหลือกินเหลือใช้จริง ๆ และทั้งสองเพลงนี้มีท่วงทำนองและลีลาที่สุดแสนจะ vintage ซึ่งฟังดูหม่น ๆ เหงา ๆ ซึม ๆ ตามยุคสมัย ซึ่งเป็นช่วงที่คนทั่วโลกรู้สึกเครียดและต่อต้านสงครามที่สหรัฐทำต่อเวียดนาม อันนี้อย่าเพิ่งเชื่อผมนะครับ เพราะผมแค่สันนิษฐานไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น ยิงฟันยิ้ม
ผมฟังเพลงที่ออกในช่วงปี 1966-1969 จำนวนหนึ่ง รู้สึกว่า แนวดนตรีโดยรวมได้รับการสร้างสรรค์ออกมาราว ๆ นี้ ผมไม่แน่ใจว่าออกมาจาก blueprint หรือพิมพ์เขียวเดียวกันหรือเปล่า แต่คงไม่ใช่ และคนสร้างสรรค์ดนตรีเขาก็ไม่ได้ลอกกันด้วย ผมขอสันนิษฐานเองว่ากระแสทิศทางในยุคนั้นเป็นตัวกำหนดแนวเพลง
ชอบจังเลยครับ เพลงที่มีท่วงทำนองและลีลาแบบนี้ อยากเกิดเป็นผู้ใหญ่ในยุคนั้นจัง (ถ้าเป็นเช่นนั้น อายุผมป่านนี้ก็เกิน 70 แล้วล่ะครับ 555) ทำให้นึกถึงเพลงอื่น ๆ ต่อไปอีก อย่างเช่น Light My Fire (1967) โดย The Doors และ Reflections Of My Life (1969) โดย The Marmalade เป็นต้น

1. A Whiter Shade Of Pale (1967) โดย Procol Harum

https://www.youtube.com/watch?v=Mb3iPP-tHdA

2. Eden Unobtainable (1968) โดย Barclay James Harvest

https://www.youtube.com/watch?v=kmISaVSW1B4
บันทึกการเข้า


Daybreak Painting by Maxfield Parrish
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14349


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 21 สิงหาคม 2020 | 01:37:43 PM »



เครดิตภาพ www.vintageprog.com

Still waters flow
Sea breezes blow
Wild flowers grow
Abundant at your feet.

Soft falling snow
Warm candle glow
Flushed faces show
The pleasure when we meet.

Hold on to me, I'll hold on to you
The winter long I will always be with you.
Hold on to me, I'll hold on to you
I will be the one who will always see you through.

ข้างต้นนี้คือเนื้อเพลง The Winter Long จากอัลบั้ม Hero and Heroine (1974) ของ Strawbs ซึ่งไพเราะงดงามทั้งตัวเนื้อร้องเอง ท่วงทำนอง และบรรยากาศดนตรีที่สุดแสนจะโรแมนติค ผมไม่ทราบหรอกครับว่าเพลงนี้ความหมายแท้จริงของมันนั้น "ลึก" แค่ไหน แต่เท่าที่สติปัญญาตื้น ๆ ของผมจะเอื้อให้ตีความ ผมคิดว่า "พระเอกและนางเอก" ของเรื่อง (ในเพลง) ได้พบปะกันท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติค (หิมะตก น้ำไหลเอื่อย ลมทะเลพัด ดอกไม้ป่าขึ้นมากมายเต็มพื้นดินแทบเท้าเธอ เปลวเทียนอันอบอุ่น ฯลฯ) สาวเจ้ามีอาการขวยอายหน้าแดงเมื่อยามได้เจอหนุ่ม ต่างคนต่างให้คำมั่นสัญญาว่าจะรอและจะยึดมั่นซึ่งกันและกัน (เหมือนหนังและละครไทยเปี๊ยบเลย 555) ยิ้มกว้างๆ

แต่เมื่อพิจารณาเนื้อเพลงดังกล่าวข้างต้นประกอบหน้าปกอัลบั้มชุดนี้ ซึ่งเป็นรูปนกบินและมือคนที่ชูหงายขึ้นสู่ท้องฟ้า ผมสันนิษฐานไปอย่างฟุ้งซ่าน (อีกแล้ว) ว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่เนื้อร้องเกี้ยวพาราสีเชิงโรแมนติคของเพลง The Winter Long นั้น มันไม่ใช่เรื่องของ "คน" แต่เป็นเรื่องของ "นก" สองตัว -- ตัวผู้กับตัวเมีย -- นกตัวผู้เกี้ยวพาราสีนกตัวเมียสารพัดสารพัน และสัญญาว่าจะอยู่กับนกตัวเมียตลอดช่วงฤดูหนาวอันยาวนาน...

และปกแผ่นเสียงน่าจะสื่อความหมายบางอย่าง ผมขอเดาว่าน่าจะหมายถึง "ความโหยหา การรอคอย และการมาถึง (ของคนที่เราอยากจะพบ)"

ผมฟุ้งซ่านไปอีกแล้วใช่ไหมครับ? ฮืม

คงไม่ใช่มั้ง.... ก็ดนตรี progressive มันเปิดกว้างให้ตีความนี่นา (เข้าข้างตัวเอง) ยิงฟันยิ้ม

ท้ายสุด คงต้องไปถามคนเขียนเพลงนี้ซึ่งเป็นสมาชิกของ Strawbs ว่าหมายถึงอะไรกันแน่ แต่เชื่อสิครับ ศิลปินพวกนี้ ยังไงก็เป็น "ศิลปิน" พอถูกสัมภาษณ์ ถูกถามตรง ๆ เข้า พวกเขาก็จะไม่เฉลยคำตอบตรง ๆ แต่จะบอกเป็นนัยอ้อม ๆ เหมือนให้เราไปคิดต่อเองครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22 สิงหาคม 2020 | 10:00:36 AM โดย ปีศาจลายคราม » บันทึกการเข้า


Daybreak Painting by Maxfield Parrish
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14349


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2020 | 10:53:19 AM »

ในโลกดนตรี progressive rock ซึ่งเริ่มก่อตัวเมื่อปลายยุค 1960s แล้วเจริญเฟื่องฟูถึงกลางยุค 1970s หลังจากนั้นเริ่มเสื่อมถอยในช่วงปลายยุคเดียวกัน เพราะถูกกระแสดนตรีอื่นซัดสาดเป็นอนิจจัง สักพักหนึ่งก็กลับมาใหม่เมื่อต้นยุค 1980s ในรูปของดนตรี neo prog และนับแต่นั้นจนถึงบัดนี้ ถ้าถามว่าดนตรี progressive rock เป็นเหมือนเช่นที่เคยรุ่งเรืองถึงช่วงกลางยุค 1970s หรือไม่? โดยความเห็นส่วนตัว ผมขอตอบว่า "ไม่" เพราะสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกย่อมเปลี่ยนแปลง ยุครุ่งเรืองในช่วงเวลา 10 ปีของดนตรี progressive rock ที่ดีที่สุดได้ผ่านไปแล้ว... งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา!!

เรามีดนตรี progressive rock ชั้นดีกำเนิดจากเกาะอังกฤษ ลามแผ่ขยายในประเทศอื่น ๆ ทั่วยุโรป ข้ามไปฝั่งอเมริกา วกกลับมาทวีปเอเชียอย่างญี่ปุ่นก็มีวง progressive rock อยู่มากมาย เกาหลีก็น่าจะมีบ้าง แต่ผมไม่รู้จัก มาเลเซียและอินโดนีเซีย สองประเทศนี้ผมเคยเห็นมาแล้วว่ามีวง progressive สำหรับประเทศไทย แน่นอนว่าต้องมี เพราะได้คุยกันไปแล้วหลายครั้งในบอร์ดแห่งนี้ ส่วนจีน พม่า เขมร ลาว เวียดนาม เพื่อนบ้านของไทย มีวง progressive rock หรือไม่นั้น ผมไม่แน่ใจ แต่ถ้าให้เดา ผมว่าไม่มี เพราะช่วงที่ดนตรี progressive rock กำลังเบ่งบานตั้งแต่ปลายยุค 1960s ถึงกลางยุค 1970s ประเทศเพื่อนบ้านของไทยเหล่านี้บางประเทศเป็นคอมมิวนิสต์ บางประเทศกำลังต่อสู้กับระบอบคอมมิวนิสต์ บางประเทศมีสงครามกลางเมืองเพราะลัทธิคอมมิวนิสต์ ต่อสู้ประหัตประหารกันเองในบ้านจนกระทั่งเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ฯลฯ ผู้คนจะเอาอารมณ์สุนทรีย์และศิลปะที่ไหนมาสร้างสรรค์ดนตรี ในขณะที่ท้องส่วนใหญ่ยังร้องเพราะความหิวโหย ผมเองก็ได้แต่เดาไปเรื่อยเปื่อย ซึ่งอาจจะไม่จริงก็ได้ และเมื่อหวนนึกถึงประเทศไทยของเรา ประเทศเราโชดดีสุด ๆ แล้ว และทำไมพวกเรากันเองยังต้องทะเลาะกันและคอยจ้องจะคิดทำลายสถาบันที่เป็นเสาหลักของชาติกันอยู่อีก เราอยากเป็นเหมือนประเทศเพื่อนบ้านที่โอบล้อมเราอยู่หรือครับ?
บันทึกการเข้า


Daybreak Painting by Maxfield Parrish
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14349


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 06 ธันวาคม 2022 | 10:30:46 AM »

ฟังอัลบั้ม From The Full Moon Story (1979) หรือ Daichi หรือ Full Moon Story แล้ว จินตนาการของคนฟังอย่างผมบรรเจิด คิดอะไรสนุกไปเรื่อยเปื่อย เพลงบรรเลงล้วน ๆ ทั้งอัลบั้มตามสไตล์ของ Kitaro และเป็นผลงานยุคแรก ๆ ของเขาที่ยังใช้ analog synth เช่น moog และ mellotron อยู่ นอกจากภาคดนตรีแล้ว ผมอยากรู้ว่าศิลปินอย่าง Kitaro ต้องการสื่อสารเนื้อหาอะไรผ่านดนตรีในอัลบั้มชุดนี้ เป็นไปได้ไหมที่เขาต้องการพูดถึงตำนาน นิทาน หรือเรื่องเล่าแต่ครั้งบรรพกาลเกี่ยวกับคืนวันเพ็ญหรือคืนวันพระจันทร์เต็มดวงตามคติของชาวตะวันออกอย่างเช่นคนจีนหรือคนญี่ปุ่น หรือเป็นไปได้หรือไม่ที่คืนวันเพ็ญที่ว่านี้เป็นคืนสำคัญยิ่งที่พระมหาศาสดาแห่งโลกตรัสรู้ ฟังเพลงบรรเลงก็ต้องใช้จินตนาการไปเรื่อย และคนที่รู้แนวคิดเบื้องหลังดนตรีก็มีอยู่คนเดียวเท่านั้นคือ ศิลปินเจ้าของผลงานเพลง ถ้าไปถาม Kitaro ผมเชื่อว่าแกคงยิ้มละไมและเลี่ยงที่จะไม่ตอบตรง ๆ (ถ้าเฉลยแล้วผลงานก็หมดคุณค่าน่ะสิ ว่ามั้ยครับ 5555)

เครดิตภาพ https://www.cue-records.com/

บันทึกการเข้า


Daybreak Painting by Maxfield Parrish
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14349


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 07 ธันวาคม 2022 | 03:02:33 PM »

สมัยก่อน ผมฟังอัลบั้ม progressive rock จากเทปคาสเสทเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ และเทปส่วนใหญ่ก็เป็นเทปผี ท่านใดที่เคยผ่านยุคเทปคาสเสทครองตลาดมาก็พอจะนึกภาพออก อันว่าเทปผีหรือเทปละเมิดลิขสิทธิ์ (ซึ่งสมัยก่อนปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ยังไม่รุนแรงเท่าสมัยนี้) นั้นส่วนใหญ่ก็มีแต่ปกอยู่นิดนึงกับตัวเทปเท่านั้น รายละเอียดอื่น ๆ ไม่มีมากเท่าแผ่นเสียง ทีนี้พอเราซื้อเทปมาฟังก็ได้แต่ฟังไปแล้วจินตนาการไปเรื่อยเปื่อย เพราะไม่มีข้อเท็จจริงอื่นให้ต้องอ่านต้องหาจากอัลบั้มนั้น หลายครั้งความอยากรู้อยากเห็นก็เกิดตามมา เช่น อยากรู้ว่าชื่ออัลบั้ม Ommadawn ของ Mike Oldfield นั้น ความหมายของชื่ออัลบั้มคืออะไร ยุคนั้นเด็ก ๆ วัยรุ่นหัดฟัง progressive จะไปหาข้อมูลได้ที่ไหนเกี่ยวกับชื่อ Ommadawn ละครับ เผอิญมีเพื่อนที่ฟัง Mike Oldfield เหมือนกัน เขาบอกว่า Ommadawn คือชื่อของ "พ่อมดที่แปลงกายเป็นมังกรได้ในนิทานของพวก Celt" ซึ่งตอนนั้นผมก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ไม่รู้เพื่อนไปได้ข้อมูลนี้มาจากไหน เขาอาจจะมั่วหรืออำผมเล่นก็ได้ (ฮา) ต่อมาเพิ่งรู้ความจริงว่า Ommadawn คือชื่อที่ไม่มีความหมายอะไรเลย ซึ่งข้อเท็จจริงนี้ดูเหมือนจะมาจากปากคำของเจ้าของผลงาน คือ Mike Oldfield เอง แต่ก็มีคำแปลของ Ommadawn ว่า an idiot or foolish person ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าจริงแน่แค่ไหน และชื่อ Ommadawn นี้ ผมเคยเห็นพวกฝรั่งสาวกของ MO ตั้งกระทู้ถามและเล่นกันอยู่พอประมาณทีเดียวละครับในเว็บบอร์ดของแฟนคลับ Mike Oldfield ลองไปดูกันครับ 5555 ยิ้มกว้างๆ

https://tubular.net/forums/what-iswhat-does-ommadawn-mean--?s=dca3cfcf4eb6a0e37e3b0f5ebd880fec&act=ST;f=13;t=4446

เครดิตภาพ http://vintageprog.com

บันทึกการเข้า


Daybreak Painting by Maxfield Parrish
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14349


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 08 ธันวาคม 2022 | 07:57:06 AM »

ก็อปมาจากลิ้งค์ http://tubular.net/ ข้างต้น

"I first saw it written down," he said, "on a bit of paper, the words that Clodagh Simonds made up. About a week after that I looked at the words that she'd written down and I saw it there, and I thought, 'That's a nice word.'"

Did he know what it meant, then?

"It doesn't mean anything," he said.

It's Gaelic, I maintained. Amadan (pronounced ommadawn) means "the fool."

"No," he replied, "there is a word which sounds vaguely like it, which is Gaelic, which means fool, but Ommadawn doesn't mean anything."

This is what Mike said in 1975.


ข้อใหญ่ใจความคือ "อาจจะมีบางคำในภาษา Gaelic ที่เสียงละม้ายคล้ายคลึงกับ Ommadawn และแปลว่า (คน) โง่ แต่จริง ๆ แล้ว Ommadawn มิได้มีความหมายอะไรเลย" เป็นคำพูดของ Mike Oldfield เมื่อปี 1975

เจ้าของผลงานเขาบอกอย่างนี้ ถ้าเป็นผม ผมเชื่อเขาครับ 5555 ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า


Daybreak Painting by Maxfield Parrish
ปีศาจลายคราม
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 14349


Reap What You Sow


ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 19 ธันวาคม 2022 | 01:36:44 PM »

ฟังอัลบั้ม Rubycon (1975) โดย Tangerine Dream แล้ว ผมจินตนาการว่าตัวเองกำลังลอยคออยู่ในแม่น้ำรูบิคอน (Rubicon) ที่กว้างใหญ่ในคืนเดือนเพ็ญที่พระจันทร์ส่องกระจ่างเต็มฟ้า (ใครจินตนาการเหมือนหรือคล้ายผมบ้าง เมื่อฟังอัลบั้มชุดนี้)

แม่น้ำรูบิคอน (ภาษาอังกฤษเขียนว่า Rubicon แต่บนปกอัลบั้มของ Tangerine Dream เขียนว่า Rubycon) ซึ่งปัจจุบันอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอิตาลี เป็นแม่น้ำที่มีชื่อเสียงมาแต่ครั้งโบราณ เมื่อ Julius Caesar ยกกองทัพโรมันข้ามแม่น้ำแห่งนี้ ซึ่งเป็นจุดที่ถอยกลับไม่ได้แล้ว ต้องเดินหน้าลูกเดียว ดังสำนวนว่า cross the Rubicon

ผมคิดมาตลอดว่า แม่น้ำรูบิคอนจะต้องกว้างใหญ่ กองทัพโรมันนำโดย Julius Caesar จึงต้องนำกำลังข้ามผ่าน แต่พอเห็นรูปจริงเข้า กลับเป็นเพียงแม่น้ำเล็ก ๆ สายแคบ ๆ สายหนึ่งเท่านั้น แคบกว่าแม่น้ำเจ้าพระยาบ้านเราหลายเท่าเสียอีก แต่ก็เป็นไปได้ว่า ในสมัยโบราณแม่น้ำสายนี้อาจจะกว้างใหญ่ก็ได้ เมื่อเวลาผ่านไปนานนับพันปี สภาพและความปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ทำให้แม่น้ำนี้แคบลง ดูภาพและข้อมูลตามลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ

https://followinghadrian.com/2016/01/10/crossing-the-rubicon/

เครดิตภาพ http://vintageprog.com

บันทึกการเข้า


Daybreak Painting by Maxfield Parrish
หน้า: [1]
พิมพ์
กระโดดไป:  

ThaiProg.net Ver 4.0 by tisanai,Shineon,kongbei
Top 10 Best Sellers in Kindle eBooks Reviewer 2016 Top 10 Best Sellers In Automotive Parts And Accessories Reviewer 2016 Top 10 Best Sellers in Tools and Home Improvement Under $10, Reviewer 2016
Top 10 Best Sellers in Clothing for 2017 Top 10 Best Sellers in Clothing Best Sellers in Clothing
Top 10 Best Sellers in Books reviewer 2017 Top 10 Best Sellers in Books Best Sellers in Books
Top 10 Best Sellers In Best Sellers In Grocery Reviewer 2017 Top 10 Best Sellers In Best Sellers In Grocery Best Sellers In Grocery