ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
การค้นหาขั้นสูง

149690 กระทู้ ใน 4435 หัวข้อ- โดย 847 สมาชิก - สมาชิกล่าสุด: axlrose

08 พฤษภาคม 2024 | 07:19:00 AM
Thai Progressive Rock CommunityThaiProgKeep Talkingถามเกี่ยวกับวง Tool หน่อยครับ
หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ถามเกี่ยวกับวง Tool หน่อยครับ  (อ่าน 63408 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ǝɹoɔǝsıɐuuoʎɐɯʎɹbuɐ
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 8547


nagoya_mega_snake@windowslive.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #105 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2011 | 02:43:28 PM »

สืบเนื่องจากทฤษฏีคณิตศาสตร์ของ Fibonacci Sequence ที่ซ่อนรหัสมากมายในอัลบั้ม Lateralus และเพลงไตเติ้ลแทร๊คนั้น ตอนนี้ผมได้ทำการไรท์อัลบั้มนี้ขึ้นใหม่โดยเรียงตัวเลขแทร๊คให้เป็นไปตามหลักของ Fibonacci ที่ผมได้แนวคิดจากแฟนเพลงที่ทำวีดีโอประกอบใน youtube ตามวีดีโอข้างล่างนี้ โดยเขาบอกว่าถ้าเราฟังโดยเรียงแทร๊คใหม่ตามนี้คือ

6,7,5,8,4,9,13,1,12,2,11,3,10

6.   "Parabol"     3:04
7.   "Parabola"     6:03
5.   "Schism"     6:47
8.   "Ticks & Leeches"     8:10
4.   "Mantra"     1:12
9.   "Lateralus"     9:24
13.   "Faaip de Oiad"  2.39
1.   "The Grudge"     8:36
12.   "Triad"     8:46
2.   "Eon Blue Apocalypse"     1:04
11.   "Reflection"     11:07
3.   "The Patient"     7:13
4.   "Mantra"     1:12
10.   "Disposition"     4:46

เราจะได้รู้ว่าแต่ละเพลงที่จุดเริ่มและจุดจบที่ต่อเนื่องกันทั้งหมดตามความหมายของ Fibonacci Sequence ไว้ผมจะลองฟังแล้วมาบอกอีกทีครับ

น่าสนใจดีนะครับ

เมื่อเช้าได้ฟังไปแล้ว บอกได้เลยว่ามันเวิร์คกว่ามากครับ อารมณ์เพลงต่อเนื่องมากกว่า เพลงบางเพลงต่อกันด้วยอย่าง Lateralus + Triad และเพลงอื่นๆด้วยไว้จะตั้งใจฟังอีกที ลองทำกันดูนะครับ แล้วจะชอบอัลบั้ม Lateralus มากขึ้น ที่แน่ๆผมว่าไอเดียของวงสุดยอดมาก แถมไม่เคยเปิดเผยให้แฟนๆรู้ด้วย สมกับเป็นสุดยอดวง progressive ในยุคนี้(สำหรับผมจริงๆ) ส่วนพวกแฟนเพลงที่ค้นหารหัสนี้ได้โคตรเทพจริงๆ

ผมลองเรียงเพลงฟังแบบพี่สิทธิ์ทำแล้วเหมือนกันครับ เห็นด้วยว่าฟังแล้วไหลลื่นและต่อเนื่องกว่าเดิมมากทั้งในเรื่องของดนตรีและเนื้อหาครับ จากตอนแรกที่ฟังอัลบั้มนี้แล้วรู้สึกเหนื่อยระคนอึดอัดนิดๆ (แต่ก็ชอบนะ) คราวนี้กลายเป็นว่ามันลงตัวและยิดเยี่ยมไปหมดทุกรายละเอียดเลยจริงๆ

ส่วนในแง่ของเนื้อหาของอัลบั้มนี้ ผมว่ามันถูกเขียนออกมาอย่างประณีตบรรจงและลึกซึ้งมากครับ เขาสามารถนำเรื่องราวปรัชญาทางศาสนา จิตวิญญาณ การดำรงอยู่ การแสวงหาความรู้ที่จริงแท้ รวมไปถึงเรื่องราวลี้ลับเหนือธรรมชาติมาโยงไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัวและเป็นศิลปะมากๆ ไม่แปลกใจว่าทำไมหลายๆคนถึงยกย่องงานชุดใหนให้เป็นหนึ่งในงานโปรเกรสสีฟที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งยุคปัจจุบันครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17 กุมภาพันธ์ 2011 | 02:51:06 PM โดย 1 i 1 i v m » บันทึกการเข้า


Stay cheap, praise the explicit, embrace the scuzz, be true to art and yourself, eat shit, keep music evil.
lilivm's self-indulgence: https://rateyourmusic.com/~potatahtapapoh
TRON
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 12866



ดูรายละเอียด
« ตอบ #106 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2011 | 03:27:36 PM »

สืบเนื่องจากทฤษฏีคณิตศาสตร์ของ Fibonacci Sequence ที่ซ่อนรหัสมากมายในอัลบั้ม Lateralus และเพลงไตเติ้ลแทร๊คนั้น ตอนนี้ผมได้ทำการไรท์อัลบั้มนี้ขึ้นใหม่โดยเรียงตัวเลขแทร๊คให้เป็นไปตามหลักของ Fibonacci ที่ผมได้แนวคิดจากแฟนเพลงที่ทำวีดีโอประกอบใน youtube ตามวีดีโอข้างล่างนี้ โดยเขาบอกว่าถ้าเราฟังโดยเรียงแทร๊คใหม่ตามนี้คือ

6,7,5,8,4,9,13,1,12,2,11,3,10

6.   "Parabol"     3:04
7.   "Parabola"     6:03
5.   "Schism"     6:47
8.   "Ticks & Leeches"     8:10
4.   "Mantra"     1:12
9.   "Lateralus"     9:24
13.   "Faaip de Oiad"  2.39
1.   "The Grudge"     8:36
12.   "Triad"     8:46
2.   "Eon Blue Apocalypse"     1:04
11.   "Reflection"     11:07
3.   "The Patient"     7:13
4.   "Mantra"     1:12
10.   "Disposition"     4:46

เราจะได้รู้ว่าแต่ละเพลงที่จุดเริ่มและจุดจบที่ต่อเนื่องกันทั้งหมดตามความหมายของ Fibonacci Sequence ไว้ผมจะลองฟังแล้วมาบอกอีกทีครับ

น่าสนใจดีนะครับ

เมื่อเช้าได้ฟังไปแล้ว บอกได้เลยว่ามันเวิร์คกว่ามากครับ อารมณ์เพลงต่อเนื่องมากกว่า เพลงบางเพลงต่อกันด้วยอย่าง Lateralus + Triad และเพลงอื่นๆด้วยไว้จะตั้งใจฟังอีกที ลองทำกันดูนะครับ แล้วจะชอบอัลบั้ม Lateralus มากขึ้น ที่แน่ๆผมว่าไอเดียของวงสุดยอดมาก แถมไม่เคยเปิดเผยให้แฟนๆรู้ด้วย สมกับเป็นสุดยอดวง progressive ในยุคนี้(สำหรับผมจริงๆ) ส่วนพวกแฟนเพลงที่ค้นหารหัสนี้ได้โคตรเทพจริงๆ

ผมลองเรียงเพลงฟังแบบพี่สิทธิ์ทำแล้วเหมือนกันครับ เห็นด้วยว่าฟังแล้วไหลลื่นและต่อเนื่องกว่าเดิมมากทั้งในเรื่องของดนตรีและเนื้อหาครับ จากตอนแรกที่ฟังอัลบั้มนี้แล้วรู้สึกเหนื่อยระคนอึดอัดนิดๆ (แต่ก็ชอบนะ) คราวนี้กลายเป็นว่ามันลงตัวและยิดเยี่ยมไปหมดทุกรายละเอียดเลยจริงๆ

ส่วนในแง่ของเนื้อหาของอัลบั้มนี้ ผมว่ามันถูกเขียนออกมาอย่างประณีตบรรจงและลึกซึ้งมากครับ เขาสามารถนำเรื่องราวปรัชญาทางศาสนา จิตวิญญาณ การดำรงอยู่ การแสวงหาความรู้ที่จริงแท้ รวมไปถึงเรื่องราวลี้ลับเหนือธรรมชาติมาโยงไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัวและเป็นศิลปะมากๆ ไม่แปลกใจว่าทำไมหลายๆคนถึงยกย่องงานชุดใหนให้เป็นหนึ่งในงานโปรเกรสสีฟที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งยุคปัจจุบันครับ

ใช่ครับ ปกติฟังอัลบั้มนี้รู้สึกชอบก็จริง แต่มันอึดอัดหลายช่วงเหมือนอารมณ์มันสะดุด โดยเฉพาะช่วงท้ายๆที่เข้าใจยากจนพาลไม่อยากฟังจบแผ่น เคยคิดว่าีที่ช่วงท้ายมีเพลงบรรเลงแปลกๆเยอะนี่มีไว้เพื่อโปะใ้ห้มันเต็มแผ่น 78 นาทีด้วยซ้ำ แต่พอได้เรียงเพลงตามหลักคณิคศาตร์ Fibonacci Sequence แล้วมันคนละเรื่องเลยจริงๆ เห็นพวกแฟนเพลงเขาบอกว่าถ้าฟังให้ดีช่วงจบแต่ละเพลงจะเหมือนมีเสียงที่เบาๆมาจะเชื่อมต่อไปอีกเพลงในรูปแบบ Fibonacci นี้ซึ่งผมก็ค้นเจอบ้างแล้วแต่ยังไม่ทุกเพลงเพราะเมื่อเช้าเปิดแบบเรื่อยๆไม่ได้ตั้งใจฟังทุกช่วง ผมว่าการฟังเพลงให้ได้อรรถรสเราต้องฟังให้ละเอียดให้เข้าใจสิ่งที่ศิลปินสื่อมาหรือต้องการให้เราค้นหาเองแบบนี้ ซึ่งบางครั้งมันก็ยากเหลือเกินแต่ก็รู้สึกท้าทายดีครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17 กุมภาพันธ์ 2011 | 03:31:15 PM โดย TRON » บันทึกการเข้า
ǝɹoɔǝsıɐuuoʎɐɯʎɹbuɐ
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 8547


nagoya_mega_snake@windowslive.com
ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #107 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2011 | 03:36:20 PM »

สืบเนื่องจากทฤษฏีคณิตศาสตร์ของ Fibonacci Sequence ที่ซ่อนรหัสมากมายในอัลบั้ม Lateralus และเพลงไตเติ้ลแทร๊คนั้น ตอนนี้ผมได้ทำการไรท์อัลบั้มนี้ขึ้นใหม่โดยเรียงตัวเลขแทร๊คให้เป็นไปตามหลักของ Fibonacci ที่ผมได้แนวคิดจากแฟนเพลงที่ทำวีดีโอประกอบใน youtube ตามวีดีโอข้างล่างนี้ โดยเขาบอกว่าถ้าเราฟังโดยเรียงแทร๊คใหม่ตามนี้คือ

6,7,5,8,4,9,13,1,12,2,11,3,10

6.   "Parabol"     3:04
7.   "Parabola"     6:03
5.   "Schism"     6:47
8.   "Ticks & Leeches"     8:10
4.   "Mantra"     1:12
9.   "Lateralus"     9:24
13.   "Faaip de Oiad"  2.39
1.   "The Grudge"     8:36
12.   "Triad"     8:46
2.   "Eon Blue Apocalypse"     1:04
11.   "Reflection"     11:07
3.   "The Patient"     7:13
4.   "Mantra"     1:12
10.   "Disposition"     4:46

เราจะได้รู้ว่าแต่ละเพลงที่จุดเริ่มและจุดจบที่ต่อเนื่องกันทั้งหมดตามความหมายของ Fibonacci Sequence ไว้ผมจะลองฟังแล้วมาบอกอีกทีครับ

น่าสนใจดีนะครับ

เมื่อเช้าได้ฟังไปแล้ว บอกได้เลยว่ามันเวิร์คกว่ามากครับ อารมณ์เพลงต่อเนื่องมากกว่า เพลงบางเพลงต่อกันด้วยอย่าง Lateralus + Triad และเพลงอื่นๆด้วยไว้จะตั้งใจฟังอีกที ลองทำกันดูนะครับ แล้วจะชอบอัลบั้ม Lateralus มากขึ้น ที่แน่ๆผมว่าไอเดียของวงสุดยอดมาก แถมไม่เคยเปิดเผยให้แฟนๆรู้ด้วย สมกับเป็นสุดยอดวง progressive ในยุคนี้(สำหรับผมจริงๆ) ส่วนพวกแฟนเพลงที่ค้นหารหัสนี้ได้โคตรเทพจริงๆ

ผมลองเรียงเพลงฟังแบบพี่สิทธิ์ทำแล้วเหมือนกันครับ เห็นด้วยว่าฟังแล้วไหลลื่นและต่อเนื่องกว่าเดิมมากทั้งในเรื่องของดนตรีและเนื้อหาครับ จากตอนแรกที่ฟังอัลบั้มนี้แล้วรู้สึกเหนื่อยระคนอึดอัดนิดๆ (แต่ก็ชอบนะ) คราวนี้กลายเป็นว่ามันลงตัวและยิดเยี่ยมไปหมดทุกรายละเอียดเลยจริงๆ

ส่วนในแง่ของเนื้อหาของอัลบั้มนี้ ผมว่ามันถูกเขียนออกมาอย่างประณีตบรรจงและลึกซึ้งมากครับ เขาสามารถนำเรื่องราวปรัชญาทางศาสนา จิตวิญญาณ การดำรงอยู่ การแสวงหาความรู้ที่จริงแท้ รวมไปถึงเรื่องราวลี้ลับเหนือธรรมชาติมาโยงไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัวและเป็นศิลปะมากๆ ไม่แปลกใจว่าทำไมหลายๆคนถึงยกย่องงานชุดใหนให้เป็นหนึ่งในงานโปรเกรสสีฟที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งยุคปัจจุบันครับ

ใช่ครับ ปกติฟังอัลบั้มนี้รู้สึกชอบก็จริง แต่มันอึดอัดหลายช่วงเหมือนอารมณ์มันสะดุด โดยเฉพาะช่วงท้ายๆที่เข้าใจยากจนพาลไม่อยากฟังจบแผ่น เคยคิดว่าีที่ช่วงท้ายมีเพลงบรรเลงแปลกๆเยอะนี่มีไว้เพื่อโปะใ้ห้มันเต็มแผ่น 78 นาทีด้วยซ้ำ แต่พอได้เรียงเพลงตามหลักคณิคศาตร์ Fibonacci Sequence แล้วมันคนละเรื่องเลยจริงๆ เห็นพวกแฟนเพลงเขาบอกว่าถ้าฟังให้ดีช่วงจบแต่ละเพลงจะเหมือนมีเสียงที่เบาๆมาจะเชื่อมต่อไปอีกเพลงในรูปแบบ Fibonacci นี้ซึ่งผมก็ค้นเจอบ้างแล้วแต่ยังไม่ทุกเพลงเพราะเมื่อเช้าเปิดแบบเรื่อยๆไม่ได้ตั้งใจฟังทุกช่วง ผมว่าการฟังเพลงให้ได้อรรถรสเราต้องฟังให้ละเอียดให้เข้าใจสิ่งที่ศิลปินสื่อมาหรือต้องการให้เราค้นหาเองแบบนี้ ซึ่งบางครั้งมันก็ยากเหลือเกินแต่ก็รู้สึกท้าทายดีครับ

เพลงอินเทอร์ลูดท้ายอัลบั้มอย่าง Faaip de Oiad นี่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี่ผมแทบจะไม่ฟังเลยนะครับ แต่คราวนี้พอมันมาอยู่คั่นกลางระหว่าง Lateralus กับ The Grudge แล้วกลับกลายเป็นทรานซิชั่นที่สุดยอดและยังชวนสะพรึงมากๆ ผมฟังแล้วแอบขนลุกเลยครับ และไอ้การที่มีเรื่องของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิจากต่างดาวมาแทรกเรื่องราวของปรัชญาอันลึกซึ้งแบบนี้ มันทำให้ผมนึกถึงสุดยอดอนิเมะเรื่อง Serial Experiments Lain ขึ้นมาทันทีเลยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17 กุมภาพันธ์ 2011 | 03:40:26 PM โดย 1 i 1 i v m » บันทึกการเข้า


Stay cheap, praise the explicit, embrace the scuzz, be true to art and yourself, eat shit, keep music evil.
lilivm's self-indulgence: https://rateyourmusic.com/~potatahtapapoh
TRON
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 12866



ดูรายละเอียด
« ตอบ #108 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2011 | 04:00:04 PM »

เห็นแบบนี้แล้ว Lateralus คืออัลบั้มของ Tool ที่ผมชอบที่สุดไม่เปลี่ยนใจไปหา 10,000 days แล้ว จริงๆก็ลังเลเหมือนกันวระหว่าง 10,000 days กับ Aenima อัลบั้มไหนจะเป็นอันดับสองรองจาก Lateralus ตัดสินใจยากมาก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 กุมภาพันธ์ 2011 | 11:34:16 AM โดย TRON » บันทึกการเข้า
TRON
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 12866



ดูรายละเอียด
« ตอบ #109 เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2011 | 12:51:35 AM »

6,7,5,8,4,9,13,1,12,2,11,3,10

6.   "Parabol"     3:04
7.   "Parabola"     6:03
5.   "Schism"     6:47
8.   "Ticks & Leeches"     8:10
4.   "Mantra"     1:12
9.   "Lateralus"     9:24
13.   "Faaip de Oiad"  2.39
1.   "The Grudge"     8:36
12.   "Triad"     8:46
2.   "Eon Blue Apocalypse"     1:04
11.   "Reflection"     11:07
3.   "The Patient"     7:13
10.   "Disposition"     4:46

แก้ไขนิดนึงนะครับ ผมดันใส่แทร็ค 4. Mantra ซ้ำในลิสต์ข้างบน
บันทึกการเข้า
The Black Tulip
Blade Runner
*******
กระทู้: 2120


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #110 เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2011 | 07:17:48 AM »

เพิ่งซื้อแผ่นเสียงวงนี้ ได้ 2 ชุด คือ Aenima และ  Salival  ยังไม่ได้ฟัง

โห คุณหมอซื้อได้เท่าไหร่ครับ? ระวังของปลอมนะครับเกลื่อนมากในอีเบย์ โดยเพราะ Saliva นี่จริงๆไม่มีแผ่นเสียงเป็นทางการนะครับ ยังไงผมเตือนไว้ก่อนว่าคนที่ฟัง Tool ใหม่ๆอาจจะชอบยากนิดนึง เพราะฟังแล้วอาจรู้สึกเพลงมันเหมือนกันหมด อย่างผมนี่หลายปีเลยกว่าจะเริ่มเข้าถึงและจำแนกเพลงของเขาได้ แต่ถ้าให้แนะนำผมอยากแนะนำเริ่มที่ Lateralus ครับ

Ainema เพลงตรงๆดุดันมีเพลงเยี่ยมหลายเพลงเช่น Stinkfist, H, Eulogy, Forty Six & 2, Ainema และเพลงที่สุดยอดมากๆคือ Third Eye ที่ออกโปรเกรสสีฟยาว 13 นาทีครับ

Saliva เป็นรวมเพลงคัดออกที่ออกเป็นงานทดลองและแสดงสดที่หาฟังยากเช่น No Quarter ที่คัฟเวอร์จาก Led Zeppelin และที่่สุดยอกมากก็แน่นอนคือเพลง Third Eye เวอร์ชั่นแสดงสดครับ

  เพิ่งซื้ออีกชุดคือ 10000 days
บันทึกการเข้า
TRON
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 12866



ดูรายละเอียด
« ตอบ #111 เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2011 | 09:47:33 AM »

เพิ่งซื้อแผ่นเสียงวงนี้ ได้ 2 ชุด คือ Aenima และ  Salival  ยังไม่ได้ฟัง

โห คุณหมอซื้อได้เท่าไหร่ครับ? ระวังของปลอมนะครับเกลื่อนมากในอีเบย์ โดยเพราะ Saliva นี่จริงๆไม่มีแผ่นเสียงเป็นทางการนะครับ ยังไงผมเตือนไว้ก่อนว่าคนที่ฟัง Tool ใหม่ๆอาจจะชอบยากนิดนึง เพราะฟังแล้วอาจรู้สึกเพลงมันเหมือนกันหมด อย่างผมนี่หลายปีเลยกว่าจะเริ่มเข้าถึงและจำแนกเพลงของเขาได้ แต่ถ้าให้แนะนำผมอยากแนะนำเริ่มที่ Lateralus ครับ

Ainema เพลงตรงๆดุดันมีเพลงเยี่ยมหลายเพลงเช่น Stinkfist, H, Eulogy, Forty Six & 2, Ainema และเพลงที่สุดยอดมากๆคือ Third Eye ที่ออกโปรเกรสสีฟยาว 13 นาทีครับ

Saliva เป็นรวมเพลงคัดออกที่ออกเป็นงานทดลองและแสดงสดที่หาฟังยากเช่น No Quarter ที่คัฟเวอร์จาก Led Zeppelin และที่่สุดยอกมากก็แน่นอนคือเพลง Third Eye เวอร์ชั่นแสดงสดครับ

  เพิ่งซื้ออีกชุดคือ 10000 days

คุณหมอกะซื้อทุกชุดเลยใช่ไหมครับ? สุดยอดไปเลย
บันทึกการเข้า
TRON
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 12866



ดูรายละเอียด
« ตอบ #112 เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2011 | 11:04:15 AM »

เอา Tool's collection ของผมมาให้ดูลเ่ล่นๆครับ



Uploaded with ImageShack.us
บันทึกการเข้า
JKNoremorse
Voyage Of The Acolyte
*********
เพศ: ชาย
กระทู้: 4654


8 years later, woke up with two kids

jknoremorse@hotmail.com
ดูรายละเอียด
« ตอบ #113 เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2011 | 01:08:34 PM »

เอา Tool's collection ของผมมาให้ดูลเ่ล่นๆครับ



Uploaded with ImageShack.us

แง๊ ...ง....  ผมอยากได้ Saliva's Box
บันทึกการเข้า
TRON
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 12866



ดูรายละเอียด
« ตอบ #114 เมื่อ: 10 มีนาคม 2011 | 06:32:50 PM »

ขอนำบทความ AML's The Artist : Tool ที่ผมลงไว้ใน FB เมื่อวันก่อนมาลงนะครับ

AML’s The Artist : Tool



Tool เป็นวงที่เกิดในช่วงที่กระแสดนตรีอย่าง Alternative และ Grunge กำลังมาแรงในต้นยุค 90’s แต่ด้วยซาวนด์ดนตรีที่ฟังดูเป็นเอกลักษณ์ด้วยซาวนด์อันหนักหน่วงในทุกอณูเสียง โดยในยุคแรกๆเพลงของวงอาจยังไม่มีความซับซ้อนมากนัก แต่จะมีเนื้อหาไปทางด้านมืดของมนุษย์ ซึ่งโดยรวมต้องบอกว่าแรกๆอาจฟังติดหูยากพอสมควร แต่มันเหมือนมีเสน่ห์บางอย่างที่ทำให้วงนี้เป็นที่น่าติดตามตั้งแต่อัลบั้มแรก Undertow (1993) และอัลบั้มถัดมาอย่าง Ænema (1996) ที่เริ่มส่อให้การพัฒนาและแนวทางที่เริ่มจะเป็นโปรเกรสสีฟในแทร๊คเด่นๆ หลังจากความสำเร็จของอัลบั้มที่สองก็ออกบ๊อกเซ็ทที่ชื่อ Salival (2000) เป็นการคัดเพลงแสดงสดและเพลงที่ไม่อยู่ในอัลบั้มพร้อมกับดีวีดีรวมเอ็มวีในกล่องเดียว (โดยผลิตออกมาจำนวนจำกัดและกลายเป็นของหายากราคาสูงไปแล้ว) จนและอัลบั้มถัดมา Lateralus (2001) ที่ทำให้วง Tool ได้การยอมรับในวงกว้าง และความสำเร็จนี้เองที่ให้ทางวงมีตารางทัวร์ยาวเหยียดจนทิ้งช่วงมาหลายปีกว่าจะได้ฟังอัลบั้มล่าสุดอย่าง 10,000 days (2006) ที่ภาพรวมอาจเหมือนลดความซับซ้อนทางภาคดนตรีและเนื้อหา แต่ก็ถือว่ายังมีความซับซ้อนทางด้านอารมณ์เพลงตามมาตรฐานของวงซึ่งยังถือว่ายอดเยี่ยมเหมือนเดิม

ความโดดเด่นภาคดนตรีของวงที่เห็นได้ชัดคือภาคกลองของ Danny Carey ที่มีริธึ่มหนักแน่นและมีเทคนิดเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร กีตาร์ของ Adam Jones (ผู้มีบทบาทในการออกแบบ Visual Art ของวงด้วย) ที่ไม่มีการโซโล่ออะไรมาโชว์เลยแต่กลับทดแทนด้วยริฟฟ์ที่หนักแน่นเหมือนใช้เครื่องจักรเล่น เสียงร้องของ Maynard James Keenan ที่ไม่ได้เสียงสูงชวนแบบพวกโอลด์สคูลเมทัลแต่เป็นเสียงร้องที่ถ่ายทอดเนื้อหาเพลงที่สื่อถึงด้านมืดของมนุษย์และการถ่ายทอดแนวคิดที่ลึกและเข้าใจยากซึ่งเป็นธีมหลักของวงได้เป็นอย่างดี อีกประการหนึ่งที่ผมประทับใจวงนี้มากๆคือความเป็น privacy ที่ค่อนข้างสูงมาก ไม่ค่อยออกงานหรือปรากฏตัวออกสื่อให้เห็นกันบ่อยนัก และการแสดงสดที่แปลกตรงที่ตัว Maynard เองไม่ชอบที่จะให้มีกล้องวีดีโอหรือสปอร์ตไลท์ส่องไปที่ตัวแก และเขาเลือกที่จะยืนร้องอยู่ด้านในของเวทีข้างๆชุดกลองเพราะต้องการความเป็นส่วนตัวในการร้องเพื่อที่จะมีสมาธิในการถ่ายทอดเนื้อหาเพลงออกมาได้เต็มที่ งานของวงทุกชิ้จะเน้นความปราณีตและใช้เวลาทำค่อนข้างนานดั่งที่เราได้เห็นความห่างของแต่ละอัลบั้มที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจทำงานออกมาเป็นศิลปะมากกว่าจะเน้นการตลาดครับ

Sober
เพลงที่สร้างชื่อเสียงให้คนเริ่มรู้จัก Tool จากอัลบั้มเต็มชุดแรก Undertow ที่ออกมาในยุคกรันจ์กำลังเฟื่องฟู
http://www.youtube.com/watch?v=hglVqACd1C8

Disgustipated
เพลงปิดอัลบั้มแรก ผมเลือกเพลงนี้มาเพราะโดยส่วนตัวชอบงานทดลองแบบนี้ครับ
http://www.youtube.com/watch?v=kOvwc8_QXiY

Stinkfist
ซิงเกิ้ลแรกจากอัลบั้มที่สอง Ænema อัลบั้มที่เริ่มได้รับเสียงวิจารณ์ตอบรับมากขึ้นไปอีกระดับ
http://www.youtube.com/watch?v=07pLGIgyfjw

Ænema
เพลงไตเติ้ลแทร๊คของอัลบั้มที่เป็นหนึ่งในเพลงที่ยอดเยี่ยมที่สุดของวง แนวคิดของการล้างโลกหรือการที่สักวันการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะมาถึง
http://www.youtube.com/watch?v=uCEeAn6_QJo

Third Eye (live)
เพลงระดับมาสเตอร์พีซยาว 13 นาทีที่ปิดท้ายอัลบั้ม Ænema ที่เริ่มเห็นแนวทางโปรเกรสสีฟก่อนจะไปสานต่อในอัลบั้มถัดไป ขอนำเวอร์ชั่นแสดงสดจาก Salival box set ที่ผมว่าเป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของเพลงนี้มาให้ลองฟังกันครับ ผมยกให้เพลงนี้เป็น Dark Side of The Moon ของ Tool เลยทีเดียว
http://www.youtube.com/watch?v=eH6mKLqe4Yc

You Lied (live)
ลองนำเพลงที่ทางวงนำมาแสดงสดเพลงคัฟเวอร์ของวงอื่นมาให้ฟังดูบ้าง จาก Salival box set เช่นกันครับ
http://www.youtube.com/watch?v=D8m9SnrjpYY&feature=related

Schism
มาถึงอัลบั้มอันลือลั่น Lateralus ที่เรียกว่าก้าวสู่ความเป็น progressive อย่างชัดเจนทั้งดนตรีและแนวคิดการนำเสนอ เพลงนี้มี time signature ที่แปลกและซับซ้อนมาก เนื้อหาเพลงก็ตีความยากเสียเหลือเกิน
http://www.youtube.com/watch?v=LRSLmlFqExU

Parabola
อีกเพลงเด่นจากอัลบั้ม Lateralus
http://www.youtube.com/watch?v=N1HbX8w0Djw&feature=related

Lateralus
อีกเพลงที่เรียกว่ามาสเตอร์พีชได้เหมือนกัน เพลงไตเติ้ลแทร๊คที่เป็นจุดศูนย์กลางของอัลบั้มที่ซ่อนรหัสและความหมายของแนวคิดเกี่ยวการใช้ชีวิตของมนุษย์เราที่ควรพยายามค้นหาความลับของจักรวาลและสิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ รหัสที่ได้จาก time signature ในท่อนร้องจากเพลงสามารถนำเอาไปเรียงเพลงในอัลบั้มใหม่เพื่อที่จะได้ฟังอัลบั้มนี้ในแบบที่มันควรจะเป็น ความลับนี้ถูกค้นพบโดยเหล่าแฟนพันธ์แท้ทั้งหลายทั้งๆที่ทางวงไม่เคยออกมาเปิดเผยเรื่องนี้เลย ลองดูคลิปวีดีโอในเพลงนี้อธิบายแนวคิดไว้อย่างละเอียดครับ
http://www.youtube.com/watch?v=wS7CZIJVxFY

Vicarious
อัลบั้มล่าสุด 10,000 days ที่ยังคงความยอดเยี่ยมไว้เหมือนเดิม รู้สึกเหมือนซาวนด์จากอัลบั้มนี้จะหนักหน่วงกว่าอัลบั้มที่ผ่านๆมาด้วย
http://www.youtube.com/watch?v=UUXBCdt5IPg
บันทึกการเข้า
Fog
Blade Runner
*******
เพศ: ชาย
กระทู้: 2071



ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #115 เมื่อ: 12 มีนาคม 2011 | 12:02:09 AM »

ขออนุญาตเอาบทความของพี่ Tron ไปเผยแพร่ในบางเว็บนะครับ ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า

TRON
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 12866



ดูรายละเอียด
« ตอบ #116 เมื่อ: 12 มีนาคม 2011 | 07:49:55 AM »

ขออนุญาตเอาบทความของพี่ Tron ไปเผยแพร่ในบางเว็บนะครับ ยิ้มกว้างๆ

ได้เลยครับ ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
kongbei
Administrator
The Snow Goose
*****
เพศ: ชาย
กระทู้: 6534


ขงปี่

pink_floyd@thaiprog.net
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #117 เมื่อ: 14 มีนาคม 2011 | 03:24:42 PM »

ชอบริทึ่มกลองของวงนี้มากๆ ฟังเพลินดี บรรยากาศแต่ละอัลบั้มจะมีซาวน์ที่อึมครึมเป็นเอกลักษณ์ของวงติดมาเสมอ
บันทึกการเข้า
TRON
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 12866



ดูรายละเอียด
« ตอบ #118 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2011 | 10:59:19 AM »

Ainema
Artist :Tool

Some say the end is near.
Some say we'll see armageddon soon.
I certainly hope we will.
I sure could use a vacation from this

Bullshit three ring circus sideshow of
Freaks

Here in this hopeless fucking hole we call LA
The only way to fix it is to flush it all away.
Any fucking time. Any fucking day.
Learn to swim, I'll see you down in Arizona bay.

Fret for your figure and
Fret for your latte and
Fret for your lawsuit and
Fret for your hairpiece and
Fret for your prozac and
Fret for your pilot and
Fret for your contract and
Fret for your car.

It's a
Bullshit three ring circus sideshow of
Freaks

Here in this hopeless fucking hole we call LA
The only way to fix it is to flush it all away.
Any fucking time. Any fucking day.
Learn to swim, I'll see you down in Arizona bay.

Some say a comet will fall from the sky.
Followed by meteor showers and tidal waves.
Followed by faultlines that cannot sit still.
Followed by millions of dumbfounded dipshits.

Some say the end is near.
Some say we'll see armageddon soon.
I certainly hope we will cuz
I sure could use a vacation from this

Stupid shit, Silly shit, stupid shit...

One great big festering neon distraction,
I've a suggestion to keep you all occupied.

Learn to swim.

Mom's gonna fix it all soon.
Mom's comin' round to put it back the way it ought to be.

Learn to swim.

Fuck L Ron Hubbard and
Fuck all his clones.
Fuck all these gun-toting
Hip gangster wannabes.

Learn to swim.

Fuck retro anything.
Fuck your tattoos.
Fuck all you junkies and
Fuck your short memory.

Learn to swim.

Fuck smiley glad-hands
With hidden agendas.
Fuck these dysfunctional,
Insecure actresses.

Learn to swim.

Cuz I'm praying for rain
And I'm praying for tidal waves
I wanna see the ground give way.
I wanna watch it all go down.
Mom please flush it all away.
I wanna see it go right down.
I wanna watch it go right in.
Watch you flush it all away.

Time to bring it down again.
Don't just call me pessimist.
Try and read between the lines.

I can't imagine why you wouldn't
Welcome any change, my friend.

I wanna see it all come down.
put it down.
suck it down.
flush it down.

บันทึกการเข้า
TRON
The Snow Goose
**********
เพศ: ชาย
กระทู้: 12866



ดูรายละเอียด
« ตอบ #119 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2011 | 09:39:27 AM »

The best fan made video I've ever seen.

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=7zV78IgXzB0" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=7zV78IgXzB0</a>

"นิพพาน คือความว่างอย่างยิ่งในธรรมชาติ แสงและเวลาทำให้มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ถ้าไม่มีแสงก็ไม่มีเวลา "นิพพาน" เป็นสภาวะที่อยู่เหนือแสงและเวลา การทำความเข้าใจนิพพานด้วยสมองจึงเป็นไปไม่ได้ เพราะระบบประสาทก็ทำงานภายใต้อิทธิพลของแสงและเวลา นิพพานสามารถเข้าถึงได้ด้วยจิตเท่านั้น"

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9
พิมพ์
กระโดดไป:  

ThaiProg.net Ver 4.0 by tisanai,Shineon,kongbei
Top 10 Best Sellers in Kindle eBooks Reviewer 2016 Top 10 Best Sellers In Automotive Parts And Accessories Reviewer 2016 Top 10 Best Sellers in Tools and Home Improvement Under $10, Reviewer 2016
Top 10 Best Sellers in Clothing for 2017 Top 10 Best Sellers in Clothing Best Sellers in Clothing
Top 10 Best Sellers in Books reviewer 2017 Top 10 Best Sellers in Books Best Sellers in Books
Top 10 Best Sellers In Best Sellers In Grocery Reviewer 2017 Top 10 Best Sellers In Best Sellers In Grocery Best Sellers In Grocery