Chat !

ขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้เป็นที่ระบายบ้างครับ

อยากจะบอกว่า เหนื่อย เหนื่อยมาก เหนื่อยใจ และเหนื่อยกาย กับเรื่องเรียนจริงๆ ครับ
ตอนอยู่ปี 3 มีคนบอกว่า ปี 3 เนี่ยยากที่สุดแล้ว ถ้าผ่านมาได้ก็ถือว่าโอเคมากแล้ว ตอนผมเรียนก็รู้สึกว่าวิชามันยาก ก็ยากจริง แล้วมันก็มีวิชาตัดเกรดโหดๆ แล้วตัวเนื้อหาก็จะกระจัดกระจายแตกต่างกันไปในแต่ละวิชามากๆ แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี ก็คิดว่าคงไม่มีอะไรยากแล้วมั้ง

พอขึ้นปี 4 รู้สึกว่าผมเองก็เรียนหนักขึ้นพอสมควร เพราะอยากให้จบออกไปแบบเกรดดีๆ หน่อย จะได้หางานได้ง่ายและสะดวก เมื่อก่อนตอนอยู่ปี 1-2 ผมเกรดแย่มาก เคยโฉบๆ เกือบโดนไทร์ซะด้วยซ้ำ แต่พอมาปี 3 ก็พัฒนาตัวเอง พยายามถีบตัวเองขึ้น ไม่แน่ใจว่ามีแรงบันดาลใจอะไรทำให้ขยันขึ้น อาจเป็นเพราะอ่านหนังสือน้อยลง เลยทำให้เกรดดีขึ้น (อันนี้เรื่องจริง คืออ่านหนังสือเองน้อยลง แล้วก็ไปให้เพื่อนช่วยกันติวมากขึ้น) เทอมแรกก็เลยถีบไป 2.82 ก็สบายใจขึ้นพอสมควร เทอมสองก็ถีบขึ้นไปอีกเป็น 3.32 ก็ถือว่าโล่งแล้ว

พอขึ้นปี 4 ก็พยายามอีก แต่มีอุปสรรคและเรื่องให้ทำหลายอย่างระหว่างการเรียนปี 4 อย่างแรกเลยคือเรื่องโปรเจค ซึ่งการหาหัวข้อโปรเจค การสอบ Proposal จะต้องทำให้เสร็จสิ้นภายในเทอมแรก เพื่อทางภาควิชาต้องการให้เด็กเริ่มทำกันตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่เกิดปัญหาดินพอกหางหมูในภายหลัง นิสิตแต่ละคนก็วิ่งหาโปรเจคกันให้วุ่นเลยทีเดียว บางคนมีโปรเจคมาจากบริษัทที่ฝึกงานมาก็สบายหน่อย เพราะไม่ต้องติดต่อหรือทำความคุ้นเคยกับสถานที่ที่ใช้ทำโปรเจคมากนัก แต่บางคนที่ไปฝึกงานแล้วไม่ได้โปรเจคกลับมา ก็ต้องไปติดต่ออาจารย์ให้ช่วยหาโปรเจคให้เด็ก

ขอโม้เรื่องโปรเจคของภาควิชานิดนึงครับ หลา่ยๆ คนคงจะทราบกันอยู่แล้วว่านิสิตวิศวกรรมศาสตร์เกษตรทุกคนจะต้องทำโปรเจคตอนปี 4 ไม่งั้นไม่จบ แต่ละภาควิชาก็จะมีโปรเจคต่างๆ กัน เช่นภาคคอมอาจเขียนโปรแกรม วางระบบ หรือคิดค้นนวัตกรรมอะไรก็ว่ากันไป ภาคไฟฟ้าอาจพิสูจน์ทฤษฎี คำนวณประสิทธิภาพของอุปกรณ์ทางไฟฟ้า หรือประยุกต์อุปกรณ์ทางไฟฟ้าให้เกิดประโยชน์ ภาคเครื่องกลอาจประดิษฐ์นวัตกรรมประเภทต่างๆ อย่างรุ่นปัจจุบันก็เห็นจะรวมตัวกัน 30 คนสร้างเป็นรถฟอมมูล่าวันขึ้นมา (ผมก็งงว่าทำออกมาแล้วมันจะเป็นไงหว่า) ภาคเคมีอาจทำการศึกษาอะไรต่างๆ เกี่ยวกับองค์ประกอบทางเคมี คิดค้นกรรมวิธีอะไรก็ว่าไป ส่วนของภาคอุตสาหการของผม จะเป็นโปรเจคที่เน้นในเชิง Improvement ไม่ใช่ Innovation คือเป็นลักษณะของการปรับปรุงการทำงานต่างๆ ในกระบวนการทำงานของโรงงาน หรือในภาคอุตสาหกรรม หรืออาจเป็นการศึกษาทางด้านต้นทุนทางด้านเศรษฐศาสตร์ของการลงทุน การวางแผนการผลิต การทดลองหาปัจจัยต่างๆ ในการผลิต (หรือเป็นศาสตร์ที่เรียกกันว่า DOE = Design of Experiments) ซึ่งการทำโปรเจคของภาคผมมีจุดเด่นที่เหนือโปรเจคของภาคอื่นๆ อยู่สองอย่าง หนึ่งคือโปรเจคเหล่านี้เป็นโปรเจคที่ทำขึ้นโดยการอาศัยสิ่งที่มีอยู่จริงมาศึกษาและทำการปรับปรุง คือเราะต้องมีสถานที่ บริษัท องค์กรต่างๆ มาใช้ในการทำโปรเจคจริงๆ และผลประโยชน์ที่ได้ก็จะตกไปอยู่กับองค์กรเหล่านั้น เหมือนเป็นโปรเจคที่มีความสัมพันธ์กับสังคมมากกว่าโปรเจคของภาคอื่นๆ สองคือผลของโปรเจคจะสัมฤทธิ์ผลชัดเจนได้มากกว่าโปรเจคของภาคอื่นๆ โดยเฉพาะในด้านการลด Cost ซึ่งมันจะเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจน การทำโปรเจคของภาควิชาอื่นๆ บางครั้งอาจจะเป็นการคิดค้น หรือศึกษา ตั้งทฤษฎีอะไรซักอย่างหนึ่งขึ้นมา แต่มันอาจเป็นแค่ Prototype ที่ไม่สามารถนำไปใช้งานได้อย่างแพร่หลายชัดเจนได้ แต่ของภาคผมนี่คือทำออกมาแล้วส่วนใหญ่โรงงานจะเอาไปใช้เลยซึ่งจะช่วยลดต้นทุนต่างๆ ได้มาก บางทีอาจเป็นหลักแสนต่อปีเลยทีเดียว

อ้าว โม้ไปซะเพลิน เรื่องของเรื่องคือว่าตอนนี้เด็กทุกคนก็ลำบากใจกับโปรเจค ด้วยความที่ว่ามันต้องมีการเชื่อมโยงกับองค์กรเนี่ยแหละ โปรเจคภาคอื่นๆ เค้าเป็น Stand-alone คือทำคนเดียวเป็นเอกเทศ คนอื่นไม่เกี่ยว แต่ของภาคผมนี่คือส่วนใหญ่จะต้องไปขออนุญาตทางองค์กร ทางโรงงาน ทางบริษัท เพราะว่าบางอย่างถือเป็นความลับของบริษัท เค้าก็กลัวว่าเราจะทำให้ข้อมูลของเค้ารั่วไหล หรือบางคนอาจทำทางด้าน Production ถ้าทำอะไรผิดพลาดแล้วเค้าเอาของเราไปใช้ อาจเสียหายได้ทั้งไลน์การผลิต การตัดสินใจและได้มาซึ่งโปรเจคจึงมีขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนมากมาย แค่หามาได้ก็แย่อยู่แล้ว ยังต้องได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ จากผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจของบริษัทอีก

ผมทำโปรเจคในโรงงานที่ผมไปฝึกงาน ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องปรับอากาศรายหนึ่ง (ขอไม่เอ่ยนาม เนื่องจากตอนฝึกงานผมได้ไปลองประกอบแอร์ประมาณ 2-3 ตัว ทั้งๆ ที่ทำอะไรไม่ค่อยเป็น แถมยังขันสกรูใบพัดคอมเพรซเซอร์ไม่แน่น แล้วเค้าก็เอาของผมลงกล่องแพ็คใส่ส่งขึ้นรถให้ลูกค้าเลย ไม่รู้ตอนนี้เป็นไงบ้างครับแอร์เครื่องนี้ 555+) โปรเจคของผมเกี่ยวกับการทำฐานข้อมูลในการตรวจสอบวัตถุดิบรับเข้า ซึ่งเป็นการปรับปรุงการทำงานในส่วนของแผนก QC Quality Control ซึ่งเป็นแผนกย่อยของฝ่ายประกันคุณภาพ Quality Assurance ของบริษัท ซึ่งการทำโปรเจคนี้ตอนแรกก็คิดว่าคงจะไม่มีอะไร คงจะผ่านได้สบาย เพราะผมไปฝึกงานก็อยู่ที่ฝ่ายนี้ รู้จักทุนคนในแผนก แล้วก็ซี้ๆ หลายคนอยู่ จะทำอะไรก็คงง่าย คล่องตัว ไม่มีปัญหาอะไร แต่ปรากฎว่าตัวฐานข้อมูลที่ผมทำจะต้องมีข้อมูลบางส่วนที่ไปเชื่อมโยงของข้อมูลของฝ่ายจัดซื้อของบริษัท ซึ่งจะมีข้อมูลของพวก Supplier อยู่ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาผมเลยเดินทางไปโรงงานหลังจากทีี่เรียนเสร็จในช่วงเช้า (ซึ่งอยู่ไกลโครตๆ จาก ม.เกษตร) เพื่อที่จะไปเจรจาเรื่องขอข้อมูลจากฝ่ายจัดซื้อมาใช้ในการทำโปรเจคด้วย ไปถึงก็เจอพี่ๆ ในฝ่าย QA QC ก็ทักทายกัน ซึ่งก็บอกให้เค้าทราบว่าจะทำโปรเจคเรื่องนี้ ใครก็ว่าดีแน่นอน เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานมาก ทางหัวหน้าฝ่าย QA เลยพาผมขึ้นไปคุยกับทางฝ่ายคอมพิวเตอร์และฝ่ายจัดซื้อตอนเลิกงาน

ปรากฎว่าพอขึ้นไปคุยกับทางข้างบน เค้าถามใหญ่เลยว่า คุณใช้โปรแกรมอะไรทำฐานข้อมูล ผมก็บอกเ้ค้าว่าใช้ Microsoft Access เค้าก็ติว่า ทำไมไม่ใช้ VB หรือพวก SQL ทำ ผมก็บอกเค้าว่าผมทำไม่เป็นครับ ผมไม่ได้เรียนมา คือผมเรียนวิศวกรรมอุตสาหการครับ ไม่ได้เรียนวิศวะคอม หรือวิทยาคอม จะได้เขียนโปรแกรมพวกนั้นเป็น เค้าก็บอกว่า อ้าว อย่างนี้ทำออกมาแล้วผมก็ต้องไปจ้างโปรแกรมเมอร์มาเขียนใหม่สิ เพราะมันไม่เชื่อมโยงทั้งบริษัท ทำไมไม่ทำให้เชื่อมโยงกับฐานข้อมูลของบริษัทไปเลย (เห็นผมเป็นโปรแกรมเมอร์หรือไงเนี่ย) ถึงผมทำได้ ก็คงไม่มีเวลามานั่งเรียนรู้ระบบเนตเวิร์คของบริษัทหรอกครับ เพราะผมไม่ได้ทำแค่โปรเจคอย่างเดียวเป็นอาชีพ ผมต้องเรียนหนังสือไปด้วย ก็มีการโต้แย้งกันเล็กน้อย แล้วเค้าก็ถามผมว่านี่ถ้าเกิดว่าผมไปขอทางผู้ใหญ่แล้วไม่อนุมัติ คุณจะทำยังไง อะไรไปเรื่อย ผมก็รู้สึกเซ็งๆ ทำไมต้องมาโดนกดดันแบบนี้ด้วย หรือว่าเค้าจะลองภูมิผมดูเฉยๆ ดูว่าผมพูดรู้เรื่องไหม แต่พอคุยจบก็ลากันด้วยดี ไม่มีอะไร เค้าก็ขอเบอร์ผมไว้ จะได้โทรมาแจ้งว่าผู้ใหญ่อนุมัติไหม มีสโคปให้เราทำได้แค่ไหน ผมอยากได้สโคปพอดีๆ ถ้าสโคปใหญ่ไป มันก็จะทำไม่ได้ ทำไม่ทัน ถ้าสโคปเล็กเิกินไป งานมันก็ออกมาเล็กตาม อาจไม่สมศักดิ์ศรีโปรเจคจบ ป.ตรี ตอนนี้ก็ีกังวลเรื่องโปรเจคอยู่มากเหมือนกัน กลัวอะไรหลายๆ อย่าง กลัวทำออกมาแล้วไม่ดี หรือทำด้วยความลำบาก

ระบายออกไปแล้วเรื่องนึงครับ เรื่องโปรเจค คราวหน้าจะมาระบายใหม่ ยังมีอีกหลายเรื่องที่อยากระบายครับ เรื่องเรียน เรื่องสอบ ฯลฯ เรื่องเพลง เรื่องซ้อมวงนี่ก็นั่งคิดอยู่ทุกวันครับ

ขอบคุณที่ทนอ่านจนจบครับ

	ผู้เขียน	หัวข้อ: Chat ! (อ่าน 772768 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 8 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้