pioneer ไม่ต้องเลือกเลยครับ ขึ้น dvd-audio ฟังแล้วเสียงต่างจาก cd ชัดเจน
dune ขึ้นแต่ optical disc ครับ ฟังแล้วไม่ต่างมากครับ
ประเด็น dts-cd ผมว่า ผู้ขายเขาคงเข้าใจว่า ผู้เล่นต้องใช้เครื่อง dvd ที่เล่น dts ได้เล่น เลยเรียกไปเป็น dvd-audio เสีย ซึ่งไม่ใช่อย่างที่คุณ TRON ว่า
ครับ Pioneer ไม่ต้องเลือกเพราะมันอ่าน DVD-Audio ได้ ส่วน Dune มันไม่อ่าน DVD-Audio แล้วเมนูหน้าจอเวลาเล่นกับ Dune ที่ขึ้น(หมายถึงเมนูในแผ่นนะครับ ไม่ใช่เมนูในเครื่อง Dune) อยากทราบว่ามันให้เลือกเป็น Stereo, Dolby 5.1 อะไรประมาณนี้ใช่หรือเปล่าครับ?
กรณี DTS CD ที่คนทั่วไปทำเองกันนี่ เขาเปิดกับเครื่องเล่นซีดีธรรมดานะครับ ไม่ต้องใช้เครื่องเล่นดีวีดีเปิด แต่แผ่น The Moody Blues ของคุณ polotoon คงไม่ใช่ DTS CD เพราะต้องเข้าเมนูเหมือน DVD-Audio เพียงแต่ขับเสียง DTS 24/96 อย่างเดียว ไม่มีเสียงแบบ Hi-Res ของ DVD-Audio แต่คุณภาพเสียงก็น่าจะเท่ากัน
ต้องเป็น CD players with a digital (S/PDIF) output นะครับ จะได้เอาสัญญาณไปถอดรหัสที่ AV Amp. อีกที
ครับ พวก Digital Out ที่เป็นสาย optic ใช่ไหมครับ?
ประมาณนั้นน่ะครับ ผมไม่ค่อยรู้จักดีเท่าไรครับ
เอาข้อมูลมาเพิ่มครับ เมื่อวานเอามาไม่ครบ เสียดายจัง
HDCD
เริ่มทำมาจากบริษัทในอเมริกาชื่อ Pacific Microsonics ซึ่งต้องการพัฒนาซีดีให้มีคุณภาพดีเพื่อใช้นำมาขายให้กับพวก Audiophile ทั้งหลาย โดยได้เริ่มที่ความละเอียด 20 bit 48 kHz และก็มาถึง 24 bit 96 kHz ในปัจจุบันเช่นเดียวกัน
HDCD ไม่ได้ใช้เทคนิค 2 Layer เหมือนกับ SACD แต่ใช้เทคนิคเขียนโค้ดแทรกเอาไว้ที่แทรคสุดท้าย (แทรคที่ 16) ถ้าคุณใช้เครื่องเล่น CD ธรรมดาก็จะอ่านได้ 16 bit ครับ แต่ถ้าคุณมีเครื่องเล่น HDCD ตัวเครื่องจะทำการแปลงโค้ดตัวสุดท้ายให้ คุณก็จะได้ข้อมูล 20 bit หรือ 24 bit ตามแต่ที่เขาใส่มาครับ เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่มีเครื่องเล่นก็หมดสิทธิ์ครับ 555
บริษัท Pacific Microsonics ผลิตแผ่น HDCD ออกมาได้ระยะหนึ่ง Microsoft ซึ่งรวยมากไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร (บริจาคก็เยอะแยะแล้วไม่หมดสักที 555) เลยมาซื้อบริษัทต่างๆ รวมถึงบริษัทนี้ด้วย ช่วงหลังจึงเห็นตรา HDCD นี้พ่วงตรา Microsoft ไปด้วย (ทำเอาผมซึ่งช้อบชอบตาบิล เกตต์ เซ็งเลย) Microsoft ได้นำระบบเสียงนี้มาใช้กับเทคโนโลยีของตัวเอง แผ่น HDCD ส่วนใหญ่จะเป็นแผ่นจาก อเมริกา ค่ายเพลงเล็กบ้างใหญ่บ้าง แล้วแต่ซื้อลิขสิทธิ์ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นงานเก่าๆ แจ๊ส บูลส์ คลาสสิกจะเยอะสักหน่อย ไม่ค่อยเห็นร็อค
XRCD
JVC เขามีห้องอัดเป็นของตัวเอง ก็อยากจะมีแผ่นซีดีความละเอียดสูงขายกับเขาบ้างก็เลยเริ่มทำ โดยใช้เทคนิคในห้องอัดของตัวเองที่เรียกว่า K2 ในการบันทึก ซึ่งก็เริ่มทำที่ 20 bit 48 kHz เช่นเดียวกัน และก็ได้ออก XRCD2 ซึ่งใช้ความละเอียด 24 bit 96 kHz ตามมาทีหลัง
XRCD ใช้เทคนิคไม่เหมือนคนอื่นคือไม่ได้มีโค้ด 20 bit หรือ 24 bit จริง มีแค่ 16 bit เท่ากับ CD ธรรดาเท่านั้น แต่ไปใช้ความสามารถในขั้นตอนการผลิตพยายามเข้ารหัส (K2 Encoding) ให้ได้เสียงเทียบเท่ากับ 20 bit และ 24 bit (ขั้นตอนตรงนี้ไปหาข้อมูลอ่านดูจะรู้ว่าวุ่นวายมากๆ เลยครับ) ทำให้เล่นกับเครื่องเล่น CD ธรรมดาได้เลย ไม่ต้องใช้ตัวแปลงอะไรอีก แผ่นที่ผลิตออกมาส่วนใหญ่จะเป็นของสังกัด JVC เองครับ มีเพลงญี่ปุ่นเยอะครับ ช่วงหลังเห็นมีการซื้อ Master Tape ดังๆ มาทำด้วยครับ